สื่อนกสื่อสันติภาพ

โดย หลงป่า เมื่อ 28 มิถุนายน 2011 เวลา 11:21 (เช้า) ในหมวดหมู่ อยากเล่า #
อ่าน: 2108

                  ต้นปี(2554)ที่ผ่านมา ผมได้เห็นกิจกรรมหนึ่งที่จังหวัดยะลาจัดขึ้น  นั่นคือกิจกรรม สื่อนกสื่อสันติภาพ  เมื่อผมเห็นป้ายประชาสัมพันธ์ อดไม่ได้ที่จะหวนคิดไปถึงอดีตที่มาตั้งรกรากที่นี่  ผมไม่ใช่คนยะลาตั้งแต่เกิด แต่ก็วนเวียนผ่านไปผ่านมาที่นี่ ผมเป็นคนชอบเลี้ยงนกตั้งแต่เด็ก คำว่า สื่อนกสื่อสันติภาพจึงทำให้คิดถึงครั้งมาที่ยะลาครั้งแรก ผมไม่มีเพื่อน ไม่รู้จักใคร แต่การเลี้ยงนกเพื่อแข่งขัน จำเป็นต้องพานกไปเที่ยวไปซ้อม  และเมื่อเจอคอเดียวกันแล้ว  จึงเริ่มมีสังคมและขยายวงกว้างออกไป  จนได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาและดูแลท้องถิ่นตามศักยภาพและสมควร และนี่คือความเป็นมิตรในความแตกต่าง แต่มีสื่อที่พาเรามายังจุดยืนร่วมกันและเข้าใจกัน

« « Prev : นี่หรือประเทศไทย

Next : ไปตามใจฝัน » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

10 ความคิดเห็น

  • #1 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 28 มิถุนายน 2011 เวลา 12:44 (เย็น)

    หายไปนานเลยนะคะ ดีใจที่เห็นอีกครั้งค่ะ

    สนใจเรื่องเลี้ยงนก เพราะเคยเห็นคนใต้เลี้ยงกันอย่างดี จนเดี๋ยวนี้คนชร.ก็เลี้ยงเป็นล่ำเป็นสัน นกที่เลี้ยงใช่นกกรงหัวจุกหรือเปล่าคะ ที่บ้านมีนกหัวจุก(แม่เรียกไอ้จุก)มากิน+เล่นน้ำ อยู่สักสิบกว่าตัว เคยเห็นทำรังอยู่แถวต้นไม้เล็กๆในบ้าน แต่มักเห็นพ่อแม่นกเลี้ยงไม่รอด เพราะแอบดูเห็นอยู่ไม่กี่วัน หลังจากนั้นลูกนกก็หายไปทั้งๆที่ยังแดงๆอยู่

  • #2 หลงป่า ให้ความคิดเห็นเมื่อ 28 มิถุนายน 2011 เวลา 1:30 (เย็น)

           ใช่แล้วครับ นกกรงหัวจุกหรือนกปรอดหัวโขน  เมื่อก่อนราคานกแข่งไม่กี่ร้อย เดี๋ยวนี้หลักหมื่นถึงแสน  ลูกนกที่นำมาขายก็เกือบพันบาทแล้วครับ  นกป่าที่ร้องแล้ว ราคาเริ่มต้นก็หลักพันขึ้น  นกที่ร้องหมายถึงนกที่ขันออกมาเป็นสำนวน ภาษานกเขาเรียกว่า เพลงหรือสำนวนครับ ถ้าสำนวนก็หลายพันครับ
           ที่หายไปนานเพราะภารกิจมากครับ แต่ก็ยังคิดถึงและเข้ามาชมอยู่เสมอครับ

  • #3 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 28 มิถุนายน 2011 เวลา 1:38 (เย็น)

    นกเป็นพลเมืองโลกกลุ่มใหญ่เหมือนกัน มิตืนกจึงมีมากมาย แล้วแต่เราจะเกี่ยวข้องตรงจุดไหน แต่ที่แน่ๆมนุษย์ล้างเผ่าพันธุ์นกไปเยอะ แล้วยังจะมาเอานกเป็นเครื่องหมายสันติภาพอีก เฮ้อๆๆๆๆ 
    พวกนกกระทุง อิ อิ

  • #4 หลงป่า ให้ความคิดเห็นเมื่อ 28 มิถุนายน 2011 เวลา 1:59 (เย็น)

