ฝีมือคนไทย

โดย จอมป่วน เมื่อ 18 กุมภาพันธ 2010 เวลา 0:21 ในหมวดหมู่ จอมป่วน #
อ่าน: 4024

ในการไปประเมินผลการอบรมหลักสูตรการจัดการขยะมูลฝอยโดยชุมชน (CBM - Community Based Solid Waste Managemant) ที่ไปเป็นวิทยากรให้องค์การบริหารหารพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน(องค์การมหาชน) Designated Areas of Sustainable Tourism Administration -DASTA และสำนักงานให้ความร่วมมือทางวิชาการของสหพันธรัฐเยอรมัน – GTZ ซึ่งจัดในพื้นที่ที่สำนักงานพื้นที่พิเศษหมู่เกาะช้างและพื้นที่เชื่อมโยง ซึ่งพื้นที่เป้าหมายหลักคือเกาะช้าง เกาะกูดและเกาะหมาก

วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2553 เป็นการติดตามงานที่เกาะช้าง ช่วงเช้าก็ไปติดตามดูผลงานที่ Amari Hotel ซึ่งเดิมทางโรงแรมก็เริ่มดำเนินการคัดแยกขยะอยู่แล้ว แต่หลังจากที่ทางโรงแรมส่งพนักงานไปอบรม ก็มีความชัดเจนในการดำเนินงานมากขึ้น ที่ชัดเจนก็คือมีการคัดแยกขยะอินทรีย์โดยเฉพาะเศษกิ่งไม้ใบหญ้าและเศษอาหารมาทำปุ๋ยหมัก ทำให้ทางโรงแรมมีขยะให้เทศบาลมาเก็บน้อยลง แถมลดการใช้ปุ๋ยคอกลงเดือนละ 2 ตัน ประหยัดลงเดือนละ 2,600 บาท นอกจากนี้ทางโรงแรมยังสนใจที่จะทำไบโอก๊าซจากเศษอาหารอีกด้วย ซึ่งทางโครงการก็จะสนับสนุนทางวิชาการต่อไปอีกด้วย

แต่ที่จะเล่าให้ฟังเป็นเรื่องของการหมักปุ๋ยของทางโรงแรม ซึ่งเดิมพนักงานที่ไปอบรมก็หมักแบบต้องกลับกอง แต่เบื่อต้องกลับกองปุ๋ยก็เลยประยุกต์วิธีไปเป็นแบบไม่ต้องกลับกอง ในการอบรมเคยแนะนำการทำปุ๋ยหมักระบบกองเติมอากาศของผู้ช่วยศาสตราจารย์ธีระพงษ์ สว่างปัญญางกูล ภาควิชาวิศวกรรมเกษตรและอาหาร คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เชียงใหม่ (จอมป่วนก็เคยไปอบรมเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ แถมได้ประกาศนียบัตรมาด้วยนะ อิอิ ) แต่ระบบของอาจารย์ได้รับรางวัลจากสภาการวิจัยแห่งชาติด้วยวิธีนี้ต้องใช้ปั๊มอัดอากาศเข้าไปในกองหมักด้วย เรียกตามหลักวิชาการว่าเป็นแบบ Active Aerated Static Method

 


 

พนักงานของโรงแรมก็เลยประยุกต์บ่อหมักปุ๋ยเอง เป็นแบบไม่ต้องกลับกองปุ๋ย แถมไม่ต้องใช้ปั๊มอัดอากาศเข้าไปในกองหมัก ซึ่งเป็นแบบที่ทางเทศบาลนครพิษณุโลกได้ทำการศึกษาทดลองไว้ ทางวิชาการเรียกว่าเป็นแบบ Passive Aerated Static Method

 


 

