แล้วก็กลัวจนได้

โดย จอมป่วน เมื่อ 13 ตุลาคม 2008 เวลา 21:51 ในหมวดหมู่ จอมป่วน, เฮฮาศาสตร์, แลกเปลี่ยนเรียนรู้ #
อ่าน: 2144

ถ่ายทอดวัฒนธรรมการกอดให้คณะพยาบาลฯ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ปูนนี้แล้ว ( ขอยืมคำพูดครูสุคนสวยมาใช้หน่อย ) เจออะไรมาก็มาก ( แต่น้อยกว่าครูบาเยอะ ) ฝึกฝนตัวเองก็พอสมควร คิดว่าตัวเองนิ่งแล้ว ขึ้นเหนือเที่ยวนี้ได้บทเรียนเยอะเลย ค่อยๆเล่าทีละเรื่องดีกว่านะครับ

ไปคราวนี้ มีเวลาว่างอยู่บ้าง หมอก็เลยนัดหมอเพื่อตรวจสุขภาพในวันที่ 5 ตค. พี่ชายก็เลยให้ตรวจร่างกาย ตรวจเลือด แถมตรวจมะเร็งเท่าที่จะตรวจได้ คืนวันที่ 4 ต้องเตรียมลำไส้เพื่อตรวจลำไส้ใหญ่ สมัยก่อนก็ต้องกินน้ำมันละหุ่งเป็นยาระบาย แถมต้องสวนอุจจาระอีกในตอนเช้า แต่เที่ยวนี้ทางโรงพยาบาลให้ยาน้ำมากิน คงเป็นประเภทน้ำเกลือเข้มข้นที่จะดูดน้ำเข้ามาในลำไส้ ทำให้ถ่ายเป็นน้ำเกือบทั้งคืน ลำไส้สะอาดดี แต่คนนี่สิครับ อิอิ ต้องถามน้าอึ่งกับอุ๊ยจั๋นตาดู ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

ไม่ใช่ครับ ๆ ๆ ๆ เรื่องที่จะเล่าไม่ใช่เรื่องนี้ครับ ทุกข์กายเรื่องเล็ก แค่ ข.ต. น้าอึ่ง อุ๊ยจั๋นตาบอกว่า สบายมาก ๆ ๆ ๆ ๆ แต่ไอ้คืนวันที่ 4 ตค. นี่ นอนไม่หลับเลย ไม่ใช่เพราะถ่ายเป็นน้ำตลอดคืน แต่ที่จะเล่าให้ฟังก็คือความกลัว

ครับ ความกลัวครับ แปลกดีไม่เคยคิดเรื่องพวกนี้เลย การดูแลสุขภาพก็พยายามอยู่ พยายามออกกำลังกาย การกินก็กินปริมาณที่พอดีๆ ไม่มากเกินไป ควบคุมน้าหนักตัวได้ ( พยายามกินให้ได้สัดส่วนที่เหมาะสม พยายามหลีกเลี่ยงพวกไขมัน และอาหารที่ไม่มีประโยชน์ แถมเป็นอันตรายต่อสุขภาพ นอนให้พอเพียง ) ในวงเล็บหมายถึงพยายามแต่ยังไม่ค่อยได้ผลดีนัก พยายามฝึกจิตใจ ให้เข้าใจตัวเอง เข้าใจคนอื่นๆ ก็มีความสุขตามอัตภาพ ไม่ค่อยมีทุกข์ ไม่ค่อยกลัวอะไร

แต่คืนวันที่ 4 ตค. นี่ นอนคิดตลอดเวลา ถ้าตรวจแล้วเป็นมะเร็งขึ้นมาแล้วจะทำยังไง ? ครอบครัวจะเป็นยังไง ? แม่นุ ลูกๆ จะเป็นอย่างไร ? ไปโน่นเลย ไม่ได้เป็นห่วงกิ๊กเลยนะครับ เพราะไม่มีครับ พี่น้อง…

