การจัดหมวดหมู่ (Categorization)
อ่าน: 2616
มนุษย์เราเรียนรู้ที่จะจัดสิ่งต่างให้เป็นหมวดหมู่ เช่น
จัดความรู้เป็นสาขาวิชาต่างๆ (ดาราศาตร์ แพทย์ศาสตร์ นิติศาสตร์ ฯ)
จัดเครืองมือเป็นหมวดหมู่พื่อง่ายต่อการนำมาใช้ ไม่ต้องค้นหานาน
จัดหนังสือในห้องสมุดให้เป็นหมวดหมู่ เพื่อจะได้ง่ายต่อการค้นหา
จัดแบ่งอาชีพของคนให้เป็นหมวดหมู่เพื่อให้ง่ายที่จะทำความเข้าใจ
………
ด้วยนิสัยสันดานที่ฝังลึกมา ทำให้เราพลอยจัดหมวดหมู่คนที่เรารู้จัก หรือไม่รู้จักเป็นหมวดหมู่ไปด้วย เช่นจัดว่าคนคนนี้เป็นคนดี คนคนนี้เป็นคนเลว คนกลุ่มนี้เป็นอย่างนี้ คนกลุ่มนั้นเป็นอย่างนั้น
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องระวังมากๆ เพราะมันมีผลต่อการดำรงชีวิตของเรา อาจทำให้เราเข้าใจผิด ตัดสินใจอะไรผิดๆตามไปด้วย
การจัดหมวดหมู่ของผู้คนแบบนี้ ทำให้เวลาเราพูดคุย อ่านหนังสือ อ่านบันทึก หรือเมื่อได้ยินเรื่องราวของคนอื่นมา เราตัดสินเขาไปแล้ว เราจัดหมวดหมู่ให้เขาเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ไปแล้ว เวลาฟัง อ่าน ใจเราก็จะไม่เป็นกลาง เลือกรับฟัง เลือกรับรู้ข้อมูล ทำให้เข้าใจอะไรผิดได้ง่ายๆ และทำให้เราเสียโอกาสที่จะรับรู้ เรียนรู้สิ่งดีๆจากคนอื่น เพราะเราไปตัดสินก่อนแล้วว่าคนนี้เป็นคนไม่ดี ไม่น่าเชื่อถือ
จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆที่เราจะต้องพัฒนาตัวเองให้พร้อมจะมองสิ่งต่างๆด้วยใจที่เป็นกลาง มีสติ ฝึกการฟังด้วยใจที่เป็นกลาง ไม่ตัดสิน ไม่จัดหมวดหมู่ผู้คนไว้ก่อน
นอกจากการฝึกฟังแล้ว ก็ต้องฝึกพูด เขียน (พิมพ์ด้วยนะจ๊ะครูใหญ่) ด้วยจิตใจแบบเดียวกัน
หรือถ้าจะกล่าวโดยรวมก็คือ ต้องพัฒนาตัวเองด้วยการฝึกตัวเองให้มีสติ ดูจิต มองสิ่งต่างๆด้วยใจที่เป็นกลาง ฝึกให้มีสติไม่ว่าจะทำอะไร
“คนเราชอบจัดสิ่งที่ไม่ควรจัดให้เป็นหมวดหมู่ แต่ไม่ชอบจัดสิ่งที่ควรจัดให้เป็นหมวดหมู่”
« « Prev : นิทานเรื่อง ไอ้อ่าง(คนติดอ่าง)
Next : กระบี่ หาดใหญ่ สงขลา ตรัง ตอนที่ 1………เปลือยหมอเจ๊(มีรูปด้วย) » »
17 ความคิดเห็น
คนจำนวนไม่น้อย ขาดทุน ไม่มีโอกาสได้รับรู้สิ่งทื่ควรรู้เพราะชอบจัดหมวดหมู่ ตีค่าคนล่วงหน้านั่นเอง .. เห็นจริงตามที่บอกครับ
นึกแล้วเชียวต้องว่ายังงี้ (จัดหมวดหมู่ให้อาจารย์เรียบร้อยแล้วครับ ) ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ
ผมมีเพื่อนหลายประเภท ทั้งธรรมะธรรมโม นักเลงถึงไหนถึงกัน วิชาการจ๋า เรื่อยๆเปื่อยๆอะไรก็ได้ ฯลฯ มันแบ่งไปเองโดยอัตโนมัติทางสำนึกของเรา พอได้ยินเสียง เห็นหน้าก็ สัญชาติญาณของเราก็บอกเราว่า อ้อ มาแล้ว