พอเห็นแป๊บก็นึกถึงบ่อหมักปุ๋ยที่เคยไปศึกษาดูงานที่ประเทศเวียตนามซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญฝรั่งไปเป็นที่ปรึกษาให้ แหมช่างคล้ายคลึงกันเหลือเกิน รู้สึกทึ่งในภูมิปัญญาของคนไทยมาก เลยเอารูปเปรียบเทียบกันมาให้ดูฝีมือคนไทยครับ

 


Post to Facebook Facebook

« « Prev : เรื่องเล่าจากเกาะหมาก

Next : แว๊บนึง » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

9 ความคิดเห็น

  • #1 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 กุมภาพันธ 2010 เวลา 0:45

    อัดอากาศร้อนหรืออากาศเย็นจะดีกว่ากันครับ

  • #2 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 กุมภาพันธ 2010 เวลา 6:40

    วิธีใช้ปั้มลม น่าสนใจถ้าจะพัฒนาไปสู่เรื่องงการทำปุ๋ยมูลสัตว์

  • #3 จอมป่วน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 กุมภาพันธ 2010 เวลา 6:46

    ตามทฤษฎี  จะควบคุมอุณหภูมิของกองหมักให้อยู่ระหว่าง 90-140 องศาF  ความชื้นอยู่ที่ 40-60%  ครับ

    ปกติถ้าทำถูกวิธีก็ไม่จำเป็นต้องใช้ลมร้อน  แต่ถ้ามีลมร้อนก็จะเป็นประโยชน์ในบางกรณี  เช่นความชื้นสูงไป เช่นโดนฝนมากๆกรณีที่หมักไว้กลางแจ้ง  หรือวัสดุที่ใช้หมักมีความชื้นสูงมาก ฯ

    การทำจะเน้นใช้พลังงานน้อยที่สุด  อิอิ

  • #4 จอมป่วน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 กุมภาพันธ 2010 เวลา 6:49

    การเลือกวิธีที่ใช้ก็มีข้อควรพิจารณาหลายประเด็นครับ
    เลือกวิธีที่ประหยัด  ทำง่าย  เน้นการใช้พลังงานและค่าใช้จ่ายน้อยครับ

  • #5 ป้าจุ๋ม ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 กุมภาพันธ 2010 เวลา 10:38

