ความสุข
เมื่อปลายปีที่แล้วได้งานสังสรรค์พบปะผู้คนและพูดคุยกันมากมาย มีคนหนึ่งถามเราว่า จุดมุ่งหมายของเราในการทำงานคืออะไร เราตอบไปแบบสบาย ๆ ว่าเราขอแค่มีความสุขกับการทำงาน คนถามมองหน้าเราพักนึงเหมือนไม่เชื่อ และบอกเราว่าเขาไม่ได้ยินคำตอบแบบนี้มานานแล้ว ตอนเราตอบก็ลืมไปว่ากำลังสวมหัวโขนอะไรและลืมไปว่าอยู่ท่ามกลางผู้ยิ่งใหญ่ เลยไม่ได้คิดหาคำตอบที่สวยหรู เพราะคำตอบนั้นคือสิ่งที่เราบอกตัวเองอยู่ตลอดเวลา ทำงานอย่างมีความสุข
แต่แล้วเมื่อสองวันที่ผ่านมา เราเผลอลืมสิ่งที่เราเคยบอกตัวเองอยู่ตลอดเวลา เรากลับหลงใหลไปกับความชื่นชมจากคนรอบข้าง จนรู้สึกว่าความสุขในใจที่เคยมีมันหายไป
การนำเสนอผลงานวิจัยเมื่อสอง วันก่อนประสบความสำเร็จอย่างที่เราคาดไม่ถึง จนหัวใจเราพองโต กลับบ้านมาอย่างมีความสุขและคิดวกไปวนมาอยู่แต่กับคำชมที่ได้ยิน
เมื่อวานไปทำงานตามปกติ ยังมีคนพูดถึงและมาถามถึงงานที่เราเสนอเมื่อวาน มีรุ่นน้องมาขอไฟล์ที่เราใช้นำเสนอเพื่อเอาไว้ดูเป็นแนวทาง สิ่งเหล่านี้ยิ่งทำให้เราเป็นปลื้มมากขึ้น แต่หารู้ไม่ว่าเรากำลังติดสิ่งเสพย์ติด เสพย์ติดการสรรเสริญเยินยอและชื่นชม
วันนี้ตื่นสายนิดหน่อย แต่แทนที่จะเตรียมพร้อมออกไปทำงานเหมือนที่เคยเป็น กลับตื่นมานั่งเฉย ๆ เปิดคอม อ่านข่าว ทานข้าวเช้า นั่งดูหิมะตกจากหน้าต่าง ไม่มีความรู้สึกอยากไปทำงาน แต่กลับนั่งทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นในสองวันที่ผ่านมา ความหลงใหลเป็นปลื้มมักมาด้วยกันกับความหลงตัวเองและมองข้ามหัวคนอื่น เรากำลังจะไปทำงานเหมือนที่เราเคยทำ แต่เราจะทำเพราะเราอยากให้คนอื่นชมว่าเราเก่ง มากกว่าที่เราจะทำงานเพราะเรารักที่จะทำสิ่งนั้น นี่ไม่ใช่ความสุขในการทำงานสำหรับเรา
ความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นได้เสมอและเกิดขึ้นได้หลายครั้ง มากบ้างน้อยบ้าง อยู่นานบ้างเร็วบ้าง แต่สิ่งที่เราต้องเรียกหากลับมาให้เร็วที่สุดคือ สติ
วันนี้เราไม่ได้ทำงาน แต่ออกไปทำอะไรเรื่อยเปื่อย ทานข้าวเที่ยงกับเพื่อน เดินดูดอกไม้ในร้านและในตลาด ซื้อของที่จะเอาไปร่วมมื้อค่ำสุกี้พรุ่งนี้ กลับบ้านมาฟังเพลง ดื่มชา เก็บกวาดห้อง ซักผ้า ทำผัดกระเพรา ทำถั่วแดงปั่นกินกับน้ำเต้าหู้อุ่น ๆ แต่ในระหว่างที่ทำสิ่งเหล่านี้ เราพยายามเรียกสติตัวเองกลับมา เรียกความคิดความรู้สึกก่อนสองวันนั้นกลับมา พร้อมกับเก็บคำชื่นชมเหล่านั้นไว้เป็นเสบียงกำลังใจสำหรับวันต่อไป
คืนนี้เราได้สติกลับมาในระดับหนึ่ง ได้ความรู้สึกรักในงานที่เราทำกลับมาอีกนิดหนึ่ง เราทำงานต่ออีกเล็กน้อย ทำด้วยความรู้สึกสุขจากข้างใน … ราตรีสวัสดิ์
Next : ได้เวลาคิดเรื่องงานวิจัย » »
5 ความคิดเห็น
มันเป็นเรื่องธรรมชาติ เพราะเราก็คือส่วนหนึ่งของธรรมชาติ เมื่อเข้าใจก็รับรู้ว่ามันเป็นธรรมชาติ เก็บไว้เพื่อตามดูผลว่า ปฏิกริยาโต้ตอบของมันต่อไปค่ะ ทำดีได้ดีค่ะ
ชอบครับ ชอบการตั้งคำถามกับตัวเอง
และตัวเราเองได้ตอบ ตอบตัวเอง ตอบความรู้สึกนึกคิดตัวเอง
หยั่งรู้ตัวเอง ประเสริฐแท้ครับ
สวัสดีค่ะคุณ Lin Hui และคุณ bangsai
ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะเคยรู้สึกว่าตัวเองติดอยู่กับการชื่นชม ถ้าไม่มีใครชมก็เศร้าใจ แต่เวลามีคนชมก็อยากให้ชมมากกว่าเดิม จนถึงจุดจุดหนึ่งที่เรารู้สึกว่าเมื่อไหร่จะพอ คงเป็นตอนนั้นที่ทำให้ได้สติกลับมาค่ะ
บันทีกการมองตนเองแบบนี้ ช่วยเตือนสติให้ผู้อ่านให้ได้ระวังใจตัวเองด้วยค่ะ ขอบคุณนะคะ
ไม่แน่ใจว่าจะแทนตัวเองว่าอย่างไร..เลยใช้คำว่า “ผู้อ่าน” ไปก่อน..อิ อิ
หลายครั้งที่เราเต้นตามจังหวะที่คนอื่นกำหนด อยู่เฉย ๆ กับตัวเองก็ช่วยเรียกสติได้เยอะค่ะ
แทนตัวผู้เขียนยังไงดีล่ะเนี่ย ขอเป็นน้องล่ะกันนะคะ อ่ะแฮ่ม อิอิ