ถมไม่รู้จักเต็ม
อ่าน: 2119ไม่ใช่คนใจร้อนนะครับ (แค่นิดหน่อยเอง)
เคยนั่งสงสัยว่า เรื่องดีๆหลายๆเรื่อง เริ่มต้นกันมาตั้งนานทำไมไปไม่ถึงไหนกัน ? เหมือนถมไม่รู้จักเต็มงั้นแหละ
ยกตัวอย่างเรื่องประชาธิปไตย ป่านนี้ยังแดงๆ เหลืองๆ …..ไม่จบสักที เด้งหน้าเด้งหลัง เดินหน้าถอยหลังอยู่นี่แหละ ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่จะจบ? จบยังไง ?
เรื่องการศึกษาที่ว่ามีปัญหา ไม่งั้นคงไม่ต้องมานั่งปฏิรูปกัน ยกแรกก็ไม่สำเร็จ (เพราะมัวไปปฏิรูปโครงสร้าง ?) ต้องมาปฏิรูปรอบสอง อย่างที่ครูบาว่าไว้ “ การปฏิรูปการศึกษาคงไม่สำเร็จ พราะคนที่จะปฏิรูปเป็นคนก่อปัญหาไว้ แล้วยังไม่รู้ตัวว่าก่อปัญหาอะไรไว้…….คนโง่ยังเอะใจ )
เรื่องการทำงานแบบมีส่วนร่วม การจัดการความรู้ เศรษฐกิจพอเพียง จิตตปัญญาศึกษา ฯลฯ อะไรที่ดีๆ ทำไปยิ่งเข้าป่า เหมือนกับที่ว่า “ยิ่งศึกษาพุทธศาสนาจะยิ่งไม่รู้พุทธศาสนา”
มันเป็นเพราะอะไร?
เราไม่รู้จริง ไม่รู้ ไม่เข้าใจถึงแก่นของมัน รู้แต่เปลือก เลยสักแต่ว่าหารูปแบบ ยึดติดรูปแบบ ทำไปด้วยความไม่เข้าใจ ไม่รู้จริง มันเลยเป็นแบบนี้
หรือรู้ แต่ไม่ทำ หรือทำไม่เป็น ทำไม่ถูกวิธี (ก็ไม่รู้จริงอีกแหละ)ขาดความเพียร มักง่าย คิดแบบท่องสูตรคูณ หรือเพราะมีผลประโยชน์บังตา เกิดความโลภ โกรธ หลง ยึดมั่นถือมั่น เลยเป็นแบบนี้
ไม่รู้คำตอบเหมือนกัน แค่บ่นๆให้ฟัง
« « Prev : ปล่อยวางหรือโยนทิ้งดี
Next : แก้ปัญหาทำให้อยากแล้วจากไป » »
7 ความคิดเห็น
เรื่องถมไม่รู้จักเต็มนั้นต้องถามรอกอด
มาที่สวนป่า..ถมหลุมไหนเต็มทุกหลุุม อิ อิ
ธรรมชาติของต้นไม้
มีทั้งแก่น และกระพี้
ถ้าต้นไม้ไม่มีกระพี้ เขาเรียกไม้แก่นล่อน ไม้ตายซาก
บางทีกระพี้ กับแก่น ต่างมีความสำคัญต่อกันใม่น้อย
ถ้ายังมัววิ่งตามเรื่องพิธีกรรมคว่ำบาตร หงายบาตร จนนึกถึงเรื่องเถรส่องบาตรกันอยู่อย่างนี้ก็คงทำอะไรไปไม่ถึงไหนหรอกค่ะ
เพราะเป็นการทำตาม”ความเชื่อ” ไม่ได้ทำด้วยการคิดวิเคราะห์ หาเหตุปัจจัย เมื่อสังคมเดินหน้ากันด้วยความเชื่อ แถมเป็นเชื่อตามๆกัน สังคมนั้นก็เดินลงเหวได้ง่ายดาย(แถมไม่รู้อีกว่าที่เดินลงไปน่ะคือเหว)
กัมพูชาพัฒนาเรื่องการท่องเที่ยวไปไกลกว่าไทยแล้วนะคะ ถนนหนทางเค้าทำใหม่ ที่พักชั้นดี มีบริษัทนำเที่ยวที่ไว้ใจได้ บริการดีและราคาไม่แพง (ซึ่งให้สัมปทานการท่องเที่ยวกับนักธุรกิจญี่ปุ่นเป็นผู้ดูแล) ไทยยังแยกแดง เหลือง เขียว ม่วงกันอยู่เลย
ที่ดินทำกินหนึ่งในสามของกัมพูชาให้สัมปทานจีน ยังฝันหวานเกี่ยวกับการส่งออกข้าว ลำไย ลิ้นจี่ มัน ยางกันอยู่อีกมั้ย?
