พิษรักสะบักสะบอม****

อ่าน: 4573

ผมมีหนุ่มหล่ออยู่2ตัว เจ้ามอม กับ เจ้าดอก..เป็นหนุ่มทั้งคู่ ที่ผมไม่เลี้ยงหมาเพศเมีย เพราะเกรงจะออกลูกมาเยอะ เวลาเรายกลูกหมาให้คนอื่นไปเลี้ยง ตัวแม่ก็จะทำตาปริบๆ..ทารุณจิตใจทั้ง2ฝ่าย ก่อนหน้าโน้นแม่เจ้ามอมออกลูกหลายตัว ผมจับแจกชาวบ้านหมด ในจิตใจของแม่เจ้ามอมคงโศกเศร้าอย่างแสนสาหัส จนกระทั้งเกิดเจ้ามอม คุณแม่เก็บตัวคุณลูกไว้มิดชิด เ ร า ไ ม่  ท ร า บ เ ล ย ว่ า ห ม า ที่ บ้ า น มี ลู ก  ปกติลูกหมาก็จะต้องร้องบ้างละนะ เพราะห้องคลอดอยู่ใต้บันไดบ้าน เดินเข้า-ออกทุกวัน แม่เจ้ามอบทำอย่างกับติดเครื่องเก็บเสียงอย่างนั้นแหละ ..

เจ้ามอมน้อยก็ไม่เคยโผล่ออกมาให้เห็น

จนกระทั้งเวลาผ่านไปหลายเดือน

เจ้ามอมหย่านมตัวอ้วนจ้ำหม่ำ

วั น ห นึ่ ง ม อ ม น้ อ ย ห ลุ ด อ อ ก ม า ภ า ย น อ ก

ผมจับอุ้ม..หัวใจเต้นแรง ตับๆๆ..ตัวสั่นเทาด้วยความกลัว

เพราะมันไม่เคยเห็นหน้ามนุษย์ตลอดเวลา2เดือนที่เกิดมา

ผมนึกไม่ออกว่า..แม่เจ้ามอมมีวิธีสอนลูกให้เชื่อฟังอย่างเคร่งครัดได้อย่างไร?

หลังจากออกมาสัมผัสโลกภายนอก เจ้ามอมก็ปรับตัวทีละน้อย นิสัยติดตัวแต่เล็กแต่น้อยก็คือจะไม่สุงสิงใคร จะคอยอยู่ทอดระยะอยู่ห่างๆ ไม่สนิทสนมใครง่ายๆ พอโตมาหน่อยมอมก็คาบรองเท้าไปซ่อนด้วยทักษะพิเศษ ..รองเท้าใครหายยากนักที่จะตามเจอ มันจะคาบไปซ่อนมิดชิดในที่ไกลๆ และแยกข้างซ่อนคนละทิศละทางด้วยนะเธอ ผมและแขกที่มาสูญหายรองเท้าไปหลายสิบคู่

ไม่รู้จะดัดนิสัยซ่อนรองเท้าอย่างไร

จึงคิดที่จะยกเจ้ามอมให้คนอื่นไปเลี้ยง

แต่นัดแล้วไม่มารับ..เจ้ามอมก็รอดตัวไป

แต่หลังจากนั้นนะเธอ เกิดอาเพศอะไรก็ไม่ทราบได้ เจ้ามอมเปลี่ยนนิสัยจากหน้ามือเป็นหลังมือ ไม่คาบรองเท้า ไม่ไล่สัตว์ แต่ยังสงบเสงี่ยม จงรักภักดีเราอย่างเหลือเชื่อ เราขับรถออกจากบ้าน มอมที่นอนเฝ้ารถตลอด ก็จะลุกวิ่งออกไปส่งเป็นระยะทาง2-300เมตร ขากลับมอมก็จะไปดักที่ต้นทาง เพื่อวิ่งนำทางเราเข้าบ้าน เปิดประตูรถปั๊บ! มอมก็จะเข้ามาส่งเสียงงึดง๊าดๆ..คล้ายจะถามว่าทำไมไปนานจัง ผมนอนที่ไหน มอมก็จะไปนอนเฝ้า ถ้าเราขึ้นนอนบนบ้านหลังใหญ่ มอมก็จะไปนอนเฝ้ารถ ทำหน้าที่จงรักพิทักษ์นายได้อย่างน่าชื่นชม

มอมเป็นหมาร่างใหญ่ หล่อสง่างาม ขนสีน้ำตาลสลวย แข็งแรง อยู่มาจนกระทั้งมอมเป็นหนุ่ม แต่มอมก็ไม่เคยวิ่งออกจากสวนไปเที่ยวเลยสักครั้ง ปีนี้แหละมีหมาล่าเนื้อสาวๆ2-3ตัว วิ่งตามเจ้าของที่มาเลื่อยไม้ในสวน บางวันก็กลับตามเจ้าของ บางวันก็อยู่ให้ท่าหนุ่มล่อ แต่มอมก็สงวนเนื้อสงวนตัวไม่วอแวกับสาวสวยเหล่านั้น จนกระทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา เข้าช่วงหมาจับคู่ขยายพลเมือง มีหมาสาวๆหนุ่มๆมาคลุกคลีในสวนเป็นโขยง วิ่งต้อนหน้าต้อนหลัง..ร้อง เห่ากันเกรียวกราว ที่ซ้ำร้ายกัดฟัดกันแย่งนางเอกอย่างเอาเป็นเอาตาย

รักแล้วต้องแย่งชิง..มันเอิกเริกและชุลมุนเหลือประมาณ

บางทีก็ประกอบกิจต่อหน้าเรานั่นแหละ

มาเป็นฝูงเธอเอ๋ย..ไล่ก็ไม่ไปง่ายๆด้วยนะ

กลุ้มรุมเอะอะมะเทิ่งทั้งวัน

นึกๆไปแล้ว..ก็ เ ห็ น ใ จ ค ว า ม สุ ข ข อ ง สั ต ว์ โ ล ก

ปีนี้พระเอกของเราก็เข้าไปร่วมวงกับเขาด้วยเหตุการณ์เฉพาะหน้า ตะลุมบอลแย่งนางเอกจนแปลงผักผมป่นปี้ยับเยิน มะเขือ พริก ต้นและกิ่งหักเละเต็มพื้น แหม!..เจ้าพวกนี้..จะแสวงหาความสุขกัน มันทำไมต้องก่อความเดือดร้อนคนอื่นด้วย ศึกชิงนางใช้เวลาประมาณ1เดือน หลังจากนั้นรักก็ร้างรา..ต่างตัวต่างกลับไปเฝ้าเคหาของใครของมัน เรื่องไม่จบเท่านั้นหรอกนะเธอ เราสังเกตเห็นเจ้ามอมมันเหงาหงอย ตอนแรกนึกว่ามันติดใจและคิดถึงแฟนๆ มีวันหนึ่งมันนอนยกขาให้ผมดูแผลที่โดนกัด โอ้โห! ไข่บวมเป่ง ที่ไข่มีแผลลึกยาว2-3แห่งๆละ1ซม. จึงจับใส่แผล และให้โฉมยงออกไปซื้อยาอ๊อกซี่มัยซินมาขวดหนึ่ง ผมฉีดยาให้วันละเข็ม ใส่ยาให้เช้า-เย็น รอดูอาการว่าจะเป็นฉันใด แต่ถึงกระนั้นนะเธอ ทั้งที่ไขบวมเจ็บแผล มอมไม่เลยละทิ้งหน้าที่วิ่งโขยกๆไปรับไปส่งเราเป็นปกติ

คุณชายเอ็นดูเจ้ามอมและเจ้าดอกมาก

จะเลี้ยงไก่ทอดประจำ

เจ้ามอมกับเจ้าดอกมีโภชนาการที่ดีขึ้น

ต่อจากนี้ไปก็จะรอดูผลงานของ..เจ้ามอม

ลูกเต้าออกมาจะเป็นฉันใด

มอมผสมพันธุ์กับหมาล่าเนื้อ

หมาล่าเนื้อจะสงบเสงี่ยม ไม่เห่า

ลูกมอมออกมาถ้าได้สายเลือดพ่อและแม่ด้านนี้

คงจะเป็นลูกหมาที่มีนิสัยที่น่ารักก็เป็นได้

แต่..แหม! กว่าจะได้ลูกสืบสกุล

เล่นเอาพวงไข่แทบขาด

ไม่รู้ไปพลาดอีท่าไหนให้โดนกัดกล่องดวงใจจนเวอะ

พิษรักแรงหึง..จากการชิงรักหักสวาทก็เป็นอย่างนี้แหละเธอเอ๊ย..

