เร่งร้อนหรือเร่งรีบ
ความเจริญนำมาซึ่งความสะดวกดูสบาย แต่ก็ไม่เสมอไปหรอกนะเธอ เรื่องผันผวนกวนใจยังเกิดขึ้นทับซ้อนมากมาย เรามียานพาหนะวิ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็มาติดแหง๊กอยู่ตามสี่แยกไฟแดง แม้แต่ ท า ง ด่ ว น บางเวลาก็เป็น ท า ง เ ดี้ ย ง ยิ่งอีตอนฝนตกด้วยแล้ว ถ้าเป็นบ้านนอกเปิดประตูไปจับกบเขียดได้เลยเชียวแหละ เจอเข้าอย่างนี้ ต่อให้วิ่งเร็วแค่ไหนก็ยัง แ พ้ เ ต่ า
ความเปลี่ยนแห่งยุคสมัย มันปรับเปลี่ยนไปทั้งระบบ มีการเดินทางด้วยรถไฟใต้ดิน อีกหน่อยก็จะมีรถไฟหัวกระสุน เครื่องบินมีบริการมากขึ้น แต่เชื่อเถอะ ยังไงๆก็ยังมีคนตกรถตกรุ่นอยู่วันยังค่ำ การกระหืดกระหอบไปให้ทันตารางการเดินทางเป็นตัวบีบเรื่องเวลา ซึ่งต่างจากสมัยที่เราใช้จักรยาน-ขี่ม้า-เดินเท้า-ลงเรือพาย-หรือแม้แต่ขี่เกวียน สมัยนั้นไม่มีหรอกนะที่จะติดไฟแดง ไปได้เรื่อยๆเหนื่อยก็พัก เรื่องที่พักอาศัยก็มีส่วนที่จะต้องบริหารจัดการอย่างมาก ท่านที่อยู่ไกลๆจะเดินทางยังไงละครับท่ามกลางจราจลจราจรอย่างนี้ื นั่งรถติดนานๆทรมานสิ้นดี กลับถึงบ้านก็อ่อนระโหยคอพับคออ่อน จะมีกระจิตกระใจที่ไหนมาทำการบ้าน-การเรือน-การเตียง สุดท้ายก็มีชีวิตอยู่อย่างแกนๆ อาศัยความเคยชินก็ถูลู่ถูกังกันไปอย่างน่าเวทนา
อาหารการกินก็อีกอย่างหนึ่งที่ต้องจัดการ
จะมาอ้อยสร้อยเข้าครัวปรุงโน่นนี้อย่างคนต่างจังหวัดไม่ได้หรอก
ขนาดรวบรัดซดกาแฟก็ฉุกละหุกแล้ว
มื้ออื่นๆก็พึ่งพาอาหารขาจร-อาหารสำเร็จ-และอาหารเกือบสำเร็จ
ร้านเซเว่นอีเลเว่นเข้าใจเรื่องนี้อย่างโจ่งแจ้ง
พัฒนาส่วนบริการกระเพาะไทย ได้ชื่อว่าสะดวกซื้อ
แรกๆก็ขายลูกชิ้น-ซาละเปา-ตอนนี้มีกระเพาไก่-เกี๋ยวปู ฯลฯ
แว๊ปร้อนๆก็เดินต๊อกแต๊กออกไปชื่นชิมได้
ราคาก็สมเหตุมผล ประมาณ 35-55 บาท
วงจรชีวิต นำไปสู่วิถีชีวิต ที่ต้องพึ่งพาภายนอกแทบทั้งหมด
:: ดังนั้นเมื่อคนกรุงพูดถึงเศรษฐกิจพอเพียงจึงตีความกันไปต่างๆนานา เพราะตัวเองยังไม่เพียงพอแม้แต่เรื่องง่ายๆ อยากจะให้..คนกรุงสรุปสูตรพอเพียงภายใต้อัตตลักษณ์ของตัวเองให้ชมหน่อย ในประเด็นเหล่านี้ คนต่างจังหวัดระรี่ระริกได้พอสมควร ยังพอจะมีความเป็นตัวตนเหลืออยู่บ้าง ยังโยกเรื่องเร่งเร้าให้ผ่อนคลายได้บ้าง ยังเห็นรูเข็มที่ปลายอุโมงค์ ยังไปเลือกตั้งได้สะดวก ไม่ใช่พอไปถึงแล้วหาหน่วยเลือกตั้งไม่เจอแบบคนกรุง หรือไปเจอก็เป็นช่วงที่เขาปิดหีบเสียแล้วกว่าจะได้แสดงสิทธิ์ต้องลงทุนเรื่องเวลาและความตั้งใจ
วันนี้ไปรับโทรศัพท์แต่เช้า..