มันแต่เถียงกันเรื่องโง่ๆ แต่ไม่ดูอนาคต เชื่อมั้ยคะว่าตอนนี้คนกัมพูชาหัวเราะเยาะเรานะ เราล้าหลังกว่าเค้าในหลายเรื่องแล้ว ถึงเวลาคิดถึงเรื่องอื่นกันได้แล้วหรือยัง
โยนความคิดเรื่องอนาคตให้เห็นชัดๆ และวิธีการที่จะเดินไปอย่างเต็มที่ ไม่ต้องไปเสียเวลาประชุมเพื่อปฏิรูปการเมือง การศึกษาอะไรทั้งนั้น แต่โยนความคิด โยนปัญหาโดยผู้ที่เห็นอนาคตของสิ่งเหล่านี้ เห็นแนวโน้มของโลกแล้วทำให้เป็นกระแสจริงจัง เกาะติดอย่างไม่ปล่อย มีรายงานความคืบหน้าทุกระยะ จะดีกว่าการทำข่าวเรื่องเดิมๆซ้ำๆ น่าเบื่อหน่ายเต็มทีอย่างนี้มั้ย?
วิธีการแก้ปัญหาบางอย่าง ไม่ต้องไปแก้เรื่องของอารมณ์ แต่ทำให้เห็นอนาคตร่วมกันโดยเฉพาะเส้นทางเดินที่ชัดเจนเกี่ยวกับปากท้อง โอกาสในอนาคตที่จับต้องได้บนฐานความจริง เพราะยังไงคนก็สนใจปัจจัยสี่มากกว่าเรื่องอื่นอยู่แล้ว
เข้ามาบ่นเพราะเบื่อค่า…
ผมคิดว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะเป้าหมายไม่ชัดครับ เมื่อเป้าหมายไม่ชัดก็ต่างคนต่างทำในสิ่งที่คิดว่าดี แต่อาจจะไปกันคนละทางก็ได้
สำหรับบรรดา “ผู้นำ” นั้น ต้องถามจริงๆ ว่าเป้าหมายคืออะไร เป็นเป้าหมายเพื่อองค์กรจริงหรือไม่ (หรือวัดครึ่งหนึ่งกรรมการครึ่งหนึ่ง หรือทีกูกูเอาหมด) ลองพิจารณาดูผู้นำต่างๆ ให้ดีซิครับ เมื่อผู้นำเพี้ยน ผู้ตามก็เอ๋อไปเลย ถ้าไม่เพี้ยนตาม ก็กระเจิดกระเจิงไปทำอะไรก็ไม่รู้ แล้วจะเหลือใครทำเพื่อองค์กรนั้นครับ?
ถามใจตัวเองดูก่อน
มีเป้าหมายอย่างไร
มีวิถี วิธี ดำเนินอย่างไร
พอไหม
เข้าใจไหม
เดินเป็นไหม
วางเป็นไหม
…..
ทำแบบนี้แล้วเป็นอย่างไร
รู้สึกอย่างไร
เรียนรู้อะไร
แล้วจะทำอย่างไร
…..
คิดที่ตัวเองก่อนก็แล้วกัน
ถึงแม้จะตัวเล็ก ๆ
ถ้าไม่เริ่มจากตัวเอง
ก็อย่าหวังคนอื่นจะเริ่ม
…..
