สมาธิ สติ - ออกกำลังใจตอนที่ 2

โดย จอมป่วน เมื่อ 3 มกราคม 2010 เวลา 13:30 ในหมวดหมู่ จอมป่วน #
อ่าน: 1423

 

เคยเล่าให้ฟังแล้วนะครับว่าการออกกำลังกายและการออกกำลังใจ ไม่ใช่อ่าน ศึกษามาจนจำได้หมด เข้าใจหมดแล้วพอ มันต้องปฏิบัติด้วย แล้วทำไปต้องรู้ด้วยว่า ใช่หรือไม่ใช่ ได้ผลหรือไม่ได้ผล

วันนี้ขอเริ่มด้วย สมาธิ สติ คำนิยามของแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป แต่เอาเป็นว่าต้องค้นคว้าและฝึกฝน จะเป็นวิธีไหนก็ได้นะครับ มีตั้งหลายสิบวิธี จนรู้ตัว ว่าตัวเองเป็นใคร (เจ้าเป็นไผ) กำลังทำอะไรอยู่ กำลังคิดอะไรอยู่ รู้สึกอย่างไร อยู่กับปัจจุบันขณะ ไม่จมกับอดีต ไม่เพ้อเจ้อกับอนาคต

การฝึกแบบนี้ ต้องฝึกจนมีสมาธิ มีสติเกือบตลอดเวลา ตรงนี้ขอขยายความหน่อยนะครับ จะฝึกจนมีตลอดเวลาเลยก็ได้นะครับ แต่มันยากเลยใช้คำว่าเกือบตลอดเวลา หลวงพ่ออำนาจ ผาซ่อนแก้วท่านเคยสอนไว้ว่า

คนเราเวลามีสตินานๆครั้งก็เหมือนกับจุดไข่ปลาห่างๆ . . . .

ถ้าฝึกฝนมากขึ้นจุดไข่ปลาก็จะถี่ขึ้นๆๆๆๆ . . . . . . . ……….

ถ้าเป็นโสดาบันหรืออรหันต์ก็จะเป็นเส้นตรง ______________

 

อีกอย่างหนึ่งต้องฝึกให้มีสมาธิและสติในชีวิตประจำวัน ในการอยู่ในสังคม ขณะทำงาน ฯลฯ ไม่ใช่มีสมาธิ มีสติเฉพาะตอนฝึกหัด ตอนปลีกวิเวก แต่เวลากลับมาใช้ชีวิตปกติ ก็สติแตก

 

เชิญค้นคว้าศีกษา และฝึกปฏิบัติ ให้มีสมาธิ มีสติมากขึ้นๆๆๆนะครับ พี่น้อง…….

ชาวลานปัญญาหลายๆท่านช่วยชี้แนะ ต่อยอดด้วยนะครับ ขอขอบคุณล่วงหน้า อิอิ

Post to Facebook Facebook

« « Prev : การออกกำลังใจ

Next : สติ สมาธิ - การออกกำลังใจ 3 » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

4 ความคิดเห็น

  • #1 ครูสุ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 3 มกราคม 2010 เวลา 14:29
    เจ้าสองตัวที่ว่านี่..มันก็ฝึกยากชะมัด เฮ้อ

    สติน่ะพอมี

    แต่สมาธินี่สิ…ขนาดขับรถยังขับเลยทางเข้าบ้านเล๊ย.ย.ย

    อิ อิ อิ

  • #2 อุ๊ยสร้อย ให้ความคิดเห็นเมื่อ 3 มกราคม 2010 เวลา 14:31

    สาธุค่า

     

  • #3 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 3 มกราคม 2010 เวลา 15:14

    จอมป่วนเคยบอกว่าไม่ชอบศัพท์เทคนิค (บาลี) แต่เรื่องสมาธินี้ เป็นปัจจัตตังครับ เป็นความรู้เฉพาะตน เป็นความรู้ฝังลึก หรือจะเรียกอะไรก็แล้วแต่ ไม่ปฏิบัติไม่รู้ จะชักชวนใครบางทีก็อธิบายไม่ถูกนะครับ

    ผมไม่กล้าแนะนำ แต่หลวงปู่เทสก์ เคยให้อรรถาธิบายว่า

    สมาธิเป็นของละเอียดอ่อนมาก  เราจะบังคับให้มันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ไม่ได้ และไม่ให้เป็นสมาธิก็ไม่ได้อีกเหมือนกัน

    ถ้าเราทำใจร้อนยิ่งไปกันใหญ่ เราต้องทำใจเย็นๆ จะเป็นสมาธิหรือไม่ก็ตาม…เวลามันจะเป็นมันหากเป็นของมันเอง เราจะมาแต่งให้มันเป็นไม่ได้ ถ้าเราแต่งเอาได้ คนในโลกนี้ก็จะสำเร็จเป็นพระอรหันต์กันหมดแล้ว