รูปหล่อมานอนรอยาแบบหมดสภาพ

ให้ความร่วมมือโชว์แผล

อาการไม่น้อยเลย ไข่แทบแตก

รักนี้จำไปนานแสนนาน ทรมานกล่องดวงใจเป็นบ้า


ฝนนี้จะปลูกต้นอะไรดี?

อ่าน: 4797

คนที่ตั้งต้นจะทำการปลูกสร้างสวนป่า

มักจะสาละวน..ไม่รู้จะปลูกต้นอะไรดี

  • จะทำการเกษตรควรจะปลูกต้นไม้ต้นความคิดก่อน

ต้นความคิดเป็นอย่างไรรึ คงไม่มีคำตอบตายตัว ขึ้นกับช่วงนั้นๆเรามีความคิดที่จะอยากจะปลูกต้นหมากรากไม้ รึอยากจะทำไร่ทำนา ทำการเกษตรอินทรีย์ ทำเกษตรพอเพียงก็แล้วแต่ ไม่มีผิดมีถูก..สำหรับคนที่ไม่คุ้นชินก็ทำไปสังเกตไป ทดลอง ลงมือเรียน..แล้วก็จะรู้มากขึ้นตามลำดับ แต่ถ้าเราลงมือศึกษาภาคทฤษฎีบ้าง ต้นความนึกคิดก็จะลึกซึ้ง เข้าใจจนเกิดความตระหนัก

  • หลังจากปลูกต้นความคิด ต้นความคันก็จะตามมา

เกิดการคันไม้คันมืออยากจะปลูกๆๆและปลูก ถ้าให้ดีขั้นตอนนี้ก็ควรจะเรียนให้รู้ก่อนอีกนั่นแหละ เราจะวางผังความคิดได้เราต้องมีความรู้ เราจะทำการเกษตรแบบไหนถึงจะเหมาะสมและได้ประโยชน์หลายวัตถุประสงค์ไปพร้อมๆกัน จะปลูกต้นอะไรบ้าง ปลุกอะไร-ก่อนหน้า-หลัง วิธีปลูก ระยะการปลูก การดูแล การบำรุง การนำมาใช้ประโยชน์ การจัดการให้ผสมผสานอย่างยั้งยืน ทำให้ดี..ปลูกครั้งเดียวจบ รับประโยชน์ได้สืบเนื่องตลอดไปชั่วลูกชั่วหลาน

  • ต้นไม้ชุดที่3 น่าจะเป็นต้นผสมผสาน

ถ้าสังเกตป่าไม้ เราจะไม่เห็นมีป่าผืนใดเลยที่เกิดไม้เชิงเดี่ยวชนิดเดียว เช่น ป่าอ้อย ป่ามันสำปะหลัง ป่าไม้ยางพารา แสดงว่าชุดความรู้ของมนุษย์ที่มาจัดการแปลงสภาพพื้นที่ป่าธรรมชาติให้เป็นป่าไร้ธรรมชาติ พื้นที่ๆเปลี่ยนแปลงจำนวนมหาศาลด้วยน้ำมือมนุษย์หลายล้านๆไร่ จึงเป็นพื้นที่ผิดปกติทางระบบนิเวศ เมื่อมันผิดแผกจากความถูกต้องและเหมาะสม มันทำให้เกิดผลกระทบต่างๆนานา นับตั้งแต่ความเสื่อมโทรมมากขึ้น ทำให้เกิดภัยพิบัติ แห้งแล้งสลับกับวาตภัย

มันพิลึกมากไหมละครับ? ที่มนุษย์เอาป่าไม้ที่สมบูรณ์มาทำให้เป็นพื้นที่เสื่อมโทรม แล้วก็แสดงความรู้พลิกแพลงที่นึกว่ามีประสิทธิภาพกว่าการจัดการของธรรมชาติ เธอเคยเห็นป่าธรรมชาติที่ไหนเสื่อมโทรมโดยตัวมันเองไหม? ความหลากหลายทางชีวภาพนั้นเป็นหลักการที่ยากจะหาวิทยาการอื่นๆมาทดแทนได้

หลายคนจะลงมือทำการเกษตร ก็มุ่งไปเรื่องทำไร่ทำนา เพราะสนองตอบต่อความต้องการของตนเอง มีงานทำ มีอาหาร มีรายได้ ได้รับประโยชน์คุ้มค่าคุ้มทุน ถามว่าผิดไหม? ไม่ผิดหรอก แต่ถ้าผสมผสานเป็นการทำแบบ ไร่นาป่าผสม เธอจะได้ประโยชน์เพิ่มขึ้นอีกหลายขั้น

ปลูกหลากหลายรูปแบบ  เช่น

พืชอายุ 3 เดือน ผักสวนครัว พริก มะเขือ ถั่วฟักยาว คะน้า ต้นหอมผักชี ฯลฯ

พืชอายุ 12 เดือน มะละกอ กล้วย เผือก มัน ข่า อ้อย ฯลฯ

พืชอายุ 3 ปี มะนาว เพกา มะกอก มะกล่ำ มะกรูด ไผ่หวาน ฯลฯ

พืชอายุ 5 ปี มะม่วง มะพร้าว มะตูม มะดัน มะเฟือง มะไฟ ฯลฯ

พืชอายุ 10 -100 ปี ผักยืนต้น ไม้ยืนต้นต่างๆ

วันนี้คนงานเก็บเห็ดโคนยักษ์กับเห็ดระโงกมาให้อีก ผักสดเยอะช่วงนี้ ไม่มีอะไรดีไปกว่าทำอาหารพื้นบ้าน รับประทานผักสดมากๆ ลดเนื้อสัตว์ แถมผลไม้มากๆก็ดีนะ อีกหน่อยจะเข้าหน้าหนาวแล้ว มหกรรมปลูกผักสนุกๆก็จะพรั่งพรูอีกครั้งหนึ่ง ผักหน้าหนาวนั้นหวานกรอบนัก ถ้าดึงยาวจากวสันตฤดูเข้าสู่เหมันต์ สุขภาพเราก็จะแข็งแรงขึ้น

คนไทยโชคดีมหาศาล

ฤดูร้อนแล้งก็ยังมีผักเฉพาะช่วงนี้ออกมาให้กินอย่างพอเพียง

ฤดูฝนฤดูหนาวก็มีผักกลุ่มเฉพาะอากาศออกมาให้เลือกชิม

เมนูแต่ละพื้นถิ่นจะฟื้นฟูขึ้นมาได้ เราต้องปลูกผักกันบ้าง ชวนกันทำอาหารสืบทอดประเพณีไว้ ของดีแถมอร่อยจะปล่อยให้เลือนหายไปทำไมละเธอ คอยดูเถิดในอนาคต คนไทยจะโหยหาอาหารพื้นไทยๆเรานี่แหละ ถ้าผองไทยเข้าใจอัตลักษณ์ไทยว่ามันไม่ธรรมดา

นับแต่นี้ไปอาหารการกินจะมีราคาแพงขึ้น

เมนูสารพัดจะมาผสมปนเปกันมากขึ้น

ถ้ามองไม่เห็นจุดแข็งของเราเอง

อาหารลูกผสมก็จะครองกระเพาะคนไทย

อาหารไทย ขนมไทย ผลไม้ไทย ก็จะลดความสำคัญลง

ตอนนี้มาม่าก็ครองพื้นที่กระเพาะไปแล้วหลายส่วน

เขียนมาถึงตอนนี้

ก็อยากจะถามว่า..วันนี้กินข้าวกับอะไร ?