    สวัสดีครับครูบา สบายดีไหมครับ 

    จริงอยู่มนุษย์เป็นต้นเหตุในการล้างเผ่าพันธุ์นก แต่ถ้าเป็นนกเศรษฐกิจ( นกเขา นกกรงหัวจุก ) ก็จะมีการเพาะเลี้ยง ตัวที่เสียงไม่ดีก็จะปล่อยคืนธรรมชาติ อันที่จริงมนุษย์เป็นต้นตอของปัญหาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น มลภาวะ มลพิษ ภัยพิบัติ ความปรวนแปรของดินฟ้าอากาศ เพราะมนุษย์มีแต่เอาไม่มีแต่ให้ ความจริงแล้ววิถีชีวิตของคนใต้จะผูกพันกับนกเป็นอย่างมาก เกือบทุกหลังคาบ้าน จะพบเห็นการเลี้ยงนก ไม่ว่าจะเป็น นกกรงหัวจุก นกเขาชวา นกเขาใหญ่ นกเขาแขก นกกางเขนดง  นกกวัก นกเขียวคราม อื่นๆอีกหลายสายพันธุ์ แต่ที่น่าเป็นห่วงคือนกที่ไม่ใช่สัตว์เศรษฐกิจ จะไม่มีการเพาะและขยายพันธุ์  จึงจำเป็นต้องจับมาจากป่า ส่งผลให้นกในธรรมชาติเริ่มลดลงอันนี้น่าเป็นห่วง ผมเลี้ยงนกมามากปล่อยคืนสู่ธรรมชาติก็มากเช่น นกเขาชวา  นกเขาใหญ่ จนรอบบ้านเต็มไปหมด นกป่าก็มาทำรัง  เออลืมบอกคุณน้ำฟ้าและปรายดาวว่า ลูกนกที่ยังแดงๆอยู่ในรังนั้น ปกติหลังจากฟักออกมา 10-14 วัน แม่นกจะพาออกจากรังแล้วครับ แต่ถ้ายังไม่ถึง แสดงว่า งูกินครับ เพราะเมื่อวาน ลูกนกที่สวนหน้าบ้าน งูเขียวมากินครับ ตัวอ้วนเลย ใช้ไม้เขี่ยให้ออกไป ปรากฏว่าดันเลื้อยเข้าไปในห้องเครื่องรถยนต์ ยังหาไม่เจอเลยครับ ไม่รู้ออกไปหรือยัง หรือตายแล้วก็ไม่รู้

  • #5 หลงป่า ให้ความคิดเห็นเมื่อ 28 มิถุนายน 2011 เวลา 2:06 (เย็น)

           ต่อครับ เมื่อกิจกรรมของคนท้องถิ่นส่วนใหญ่ หรืองานอดิเรกคือการเลี้ยงนก จึงมีการประกวดแข่งขันกันขึ้น ยะลาเป็นศูนย์กลางระดับอาเซียนในการแข่งขัน ซึ่งมีหลากหลายอายุ เชื้อชาติ ภาษา และศาสนา จึงเป็นแนวทางหนึ่งในการสนับสนุนให้เกิดสันติภาพ โดยใช้นกเป็นสื่อ และอีกอย่างการเลี้ยงนกกรงหัวจุกนั้น ผู้เลี้ยงต้องมีใจรักและอดทน กล่าวคือ ตื่นมาตอนเช้า ล้างถาดรองขี้นก เปลี่ยนกล้วย ( ส้ม มะละกอ อาหารสำเร็จรูป หนอน ) เปลี่ยนน้ำ นำนกตากแดด พอประมาณเที่ยงเก็บนกเข้าที่ร่ม บ่ายสามโมงครึ่ง นำนกออกมาให้มันอาบน้ำ ตากแดดจน สี่โมงเย็น แล้วคลุมผ้าให้นกนอน เป็นกิจวัตร  ส่งผลให้เด็กวัยรุ่นไม่หมกมุ่นในเรื่องยาเสพติด และสร้างอาชีพจากการสร้างกรงและอุปกรณ์การเลี้ยง 

  • #6 หลงป่า ให้ความคิดเห็นเมื่อ 28 มิถุนายน 2011 เวลา 2:09 (เย็น)

            ต้องขอยอมรับในทุกความเห็นที่แตกต่างครับ ขอให้เปิดใจและเข้าใจถึงวิถีของการใช้ชีวิตในแต่ละพื้นที่ครับ

  • #7 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 28 มิถุนายน 2011 เวลา 2:48 (เย็น)

    โห ได้ความรู้เยอะจัง สำนวนนกหรือเพลงนกคืออะไรคะ นกตัวหนึ่งร้องเพลงได้เฉพาะตัวมั้ยคะ หรือถ้ามีต้นแบบก็จะร้องตามต้นแบบนั้นๆ เหมือนคนเข้าประกวดร้องเพลง
    และเวลาตัดสินเค้าฟังกันยังไงคะในเมื่อร้องพร้อมๆกันตั้งหลายกรง