ข้อเสียก็อาจเป็นอย่างกล่าว
ข้อดีก็มี และมันก็เป็นโดยอัตโนมัติของมันเอง คือ เรารู้ว่าเราจะสัมพันธ์กับคนนั้นคนนี้แบบไหน อย่างไร
บางคนใจเราก็บอกเราว่า ต้องมีระยะห่างเอาไว้บ้าง มันเป็นไปโดยธรรมชาติของมันเอง
ถามว่าเรารับฟังเขาไหม เรียนรู้เขาไหม เจ้านักเลงคนนั้นมีจุดเด่น เก่งหลายเรื่อง ผมก็เรียนรู้จากเขา แต่เราไม่อาจเข้าไปใกล้ชิกคลุกคลี ร่วมงานแบบอีกหลายๆคนได้
เรื่องนี้ก็ต้องฝึกกันน่ะครับ เพียงแต่ว่าเวลาเราอ่าน เราฟัง เราดูข่าวก็อย่าตัดสินอะไรๆไว้ก่อน
ไม่ใช่จัดหมวดหมู่ว่าเป็นคนดี พูดอะไรก็ดีไปหมด อาจมีบางประเด็นที่ไม่ดีอยู่
หรือคนนี้จัดหมวดหมู่เป็นคนไม่ดี มันก็เลวไปหมด พูดอะไรก็เลวไปหมด ผิดหมด อิอิ
ทำให้เราพลาดโอกาสรับรู้ เรียนรู้บางอย่างไป หรือทำให้เราเห็นสิ่งต่างๆเพี้ยนไปจากสภาพความเป็นจริง อิอิ
ป้าหวานเคยถูกจัดหมู่ด้วย เรารู้ได้จากคำพูดนะคะ แต่ป้าหวานไม่เอามาเป็นที่ยึดถือ เพราะคิดว่าเราเป็นเรา
สักวันถ้ายังเจอกันอยู่เขาจะรู้ว่าเราเป็นอย่างไร เราทำตัวเองให้ดีแล้วกัน ไม่เป็นอย่างที่เขาคิดก็แล้วไป แต่วูบแรกก็กระทบใจเหมือนกัน แต่เหยียบเบรคทัน ดีที่ไม่เหยียบคันเร่ง 5555 อีกมุมก็เอามาส่องกระจก เราทำอะไร เราเป็นอย่างไร ถึงถูกจัดอย่างนั้น..ดีเหมือนกันค่ะ มีคนบอกให้รู้ตัว..จะได้ปรับปรุง
…………( แปลว่า กำลังคิด )………………..
ยอมรับไปเหอะ…. ไม่ต้องคิดให้ปวดหัว เราเป็นยังไง…มันก็เป็นยังงั้นแหละ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
55555 จริงด้วยเน้อ…ก็คนเป็นอย่างนี้ ก็ต้องเป็นอย่างนี้แหละ….ฮี่ๆๆๆ
ถ้าฝึกฝน พัฒนาตัวเอง มันก็จะเป็นอย่างนั้นเองแหละ (ยังไงก็ไม่รู้) อิอิ
ขอบคุณค่ะ อิอิอิ
การจัดหมวดหมู่เป็นไปตามกระบวนการทำงานปกติของสมอง ที่ไม่ได้รับข้อมูลซับซ้อนไว้ทั้งหมด แต่แยกแยะเป็นหมวดหมู่ เพื่อความสะดวกในการเรียกมาประมวลใช้งานในภายหลัง (วิชา cognitive science)
อาจจะเป็นเพราะชีวิตในปัจจุบันซับซ้อนซ่อนเงื่อน เป็นความประมาทของอัตตาในจิตใจ หรือความมักง่ายของสมอง บ่อยครั้งมากที่สมองตัดสินสิ่งที่จะได้พบเห็นเอาไว้ก่อนด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมา สิ่งนี้เรียกว่าอคติ
อคติมักจะไม่นำไปสู่การตัดสินใจที่ดี เพราะสมองปฏิเสธที่จะประมวลความจริง อาจจะเหมือนการซื้อสลากกินแบ่ง หรือเล่นการพนันนั่นล่ะนะครับ — รู้ว่าไม่ดี แต่ก็ยังทำอยู่เรื่อยๆ
“คนไม่ดี” ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยทำดีเลย ส่วน “คนดี” ก็ใช่ว่าจะสมบูรณ์แบบอยู่ตลอดเวลา แต่สมองของเราก็มักจะพิพากษาคนต่างๆ ว่าเป็นคนแบบโน้นแบบนี้ แทนที่จะมองว่าแต่ละคนนั้น มีชั่วดีปนกันอยู่