ถึงได้สะได้สวย  อิ อิ

แปลไม้อาคาเซียกับเอกมหาชัยอายุ 3 ปี

เห็ดตะปู้

เห็ดหูหนูในธรรมชาติ

เห็ดสีสวยๆก็มีนะเธอ

แตนพันธุ์ใหม่ทำรังเป็นแผงยาวๆ

ปลูกไม้ที่ดินทรายควรขุดหลุมกว้างๆขังน้ำได้นาน

เห็ดโคนยักษ์ ใหญ่เท่าจานข้าว


ถ้าเธอไม่ช่วย ป่าไม้ก็จะเป็นป่าม้วย

อ่าน: 2239

ผมมีกิ๊ก ชื่อคุณกรมป่าไม้  เป็นแฟนเก่าเก็บกันมานาน ปีหนึ่งๆจะเจอะเจอกันหลายครั้ง เรียกว่าไม่ยอมทิ้งระยะห่างให้ห่วงหาอาวรณ์ ไม่ไปก็มีรายการมาหากันสม่ำเสมอ ปีหนึ่งๆมีจดหมายรักมาถึงหลายฉบับ ซองที่ได้รับล่าสุด แจ้งว่า..กรมป่าไม้จะจัดประชุมวิชาการประจำปี หัวข้อเรื่อง “ป่าไม้ให้ชีวิต สร้างเศรษฐกิจไทย” ในระหว่างวันที่12-17กันยายน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมองค์ความรู้ด้านการบริหารและด้านวิชาการป่าไม้   ตลอดจนหาแนวทางแก้ไขปัญหาและอุปสรรคในการเพิ่มประสิทธิภาพหารบริหารงานป่าไม้ วิชาการป่าไม้ และพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ด้านการป่าไม้ โดยเปิดโอกาสให้ภาครัฐ เอกชน และองค์กรต่างๆ เข้ามามีส่วนในการสนับสนุนงานป่าไม้

โห งานนี้เธอเอ๋ยจัดประชุม5วัน ก็ต้องเกณฑ์วิทยากรมาแทบหมดหน้าตักนั่นแหละ ดูรายชื่อจอมยุทธที่มาขึ้นเวทีแล้ว กำหนดการแต่ละวันแทบโป่ง นับตั้งแต่ รัฐมนตีว่าการกระทรวงธรรมชาติสิ่งแวดล้อมมาเปิดงาน, ศ.ดร.เกษม จันทร์แก้ว, ฯพณฯ อำพล เสนาณรงค์ องคมนตรี, ผศ.ดร.สุภี ภูมิภมร, รศ.ดร.อดิศร์ อิศรางกูร ณ อยุธยา,นายจิราวัฒน์ ตั้งกิจนามวงศ์,นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ, ศ.ดร.นิพนธ์ ตั้งธรรม, ผศ.วันชัย อรุณประภารัตน์,ผศ.ดร.บุญวงศ์ ไทยอุตส่าห์,ดร.วีระชัย ณ นคร,ดร.นุจรินทร์ รามัญกุล,คุณโชติมา เยี่ยมสวัสดิ์กุล, ดร.เพิ่มศักดิ์ มกราภิรมย์, นางสาวนรินี เรืองหนู,นางสาวฐปนีย์ เอียดศรีไชย,นายเอมพงศ์บุญญานุพงศ์,นายเกรียงไกร ภู่ระย้า, นายวิชา ธิติประเสริฐ, นายสภลท์ บุญเสริมสุข, นายจิรวัฒน์ ตั้งกิจงามวง์, นายประเดิม แสงคู่วงษ์,ดร.โกมล แพรกทอง, นายภินันท์ วงศ์ภินันท์วัฒนา,นายวีระพล สุทธิพรพลางกรู, นายวรธรรม อุ่นจิต,  นางสาวปิยวดี  บัวจงกล, นางสุวรรณา อ่ำเผือก,นายทรงศักดิ์  วิทยอุดม, นางศิริลักษณ์ ตาคะยางนนท์,นายทินกร พิริยโยธา, นางสาวปียาภรณ์ กล้าใจ, นางเปรมพิมล พิมพ์พันธุ์, นายกิตติพัฒน์ ลิขิตวโรรส,

โอยเขียนต่อไม่ไหว ยังเหลืออีกสักห้าคืบได้ ถ้าสนใจก็ติดตามข่าวกรมป่าไม้ได้นะครับ ถ้าบอกเกียติคุณของแต่ละท่านและหัวข้อต่างๆด้วย เกรงว่าท่านจะเวียนหัว นี่ขนาดบอกไม่ครบนะครับ แต่เรื่องที่ผมสนใจมากได้แก่เรื่องไม้ยูคาลิปตัสเป็นโรคระบาดทั่วประเทศ,เรื่องของปลวกๆๆๆ,เรื่องการใช้ป่าไม้อย่างยั่งยืน,และเรื่องที่พิเศษจริงๆ (อ่านพบในหนังสือ) เรื่องการแปรรูปผงไม้ไผ่สู่ผลิตภัณฑ์เชิงอุตสาหกรรม การนำผงไม้ไผ่มาแปรรูปเป็นอาหารสัตว์,การทำปุ๋ยหมักและอื่นๆ ทราบว่าสำนักส่งเสริมและฝึกอบรมกำแพงแสน จับมือพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศร่วมกับบริษัท Chubu University Swine and Poultry Research Center Marudai Tekko Co. Ltd. และ NITOMO Co. Ltd. งานนี้ทำพิธีเปิดโครงการไปเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2555 เสียดายทราบข่าวช้า งานผ่านล่วงเลยไปแล้ว ท่านใดทราบรายละเอียด กรุณาอุปการะข้อมูลด้วยนะครับ

วันที่ 16 ผมขึ้นเวทีเวลา 09.00-12.00 น.

ณ ห้องประชุม1 อาคารเทียมคมกฤส กรมป่าไม้

ในหัวข้อ “การพัฒนาทางเศรษฐกิจกับการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน”

รองอธิบดีกรมป่าไม้ เป็นผู้ดำเนินรายการ

ผู้ร่วมสัมมนาได้แก่

-ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

-ผู้แทนทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

-ผู้แทนสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

-ผู้แทนชาวเฮฮาศาสตร์และFB.

เรื่องไม่เจียมบอดี้มีเป็นประจำเธอเอ๋ย งานอย่างนี้จะไม่ไปก็ไม่ได้ เพราะเราจะได้ขายความคิดทำไมๆๆเราถึงขยายความตระหนักเรื่องป่าไม้เข้าไปสู่หัวใจคนไทยไม่ได้ เราพูดกันมานานจนปากเปียกปากแฉะ แต่ก็นั่นแหละเธอ..คนไทยก็ยังไขสือ ชอบตัดไม้ รุกที่ป่าไม้ มากกว่าที่จะสร้างเสริมป่าไม้กันอย่างจริงจัง ทั้งๆที่โลกใบนี้ตั้งแต่ยุคแรกเริ่มก็มีป่าไม้ครอบคลุมโลกไว้ ต่อมามีมนุษย์ขี้เหม็นมากขึ้นเท่าใด ต้นไม้ก็หายไปเท่านั้น แสดงว่ามนุษย์ยังไม่มีความรู้ที่แท้จริงที่จะอยู่ร่วมกับป่าไม้ได้

มนุษย์ไปอยู่ที่ไหน..ต้นไม้ผวาที่นั่น

  • การที่มนุษย์ไม่ประสีประสาเรื่องป่าไม้
  • ไม่มีสำนึกที่ดีต่อสภาพแวดล้อม
  • ไม่มีสติปัญญาพอที่ใคร่ครวญเรื่องความปลอดภัยที่เป็นกลไกธรรมชาติ
  • ไม่เข้าใจเรื่องทุนทางธรรมชาติ
  • ไม่ทราบเลยรึว่าความอยู่รอดของมนุษย์ขึ้นอยู่กับความอยู่รอดของทรัพยากรธรรมชาติ
  • ไม่ทำหน้าที่มนุษย์ที่ดี

ถ้าสังเกต เราจะพบว่า มนุษย์กระทำย่ำยีทรัพยากรธรรมชาติมากเท่าใด ผลกระทบที่มนุษย์ต้องรับเคราะห์กรรมก็มีมากขึ้นเท่านั้น สมการนี้ชัดเจนมาโดยตลอด แต่ก็ดื้อตาไส ข่าวเรื่องการบุกรุกที่ดิน ข่าวขโมยตัดไม้พยุงและไม้มีค่าอื่นๆมีไม่เว้นแต่ละวัน ที่ซ้ำร้าย..ถ้ายางพาราราคาดีเท่าไหร่ ป่าไม้ก็ยิ่งเป็นป่าม้วยมากขึ้นเท่านั้น

เราจะบ้าทำลายป่าจนถึงตอสุดท้ายยังงั้นรึครับ!

