โจรกลับใจ
อ่าน: 1866ชื่อบันทึกนี้ขอยืมมาจากแก่นจังเจ้าของลานจอมแก่น เพราะใช้เป็นชื่อใน MSN ว่าโจรกลับใจ แก่นเค้าเคยเป็นโจรโขมยหัวใจและเดี๋ยวนี้ก็ยังคงเป็นอยู่
ว่าจะไม่เขียนเรื่องเชียงราย เชียงใหม่แล้วนะ เก็บไว้ให้น้าอึ่งอ๊อบเขียนมั่ง แต่กลัวสาวใต้โป้งเอา อิอิ
#4 หมอเจ๊ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 16 ตุลาคม 2008 เวลา 17:44 (เย็น)
#2 ไม่ยอมนะไม่ยอม ไม่ยอมให้ใช้โยนศาสตร์หนีการเขียนบันทึกเชียงใหม่-เชียงรายรอบนี้ ไม่เขียนเพิ่มละก็ โป้งด้วย ขอบอก
การอบรมของคณะพยาบาลฯ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีเรื่องดีๆเกิดขึ้นมาก ทั้งอารมณ์ ความรู้สึก ความรู้และประสบการณ์ที่ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน เล่ามาหลายคน หลายวันแล้วยังไม่ยอมจบ พวกกระบวนกรก็ว่าดียังงั้น ยังงี้….. เจ้าของโครงการ…. อ. สร้อยไม่เห็นว่ายังไงเลย อิอิ
………..
ที่จำได้ หลังจากเล่นป๊อกเด้ง เอ๊ย… ไม่ใช่ หลังจากที่นักการอิ่ม หมอเจ๊ น้าอึ่งอ๊อบ ได้ตัดสินใจเอากิจกรรมทิ้งไพ่มาใช้ ( ใครสนใจถามมา จะให้คนที่ใช้กิจกรรมนี้มาเล่าให้ฟัง อิอิ ) หลังกิจกรรมก็มานั่งสนทนากันว่าได้เรียนรู้อะไรจากกิจกรรมนี้บ้าง
…. ได้ทราบว่า คนเรานี่ต่างกันจริงๆ ( ก็จริงน่ะสิครับ )
…. คนอื่นทำดีกับเรา เราก็ไปจี๊ดๆกับเขา ไม่เข้าใจเขา
…. จี๊ดๆ รำคาญหาว่าเขาไร้สาระ ทักไปเรื่อย ไม่มีอะไรทำรึไง ? ที่แท้เขาทักทายผูกมิตร
…. จี๊ดๆ หาว่าเขาหยิ่ง จริงๆเขาเป็นคนขี้อาย ขี้เกรงใจ
….. เอ๊ะ เราก็ว่าไอ้ที่เราทำนี่ดีนะ แต่ทำไมคนอื่นว่าเราไม่ดี
….. คิดว่าเราเป็นคนหวังดี ชอบช่วยเหลือคนอื่น แต่คนอื่นมองว่าชอบเสือก
….. คิดว่าตัวเองเป็นคนรอบคอบ ละเอียดละออ .. โดนซะ ไอ้คนจู้จี้
…… ฉันเป็นคนที่ชอบถามตรงๆเลย ไม่อ้อมค้อม .. ไอ้คนก้าวร้าว ไม่รู้จักผู้ใหญ่
สรุปได้ว่า คนเราเกิดมามีไพ่ครบทุกคน แต่ครอบครัว สังคม การศึกษา ฯลฯ ทำให้เราทิ้งไพ่ดีๆของเราไป เหลือแต่ไพ่ที่ไม่ดีถือไว้ คนอื่นมาหยิบไพ่เราไปทิ้งแทนเราไม่ได้หรอก เราทิ้งของเราเอง
หรือจะเปรียบเหมือนมีแก้วประภัสสรที่สดใส ตอนเกิดมาเหมือนกันทุกคนเลย แต่เราเปิดรับเอาสิ่งไม่ดีเข้าไปไว้ในใจเรา ทำให้แก้วขุ่นมัว คนอื่นทำให้แก้วเราขุ่นมัวไม่ได้หรอก เราทำของเราเอง