ถามว่าได้รับหนังสือเชิญประชุมแล้วยัง
ยังไม่ได้รับเลยหนู..ลุงยังอยู่กรุงเทพฯ
>> ผมเป็นกรรมการโรงเรียนจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย
ที่ไม่เคยได้ร่วมประชุมมาเป็นปีแล้ว
ขอร้องให้เขาเฉด-ออกจากกรรมการฯ
ตั้งคนอื่นแทนเถอะ น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า
เขาก็ยังเมตตา-กรุณา-อุเบกขา-อยู่นั่นแหละ
เรื่องเหล่านี้จำเป็นที่จะต้องมีการบริหารจัดการให้เข้ากับยุคสมัย
โรงเรียนอาจจะตั้งอาจารย์สักคนประสานงานเรื่องนี้
โดยให้ทำหน้าที่ประสานงานประสานใจ
ไม่ใช่ทำเพียงส่งหนังสือเชิญ หรือโทรฯถามไปได้หรือไม่ได้เท่านั้น
น่าจะคุยในประเด็นสำคัญอื่นๆได้ด้วย
เช่น หัวข้อการประชุม มีสาระสำคัญเรื่องใดก็หารือทางโทรศัพท์
บางทีกรรมการฯเห็นโจทย์ ก็อาจจะแนะนำวิธีเชื่อมโยงความรู้ได้
โรงเรียนจุฬาภรณ์ได้รับงบประมาณเป็นร้อยๆล้าน
เพื่อจะยกระดับให้เป็นโรงเรียนเน้นสอนทางด้านวิทยาศาสตร์
ถึงขั้นที่จะให้มีประสิทธิภาพในระนาบเดียวกันกับโรงเรียนมหิดลอนุสรณ์
ผมนะเห็นกิจกรรมสอนเชิงวิทยาศาสตร์มากมาย
เพียงแต่กระบวนการของโรงเรียนยังมีเชื้อชักช้าศาสตร์อยู่มาก
เคยแนะให้อ่าน..ล า น ปั ญ ญ า อ่าน ค น ถ า ง ท า ง ฯลฯ
แค่นี้ก็..จะเห็นช่องทางสว่างไสว ในการที่จะไปเชื่อมความนึกคิด เพื่อผลิตกระบวนการใหม่ๆ จะเป็นโรงเรียนสอนเชิงวิทยาศาตร์ แต่อยู่ในวงจรไสยศาตร์มันจะเป็นไปได้จั่งได๋ จุดสำคัญอยู่ในวิธีเหล่านี้ ถ้าไม่รู้วิธีบริหารจัดการความรู้ วิธีบริหารจัดการศึกษาก็จะทื่อๆบื้อๆ การเรียนการสอนเชิงวิทยาศาสตร์มันก็จะเป็นแต่เพียงนโยบาย เป็นคำพูด เป็นแนวคิด สุดท้ายก็ฝันเฟื่อง เรื่องที่รอกอส์เขียน ล้วนเป็นชะนวนการเรียนเรื่องวิทยาศาสตร์ระดับเซียนขี่ยกกระเรียนเหิรฟ้าทั้งนั้น แต่เรื่องพวกนี้นักการศึกษาพันธุ์เก่าไม่รู้เรื่องหร๊อก มุ่งแต่จะทำงานตามใบสั่ง ไม่สั่งไม่ทำ หรือสั่งก็ทำแบบแกนๆ
เพราะ จิ ต น า ก า ร เ ป็ น พ ล า ส ติ ก ไปเสียแล้ว
:: ข้อเสนอแนะ
ผู้ที่เกี่ยวข้องกับโครงการโรงเรียนจุฬาภรณ์ควรเข้ามา ..เปิดลานปัญญา
ครูบาอาจารย์ ลูกหลานนักเรียนก็ควรเข้ามา ..อ่านลานปัญญา
อ่านแล้วคันในหัวใจก็ควรมา..เขียนแลกเปลี่ยนในลานปัญญา
>> ชี้โพรงให้กระรอกก็ชี้แล้ว
>> ลุ้นสุดใจขาดดิ้นอยู่ห่างๆก็ทำแล้ว
>> ถ้ายังยึด..รอประชุม2-3 เดือนครั้งมันบ่ทันกินดอกอีนาง
>> วิ ท ย า ศ า ส ต ร์ ต้องไฉไล ช้าๆ เ รี ย ก ว่ า ก ะ ย า ส า ด
>> ช้าๆได้พร้าเล่มงามก็ยังต้องใช้ ไวๆระดับฟ้าผ่าก็ต้องทำ
>> ความแปลกใหม่ทันสมัยไม่มีสูตรสำเร็จ
>> แม้แต่หมอลำซิ่งยัง พั ฒ น า นี่การศึกษาแท้ๆจะ พั ฒ เ น่ า อยู่ทำไม?