    จิต กับ ใจ  ย่อมมีลักษณะอาการต่างกัน  จิต ได้แก่ ผู้คิด  ผู้นึก  ผู้ปรุง ผู้แต่ง และสัญญา อารมณ์ต่างๆ ตลอดถึงไปยึดเอาสิ่งต่างๆ มาไว้ที่จิต   จิตเมื่อเห็นโทษทุกข์ทั้งหลาย ที่ยึดเอากิเลสทั้งปวงมาไว้ที่จิตของตน แล้ว ยอมสละถอนจากอารมณ์และกิเลสทั้งปวงจากจิต จิต นั้นก็เป็น ใจ     จิต  กับ  ใจ   มีลักษณะอาการต่างกันอย่างนี้

    ใจ คือ ผู้เป็นกลาง วางเฉย ไม่คิดนึกอะไรทั้งสิ้น เป็นแต่รู้ตัวอยู่ว่าวางเฉย   ใจเป็นธรรมชาติเป็นกลางแท้  กลางไม่มีอดีตอนาคต ไม่มีบุญหรือบาป ไม่ดีและไม่ชั่วนั้นเรียกว่า  ใจ  สิ่งทั้งปวงหมด   ถ้าพูดถึงใจแล้ว   จะต้องหมายเอาตรงใจกลางทั้งนั้น แม้แต่ใจของคนซึ่งเป็นนามธรรม ก็ต้องชี้เข้าไปที่ท่ามกลางอก แต่ใจแท้ไม่ทราบว่าอยู่ตรงไหน เราเอาความรู้สึกไปไว้ในกายส่วนใดส่วนหนึ่ง  ลองดูซิ จะรู้สึกขึ้นในที่นั้น หรือเอาความรู้สึกนั้นไปไว้ภายนอกกาย เป็นต้น ว่า เอาไปไว้ที่เสาหรือที่ฝาผนังบ้าน ก็จะมีความรู้สึกอยู่ ณ ที่นั้น

    เป็นอันสรุปได้ว่า ใจแท้ คือ ความรู้สึกเฉยอยู่เป็นกลางๆ เมื่อมีความรู้สึกกลางๆ อยู่ ณ ที่ใด ใจก็อยู่ ณ ที่นั้น

  • #4 นักการหนิง ให้ความคิดเห็นเมื่อ 4 มกราคม 2010 เวลา 21:59

    สติ เป็นเรื่องที่น่าฝึก  .. แบบที่่เรียกว่า สม่ำเสมอ  ก็หากว่าทำได้ก็จะดี

    เมื่อหลายเดือนก่อน จำได้ถึงหัวข้อที่จอมป่วยเคยคุยให้ฟังว่า  ให้ตามดูจิต  นำไปทำคือตามดูจิตในชีวิตประจำวันนี่แหล่ะค่ะ  .. เหนื่อยไม่ใช่น้อย จิตเขาวิ่งไปทั่ว แวบที่ปาก แวบที่มือ แวบไปที่เท้า แวบไปโกรธ แวบไปชอบ  แวบไปอยากได้ … ไปได้ทั้งวัน

    ก็ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็ยังตามดูจิตอยู่ค่ะ  บางทีจิตก็ไปติดว่างๆ อาทิตย์ สองอาทิตย์ อย่างนี้ก็ไม่รู้่จะดูอะไร  แต่พอรู้ว่าไปติดสักพัก ก็จะค่อยๆ หลุดออกมา

    อย่างนี้่ เห็นครูบาอาจารย์บอกว่าถ้าตามดูจิตแล้วเหนื่อย ต้องใช้การทำสมถะเข้ามาช่วย  .. สมถะอย่างง่ายๆ ก็เช่น การฟังเพลงเบาๆ  การสวดมนต์อย่างที่หลายๆ คนชอบทำ  หรืออย่างง่ายๆ ที่วงน้ำชาใช้ คือการ Body Scan  พร้อมกับเสียงเพลงเบาๆ ให้สมองอยู่ในคลื่นอัลฟ่า

    ได้เคล็ดมาอีกอย่างหนึ่ง ในเรื่องการตามดูจิต  ในขณะทำสมาธิ เช่นหาำกไม่ชอบสวดมนต์ ก็ทำงานบ้านค่ะ ทำไปก็ดูจิตไป หนึ่งชั่วจิตแวบไปเป็นร้อยครั้ง  แต่ท่านไม่ให้ดึงกลับ แค่ให้รู้ว่าจิตเขาแวบไป  …

    ที่เล่าคือทำตามที่ครูบาอาจารย์ท่านชี้แนะค่ะ  เข้ามาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ค่ะ เป็นการเปิดร่องสมอง อิอิ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.086452007293701 sec
Sidebar: 0.11505103111267 sec