เริ่มเรียนรู้แบบนี้ค่ะ
…..
อิอิอิ ได้เหมือนเคย
หลวงพี่ติ๊กก็เคยสอนเรื่องนี้ไว้ครับ แก่นและกระพี้ พิธีกรรมต่างๆก็มีความสำคัญ เป็นเสมือนอุบายที่ดำรงพระพุทธศาสนาให้คงอยู่มาสองพันกว่าปี
#2 เบิร์ด
มานั่งบ่นยาวกว่าที่เจ้าของบันทึกเขียนเสียอีก แต่เรื่องที่บ่นน่าสนใจดีนะครับ อิอิ
#3 รอกอด
บางครั้งผู้นำก็มาจากการเลือกตั้ง โทษผู้นำฝ่ายเดียวมันจะถูกต้องไหมครับ ? อิอิ
#4 น้าอึ่งอ๊อบ
อิอิอิ นำก่อนเลย เริ่มต้นที่ตัวเองๆๆๆๆๆ จะท่องไว้ครับ แล้วปฏิบัติด้วย ฮ่าๆๆๆๆๆ
ไม่ได้โทษผู้นำฝ่ายเดียวนะครับ แม้จะมาจากเลือกตั้งก็ต้องถามว่าสมัครเลือกตั้งเพื่ออะไร ถ้ามาจากแต่งตั้งก็ต้องถามว่าแต่งตั้งคนนี้มาทำอะไรแล้วทำได้ไหม ถ้ามาจากระบบอาวุโสก็ถามอีกว่าความอาวุโสและประสบการณ์ทั้งชีวิตนำองค์กรไปได้ไหม ระบบหมุนเวียนสมบัติผลัดกันชมยิ่งไปกันใหญ่ ทั้งหมดคือการเอาคนที่ถูกต้องไปใส่ในงานที่ถูกต้องครับ
แน่ล่ะครับ จะทำให้องค์กรดี ไม่ใช่ให้ผู้นำดีคนเดียวแล้วจะพาองค์กรให้รอด ทุกคนก็ต้องช่วยกัน ต่างคนต่างดีด้วยจะได้ไม่ฉุดรั้งองค์กร แต่ปัญหามากมายมาจากทิศทางที่สายตาสั้น ไม่เข้าใจ/ไม่เหมาะ/เพี้ยน หรือไม่ได้เป็นไปเพื่อองค์กรครับ
ทุกปิรามิด มียอดยอดเดียว คัดเลือกยอดที่เหมาะที่ดี จะช่วยเป็นกำลังใจให้ข้างล่างดีตามด้วยครับ เพราะถ้าผู้นำเลว ลูกน้องมีได้ทั้งประจบพลอยพยัก ทำเลวตามผสมโรงไปเลย หรือไม่ก็ป่วนประท้วงซะเลย ยากมากครับที่จะทำดีต่อไป แบบนี้ องค์กรไม่น่าจะได้อะไรครับ คณะรัฐมนตรี 36 คน ดีพอไหม อธิบดีจะพากรมไปไหน ออกไปตรวจงานแต่ละที ผักชีขาดตลาด แต่ร้านอาหาร/คาราโอเกะแน่นขนัด (ลูกน้องจ่าย) ฯลฯ อบต.เต็มไปด้วยผู้รับเหมามารับงานของ อบต.เอง ครูเป็นได้ทุกอย่างแม้แต่กรรมการเลือกตั้ง แต่ไม่มีเวลาสอนหรือเวลาส่วนตัวที่จะหาความรู้เพิ่ม (จึงจ้างคนอื่นทำวิจัยเพื่อปรับวิทยฐานะ) …
ดุเดือดแฮะ [อะหยังๆ ก่อฮาเนี๊ยะ/อะไรก็กู]
อิอิ ผมหมายความว่าชา่วบ้านเลือกเอาๆ เลือกผิดเลือกถูก แล้วจะทำยังไงดี?
ถ้าไม่รู้จักมาก่อนจะนึกว่ากินยาผิด ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ ไม่ดุเดือดซักหน่อย อิอิ