ปกติจะพยายามฝึกให้มีสติ โกรธให้รู้ว่าโกรธ อยากให้รู้ว่าอยาก กลัวก็ให้รู้ว่ากลัว แล้วความโกรธก็มักจะหายไป ความอยากก็จะหายไป ความกลัวก็จะหายไป ( แต่บางครั้งก็ช้าหน่อย กว่าจะมีสติ รู้ตัว อิอิ ) แต่คราวนี้ รู้ว่ากลัว กังวล แต่ก็ไม่ยักหายกลัว หายกังวล สารภาพเลยครับ

หลังจากตรวจแล้ว ผลปกติดีหมด ก็รู้สึกดีขึ้นมาก หาอะไรกินใหญ่เลย เพราะต้องรีบไปรับน้าอึ่งอ๊อบ แล้วไปรับหมอเจ๊ที่สนามบิน แถมพาหมอเจ๊ไปเที่ยวต่อจนถึงสองทุ่มเศษ ( สายรายงานว่า เข้าบ้านแล้ว น้าอึ่งอ๊อบกับหมอเจ๊ยังเอารถเครื่องไปเดินเล่นที่ถนนคนเดินอีก )

มานั่งทบทวนดู นี่ขนาดฝึกจิตฝึกใจมานานพอสมควรแล้ว แค่นัดตรวจนะครับ ยังไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย ยังปรุงแต่งไปโน่นเลย เกิดความกลัว ความกังวลขนาดนี้ แล้วถ้าผลออกมาว่าเป็นโรคร้ายๆอะไรสักอย่าง จะรับได้ไหม ? สภาพจิตใจจะเป็นอย่างไร ? เอ๊ะ เราฝึกมาผิดทางไหม ? หรือว่ายังฝึกฝนไม่พอ แต่ยังไงๆก็คงต้องฝึกฝนต่อไป

คงต้องฝึกให้มีสติมากขึ้น มองอะไรๆด้วยใจเป็นกลางมากขึ้น ยอมรับธรรมชาติมากขึ้น

ใครมีคำแนะนำอะไรดีๆ เชิญเลยนะครับ อิอิ

Post to Facebook Facebook

« « Prev : ต่อครับ ต่อ : ทำไมต้องรอจนถึงวันนั้น ?

Next : ไปนอนอัมพวา อิอิ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

6 ความคิดเห็น

  • #1 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 13 ตุลาคม 2008 เวลา 23:22

    ขออนุญาตแจมนะครับ

    ความกลัวเกิดในใจเรา แล้วอยู่กับเราแป๊บเดียวครับ แต่ในระหว่างที่ยังกลัวอยู่ เป็นทุกข์ชะมัดเลย

    ถ้าสิ่งที่กลัวเป็นจริง มันก็เป็นจริงใช่ไหมครับ ถึงอย่างไรก็หนีความจริงไปไม่พ้นไม่ว่าจะใช้เหตุผลอะไรมาปลอบใจตัวเอง จึงไม่มีประโยชน์อีกต่อไปที่จะกลัวความจริงเพราะว่ามันเป็นจริงไปแล้ว และไม่ต้องกลัวอีกต่อไปว่ามัน “จะ” เป็น — ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ที่เราต้องทำคือหาทางแก้ไขบรรเทาต่อไป

    ส่วนถ้าสิ่งที่กลัวนั้นไม่เป็นจริง เราก็คลายทุกข์ลงอย่างรวดเร็ว อาจจะขำตัวเองด้วยซ้ำไปใช่ไหมครับ

    แต่ถึงอย่างไรความกลัว ไม่เคยอยู่กับเราอย่างถาวรครับ เป็นเพียงอารมณ์ชั่วคราว แต่ในที่สุดก็จะผ่านไปทั้งนั้น

    ที่พูดมาทั้งหมดนี้ เป็นทฤษฎีนะครับ ผมก็ทำไม่ได้เพราะยังไม่หลุดพ้น อิอิ(อิ) แต่ก็ยังคิดว่าถ้าเราตระหนักว่ากำลังเผชิญอยู่กับอะไร ก็จะตั้งสติได้เร็วครับ เช่นเวลาโกรธ ถ้ารู้ตัวว่าโกรธ ไม่นานก็หายครับ