เรื่องพวกนี้ผมพูดจนหลอดลมอักเสบ ตับไตไส้พุงก็พลอยกระเทือน หัวใจนั้นชีช้ำกล่ำปลีมานักต่อนักแล้ว แต่ก็ไม่ได้ผลอะไร กลายเป็นหมาเห่าเครื่องบิน สู้มาชวนคนสวยปลูกต้นไม้ ปลูกผัก ปลูกสมุนไพร ปลูกไม้ดอกไม้ประดับ ว่างๆก็มาช่วยกันทำอาหารเมนูอร่อยๆแจกกันชิม คนที่ชอบกินผักสารพัดชนิดก็หุ่นดีอารมณ์ดี แข็งแรงจนหนอนค้อนควัก

ที่ จ ริ ง ใ ค ร อ ย า ก จ ะ ทำ อ ะ ไ ร ดี ๆ ก็ ม า ป ลู ก ต้ น ไ ม้ กั น นี่ แหละ

ส่งผลดีต่อตัวเอง ต่อสังคม ต่อประเทศชาติและต่อโลกใบนี้

จะทำความดีอย่างไรละครับที่ได้คู ณ ค ว า ม ดี ตั้ ง ห ล า ย ต่ อ

ถ้าไม่รัก..ไม่ชวนหรอกนะเธอ..

ฝ่ายประสานงานจองตั๋วเครื่องบินและจองที่พักให้แล้ว ขากลับเครื่องบินออกจากดอนเมืองบ่ายโมงเล็กน้อย ไปโม้ก็ต้องลากกระเป๋าติดตัวไปด้วย พอพูดสรรคงไม่ได้ล่ำลาใครละครับกระโดดลงเวทีเผ่นไปขึ้นแท็กซี่ไปดอนเมือง

ถ้า ไ ม่ ทั น ก็ ต ก เ ค รื่ อ ง น ะ สิ

ตกเครื่องบิน มั น ค ง เ จ็ บ อ ก ก ว่ า ต ก ต า ล นะ เธอว่าไหม?

เผื่อกันเหนียว..อาจให้เขาซื้อตั๋วที่เปลี่ยนได้น่าจะดี

ผมเป็นสมาชิกนกคลับอยู่แล้วคงไม่ยากละมั๊ง

ถ้าตกเครื่องจริงๆ พี่แต๋วช่วยหิ้วปีกมาเป่าน้ำด้วยก็แล้วกัน อิ อิ..

ถ้าปลวกอ่านหนังสือ เท่ากับที่กินหนังสือ ปลวกฉลาดที่สุดในโลก

เสน่ห์เล็กๆน้อยๆในป่า

น้ำฟักทองปั่น

บินสำรวจป่าเลยตาเอ๊ยยายจะช่วย

เสน่ห์ของป่า

มาปลูกไม้สร้างบ้านกันเถอะ


เราจะต่อยอดความดีกันอย่างไร?

อ่าน: 2364

สวัสดีครับพี่น้อง อากาศหัวค่ำน่านอน ..จึงต้องย่องตื่นมารายงานรอบดึก ..วานนี้ ได้ขับรถตระเวนรอบๆบริเวณมหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ โอ้โห..สภาพแวดล้อมยอดเยี่ยมมาก ด้านหลังมีป่าไม้ร่มรื่นรักษาไว้อย่างดี อาคารต่างๆออกแบบก่อสร้างได้สวยงาม แฝงเอกลักษณ์ของชาวสุรินทร์ แม้แต่ช้างหลายเชือกที่ปั้นแสดงภายในอาคารที่เรียกกันว่าตึกช้างก็มีลีลาน่ารัก บางตัวจมอยู่ในน้ำครึ่งท่อน ทำท่าโผขึ้นมาหาเพื่อนช้างด้วยกัน สมกับเป็นเมืองช้างยิ่งนัก

ผมมีความหลังฝังใจอยู่ที่เมืองช้างไม่น้อยนะเธอ

ตอนเด็กๆเคยมาเรียนอยู่ที่สะแร๊น 2-3ปี ก่อนที่จะเข้าบางกอก

ผมจึงพูดภาษาพื้นถิ่นได้พอสมควร

ภาษาขะแมร์..ก็พอขอโฮบบายได้อยู่นะเธอ

ญาติและเพื่อนๆก็มีอยู่เต็มเมืองสะแร๊น

มาสุรินทร์..>> ..ไม่แปลกหน้าแปลกถิ่นที่อย่างใด และสถาบันแห่งนี้ก็เคยมาเยือนหลายครั้ง แต่มาทีไรหลงทุกที ..คนแก่ก็อย่างนี้แหละเธอ จำได้แต่คนสวยสวยๆงามๆ ส่วนสถานที่เลอะๆเลือนๆ เป็นอิหยังก็บ่ฮู้ตื้อ..วันนี้จึงถือโอกาสขับรถหลงไปหลงมาชมสถานที่ทุกซอกทุกมุม หลงทางก็เป็นกำไรได้เหมือนกันนะเธอ

รวบรัดตัดตอน: การบันทึกรายการในครั้งนี้ ผู้จัดจะนำไปออกรายการทีวีชองเนชั่น วันไหนก็ยังบ่ฮู้เตื้อ ติดตามกันเองนะพี่น้อง เข้าเรื่องดีกว่า..หลังจากแนะนำตัวกันนอกรอบ ผู้ดำเนินรายการบอกว่า Key Word.. วันนี้คือ เราจะต่อยอดความดีได้อย่างไร? เราจะมองอนาคตข้างหน้า10ปีกันอย่างไร?

นี่คือคำถาม..บนเวทีสัมมนาแทนคุณแผ่นดินวันนี้

ค ว า ม ดี ก็ เ ห มื อ น ต้ น ไ ม้ นั่ น แ ห ล ะ เ ธ อ

ส่วนมากพออายุ 10 ปี ก็จะเติบโตแตกกิ่งก้านใบ ให้ดอก ให้ผล ให้อ็อกซิเจน ให้ความร่มรื่น ให้อาหาร ให้ยา ให้ๆๆ ยิ่งฝนพรำๆอย่างนี้..เกิดเป็นเครือข่ายยายฉิม ขึ้นมาอัตโนมัติ ผู้คนเข้ามาเก็บเห็ดในสวนป่าผมสนุกสนาน อึกทึกไปทั้งป่า

สะท้อนให้ว่า ถ้าดีจริง ความงดงามก็งอกงามมากขึ้นหลากหลายขึ้น

ถ้าไม่ปลูกต้นไม้..ก็ยากที่จะเห็น ยากที่จะเข้าใจ

ในเมื่อหัวใจเธอเป็นพลาสติกไปเสียแล้ว

ผมไม่สามารถพยากรณ์ได้ว่า 10 ปีจะเป็นอย่างไร

ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพฤติกรรมและพฤติการณ์ของไทยทั้งผองในขณะนี้

วันหน้า ขึ้นอยู่กับวันนี้

อนาคตของชาติวันหน้า..ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขเหล่านี้

  • ถ้าคนไทยมีความสมัครสมานสามัคคีกันดี
  • ถ้าคนไทยทะนุบำรุงสถาบันหลักของชาติ
  • ถ้าคนไทยขยันขันแข็งใฝ่เรียนใฝ่รู้อย่างกระตือรือร้น
  • ถ้าคนไทยอยู่ในศีลในธรรมไม่วิ่งตามกระแสตื่นตูมจนน็อตหลุด
  • ถ้าคนไทยน้อมนำพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯมาเป็นหลักชัยชีวิต
  • ถ้าคนไทยทำหน้าที่คนไทย ไม่ลอยเพสังคม
  • ถ้าคนไทยรักษาหน้าประเทศไทย ช่วยส่งเสริมความเป็นไทย
  • ถ้าคนไทยสำนึกบุญคุณของความเป็นไทย
  • ถ้าคนไทยอยู่อย่างไทย กินอย่างไทย พึ่งตนเองให้มาก
  • ถ้าคนไทยรักกันเป็น รักประเทศไทย รักความเป็นไทย
  • ถ้าคนไทยช่วยกันปลูกต้นไม้คนละ 100 ต้นทุกปี
  • ถ้าคนไทย ฯลฯ

