ยางพาล้า
หลังจากราคายางพาราขึ้นเป็นบ้าเป็นหลัง จาก ก.ก.25บาท มาเป็น 100-140-170-195 บาท หลังจากนั้นก็ขึ้นๆลงๆมาอยู่ประมาณร้อยต้นๆ คนที่เกี่ยวข้องกับสวนยางแฮปปี้ไปตามๆกัน เจ้าของสวนก็อู้ฟู่ คนกรีดยางก็อู้ฟู่ คนผลิตกล้ายางก็อู้ฟู่ เศรษฐกิจภาคใต้พุ้งกระฉูด รัฐบาลก็ส่งเสริมกันอย่างกระดี๊กระด๊า ชาวไร่ชาวนาขานรับปรับเปลี่ยนที่นาที่สวนมาเป็นพื้นที่ปลูกยางพารา พื้นที่ป่าถูกบุกรุกมาเป็นสวนยาง ไปไหนๆก็เห็นแต่ต้นยางๆๆๆๆ..
ประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงโหนกระแสปลูกยางกันอย่างครึกโครม ไม่มีตัวเลขว่าในระยะ2-3ปีนี้ พื้นที่ปลูกยางพาราทั้งโลกขยายตัวไปกี่ล้านไร่ และจะขยายเพิ่มขึ้นอีกเท่าไหร่ ภาพรวมของการปลูกต้นไม้หลากหลายชนิด คงจะสู้การปลูกยางพาราไม่ได้ ถ้าพิจารณาขอบข่ายของยางพาราก็เห็นว่านำไปใช้ในงานอุตสาหกรรมเป็นส่วนใหญ่ เกิดประโยชน์เชื่อมโยงกับกิจการอื่นๆพอสมควร ยังรอดูว่าถ้ามีโรงงานผลิตผืนยางพาราแผ่นใหญ่สำหรับปูสระน้ำมากๆราคาน่าจะลดลง ในระดับที่เกษตรกรทั่วไปซื้อหามาปูแหล่งน้ำขนาดเล็กกระจายตัวเป็นตาหมากรุก หรือในแหล่งที่ลุ่มพอจะปรับเป็นแก้มลิงขนาดจิ๋ว จะได้ประโยชน์หลายต่อ มีน้ำใช้ในการเพาะปลูก บางแห่งอาจจะเลี้ยงสัตว์น้ำ ที่สำคัญช่วยกักเก็บน้ำไว้ได้ทุกพื้นถิ่น แทนที่จะปล่อยให้น้ำฝนท่วมบ้านเรือน และไหลทิ้ง
ถ้าอุตสาหกรรมผลิตแผ่นยางปูพื้นกระเตื้องขึ้น
อาจจะช่วยยึดราคายางให้มั่นคงได้บ้าง
ไม่แน่นะครับ ความผันผวนเศรษฐกิจโลกราคายางอาจจะน๊อกก็ได้
ชาวสวนยางมาโอดครวญให้ฟัง
ตอนนี้มีแก็งค์เด็กเยาวชนอายุ 10-13 ปี
รวมตัวกันมาแอบขะโมยน้ำยางกลางดึก
เดินเทเอาน้ำยางจากถ้วยยาง
บางทีอาจจะย่องตามก้นคนกรีดนั่นแหละ..
กลับมาเก็บช่วงเช้าเจอแต่ถ้วยเปล่าๆ..