    แม้ตอนนี้ท่านจอมป่วนจะไม่กังวล แต่ความเสี่ยงของมะเร็งก็ยังมีอยู่เช่นเดิม เพราะว่าการตรวจไม่พบมะเร็งนั้นแปลว่าตรวจไม่พบเฉยๆ แต่ไม่ได้แปลว่าปราศจากเซลมะเร็งอยู่ในร่างกาย (ซึ่งเซลมะเร็งที่ตรวจไม่พบอาจจะกำลังแบ่งตัวกันอย่างสนุกสนานอยู่ก็ได้) ใช่ไหมครับ

  • #2 จอมป่วน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 14 ตุลาคม 2008 เวลา 0:25
    ท่านรอกอด  ขอบคุณมากครับที่ช่วยแนะนำ

    ตามไปอ่านบันทึกแล้วนะครับ  ดีมากเลยครับ

    แต่ไอ้ตอนสรุปตอนท้ายนี่  ปลอบใจได้ดีมากเลยครับ  ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

  • #3 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 14 ตุลาคม 2008 เวลา 8:32

    หลังจากขำกับคำปลอบใจของคุณรอกอด ก็ได้เวลาพิจารณาว่าเห็นสิ่งใดบ้างเพื่อช่วยเสริมคำตอบของท่าน..เลยยกมาในสิ่งที่คิดว่าพอจะ ” ตอบ ” คำถามได้บ้างค่ะ

    การดูแลสุขภาพก็พยายามอยู่ พยายามออกกำลังกาย การกินก็กินปริมาณที่พอดีๆ ไม่มากเกินไป ควบคุมน้าหนักตัวได้ ( พยายามกินให้ได้สัดส่วนที่เหมาะสม พยายามหลีกเลี่ยงพวกไขมัน และอาหารที่ไม่มีประโยชน์ แถมเป็นอันตรายต่อสุขภาพ นอนให้พอเพียง ) ในวงเล็บหมายถึงพยายามแต่ยังไม่ค่อยได้ผลดีนัก พยายามฝึกจิตใจ ให้เข้าใจตัวเอง เข้าใจคนอื่นๆ ก็มีความสุขตามอัตภาพ ไม่ค่อยมีทุกข์ ไม่ค่อยกลัวอะไร

    แต่คืนวันที่ 4 ตค. นี่ นอนคิดตลอดเวลา ถ้าตรวจแล้วเป็นมะเร็งขึ้นมาแล้วจะทำยังไง ? ครอบครัวจะเป็นยังไง ? แม่นุ ลูกๆ จะเป็นอย่างไร ? ไปโน่น..

    คุณหมอเห็นอะไรมั้ยคะ  ^ ^ …ตอนแรกที่เราคิดว่าไม่กลัวนั้นเป็นเพราะทุกสิ่งเรา”ควบคุมได้” ในระดับหนึ่ง..แต่พอนอกเหนือการควบคุมของเรา และเกี่ยวข้องกับทุกสิ่งที่เรารัก เราห่วง หวงเมื่อนั้นเราจะเห็นถึงความกลัวชัดเจนเพราะเกี่ยวกับการพลัดพราก และพบว่ายังมีสิ่งที่เป็น Unfinished business มากมาย..ซึ่งเป็นทุกคนค่ะ จะมากจะน้อยจะนานหรือสั้น อุ้ย ..จะนานหรือไม่นาน ก็เป็นถ้ายังไม่หลุดพ้น 

    ทำให้นึกย้อนกลับไปถึงผู้ป่วยและญาติมั้ยคะ ? และเบิร์ดนึกถึงคำว่าออกจากพื้นที่ไข่แดง..เราจะเห็นความมั่นคง กล้าหาญในตัวเองว่ามีเพียงใด เมื่อเราอยู่ในพื้นที่นอกเหนือการควบคุมของเราถือเป็นความก้าวหน้าทางธรรมที่โดดเด่นมากเลยนะคะ เพราะเห็นตัวเองชัดและได้เผยแผ่ธรรมนี้ด้วย…สาธุค่ะ

  • #4 jchrn ให้ความคิดเห็นเมื่อ 14 ตุลาคม 2008 เวลา 10:05

    แล้วมันก็ผ่านไป

    ดีใจด้วยค่ะที่สบายใจ..มิน่าตอนประชุมเห็นกินไม่หยุด….5555

    จอมป่วนดีมากเลยค่ะ ที่เขียนบันทึกนี้…เริ่มเข้าวิถีธรรมชาติแล้ว…คือ..รูปไปทาง เรื่องไปทาง …อิอิ…