แต่โชคยังดีนะ ไพ่ยังไม่หายไปไหน ยังอยู่ในหีบของเรา ถ้ามีสติ มีปัญญาก็สามารถหาไพ่ดีๆมาถือ แล้วทิ้งไพ่ไม่ดีที่ถืออยู่แทน นั่นคือจิตวิวัฒน์
หรือเราสามารถนำสิ่งดีๆเข้าไปไว้ในใจเรา เอาสิ่งที่ไม่ดี ทำให้ใจเราขุ่นมัวออกมา ก็ทำให้แก้วสดใสได้เหมือนเดิม
น้าอึ่งอ๊อบ สุดยอดกระบวนกร ก็มาเล่าประสบการณ์ตรง เคยเป็นคนที่คิดว่าตัวเองเก่ง เป็นยอดมนุษย์ ไม่มีใครสู้ได้ เป็นเอามาก เป็นมาตั้งแต่เด็กๆ วัยรุ่นเลย มาทำงานใหม่ๆก็ยังเป็นอยู่ เวลาทำงาน เวลาประชุม เวลาพูดกับคนอื่น ตัดสินไปเลย ข้าเก่ง ข้าแน่ คนอื่นพูด ไม่ถูก ไม่ใช่ แน่นอน พูดออกมาได้ยังไง ? จัดว่า สวกมากๆ ( สวก แปลว่าดุ เล่าตรงไหนผิด น้าอึ่งอ๊อบประท้วงได้เลยนะครับ หรือถ้าเบาไปจะได้ใส่ไข่เพิ่มเติมให้อีก แต่ เอ๊ะ จะทำให้ขายไม่ออกรึเปล่าเนี่ย แต่เลิกหมดแล้วนะครับพี่น้อง… เดี๋ยวนี้ใจดี๊ ใจดีครับ น่ารักๆๆๆ )
จอมป่วนเลยเปิดเผยความจริงให้คณาจารย์ทราบว่า บรรดากระบวนกรที่คัดมาเที่ยวนี้ เป็นโจรกลับใจทุกคนเลย น้าอึ่งอ๊อบที่ว่าเคยร้ายๆ ถ้าเทียบกับสามคนที่เหลือน่ะ ชิดซ้ายไปเลย พี่น้อง……
หมอเจ๊น่ะ พกเอาคำถามจากกระบี่ ผ่านเชียงใหม่ ไปถาม อ. วิศิษฐ์ที่เชียงรายเชียวครับ ว่า เลิกดุตั้งนานแล้ว แต่ทำไมคนอื่นยังคิดว่ายังดุอยู่ ( แอบถามนักการอิ่ม เพราะตัวเองก็ไม่ค่อยแน่ใจ ว่า หมอเจ๊ดุไหม? นักการอิ่มอมยิ้ม พยักหน้า ๆ ๆ ……… ล้อเล่นน่ะครับ อย่าคิดมากนะครับ คนดุ ยังไงๆก็ดุ ฮ่าๆๆๆ )
นักการอิ่มก็ไม่ต้องพูดถึง น้าอึ่งอ๊อบ หมอเจ๊ชิดซ้ายได้เลย เพราะชกข้ามรุ่นได้เลย ไม่อยากเล่า เดี๋ยวขายไม่ออกอีกเหมือนกัน ตอนนี้เล่าให้ใครฟังก็ไม่มีคนเชื่อว่าเคยดุ
จอมป่วนก็ไม่ต้องพูดถึง %$#$^^)_$%%&__U&*&^%@#~@#&(
เฮ้อ…….. ดีนะที่ได้แม่นุกับลูกๆช่วยกัน ทำให้เปลี่ยนไปบ้าง อิอิ เหลือไว้แต่ความป่วนในหัวใจ
ที่เล่าให้ฟังเรื่องโจรกลับใจเนี่ย ก็แค่อยากจะบอกว่า คนเราเปลี่ยนได้นะครับ ถ้าเราเห็นว่านิสัยบางอย่างไม่ดี ทำแล้วเราเองไม่มีความสุข คนที่รักเราไม่มีความสุข คนรอบๆตัวเรา เพื่อนร่วมง่านเราไม่มีความสุข เรามีสติ ไตร่ตรองจนเกิดปัญญา เราก็สามารถเปลี่ยนได้ เหมือนไปค้นไพ่ดีๆที่เราทิ้งไปไว้ในหีบ เอามาถือไว้ ไอ้ไพ่ไม่ดีๆที่เราถือไว้ก็ทิ้งไปเสีย ต้องรู้เอง ปฏิบัติเองนะครับ ถึงเป็นแฟนก็ทำแทนไม่ได้ครับ