ทุกข์ของชาวสวนยางพารา ..เกิดขึ้นแล้ว>>
บางคนเก็บแผ่นยางไว้ในยุ้งฉางหลายร้อยแผ่น
เห็นราคาดีจะเอาไปขาย..เจอแต่อากาศ
อกอีแป้นแตก..ยางแผ่นหายไปแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
ชาวสวนยางกินไม่ได้นอนไม่หลับ
เหนื่อยจากการกรีดยางแล้วต้องมานั่งถ่างตาเฝ้าถ้วยยางอีก
สวนยางนั้นทึบครึ้มยากแก่การเฝ้าระวัง
เด็กวางสายดูแลต้นทาง ทีหนีทีไล่ ฝึกวิทยายุทธให้กล้าแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
ได้น้ำยางไปขายมีเงินใช้ก็ย่ามใจ
เด็กเดินสายขะโมยน้ำยางเป็นภัยมืดที่กำลังก่อตัว
ปัญหาเยาวชนลูกหลานเราจะเอายังไงดีละครับ
จะเฝ้าสวนยางอย่างเดียว หรือ จะช่วยกันแลลูกหลานตนเอง
เด็กๆที่แปรเปลี่ยนพฤติกรรมน่าจะมาจากในหมู่บ้านนั่นแหละ
ไม่มีเด็กคนไหนเดินข้ามตำบลมาขะโมยยางหรอกนะครับ
ทุกขั้นตอนเป็นเรื่องเศร้าที่มีเบื้องหลังให้ถอดถอนใจ
สังคมที่เปราะบางส่งผลกระทบไปยังทุกภาคส่วน
ยาเสพย์ติด นิสัยลักเล็กขะโมยน้อย อาจจะเป็นคนละเรื่องเดียวกัน
ยางขึ้นราคาแทนที่กระดี๊กระด๊ากลับมานอนก่ายหน้าผาก
แม่บ้าน ลูกหลานผู้หญิง ไม่กล้าให้ออกไปช่วยกรีดยางอีกแล้ว
ช่วงตี2-ตี3 เดินต๊อกๆไปกรีดยางมันไม่ปลอดภัย
ใครมีข้อเสนอที่ดีช่วยแนะนำด้วยครับ
ก่อนที่สวน ย า ง พ า ร า จะเป็นสวน ย า ง พ า ล้ า . .
อิ
Next : อะไรเอ่ย » »
14 ความคิดเห็น
เลี้ยงปลาก็โดนลัก ปลูกผักก็ไม่เหลือ
มันบ้าไปแล้วสังคมไทยเรา
รากปัญหาคือ ทุนนิยม ที่ทักษิณ ยิ่งลักษณ์กำลังนำมาแพร่ระบาด ส่วนรากหญ้าเสื้อแดงรับกรรม เป็นพวกขโมยพวกนี้แหละ (ผมเดาเอานะ ผิดถูกประการใดก็ว่ากันได้)
ความโลภ ความอยาก มันทำให้ทำอะไรไปได้มากมาย
ความรู้ไม่มีพอจะหาเงินได้ด้วยตนเอง แต่ความอยากได้มันเกินความรู้
หาทางออกแห่ไหนไม่เจอ ก็มาเจอวิธีขโมยนี่แหละ
พวกรากหญ้าก็ขโมยสินค้า
พวกยอดหญ้าก็ขโมยปัญญาความรู้
สังคมไทยวันนี้ น่าเป็นห่วง เพราะมันกำลังเน่าจากหัวจรดหาง นะบาท่าน
งานวิจัยไทยบ้าน ที่สำคัญ ต้องบูรณาการกับพฤติกรรมด้วยนะผมว่า
รับไว้แล้ว ..งานวิจัยไทยบ้าน ที่สำคัญ ต้องบูรณาการกับพฤติกรรมด้วยนะผมว่า
พฤติกรรมพวกวนี้ ผมกล้าท้าพิสูจน์ว่ามีส่วนเกี่ยวเนื่องกับการที่พ่อแม่ไม่อยู่ ไปทำงานที่นิคมอุตสาหกรรมริมทะเล ทิ้งลูกเต้าไว้ให้เกเร
เครียดแล้วนะเนี่ยผม
ที่กระบี่เขาใช้กระบวนการทางสังคมและมีครูกศน.เข้ามามีบทบาทช่วยในการจัดการกับเด็กค่ะ พื้นที่ที่เกิดปัญหาเขาบอกว่า สืบความไปแล้วเจอว่า เด็กขโมยเพราะไม่มีเงินไปซื้ออุปกรณ์การเรียน พ่อแม่หาเงินมาไม่พอใช้ในครอบครัวสำหรับเรื่องจำเป็น ตามจนเจอต้นตอความคิดของเด็กแล้วแก้ เรื่องก็หายไปค่ะ
