“น้ำเต็มแก้ว”
คนเราทุกวันนี้
หลายคนที่ ทำตัวทำใจเป็นดั่งแก้วที่บรรจุน้ำอยู่เต็ม
หลงว่าตัวเองรู้แจ้งไปเสียทุกเรื่อง
คิดว่าความคิดของตัวเองถูกต้องไปทุกอย่าง
ไม่ยอมเปิดใจรับฟังความคิดความเห็นของผู้อื่น
ไม่ยอมพร่องน้ำออกจากแก้วเพื่อเตรียมรับน้ำใหม่
ไม่ยอม ไม่ยอม ไม่ยอม
เมื่อทุกคน เมื่อทุกขั้วต่างก็เป็นดั่งน้ำเต็มแก้วแล้ว…
สังคมเราคงไม่มีการเรียนรู้ ไม่มีการแลกเปลี่ยน
ขั้วที่มีการขัดแย้งก็ไม่มีวันที่จะประสาน….คงจะวุ่นวายน่าดู
เพียงแต่เราทำตัวทำใจให้เป็น “แก้วที่พร่องน้ำ”
เปิดรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
รับฟังด้วยสติ ด้วยเหตุด้วยผล
ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะเชื่อจะคล้อยตามหรือไม่
สังคมเราคงจะลดแรงปะทะลดการต่อสู้กันลงได้เยอะ
พลังประสานแห่งความร่วมมือจะพลันก่อเกิด
สายใยสัมพันธ์ในสังคม ในองค์กร จะดึงดูดผูกโยงกลุ่มคนให้เหนียวแน่นสามัคคี
« « Prev : ผุกร่อนไปตามกาลเวลา
Next : ท้องฟ้าสีอะไร ใจสงบเป็นเช่นใด » »
2 ความคิดเห็น
ชัดเลยค่ะพี่เปลี่ยน และเป็นบันทึกที่ทำให้ย้อนมาทบทวนตัวเองว่าน้ำเต็มแก้วหรือเปล่าด้วย..
อยู่ๆก็นึกถึงหนังสือชุดบ้านเล็กในป่าใหญ่ เล่มไหนก็ไม่ทราบค่ะพูดถึงการนำนมเต็มแก้วพร้อมทั้งข้าวโพดคั่วเต็มแก้วแล้วค่อยๆนำข้าวโพดคั่วใส่ลงไปในนมทีละเม็ดๆๆๆ นมกับข้าวโพดคั่วจะอยู่ด้วยกันได้โดยนมไม่ล้นและข้าวโพดคั่วก็ดูดนมเข้าไปในตัว..การจะทำให้น้ำเต็มแก้วยังพอใส่อะไรลงไปได้คงอยู่ที่ชนิดของของที่ใส่เข้าไปด้วยเนาะคะพี่เปลี่ยน..ว่าใส่อะไรลงไป
แต่กาแฟแก้วข้างบนนั้นอยากกิน ^ ^
ปัญหาก็คือขาดสติ
ไม่รู้ว่าน้ำเต็มแก้ว ชาเต็มถ้วย
น้ำล้นแก้ว ชาล้นถ้วยยังไม่รู้สึก แล้วยังจะให้พร่องน้ำในแก้ว พร่องชาในถ้วยอีก อิอิ