อคติแก้ได้ด้วยสติที่รู้ทันอารมณ์ และการพิจารณาโดยแยบคายครับ (ท่านจอมป่วนไม่ชอบบาลี ดังนั้นห้ามคลิก อิอิ); ความขุ่นข้องหมองใจ ผ่อนคลายได้ด้วยการยอมรับในความแตกต่างของคน และการแสวงหาความจริง
เห็นด้วยกับท่านรอกอดนะคะ ทั้งหมดเนื่องมาจากปฎิกริยาของมนุษย์ สมองสั่งการให้คิดจากประสบการณ์เป็นการเรียนรู้เพื่อความอยู่รอดอย่างหนึ่ง(อันนี้ป้าหวานคิดเอาเองค่ะอาจจะไม่ถูกก็ได้) แต่กระนั้นมนุษย์ก็เป็นสัตว์ประเสริฐที่ไม่ทำตามประสบการณ์ สัญชาตญาณเพียงอย่างเดียว ยังมีตัวควบคุมคือ สติสัมปชัญญะ ที่จะให้ทบทวน ให้ไตร่ตรอง ขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง ตรงนี้ก็ประกอบด้วยข้อมูล ปัญญา ของแต่ละคนที่มีต่างกันที่จะคิดละเอียด คิดลึกซึ้ง คิดมาก คิดน้อยเพียงใด แล้วก็ยังประกอบด้วย ตัวตนอัตตา ของคนคนนั้นอีกด้วย แล้วยังมีสื่งแวดล้อมในขณะนั้นเป็นเครื่องปรุงอีก จึงจะออกมาเป็น ความคิดรวบยอด แต่แล้ว ความคิดรวบยอดยังถูกควบคุมอีก ก่อนจะแสดงออกมา
คน+อารมณ์+สิ่งแวดล้อม +สติปัญญา= ภาพที่เห็น
คน+อารมณ์+สิ่งแวดล้อม+ สติปัญญา =การแสดงออก
แต่ละส่วนประกอบแปรเปลี่ยนไปในแต่ละขณะจิต ไม่เที่ยง
แน่ะ..พี่หมออย่ามาบอกว่า สาธุ แม่ชี นา..555รู้ทัน.
เกลียดจริง คนรู้ทันเนี่ย
สาธุ ป้าชีก็ได้ อิอิอิอิ
นักเรียนนักศึกษาตามสถานศึกษา… พระ-เณรในวัด… คนงานกรรมกรในสถานที่ทำงาน… หรือแม้แต่บรรดาบล็อกเกอร์ทั้งหลายในเวบบล็อกต่างๆ… เมื่อแรกมานั้น เกือบจะไม่ค่อยรู้จักคุ้นเคยกันมาก่อน แต่พออยู่ไปสักระยะหนึ่ง ก็ค่อยๆ จับกลุ่มเป็นกลุ่มเป็นแก๊งค์ นั่นก็เพราะกรรม…
ในแต่ละกลุ่มแก๊งค์เหล่านั้น มักจะมีพื้นฐานบางอย่างหรือหลายๆ อย่างๆ เหมือนกันในเบื้องต้น แต่พอนานๆ ไป ก็มักจะเหมือนๆ กันโดยภาพรวม…
ตอนแรกบวช มีโยมท่านหนึ่ง ชอบช่วยเหลือเพื่อนบ้าน เมื่อก่อนก็ดื่มเหล้า เวลามีงานก็มักจะไปช่วยหุงข้าวอยู่หน้าเตาไฟ… ต่อมา ขัดลูกไม่ได้ (ลูกบ่นว่า ถ้าพ่อไม่เลิกเหล้าจะบวชชีไม่สึก 5 5 5) จึงเลิกเหล้าเด็ดขาดเพราะรักลูก แต่มีปัญหาว่า เวลามาช่วยงานจะไปอยู่ที่หน้าโรงเตาหุงข้าวไม่ได้ จึงต้องมาอยู่หน้าที่พระ ได้ค่อยๆ เรียนบทอารธนาบทสวดต่างๆ ฝึกหัดเป็นพิธีกรงานวัด กลายเป็นคนธัมมธัมโมไปในที่สุด…
สรุปว่า หมวดหมู่ของคนเกิดจากกรรม และเมื่อเปลี่ยนกรรม หมวดหมู่ของคนนั้นๆ จะค่อยๆ เปลื่ยนไป…
เจริญพร
ดีใจที่หลวงพี่ช่วยมาแนะนำในบันทึกนี้
ตะก่อนก็เป็นปีศาจสุรา อบายมุขครบเครื่อง
ตอนนี้อยู่กลุ่ม(แก๊ง)เฮ เลยเลิก(เกือบ)หมด อิอิ ไม่อยากมุสาครับ