รอบแรก คณะวิทยากร “คนทำดีเพื่อแผ่นดิน” พูดตรงกันเรื่องการหวงแหนทรัพยากร ได้ลงมือดูแลรักษาและเสริมสร้างสภาพแวดล้อมเชิงกระบวนการ ต่างคนต่างทำหน้าที่ดูแล/ปลูก/และเสริมสร้างสภาพแวดล้อม ทั้งหมดทั้งมวลนี้ยังเป็นจุดเล็กๆ ที่พยายามขยายผลท่ามกลางกระแสบ้าคลั่งของการปลูกพืชเชิงเดี่ยว หลายพื้นที่โหมปลูกยางพารากันเป็นบ้าเป็นหลัง พริกต้นเดียวก็ไม่ปลูกคิดสั้นๆง่ายๆ ..อยากจะรวยมากๆ รวยง่ายๆ รวยเร็วๆ..แต่ก็เห็นเจ๊งทุกที

รอบที่2 ให้พูดเรื่องอุปสรรคและปัญหาของแต่ละท่าน ขออนุญาตให้เขียน เพราะปัญหาพูดไปมันก็ไอ้แค่นั้นแหละ เสียเวลา เดินหน้ากันดีกว่า

รอบที่3 ผู้ดำเนินรายการถามว่า..อีก10ปีเมืองไทยจะเป็นอย่างไร ก็ตอบว่า..เรื่องนี้คิดแล้วหนาว..ถ้าสภาพสังคมไทยเป็นอย่างนี้ อีก2ปีเศษเปิดประเทศรับอาเซียน เราจะเอาอะไรไปสู้เขา ในเมื่อเรายังไม่มีศักยภาพหรือกลยุทธอะไรที่ดีกว่า เข้มแข็งกว่า มั่นคงกว่า คนอื่นเขา ดูแต่ในครัวเรือนในบางกอกขณะนี้ ถ้าคนใช้ที่เป็น-พม่า-มอญ-ลาว-เขมรกลับประเทศเขา แม่บ้านคนไทยมิอกแตกรึ ในเมื่อคนไทยสมัยนี้ไม่ทำงาน หนักไม่เอาเบาไม่สู้ อยู่กันแบบอีแลแปแป๊ดไปวันๆ

ถามว่า..วันนี้เราอยู่กับความรู้อะไร?

มีความรู้เพียงพอแล้วหรือยัง

ถ้าจะแก้ปัญหา..ขอถามว่า..เรารู้ปัญหาของเราถ่องแท้แล้วใช่ไหม?

สมัยนี้ทั่วโลกวัดกันที่ความรู้ ไม่ได้วัดกันที่สนิมสร้อย..

พูดมากไปก็จะหาว่าขู่

เธอลองคิดดูสิ จีนปลูกยางพารามณฑลเดียวก็มากกว่าประเทศไทยไม่รู้กี่สิบเท่า แล้วยังประเทศอื่นอีกละ  อินโดนีเซีย ลาว พม่า เขมร เวียดนาม บ้าปลูกกันกี่หมื่นกี่แสนเฮกตาร์ อย่าชะล่าใจ ..เจ้ายางพาราพวกนี้ใบมันไปกองอยู่ข้างบน รากแก้วก็ไม่มี ต่อไปเกิดภัยพิบัติมากๆ เจอพายุฝนรุนแรงก็โค่นล้มระนาว คราวนี้แหละน้ำตาจะผสมน้ำฝน ราคาสินค้าทางการเกษตรที่ผลิตๆๆระดับต้นทาง ไม่แปรรูป ไม่พัฒนา มีแต่ตายกับตาย เปลี่ยนน้ำยางให้เป็นยางรถยนต์มากขึ้น ขายแข่งกับทั่วโลกได้ไหม? ในเมื่อวัตถุดิบอยู่ที่เรา มองสั้นๆแบบหางอึ่ง ก็เห็นว่าได้นิดๆหน่อยๆ ยังเป็นเจ้าใหญ่ของโลกไม่ได้ ทำไมถึงทำไม่ได้ มันติดกึกตรงไหน?

อีกไม่นานรถไฟหัวกระสุนจากจีน ก็จะวิ่งผ่านเราทะลุออกไปถึงสิงคโปร์โน่น สินค้าจากจีนก็จะมาแบบทะลักทะลาย สินค้าพวกนี้ราคาถูกกว่าเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผักผลไม้ สินค้ากระจุกกระจิก สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องจักรเครื่องกล สังเกตดูก็ได้นี่หน่า..ตอนนี้สินค้าจีนเกลื่อนเมืองไทย ญี่ปุ่นที่ว่าแน่ๆยังจ๋อย มันจะเกิดอะไรขึ้นเธอรู้ไม๊ม๊ม๊..

ตอนนี้ ภาคการเกษตรล่มสลาย เกษตรกรหนีไปเป็นกรรมกร พ่อสมัย ราชเจริญที่นั่งติดกัน..ยืนยันว่าตนเองเป็นเกษตรกรรุ่นสุดท้ายแล้ว ลูกหลานหรือใครๆก็ไม่อยากจะเป็นเกษตรกร ทิ้งอาชีพบรรพบุรุษแบบล้างบาง ที่ฝืนทำก็ตกอยู่ในกำมือของขาใหญ่สาขาต่างๆดิ้นกระแด่ว  ใช้เครดิตล่วงหน้าทั้งนั้น ไหนจะค่าน้ำมัน ค่าปุ๋ย ค่ายา ค่าแรงงาน ค่าดอกเบี้ย ทำมาหาได้ก็โดนหักกลบลบหนี้จนหืดขึ้นคอ แล้วมันจะเหลือสักเท่าไหร่ สุดท้ายก็เหนื่อยเปล่า ถ้าจะทำต่อก็กู้ต่อ ชะตากรรมมันเป็นอย่างนี้ ต่อให้มีบัตรเครดิตบ้าๆบอๆ100บัตรตามกระแสประชานิยม มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้หรอก ล้วนแต่ชวนกันเข้าไปอยู่ในโลกเสมือนจริงกันทั้งนั้น

ตอนต่อมา เราจะเห็นพ่อค้าแม่ขาย ร้านค้าของชำ ของปลีกที่เป็นห้องแถวทำมาค้าขายสินค้าโน่นนี้มานาน ต่อไปก็จะเห็นความล่มสลายของร้านค้าพวกนี้ เมื่อมีห้างใหญ่ๆมาตั้ง ศูนย์กระจายสินค้าก่อสร้าง ศูนย์กระจายสรรพสินค้าเครื่องอุปโภคบริโภค ที่มีพร้อมสรรพ สะดวกสบาย ราคามาตรฐาน การบริการเป็นเยี่ยม เข้ามาแล้วซื้อหาได้ทุกอย่าง แถมยังอำนวยเรื่องจิปาถะ จองตั๋วรถทัวร์ตั๋วเครื่องบิน จ่ายค่าโน้นนี่ได้สารพัดนึก เธอก็คิดดูเถิด ร้านค้าย่อยจะอยู่ได้อย่างไร จะเอาเจ้าของร้านขายปลีกที่เกลื่อน2ข้างถนนไปไว้ที่ไหน สุดท้ายห้างร้านย่อยพวกนี้ก็จะค่อยๆ ฝ่อไป ฝ่อไป.. ใช่ไหมละเธอ?

ตอนต่อไป เราก็จะเห็นโรงงานอุตสาหกรรมบางส่วนยุบตัวลง โรงงานที่เคยผลิตสินค้าบางอย่างมายาวนาน ผลิตแล้วราคาขายสู้ของถูกจากประเทศยักษ์ใหญ่ไม่ได้ จะทู่ซี่ขาดทุนได้สักกี่น้ำ  สุดท้ายก็จะปิดโรงงานเป็นแถว คราวนี้แหละเธอเอ๋ย จะเอาฉันทนาไปไว้ที่ไหน หนุ่มสาวโรงงานก็จะตกงานเป็นกะบิ

ที่บ่นๆ..มีแนวทางแก้ไขไหมละ!