    ชอบที่ใช้วัฒนธรรมท้องถิ่นเชื่อมความสัมพันธืได้ น่าทึ่งมากค่ะ แต่ยังมีข้อสงสัยว่ามีขาใหญ่ในวงการเหมือนวงการอื่นๆหรือเปล่า แหะแหะ

    เคยเห็นคนเลี้ยงนกเค้าประคบประหงมแบบที่เล่ามาเหมือนกันค่ะ และเจ้าตัวนั้นก็เสียงใสแหนวเลย แต่ฟังไม่ออกว่าเป็นสำนวนนกหรือไม่ รู้แค่แก้วเสียงดีชะมัด อิอิอิ

  • #8 หลงป่า ให้ความคิดเห็นเมื่อ 28 มิถุนายน 2011 เวลา 3:05 (เย็น)

    สำนวนนก คือเสียงและจังหวะการร้องของนกแต่ละตัว จะคล้ายกันครับ แต่คนที่ฟังออก จะเห็นความแตกต่าง เช่นน้ำเสียงหรือแก้วเสียง  จังหวะหรือคำหรือพยางค์ คำหน้า คำปลาย ซึ่งเมื่อนกที่ผู้เลี้ยงร้อง เจ้าของจะรู้เลยว่าตัวไหนร้อง  นกกรงหัวจุกแต่ละตัวจะมีร้องได้หลายเพลง และสามารถเลียนเสียงกันได้ครับ  สำหรับการแข่งขันนั้น มีหลายประเภท เช่น การนับจำนวนการร้องของนก ซึ่งต้องร้อง 3 คำหรือพยางค์ขึ้นไป  ใน 1ยก ( จับเวลาโดยการใช้กะลาเจาะรูให้จมน้ำ ประมาณ 45 วินาที )  แข่ง 4 ยก ยกละ 2-3 เพลงแล้วแต่กติกาแต่ละสนาม โดยกรรมการจะดูนกครั้งละ 2-3 ตัว จนครบทุกตัว หรือการแข่งขันแบบให้คะแนน ซึ่งใช้การฟังเสียงร้องเป็นหลัก โดยมีการพิจารณาเพลงแม่บท(คำร้องหรือพยางค์)  น้ำเสียง คำหน้า คำปลาย และอาจมีการพิจารณาความขยันร้องเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย กติกาส่วนใหญ่จะคล้ายกัน สำหรับขาใหญ่ในวงการก็มีครับ เหมือนกันทุกวงการ แต่ขอให้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในวิถีที่ตนเองเลือกก็พอแล้วครับ   ผลแพ้ชนะไม่สำคัญครับ เพราะเราไปบังคับให้เขาร้องไม่ได้ ขอให้เรารักที่จะเลี้ยงก็แล้วกันครับ

  • #9 maeyai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 28 มิถุนายน 2011 เวลา 3:05 (เย็น)

    ตอนนี้เลี้ยงนกกรงหัวจุกอยู่สองตัว เลี้ยงเล่น  ไม่ได้ไปแข่งกับใครที่ไหน   แต่ก็ปฏิบัติดูแลทั้งเช้าเย็น เหมือนที่คุณหลงป่าเขียนไว้ ก็เพลิดเพลินดีนะคะ  เขาก็ร้องเสียงเพราะดี  แต่เราก็ไม่รู้ว่า ที่เขาแข่งๆกันนั้นเขาร้องกันยังไง อะไรเป็นดีไม่ดี ขนาดไหนถึงชนะ เปิดยูทูปเสียงนกให้นกที่บ้านฟัง เขาก็ร้องโต้ตอบได้

  • #10 withwit ให้ความคิดเห็นเมื่อ 28 มิถุนายน 2011 เวลา 8:05 (เย็น)

    นกที่เป็นวิศวกรอากาศยานที่เก่งที่สุดในโลกคือ อีแร้ง ครับ ตัวอาจไม่สวย กินของเหม็น (ไม่รู้ปากเหม็นด้วยปั่ว)  ไม่เป็นที่น่าพิสมัย แต่ Drag coefficient ของเขาต่ำที่สุดในโลก  ทำให้ใช้พลังงานในการบินต่ำ กินนิดเดียวแต่บินได้ไกล

    (หมาเหตุ drag coefficient ต่ำ หมายความว่าเวลาบินแล้ว แรงต้านอากาศน้อย ทำให้บินได้ไกลกว่านกอื่นๆ เมื่อออกแรงเท่ากัน.ต่อน้ำหนักตัว)

    แต่นั่นแหละ คงไม่มีใครประกวดนกในประเด็นนี้หรอกนะครับ อาจยกเว้นพระพิเรนวิหคมัธยโสทัย :-)


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.92739987373352 sec
Sidebar: 0.017040967941284 sec