กูเป็นกู
อ่าน: 2223กูเป็นกู
คำคำนี้สะกิดใจจากวงสนทนาของนิสิตแพทย์จากชลบุรีที่สวนป่า ในการสนทนาวันสุดท้ายก่อนแยกย้ายกันกลับบ้าน ในประเด็นนิสิตได้เรียนรู้อะไรจากการมาสวนป่าครั้งนี้
การสนทนาค่อนข้างจะมีคุณภาพ เทียบกับการเตรียมตัวที่ค่อนข้างน้อย ที่ชอบคำๆนี้เพราะเด็กๆได้เล่าว่า เป็นคุณหนูของครอบครัว มาเรียนร่วมกับเพื่อนๆมาสามปี แต่ไม่ค่อยสนิทกันนัก เหมือนมีอะไรบางอย่างมาขวางกั้นอยู่ เหมือนที่รอกอดเขียนไว้……
…….ผมคิดว่าประสบผลสำเร็จดีทีเดียวครับ เด็กๆ (ปีสี่) รู้จักกันมากขึ้น จนผมแปลกใจว่าสามสี่ปีที่ผ่านมานี่ ทำอะไรกันอยู่ ทำไมเพิ่งจะมาต่อมน้ำตาแตก/เข้าใจเพื่อนมากขึ้นเอาเมื่อเช้านี้เอง รู้วันนี้ก็ยังดีกว่าไม่รู้จักเพื่อนไปจนจบครับ แต่ห่วงว่าจะเป็นไฟไหม้ฟาง……
เด็กๆเล่าว่า เข้ามาเรียนด้วยความรู้สึกว่า กูเป็นกู แต่ตอนนี้ความรู้สึกเปลี่ยนไปแล้ว แต่ไม่ได้อธิบายว่าแปลว่าอะไร ?
สะกิดใจครับว่า กูก็ยังน่าจะเป็นกูเหมือนเดิม ถ้าเราไม่ใช่ตัวเรา แล้วเราจะเป็นใครล่ะ ?
แต่กูเป็นกู เดิมเป็นกูเป็นกูที่ไม่รู้ตัว ไม่ยอมรับความแตกต่าง ไม่ยอมรับเอาเพื่อนๆมาเป็นส่วนหนึ่งของตัวกู พอมีความรู้สึกว่าเป็นเรา แล้ว ทำให้ความรู้สึกว่า กูเป็นกูหายไป
คิดว่ากูก็ยังคงเป็นกู แต่เป็นกูที่เริ่มมีสติ ยอมรับความแตกต่าง ยอมรับรู้สิ่งรอบๆตัวว่าเป็นส่วนหน่งของกู หรือเริ่มยอมรับว่ากูเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ จนความรู้สึกว่ากูเป็นกูหายไป
ถ้าตัวกู ของกู หมดไปจริงๆก็คงจะดี หรือความรู้สึกนี้จะแว๊บขึ้นมาเพียงแว๊บนึง
ไม่มีอะไรมากนะครับพี่น้อง มีอะไรสะกิดใจ ก็เอามาเล่าสู่กันฟัง หรืออาจเป็นเพียงการตีความคำพูด ที่อาจจะตรงหรือไม่ตรงกับที่เด็กๆเจตนาจะสื่อออกมา อิอิ
« « Prev : นิสิตแพทย์ชลบุรีที่สวนป่า อีกมุมมองหนึ่ง
8 ความคิดเห็น
กูก็มาอ่านของกู ก๊ากๆ….
กูเป็นกู ฟังแล้วน่ารักออกจะตายไป ” I’m what I’m ” โดยเฉพาะคนที่น่าตาน่ารักน่าเอ็นดู โดยเฉพาะคนหนุ่มคนสาว คนเราเกิดมาด้วยความแตกต่าง แล้วทำไมล่า มันผิดตรงไหน เพราะความแตกต่างเป็นความเด่น ที่ทำให้มนุษย์ดำรงค์เผ่าพันธุ์ได้มาถึงปัจจุบัน ข้อสำคัญคือการเรียนรู้ธรรมชาติ ของความแตกต่างตะหากที่ควรทำอย่างยิ่งให้ได้ผล ส่วนรูปแบบควรเปลี่ยนแปลงตามพื้นฐานวิชาชีพ รู้จุดด้อยจุดเด่นของสิ่งแวดล้อมที่เป็นเบ้าหล่อหลอมในวิชาชีพ มาปรับให้มีโลกทัศน์กว้างขึ้น เปิดรับยอมรับผู้อื่นที่แตกต่าง ไม่ว่าจะต่างอาชีพหรืออาชีพเดียวกัน ได้โดยไม่ทำร้ายบังคับฝืนใจตัวเอง AT = RAT
อ่านแล้วเม้นท์ทำไม? กูเลยต้องตอบ อิอิ
ป่วนก็น่ารักเหมือนกันนะครับ มันผิดตรงไหนที่เกิดมาป่วน อิอิ
การยอมรับความแตกต่างหลากหลายฟังดูง่ายๆ แต่คนที่ไม่เคยคิดใคร่ครวญ ไม่มีสติ คิดแยกส่วน อยากให้อะไรๆเหมือนกัน ต้องแต่งเครื่องแบบ เวลาพูด เวลาเขียนต้องมีรูปแบบ คิดอะไรก็ต้องเหมือนกัน ทำอะไรก็ต้องทำเหมือนกัน ยังกับตัดเสื้อโหลให้ใส่ จะให้เข้าใจแค่นี้ก็แสนจะยากเย็นนะครับ
เมื่อ AT=RAT RAT ก็ต้องเท่ากับ AT อิอิ
เฮียตึ๋ง ผมเอาไปบันทึกต่อที่ http://lanpanya.com/dongluang/archives/414
ขอบคุณมากครับที่ชอบบันทึกนี้
ได้บทเรียนกับตัวเองเหมือนกันครับ บันทึกนี้เขียนเพราะเมื่อได้ยินเด็กพูดก็แว๊บขึ้นมา เป็นความรู้สึกดีๆนะครับ ทำให้เราได้คิดอะไรบางอย่างต่อ
ตอนเขียนคิดเอาเองว่า คงไม่มีใครสนใจอ่าน แต่กลับโดนใจหลายๆคน อิอิ คิดเอง ตัดสินเอง …… ผิดอีกแล้ว ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
กู.. คนเดียวแท้ๆ แวะมาเยี่ยมกันเยอะแยะเลย
สงกะสัยว่าคงจะมีมาอีกหลายกูที่ลอดฝาชีมาได้ คงจะแวะมาเยี่ยม
แต่ที่แน่ๆ นึกอยู่ว่ามีอยู่กูนึงที่คงอดไม่ได้ ต้องมาต่อยอดแน่ๆ อิอิ