ก็อย่างที่เรา4คน มาบอกเล่นกันนี้แหละ ต้องหันมาดูตัวเอง ศักยภาพของเราเอง ภูมิปัญญาของเราเอง ถ้ารายเล็กรายน้อยช่วยกันทำการเกษตรแบบพึ่งตนเอง เอาพระราชดำริของในหลวงมาเป็นหลักการ ลงมือบริหารความรู้ความคิดของตนเอง ทำบริเวณพื้นที่อยู่อาศัยและทำมาหากินให้ร่มรื่น ปลูกพืชผักต้นไม้ให้เต็มพื้นที่ ทำอยู่ทำกิน ให้มีอยู่มีกิน จะเห็นทางออกทางรอด

สุดท้ายโลกก็จะตีกลับหันมาทำเกษตรอินทรีย์นี่แหละ

การเกษตรแบบอื่นมันเป็นเกษตรแบบล้างผลาญ

เป็นเกษตรแบบมักง่าย

อาหารการกินจะแพงๆๆและไม่ปลอดภัยอีกต่างหาก

เธอจะทำจะกินอะไรละ ถึงจะอยู่ได้อย่างปกติสุขและปลอดมลภาวะ

ผมเคยเล่าแล้วว่าที่สวนป่า ตื่นเช้าขึ้นมาบรรยากาศเย็นสบาย ชงเครื่องดื่มมานั่งจิบฟังเสียงนกเขาขัน นั่งอาบแดดท่ามกลางอากาศอุ่น หิวขึ้นมาก็ถือตะกร้าเดินไปตัดผักข้างบ้าน ฉับ ฉับ โยนลงกระทะลงหม้อไม่กี่นาทีก็ได้อาหารเพื่อสุขภาพ สรุปว่า..ให้พยายามพึ่งตนเองให้มาก อยู่เจียมห่มเจียม  ไม่ควรเป็นมนุษย์บ้าเครดิต ไม่อย่างงั้นก็จะสาละวนหาเงินจนหัวโตเพื่อไปจ่ายหนี้ๆๆๆ จนหนีไม่ออกแล้วคุณภาพชีวิตก็เน่าๆๆๆ เหม็นๆๆๆๆ

ความอิสระนั้นมนุษย์คนไหนก็โหยหา

ถ้าคิดไม่ทะลุก็เสมือนเราตกอยู่ในเรือนจำ จำใจทำ จำใจอยู่ จำใจทรมานใจ

อย่าคิดว่ามนุษย์เงินเดือนจะมั่นคงสถาพรเหมือนเก่า

ลองพิจารณาเป็นมนุษย์เงินดินดูบ้างนะน้อง

เราเกิดมาและอยู่ไดไม่กี่ปี จะล้างผลาญโลกทำไมกันนักกันหนา อีกไม่นานหรอนะเธอ เราจะเห็นว่ากระแสมนุษย์โลกที่บริหารด้วยกิเลศนั้นมันจะพังทลายทั้งระบบ มันไม่มีอะไรมั่นคงมั่นยืนแม้แต่น้อย ค่าเงินทั่วโลกกำลังง่อนแง่น พลังงานต่างๆนับวันจะแพงขึ้นๆ สภาพแวดล้อมติดลบมากขึ้นๆ ปัญหาสังคมสะสมและซับซ้อนมากขึ้น ภัยพิบัติต่างๆกำลังมาเยือนหนักหน่วงและกระชั้นถี่ขึ้น  คิดแล้วหนาวไหมละเธอ..มาปลูกผัก ต้นไม้ กับพี่ไหมละน้อง

  • ช่วยกันทำปลูกอยู่ปลูกกิน
  • ช่วยกันทำเรื่องธรรมดาให้เป็นเรื่องพิเศษ
  • ช่วยกันดูแลกันเอง พึ่งพากันเอง
  • ช่วยกันแลกเปลี่ยนเรียนรู้
  • ช่วยกันยกเครื่องความรัก ความคิด ความรู้ ให้บรรเจิด
  • โลกทั้งใบอยู่ในกำมือเรานี่แหละ

มีอะไรก็เอามาลงขัน แม้แต่รอยยิ้มก็รับไม่อั้น คนไทยไม่ดูแลหัวใจน้อยๆของผองไทยด้วยกัน เธอจะไปฝากอนาคตไว้กับใคร ..ลูกหลานก็ขอให้ตั้งหน้าตั้งตาเล่าเรียนอย่างเต็มสติกำลัง ครูบาอาจารย์ก็ตั้งสติตั้งใจสอนอย่างสุดฝีไม้ลายมือครูไทย ถ้าทำให้คนไทยมีนิสัยชอบเรียนรู้ รักการค้นคว้า ใส่ใจกับการพัฒนาความรู้ความสามารถของตนเอง เราก็จะสามารถสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ แล้วพัฒนาไปสู่สังคมอุดมปัญญาได้

เมื่อมีความรู้พอตัว เอาตัวรอดได้ มันถึงจะพอคลายความกังวลได้ ว่าในอนาคต10ปีข้างหน้าเธอจะอยู่กันในสภาพใด ซึ่งตอนนั้นผมก็คงจะกลับบ้านเก่าไปแล้ว จะได้นอนตาหลับรึเปล่าก็ไม่รู้

จึงพิลาปรำพันรำพึงมาเสียยาวเหยียด

หวังใจว่า..คงไม่ใช่สีซอให้ควายฟังนะเธอ

เพราะควายหายไปเข้าโรงงานลูกชิ้นหมดแล้ว

เรื่องชาติบ้านเมือง เรื่องชีวิต จะเป็นฉันใดเล่า

ถ้าตีบทไม่แตก อนาคตเรานั่นแหละจะแตกเป็นเสี่ยงๆ

เฮ้อ! เขียนเรื่องหนักๆแล้วเหนื่อยเป็นบ้า

ถ้า ไ ม่ เ ห็ น ค อ ม เ ม น ท์ ค น ส ว ย   เ ป็ น ล ม แ น่  อิ อิ..

มาเมืองช้าง ไปไหนๆก็เจอแต่ช้าง

เตรียมขึ้นเวที

บนเวที

ผู้ฟัง

อนาคตจะไปเลือกทางไหน?

เห็ดที่มาของเครือข่ายยายฉิม

มะรูดหล่นมาเป็นเข่งๆ

หนทางข้างหน้า

เสียงจากฝ่ายอุตสาหกรรม


ศึกษาดูงาน มาดูอะไร?****

อ่าน: 1987

การศึกษาดูงานสมัยเมื่อ3-40 ปีมาแล้ว คนอยู่บ้านป่าห่างไกลความเจริญ มักจะอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน จะไปไหนแต่ละทีเป็นเรื่องใหญ่ นอกจากการเดินทางไม่สะดวกแล้ว เรื่องสตางค์ในกระเป๋าก็สำคัญ เงินเป็นขาให้เราไปที่ห่างไกลได้ เมื่อมีข้อจำกัดก็ก้มหน้าก้มตาปลูกต้นไม้ สาละวนอยู่กับการแก้ปัญหาอุตลุด บางทีหลายๆเดือนผมถึงจะขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปในตัวอำเภอ ที่ไม่เข้าเพราะไม่รู้จะเข้าไปทำไม เงินไม่มีก็ไม่รู้จะคิดแล้วซื้ออะไรได้?

การเคยอยู่แบบมีเงินติดกระเป๋าไม่กี่บาทเป็นปีๆเป็นการเรียนรู้ชีวิตที่สุดมันส์

ยามตกยากนี่นะเธอมันอยากกินโน่นนี่สารพัด

อยู่ในป่าจะไปหาก้วยเตี๋ยวแป๊ปซี่หรือโอเลี้ยงที่ไหนละ?