โห..หมอเจ๊ ถ้าจริงดังว่าผมจะขอปรับศีลข้ออทินนาเลยว่า ขโมยไม่ดียกเว้นเพื่อการศึกษา 55
แต่ผมว่างานวิจัยนี้อาจเพี้ยน เพราะไปเชื่อคำให้การของเด็กมากเกินไป หรืออย่างมากมันอาจเป็นเพียงความจริงระดับทุติยภูมิ โดยที่ความจริงปฐมภูมิคือ เด็กเอาเงินไปใช้ฟุ่มเฟือยเรื่องเหลวไหล พอเงินหมดแล้วรร.กำหนดให้ทำโน่นนี่ เงินที่พ่อแม่ให้มาแต่แรกก็ไม่พอ ก็เลยต้องขโมย
ถ้าเป็นยางที่ไม่ได้แปรรูป เหมือนเอาเงินวางทิ้งไว้นะครับ ไม่ว่าราคาจะเป็นเท่าไหร่ ผู้ซื้อก็ไปทำกำไรต่อได้
น้ำยางดิบ 1 ลิตร หนัก 0.975-0.980 กก. ถ้าขายเป็นยางแผ่น ได้ราคาตามราคาตลาด (ร้อยต้นๆ)
แต่ถ้าเอามาทำกางเกงยางไว้ลุยน้ำท่วม โดยพอกกับแบบไม้หลายๆ ชั้น เป็นกางเกงยาง/ถุงน่องยางไว้ลุยน้ำท่วม (หรืออะไรก็แล้วแต่) ขายตัวละ 40 บาท น้ำยาง 1 ลิตร ถ้าทำกางเกงได้ 4 ตัว ได้เงิน 160 บาท ถ้า ทำได้ 10 ตัว ก็ได้ 400 บาท ดีกว่าขายยางแผ่น 1 กก.เป็นไหนๆ ครับ
ท่าน logos คห. 6 ครับ ผมเคยเขียนไว้แล้วว่าถ้าเอามาทำเป็น ยางรถยนต์ก้ได้กก.ละ 600 บาท (แถม 600 บาทนี้เป็นเหล็กเส้นเสียมาก…steel belt radial)
แต่นี่ยังเพียงต่อแรก ต่อที่สองสามสี่ ที่เรียกว่า economic multiplication จะตามมาอีกสิบตลบ
ดังที่ผมได้สาธยายไว้แล้วว่า อุตสาฯเกษตรนั้นทำให้ดีมีมูลค่าเพิ่มถึง 350 เท่า
แต่รัฐมารไทยมันง่าว คิดกันได้แค่ ให้ต่างชาติมาลงทุนอุตสาหกรรม ส่วนไทยขายวัตถุดิบ ไอ้อิ๊บอ๋ายเอ๊ย
โอ๊ย..เครียดสะสมอีกแล้วเรา คงเป็นกรรมเก่าที่เจือกเกิดมาในปะเต้ดง่าว
ยางพาล้าหรือยางพารวย ยังมีช่องทางให้ทำอะไรได้อีกแยะ
สวัสดีครับพ่อครูบา
แวะมารายงานตัว ยังอยู่นะครับ อิอิ
ที่กำแงพเพชรเขากรีดยางตอนหัวค่ำครับ
ไม่ต้องตื่นมาดึกๆ เหมือนที่อื่น
…อันธพาลครองเมืองไม่ได้มีแต่ในหนังนะครับ
คนไทย..และเด็กๆ ได้รับตัวแบบที่ผิดๆ
เช่น คนเกเร นักเลง…ฯลฯ แต่ได้ดิบได้ดี
มันอะไรกันก็ไม่รู้บ้านเรา…
ชาวบ้านหากไม่คิดได้เอง ก็คงจบ
หวังพึ่งใครไม่ได้
เจ้าหนูไผ่คงจะตัวโตขึ้นมากแล้วนะครับ
น้องไผ่สูงเกือบ 160 ซม. แล้วครับ
แต่น้ำหนักก็เยอะเหมือนกัน
อิอิ…
สวัสดีครับครูบา
สวนยางพาราของผมกลายเป็นสวนป่าไปสิบกว่าไร่แล้วครับ ต้นไม้ที่ปลูกก็กว่า 10 ชนิด ปลูกสลับกันไปเป็นแถวๆครับ
สุดยอดเลยครับ
แถวบ้าน ยางเริ่มทำให้ชาวบ้านล้าแล้วครับ ไม่ดีอย่างที่คิดแล้ว