    (การชักเรือให้ใบเสียคือความสามารถพิเศษของอุ้ย..ห้ามลอกเลียนแบบ..ก๊าก)

  • #5 พี่นิด ให้ความคิดเห็นเมื่อ 14 ตุลาคม 2008 เวลา 21:03

    ใช่แล้วค่ะ ปูนนี้แล้ว อย่างพี่สุพูด อืม..พี่นิด  เข้าใจ อย่างท่านคอนฯ เราหนีความจริงไม่พ้น  สอนลูกเสมอๆๆ  ทุกคนต้องอยู่กันได้  ถ้าเกิดวันใดวันหนึ่งไม่มีแม่หรืดพ่อแล้ว จริงนะ บอกลูกมานานแล้ว  พ่อแม่จะอยู่ช่วยเราตลอดชีวิตไม่ได้นะ  ฝึกลูกให้ช่วยเหลือตัวเอง เรื่องความเป็นอยู่ง่ายๆ 2สาว ซักผ้า รีดผ้า หุงข้าว ทำกับข้าว ทานได้  ตั้งแต่ ประถม 3ประถม 4  อืม …กว่าจะได้ลูกแต่ละคน ยากมากกกก รอดเป็นตัวตน สมบูรณ์  แม่ตกเลือด ครั้งละเป็นกะละมัง นอนระทม สายระโยงระยาง เลยไม่กลัว เจ็บ กลัวไข้ ต้องการเค้าเกิดมาเพื่อเรา   ถ้าถามว่าโหดกับลูกป่าว ไม่นะ ใจแข็ง  เค้าจะได้เรียนรู้ชีวิต การดำเนินชีวิต  ขำ… ที่สุด ตอนเข้าค่าย   ทั้งกลุ่มลูกเรากางเต้นท์ได้คนเดียว เวลาทะเลาะกัน ก็บอกเค้า 2 คน พี่น้องต้องอยู่ด้วยกันนะ  ข่วยเหลือกัน ตัดใด ตัดได้ ตัดพี่น้องไม่ได้หรอก  พร่า เสียยาว ไปดีกว่าอิอิ

  • #6 สิทธิรักษ์ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 14 ตุลาคม 2008 เวลา 22:29

    ครับ  เรื่องจิต เรื่องความเป็นจริง มันยังคงวนเวียนอยู่ข้างกายไม่มีวันจบสิ้น

    บางสิ่ง บางความคิดที่มันยังคงอยู่  อาจเป็นเพราะ ความหวัง ความจริง ความต่อเนื่องในสิ่งที่กระทำอยู่

    สิ่งแวดล้อม รวมทั้งความเป็นจริงที่กำล้งเกิด และยังไม่ได้เกิด

    สิ่งสำคัญที่สุด เราทำตัวเราเองซับซ้อน ซ่อนเงื่อนกันขนาดไหน  ตลอดมาเราอยู่ในความเป็นจริง หรือตัวตนที่แท้จริงของเราหรือเปล่า  ความต้องการที่ซับซ้อนนี่เอง เป็นมูลฐานแห่งจิต  ถ้าเราคือเรา ภาพที่แท้จริงคือเรา
    ทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคต   คือความจริง  มันจะช่วยให้คลายความวิตกกังวลน้อยลง

    ถ้าครอบครัวที่อยู่กับความเป็นจริง ทั้งสิ่งแวดล้อม และปัจเจก  ล้วนแต่ส่งเสริมให้ความวิตกกังวลให้ลดน้อยลงได้
    ฉนั้น เราคือเรา ตัวกูคือกู  ทั้งหมดที่สามารถอธิบายได้ และเข้าใจได้ สิ่งแวดล้อมทั้งครอบครัว และญาติพี่น้องคงได้คลายวิตกไปได้ครับ
    ประเด็นนี้น่าศึกษามากครับ  มันประสมประสาน ความจริง ธรรมมะ ความคิด
    ขอบคุณมากๆครับ หมอ ที่ดีของผม


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.19223809242249 sec
Sidebar: 0.048585891723633 sec