หิวได้ ก็หายได้ เป็นบ่อยๆมันก็บอกตัวเองเรื่องอย่าเพ้อเจ้อ

ให้หันกลับมาอยู่กับความจริง

พอกลับหลังหันเราถึงตระหนักว่า..ในความจริงไม่ได้ขาดแคลนอะไร ความจริงมีสิ่งรอบตัวมากมายที่เรามองข้ามและหมางเมิน การได้กลับมาอยู่กับตัวเองนับเป็นวาสนา ที่ได้รู้จักตัวเองมากขึ้น สุดท้ายคำตอบมันก็หลุดไปตกอยู่ที่ว่า ..หยาดเหงื่อแรงงาน ซึ่งก็ไม่ได้ลำบากลำบนอะไร เพียงใช้จอบขุดดินไม่กี่ฉึก..ก็เอาต้นกล้วย ขนุน มะม่วง น้อยหน่า ไปปลูกได้แล้ว

ต่อมาก็ได้เรียนวิชาก้นหลุม ถ้าก้นหลุมดีมีปุ๋ยต้นไม้ที่ปลูกก็เจริญงอกงามสมใจหวัง ถ้าปลูกแบบแล้งน้ำใจ ทำไปแบบซังกะตาย ฝืนปลูกฝืนทำ มันก็จะส่งผลให้เห็นเอง ไม่นานหรอกทำให้เกิดวิชาน้ำจิตน้ำใจ ปลูกอะไรก็รดน้ำช่วยบ้าง อ้าว ! เผอเรอไปเสียนาน ..พอรดน้ำช่วย พืชผลก็ตอบแทนน้ำใจของเราทบเท่าทวีคูณ ไอ้โน่นก็งาม ไอ้นี่ก็ผลดก ไอ้นั่นก็อร่อยๆ

ชีวิตที่เหี่ยวเฉาก็ค่อยๆฟื้นตัวจากวิชาพื้นฐานเหล่านี้

ไปสรุปตรงกันกับคำที่ว่า “ทำสิ่งใดได้ผลสิ่งนั้น”

ปลูกกล้วยมันไม่เคยออกผลเป็นมะละกอหรอกนะเธอ

การเรียนรู้ด้วยตนเองนี่สำคัญหนัก มันทำให้เรารู้ว่าตัวเรามีกึ๋นแค่ไหน ยังขาดตกบกพร่องในเรื่องใด ทำให้เราตระหนักที่จะเรียนรู้ สนใจในการกระหายใคร่รู้ เพราะถ้ารู้แล้วมันได้ประโยชน์ทันตาเห็น ทำอะไรก็เจริญก้าวหน้า การใฝ่หาความรู้จึงจำเป็นต่อการพัฒนาการความรู้ของเรา

เมื่อญาติฝ่ายเหนือมาศึกษาดูงาน สิ่งที่ได้รู้ได้เห็นก็คืองานเก่าๆนั่นเอง เพียงแต่มันผ่านร้อนผ่านหนาวสะสมขึ้นมาเรื่อยๆ จนคำว่าหลากหลายมีอยู่มีกินผุดโผล่ขึ้นมาพร้อมหน้า มีให้เลือกเก็บลงหม้อลงกระทะตามใจชอบ อิ่มอร่อยทุกมื้อ ย้อนรอยไปยังคำว่ามีอยู่มีกิน(ไม่อั้น) พืชพรรณธัญญาหารช่วงนี้ ยังเหลือเมนูที่ญาติๆยังไม่ได้ลองแสดงฝีมืออีกเยอะแยะ ถ้าพร้อมทำนะเธอ..ปัจจัยก็พร้อมรออยู่แล้ว

สิ่งเหล่านี้ไปสนับสนุนคำว่าศึกษาดูงาน ซึ่ ง ค ว ร ดู ตั้ ง แ ต่ อ ดี ต ม า จ น ถึ ง ปั จ จุ บั น  และช่วยกันคิดต่อไปถึงเรื่องในอนาคต การมาดูงานเช่นนี้ถึงจะเข้าสาระบบคำว่า”ศึกษาดูงาน”  อะไรคือการศึกษา การได้ลงมือช่วยกันทำกิจกรรมสารพัดอย่าง แทบไม่มีเวลาให้งีบเลย ซึ่งเราก็ไม่ได้กำชับอะไรกัน การมาดูงานควรจะสบายๆสนุกและอร่อย ควรได้คลี่คลายระบายความเคร่งครัดกับงานในหน้าที่ๆรัดรึง เป็นการยกเวลาให้กับตัวเองจริงๆ ถึงแม้จะเป็นช่วงสั้นๆไม่กี่วันก็ตาม

การที่ได้มาอยู่ในบรรยากาศกันเองและอบอุ่น

อานุภาพของความเป็นญาติเป็นยาที่วิเศษสุด

ถ้าเธอหาเจอพื้นที่ๆปลดระวางความเครียดได้ พื้นที่ๆที่ทำให้เราผ่อนคลายและมีความสุข ควรมีองค์ประกอบที่ดีพอที่จะทำให้เราศึกษาดูงานอย่างลงตัว พื้นที่ๆที่ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้เชิงคุณภาพ ทุกขั้นตอนมีความสนุกมีรอยยิ้มและเสียงฮาเล็ดลอดมาเป็นระยะ สิ่งที่เห็นสำคัญไม่น้อยกว่าสิ่งที่อยู่ในหัว(ใจ) ของแต่ละคน

  • ลองนึกดูสิ..ถ้าเธออยู่ในบรรยากาศที่ตัวเองเผลอยิ้มทั้งวัน!
  • ลองนึกดูสิ..ถ้าเธอมีความสบายใจทั้งวันจะเป็นยังไง?
  • ลองนึกดูสิ..ถ้าเธอได้เติมเต็มแบบเตอรี่หัวใจแล้วหรือยัง?
  • ลองนึกดูสิ..เธอมีเพื่อนมีพื้นที่เย้าเยือนดังกล่าวนี้แล้วหรือยัง?
  • ลองนึกดูสิ..เธอมีเพื่อนมีญาติที่ไว้วางใจสนิทแน่นได้ทุกกรณีหรือยัง?

ถ้าเธอยังขาดสิ่งพิเศษตามที่กล่าวข้างต้น นับว่าน่าเสียดายนัก ที่ปล่อยให้ชีวิตเต้นแร้งเต้นกาในวัยที่ยังทำอะไรๆได้ ไม่อย่างนั้นยามแก่ชราภาพไป เธอจะไม่โดนผีหลอกรึ จะปรึกษาใครจะฝากผีฝากไข้ไว้กับใคร การศึกษาดูงานเชิงคุณภาพนี้แหละจะเป็นสะพานชีวิตให้เธออิ่มเอมสมบูรณ์ คนเราเกิดมาถ้าหาเพื่อนหาญาติไม่เจอมันน่าเศร้านัก

ควรใช้ยิ้มจากใจและรักใครด้วยหัวใจให้เป็น  แ  ล้ ว เ ธ อ จ ะ ไ ด้ สิ่ ง นั้ น

หลังจากที่ผมงมโข่งอยู่กับตัวเองมาครึ่งชีวิต ระยะหลังที่ความพร้อมบางส่วนบางประการ ผมสามารถที่จะเดินทางไปเรียนรู้ที่โน่นนี่ได้สะดวกขึ้น ตอนแรกๆก็ไปเอง ต่อมาก็มีคนหน่วยงานหรือสถาบันต่างๆมาเชิญ บางคนเย้าว่า..เสือถูกล่อออกจากถ้ำ” ผมไม่ถึงกับเป็นเสือสางอะไรอย่างนั้นหรอกนะเธอ คนบ้านนอกก็ไปแบบบ้านนอก และได้ไปเมืองนอกหลายครั้ง ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นอนุภาพของการเรียนให้รู้สิ้น

ถ้าเราไม่รู้อะไรเลย..ใ ค ร เ ข า จ ะ เ ชิ ญ ไ ป ทำ ซ า ก อ ะ ไ ร ล ะ ค รั บ

มีวิชาเหมือทรัพย์ ที่ทำให้ได้ท่องไปในทะเลกว้าง

การไปร่วมเวทีร่วมงานก็อย่าได้ประมาท ให้ถือว่าเราได้ไปเรียนเพิ่มเติมจากคนเก่งคนดีๆที่เราอยากรู้จัก ความคิดคำนึงถึงเมื่อครั้งยังบุกเบิก มันก็ได้บุกทะลุทะลวงเชิงรุกมากขึ้น ทำให้รู้ตัวว่า..ความรู้และประสบการณ์ที่เรามีเราผ่านมานั้นมันล้าสมัยตกรุ่นไปเรื่อยๆ คนเรารู้แค่ไหนก็เข้าใจได้แค่นั้น ทำให้เราตระหนักในอานุภาพของความรู้ เผลอเมื่อไหร่ตกรุ่นเหมือนรถยนต์ หรือมือถือ เชียวนะเธอ