    -ความจริงการทำปุ๋ยหมักหรือการหมักวัสดุอินทรีย์นั้น ขบวนการย่อยสลายที่เกิดขึ้นต้องมีจุลินทรีย์(micro organism)เป็นพระเอก ที่มีอยู่ทั่วไปทั้งในดินและอากาศค่ะเป็นตัวย่อยสลาย ซึ่งจุลินทรีย์เหล่านี้จะมีทั้งชนิดใช้อ๊อกซิเจน(aerobic micro organism)และไม่ใช้อ๊อกซิเจน(anaerobic micro organim) แต่ขบวนการย่อยสลายปุ๋ยหมักหรือวัสดุอินทรีย์นั้นเราต้องการกิจกรรมที่เกิดจากจุลินทรีย์กลุ่มใช้อ๊อกซิเจน(aerobic micro organism)มากกว่า และเวลาเกิดการย่อยสลายก็มีความร้อนเกิดขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อการย่อยสลายด้วยซ้ำไปค่ะ เนื่องจากจุลินทรีย์กลุ่มนี้เป็นชนิด thermophillic micro organism จะทนความร้อนที่เกิดจากขบวนการย่อยสลายนี้ได้ดีค่ะ แต่จะมีการใช้อ๊อกซิเจนมาก ดังนั้นเดิมๆก็จะมีการกลับกองปุ๋ยซึ่งเป็นงานใหญ่ การกลับกองปุ๋ยก็คือการเติมอากาศหรือเติมอ๊อกซิเจนนั่นเองค่ะ ปัจจุบันมีการพัฒนาแบบปั๊มอากาศเข้าไป นั่นคือการเติมอ๊อกซิเจนค่ะ ตรงนี้จะตอบคำถามของคุณLogos ค่ะว่าลมอุณภูมิปกตินี่แหละค่ะใช้ได้  หรือแม้กระทั่งไม่กลับกองปุ๋ยเลยก็ได้(ถ้าทำแบบธรรมชาติ) แต่ต้องคอยรักษาระดับความชื้นให้ได้ราว 40-60 % แต่จะใช้เวลานานกว่านิดหน่อย แต่ถ้าทำใช้เองเหมือนที่บ้านก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร มีต้องระวังอีกหน่อยหากเป็นไม้ชนิดที่มีC/N Ratio สูง กลุ่มนี้จะย่อยสลายช้าจึงควรมีการเติมปุ๋ย Urea ไปเพื่อทำให้ค่า มีC/N Ratio ต่ำลงจะได้ย่อยสลายเร็วขึ้นค่ะ
    -ในช่วงการเติมอากาศนั้นมีความสำคัญอีกข้อคือหากไม่เติมหรืออ๊อกซิเจนไม่พอจุลินทรีย์อีกชนิดคือพวกไม่ใช้อ๊อกซิเจน(anaerobic micro organim) จะเจริญเติบโตดีกว่าซึ่งอันนี้จะทำให้เกิดการเน่าเหม็น(rotten)แทนการย่อยสลาย(decoposed)ที่ไม่มีกลิ่นเน่าเหม็นค่ะ
    -ดังนั้นการออกแบบกองปุ๋ยหมักปัจจุบันจึงพยายามหาวิธีที่ทำให้มีอากาศเข้าไปในกองปุ๋ยหมักได้ทั่วถึงค่ะ หรือแม้กระทั่งใช้วิธีปั๊ม ซึ่งไม่เห็นว่าจำเป็นเพราะเป็นการสิ้นเปลืองไฟฟ้าไปอีก เรื่องเราควรให้ความสำคัญเรื่องการประหยัดพลังงานไฟฟ้าด้วยค่ะ
    -โครงการนี้น่าสนใจมาก สมควรได้รับการสนับสนุนทั่วประเทศค่ะ

  • #6 mukdahan ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 กุมภาพันธ 2010 เวลา 15:16

    สวัสดีคับ ผมเป็นสมาชิกใหม่ มีความสนใจในเรื่องการจัดการขยะเป็นอย่างมาก  เนื่องจาก ปฎิบัติงานในตำแหน่งนักวิชาการสุขาภิบาล เทศบาลเมืองมุกดาหาร  ซึ่งมีระบบจัดการขยะแบบ ฝังกลบธรรมดา  ปัจจุบันบ่อฝังกลบ ก็ใกล้จะเต็มเต็มทีแล้ว  จึงอยากขอคำแนะนำเทคโนโลยีในการจัดการขยะด้วยครับ   ข้อมูลบ่อฝังกลบขยะ มุกดาหาร มีพื้นที่ทั้งหมด  45 ไร่ครับ  เป็นส่วนที่ฝังกลบขยะ ประมาณ 30 ไร่ ที่เหลือเป็นบ่อปรับปรุงคุณภาพน้ำ และอาคารสำนักงานครับ

  • #7 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 กุมภาพันธ 2010 เวลา 23:08

    #6 ขอสนับสนุนความสนใจของคุณครับ เชิญท่านจอมป่วนและทีมงานมาบรรยายซิครับ

  • #8 จอมป่วน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 19 กุมภาพันธ 2010 เวลา 0:01
    #6  mukdahan
    ยกทีมมาดูงานที่เทศบาลนครพิษณุโลกเลยครับ  ยินดีต้อนรับ  อิอิ
  • #9 mukdahan ให้ความคิดเห็นเมื่อ 19 กุมภาพันธ 2010 เวลา 10:31

    ขอบพระคุณมากครับท่านจอมป่วน  ผมจะหาโอกาสยกทีมงานไปเยี่ยมเยือนท่านให้ได้เลยครับ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.077188968658447 sec
Sidebar: 0.051455974578857 sec