มองมุมเด็ก
อ่าน: 70546มีโอกาสมีช่วงเวลาทำให้ต้องได้เป็นที่ปรึกษาการทำโครงงานเด็กบ้างบางกลุ่ม มีโอกาสได้ทราบวิธีคิดวิธีมองของเด็ก ๆ วิธีคิดวิธีทำงานนอกห้องเรียนกับเด็ก
โจทย์ที่หนัก อุปสรรคที่มี
>ได้ไปติดตามซ่อมแซมกระจกห้องเรียนที่แตกเสียหาย
>วิ่งเล่นกันเสียงดังบนอาคาร
>พูดจาไม่ไพเราะเสนาะหูจนเป็นเรื่องธรรมดาไป
>แต่งกายไม่เรียบร้อย
>ทิ้งขยะเรี่ยราด
>ไม่รับผิดชอบของใช้ส่วนตัวสมุดดินสอ ปากกา
>ขาดการจัดระเบียบวางแผนการทำงาน ขาดการเชื่อมโยงความคิดที่เป็นเหตุเป็นผล
>โยนรองเท้าลงมาจากชั้นบนอาคาร
>ขีดเขียนโต๊ะ ผนัง
>การนึกถึงผู้อื่นน้อยไปหน่อย ฯลฯ นับเป็นโจทย์หนัก ที่เหนี่อยสำหรับครูยุคปัจจุบัน ที่มองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นอุปสรรคขัดขวางในการเรียนรู้ เป็นพฤติกรรมที่ควรแก้ไข ครูคอยเป็นแมวไล่จับหนู ครูเริ่มออกคำสั่งไม่ได้ผล
ปัญหาของผู้ใหญ่ เด็กอาจจะมองว่าไม่ใช่ปัญหาของเด็กซักหน่อย หรือเด็กเคยชินจมอยู่กับปัญหาจนเป็นเรื่องปกติธรรมดา ทำไมวินัยเล็กๆน้อยๆ ทำไม ผู้ใหญ่ได้แต่บ่น ๆๆ และเหนื่อยๆๆๆ เด็กกับครูเลยอยู่คนละฝ่าย ทั้งๆที่ครูพยายามนึกย้อน เข้าใจ ตอนที่ครูเป็นเด็กมาก่อน แต่ปัจจัยตัวแปรแต่ละยุคสมัยอาจจะทำให้ครูแก้โจทย์ไม่ค่อยออกหรือลืมความเป็นเด็กซนๆไปเสียแล้ว
ลองใช้การเริ่มไปสำรวจเรียนรู้เกี่ยวกับตัวเด็กนอกห้องเรียน เดินเข้าหาเด็ก ไปช่วยอำนวยความสะดวก อาสาหาอุปกรณ์ให้ หาอาสาสมัครช่วยจัดสวนหย่อม หาโอกาสชมเชยสิ่งที่เด็กทำได้ หาความเก่ง ความดี ในตัวเด็กให้เจอ เปิดโอกาสให้เด็กได้คิด ได้ทำ ได้เล่น เก็บ กวาดใบไม้ เก็บดอกไม้ทำพวงมาลัย ทำสีจากดอกไม้ หาโอกาสทักทายซักถามเด็กๆที่เดินหาอุปกรณ์ เดินสำรวจชื่อพันธุ์ไม้ ทำกิจกรรมจิตอาสาตามแต่ความถนัด ให้อาหารกบ อาหารปลา มีเวลาก็ไปยั่ว ไปยุ แหย่ ขอให้เด็กช่วยสอนเล่นฮูลาฮูป เล่นตะกร้อ ฟุตบอล ปิงปองไปพร้อมกับเด็ก กิจกรรมโครงงานก็ไปแกล้งตั้งคำถามให้เด็กได้อธิบายที่มาที่ไป ไม่ยึดคำตอบเดียว เปิดกว้างให้ได้คิดออกมาก่อน ใช้ชีวิตร่วมกันกับเด็ก เห็นวิธีแก้ปัญหาของเด็ก จะผิดหรือถูกค่อยมาว่ากัน คอยหาโอกาสเฝ้ามอง สืบค้นเรื่องราวที่ครูสงสัยว่าเด็กคิดไม่เหมือนเรา หรือเราคิดต่างจากเด็กกันแน่
จากจุดเล็กๆ ที่ครูได้รับเป็นอันดับแรกคือสัมพันธภาพที่ดีครับ การยอมรับซึ่งกันและกันมากขึ้น โจทย์ที่หนัก อุปสรรคที่มีคงจะแก้ไขให้ลุล่วงร่วมกันไม่ยากนัก
หาโอกาสชมเชย ให้เด็กได้ทำ ได้เล่น เกิดจิตอาสา