ยุคสมัยนี้เรียนด้วยตัวคนเดียวไม่ทันกินหรอก

เราต้องมีเพื่อนที่รู้หลากหลายสาขาอยู่เคียงข้าง

พยายามต่อยอดความดีความรู้ความรัก

พระอาจารย์วรภัทร ภู่เจริญ บอกว่า

ให้ความรักก่อนให้ความรู้ ล อ ง ดู น ะ เ ธ อ

ถ้าเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ก็อย่าไปเสียเวลาว่าให้อะไรก่อนหลัง ทั้งความรักความรู้นั่นแหละประเคนเข้าไปเถอะ ไม่บอบช้ำเสียหายตรงไหนหรอก อย่างคุณเหมียวค้นเรื่องน้ำเต้า หนูฝนค้นเรื่องแบบบ้าน ครูกุลนทีวาดภาพประดิษฐ์ของที่ระลึกและทำกับข้าวมาอวด รวมทั้งที่ท่านทั้งหลายได้อุปการะผมเรื่อยมา ..ล้วนแต่สื่อความหมายถึงความปรารถนาดีที่แฝงความรู้ดีๆมาให้ด้วย ถ้าเราเรียนแบบนี้สม่ำเสมอ ความรู้เราก็จะงอกงามไปพร้อมๆกับมิตรภาพใช่ไหมละเธอ ความปรารถนาดีนั้นเป็นยาวิเศษทั้งผู้ที่ให้และผู้ที่รับ  มันเป็นทั้งบุญทั้งทานที่บรรเจิดที่สุด

จิตใจของเธอจะรอให้ใครมาดูแลทำไมละ

ถ้าจะทะนุถนอมความรู้สึกดีๆของเราก็ทำเองอย่างนี้แหละ

ไม่ต้องไปขออนุมัติใคร..การให้เกิดผลดีตั้งแต่การคิดจะให้แล้ว

ทำดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้หรอกนะเธอ

(แต่ก็ควรมีเรือและเครื่องดับเพลิงไว้ใกล้ๆ)

เรียนแบบนี่แหละ เขาเรียกว่าเรียนทางไกลขนานแท้*

ส่วนการเรียนแบบประชิด ก็อย่างที่ญาติฝ่ายเหนือฝ่ายใต้ลงมานี่แหละ*

ความหมายของการบริหารและพัฒนา ถ้าจะยกแม้น้ำทั้ง5มาก็จะชวนให้สวิงสวายไปเปล่าๆ เรื่องนี้อยากจะขอยกวิชาการห้อยไว้ ขอเอาวิชาเกินมาบอกเล่ากันดีกว่า..ในส่วนของข้าราชการ  แน่นอนย่อมเกี่ยวข้องกับกฎระเบียบ จะไปไหนทั้งทีเป็นเรื่องยุ่งยากขึ้นทุกวัน แต่ก็ไม่ใช้จะปิดตายทุกเรื่องนะเธอ คนมีปัญญาย่อมหารอยแตกเล็กๆได้ด้วยวิธีการทำงานแบบอิงระบบ

ขออนุญาตเอาตัวเลขมาหลอกล่อดังนี้

1 ข้าราชการระดับสูงกระทรวงเกษตรฯ จะเป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงสุด ส่วนข้าราชการระดับสูงที่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี จะมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศต่ำสุด

2 ข้าราชการระดับสูงสังกัดสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จะเป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงสุด ส่วนข้าราชการระดับสูงที่สังกัดกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จะมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศต่ำสุด

3 ข้าราชการระดับสูงที่มีสถานที่ทำงานอยู่นอกหน่วยงาน จะเป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงกว่าผู้ที่มีสถานที่ทำงานในหน่วยงาน

4 ข้าราชการระดับสูงที่ทำงานเกี่ยวข้องกับการพัฒนาชนบท จะเป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูง กว่าผู้ที่ไม่ได้ทำงานเกี่ยวข้องกับการพัฒนาชนบท

5 ยิ่งข้าราชการระดับสูงมีอายุมากขึ้นเพียงใด ก็ยิ่งมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงขึ้นเพียงนั้น เฉพาะอย่างยิ่งข้าราชการที่มาอายุ 54 ปีขึ้นไป

6 ข้าราชการระดับสูงที่ประสงค์จะเกษียณอายุก่อนครบ60ปี จะมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงกว่าผู้ที่ไม่ประสงค์จะทำเช่นนั้น

7 ข้าราชการระดับสูงที่มีบุตรธิดามากกว่า 3 คน จะเป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงสุด ส่วนผู้ที่มีบุตรธิดาเพียงคนเดียว จะมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศต่ำสุด

8 ข้าราชการระดับสูงที่บิดาสิ้นชีวิตแล้ว จะมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงกว่าผู้ที่บิดายังมีชีวิตอยู่

9 ข้าราชการระดับสูงที่มีระดับการศึกษาปริญญาเอก (เฉพาะทางด้านนิเทศศาสตร์) ก่อนเข้ารับราชการ จะมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงสุด ส่วนผู้ที่มีระดับการศึกษาขั้นปริญญาโท (เฉพาะอย่างยิ่งด้านสัตวแพทย์) จะมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศต่ำสุด

10 ข้าราชการระดับสูงที่มีระดับการศึกษาปริญญาเอก (เฉพาะทางด้านปติมากรรม) และปริญญาตรี (เฉพาะอย่างยิ่งด้านการประมง) หลังเข้ารับราชการจะมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงสุด ส่วนผู้ที่มีระดับการศึกษาขั้นปริญญาโท (เฉพาะอย่างยิ่งด้านนิเทศศาสตร์) จะมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศต่ำสุด

11 ข้าราชการระดับสูงที่ไม่เคยได้รับทุนการศึกษาภายในประเทศ ก่อนเข้ารับราชการ จะมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงกว่าผู้ที่เคยรับทุน

12 ข้าราชการระดับสูงที่ไม่เคยได้รับทุนการศึกษาภายในประเทศ ก่อนเข้ารับราชการ จะมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงกว่าผู้ที่เคยรับทุน เช่นนั้น และในบรรดาผู้ที่เคยได้รับทุนเช่นนั้น ผู้ที่ได้รับทุนจากองค์กรระหว่างประเทศจะมีความมุ้งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงสุด ส่วนผู้ที่ได้รับทุนจากรัฐบาลไทยจะมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศต่ำสุด

13 ข้าราชการระดับสูงที่ไม่เคยศึกษาต่อต่างประเทศ หลังรับราชการจะมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงสุด

14 ยิ่งข้าราชการระดับสูงมีอายุราชการมากขึ้นเพียงใด ก็ยิ่งมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงมากขึ้นเพียงนั้น

15 ข้าราชการระดับสูง11 จะมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงที่สุด ส่วนผู้ที่มีความมุ่งมั่นต่ำสุด คือ ข้าราชการระดับสูง 9

16 ข้าราชการระดับสูงที่มีเงินเดือนเต็มขั้นแล้ว จะมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงสุด

17 จะบ้าเขียนต่อทำไมนะ

ปัญหาวิธีปฏิบัติทางการบริหารบุคล เรียงจากมากไปหาน้อยดังต่อไปนี้

  1. การขากความริเริ่ม
  2. การขาดการฝึกอบรม
  3. การขาดมูลเหตุจูงใจในการปฏิบัติงาน
  4. การควบคุมงานเคร่งครัดเกินไป
  5. การทำงานเป็นหมู่คณะไม่ดี
  6. การคัดเลือกบุคลากรไม่ดี
  7. โครงสร้างองค์กรไม่ดี
  8. การปูนบำเหน็จความดีความชอบไม่ดี
  9. การขาดภาวะผู้นำองค์กร
  10. เป้าหมายองค์กรไม่ชัดเจน
  11. ขาดการเตรียมคนไว้คอยสืบทอดตำแหน่ง

หมายเหตุ

: ตอนหัวค่ำคุยกับหมอเจ๊เรื่องการบริหารงานในโรงพยาบาล

: และพรุ่งนี้ มะรืนนี้ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลจะมาดูงาน

: และเรื่องการศึกษาดูงานเครือญาติชาวเฮที่เพิ่งผ่านไปจึงบันทึกร่องรอยไว้

: ส่วนข้อมูลการวิจัยต่างๆอย่าไปตกหลุมคิดตามมากนัก ฟังหูไว้หู ดีแล

อิ อิ..



Main: 0.093387842178345 sec
Sidebar: 0.10162496566772 sec