กำลังจะไปเช็คเอ๊าส์ กลับบ้าน
ตะกี้โทรศัพท์เข้ามาแบบเฉียดฉิว
ครูบาจะมาประชุม..สภาการศึกษาฯได้ไหมคะ
วันไหนครับ?
วันที่ 4 ที่สภาการศึกษานะคะ
โธ่ๆๆๆๆๆ พอๆกับอุ้ยนั่นแหละ โรคประชุมขึ้นสมอง
Next : ความมั่นคงสูตรไหนดี » »
4 ความคิดเห็น
เห็นด้วยอย่างยิ่งคร๊าบท่าน
ผมดีใจที่หลุดรอดออกมาจากวงจรประชุมเสียได้ เบื่อที่สุดคือพวกเยิ่นเย้อบ้านำลาย ว่ายลีลา เสร็จแล้วไร้สาระ
เพื่อนผมเป็นอจ.อยู่ม.บ้านนอก เป็น กก. อยู่สองสามชุด สองเดือนเข้ามาประชุมกทม.ที วันนี้ย้ายมาอยู่ม.ดังในกทม. เคยเป็นคณบดี กลายมมเป็นครูน้อยธรรมดา ปรากฎว่า ได้รับการเลือกให้เป็น กก. นับสิบชุดในชั่วข้ามปี ประชุมทุกอาทิตย์
มันเมืองฟ้าอมรจริงๆ คัดเลือกกก.ผู้ทรงคุณวุฒิตามพื้นที่ คนๆเดียวกันแท้ๆ อยู่บ้านนอกไม่เป็นผู้ทรง พอย้ายมาอยู่กทม. กลายเป็นผู้ทรงชั่วข้ามคืน สงสัยมันเลือกด้วยการเข้าทรง
วิทยาศาสตร์นั้นมักคิดกันว่าต้อง high tech ราคาแพง แบบฝรั่ง ซื้อกันเข้าไป แต่ลองมองดูลูกยางหล่น ควงสว่านลงมา ..มันบ้าจริงๆ ต้นไม้มันยังรู้จักวิทยาศาสตร์ชั้นสูง ..นี่คนแท้ๆ เจือกเอาแต่ซื้อ บื้อตาไส ตั้งงบกันเข้าไป เงินไหลกันกองมา
ว๊าว..เขย่า คำว่าวิทยาศาสตร์ ที่อีแลแปแป๊ดได้คักแท้ๆ
ผู้ทรง คัดจากการทรงเจ้า นั่งเทียน
ใครเคยมีชื่ออยู่แล้ว ถึงเวลาก็ถูกจิ้มๆเอา เพราะไม่รู้จะเอาใคร
และไม่เสี่ยงด้วย ยังไงๆรู้ทางกัน
มีความมักง่ายในการจัดประชุมกันง่ายๆ
ประเทศนี้มีกี่หน่วยงานละ แต่ละหน่วยต้องประชุมกี่ครั้ง
รวมๆกัยแล้ว งบประชุมนี่ก็ผลาญชาติไม่เบา
เว้นแต่จะจัดกันอย่างมีคุณภาพ ส่วนมากจะพังพาบ
จัดแต่ละทีระทึกใจ ..เกรงว่ามันจะเข้าท่ารึเปล่า
จัดประชุม เพื่อให้ได้มีการประชุม มันก็ไอ่แค่นั้นแหละ