เหมือนหมั่นฝึกฝน ให้มีสติ ใคร่ครวญ นำสิ่งดีๆเข้าไปในดวงจิต เอาสิ่งไม่ดีๆที่ทำให้ขุ่นมัวออกมา ก็จะได้จิตประภัสสรคืนมาครับ
จากวงสนทนาของอาจารย์คราวนั้น : เราเปลี่ยนแปลงแก้ไขคนอื่นไม่ได้หรอก ดีที่สุดคือแก้ไขตัวเอง ความรัก ความหวังดี ความดีของเราจะสามารถเหนี่ยวนำคนอื่นให้ดีขึ้นได้
« « Prev : ตากะยาย
Next : ( แก่แล้ว ) ไม่เจียมตัว ? » »
12 ความคิดเห็น
สาธุ…
ประชดที่มาแค่ สาธุ…
ตอนที่ถามว่า พี่ดุมั๊ย แล้วนักการอิ่ม ตอบตรงๆว่า ดุนะ อึ้งกิมกี่เลยเชียว ยอมรับในบัดดลว่า เออ เฮ้ย หน้าตามันดุจริงแหละ มิน่าคนเขากลัว อึ่งอ๊อบมาปลอบใจว่า ดุๆแต่เปลี่ยนไปแล้ว
ไม่คิดมากหรอกเพราะรู้ตัวว่าดุค่า ก็เล่นพูดอะไรมันแทงใจคนตรงเผงจนคนเขาสะดุ้งอ่ะ คนเขาเลยกลัว ประกอบกับหน้าไม่ผูกยิ้มเอาไว้เป็นหน้ากาก คนเขากลัวอยู่แล้ว เลยตัดสินเหมาเลยว่าดุ เออน่าใครว่าดุ ก็รับซะว่าดุแล้วกัน ตามใจกันหน่อยจะได้สบายใจ มาอยู่ใกล้เมื่อไรแล้วก็จะรู้เอง ดุแล้วหนาวหรืออุ่น
อ.วิศิษฐ์ บอกว่า ราชสีห์ยิ้ม เป็นอย่างไงเหรอ พี่หมอเจ๊ลองหาคำตอบดูนะ
ก็บอกแล้วไง ว่าโจรกลับใจ ๆ ๆ ๆ ๆ
ระวังเฮียเหลียงหน่อยก็แล้วกัน เดี๋ยวแกชวนกลับเนื้อกลับตัวเป็นโจรอีก 55555555
หมอเจ๊แกปิ๊งไปนานแล้ว ฮ่าๆๆๆๆๆๆ แกรู้แล้วว่าแกดุจริงๆ 5555555
ชื่อ msn ยังแฝงไปด้วยความหมายเลย สมแล้วที่ได้ทำงานอยู่หอสมุด
นายโก้ โผล่มาก็แซวน้องเค้าเลยนะ อิอิ
ตอบน้องหนิงแล้วที่บันทึก “พิพากษาตัวเองรึเปล่าจึงไม่กล้าเขียน” ….อิอิ…ราชสีห์ยิ้ม
ที่จริงเรื่องราวทั้งหมดที่ทำให้เกิดความไม่เป็นสุข มาจากคำๆเดียวจริงๆนะค่ะ “คำพิพากษาตัวเอง” มันเกิดจากความกลัวเป็นต้นเหตุสำคัญ…..เป็นความอยาก ความไม่อยาก ความโลภ ความหลง ความรัก ความไม่รัก ความชอบ ความไม่ชอบ…..โฮ้ย…เยอะแยะไปโหม๊ด….กิเลสคนสามัญ….อิอิ
กลับไปก็ get แล้วค่ะ….รับรู้…..ยอมรับ….เรียนรู้ให้เข้าใจจากเรื่องอดีต….ฝึกตามปัจจุบันให้ทัน….เพื่อเรียนรู้วิธีผ่อนและฝึกผ่อน….คลาย….ปล่อย…..วาง….ในขณะที่ยังคงต้องเผชิญกับธรรมชาติเหล่านี้อยู่ทุกเวลา
สิ่งที่เรียนรู้มันระเหยง่าย ? ต้องลิขิตไว้ ?
มีจุดคลิ๊กเยอะแยะไปหมด น่าสนใจ ๆๆ อิ อิ
ครูบาบอกว่ามีหลายจุด ช่วยชี้แนะบ้างสิครับ สัก 8-9 จุดก็พอครับ ไม่ต้องมากครับ