จันทร์กระจ่างกลางป่า
(คุณหลานอารมณ์นิ่งมาก)
อาหารมื้อเย็น จิ๊กกับน้องๆช่วยกันเข้าครัว หลังจากนั้นก็จัดวางอาหาร พวกเราเจี๊ยะกันง่ายๆแต่อร่อยไม่แพ้โต๊ะจีนโต๊ะลาวโต๊ะเขมร กินง่ายอยู่ง่ายอร่อยง่ายสบายท้องสบายใจ ถ้าบริหารชีวิตให้สมดุลตามอัตภาพ ไม่รบกวนสภาพแวดล้อมจนเกินเหตุ โลกใบนี้ก็จะปกติได้ด้วยพฤติกรรมมนุษย์ที่รู้คุณค่าของแผ่นดิน หลังจากอิ่มท้อง เราก็นั่งคุยกันสัมเพเหระ จนเวลาผ่านไปถึง4 ทุ่ม ก็ได้เวลาแยกย้ายกันไปพักผ่อน พร้อมกับนัดกันว่าจะตื่นแต่เช้า แล้วเราจะจูงวัวอาบแดดด้วยกัน..
(คุณเด็กๆเรียนรู้ร่วมไปกับคุณพ่อแม่พี่ป้าน้าอา)
แม่ใหญ่เดินมาที่ประตู โผล่หน้ามองไปแมกไม้ที่หรุบหรู่
บอกว่า..ป่าคืนนี้ดูแปลกสวยสงบ
ผมเดินต๊อกแต๊กกลับมายังบ้านหลังเล็ก
ที่ลานหน้าบ้านสว่างด้วยแสงจันทร์นวลผ่อง
พระจันทร์ดวงโตสอดส่องประกายชุ่มเย็นเต็มท้องฟ้า
วิสาขะบูชาปีนี้มีประทีปจากสวรรค์มาร่วมเป็นพุทธบูชา
ไม่ทราบว่าแม่ใหญ่..ได้มองไหม?
ถึงยังไงก็ยังมีโอกาสถ้าตื่นช่วงย่ำรุ่งแล้วไม่มีเมฆหมอกมาบดบัง
จันทราก็ยังจะสุกสกาวทอแสงให้ชื่นมื่นในค่ำคืนนี้
วันนี้ชาวฮักโฮมและคณะ ขับรถเป็นงูกินหางเข้ามาถึงสวนป่าประมาณ 10 โมงเศษ ทริปนี้มีเด็กๆน่ารักมากันหลายคน ทำให้ป่าครึกครื้นขึ้นในบัดดล หลังจากทยอยเข้าไปในอาคารแล้ว ผมก็เปิดจุกรายการแบบกันเอง ไม่ได้มีพิธีการอะไรเลย เว้ากันซื่อๆนึกอะไรได้ก็เล่าสู่กันฟัง ฉายLCD.เล่าความหลังกระทั้งมาถึงปัจจุบัน และแล้วไฟฟ้าก็ดับพรึบ! ผมเปลี่ยนแผนชวนชาวคณะไปสูดโอโซนข้างนอก วันนี้อากาศสะอาดดีเหลือเกิน ฝนเมื่อคืนชำระล้างฝุ่นละอองหมดจด ใบไม้เขียวสดใส หญ้าระบัดเสมือนพรมเขียวผืนใหญ่คลีคลุมสวนป่าแห่งนี้ เราเดินตามกันต๊อกๆไปเยี่ยมคอกปศุสัตว์ ไปหยอกเอินกับเจ้าทองแดง ไปชมการสับกิ่งไม้ใบไม้เป็นอาหารโค แล้วออกไปดูโน่นนื้จนเลยอาหารมื้อเที่ยง ผมชวนไปเก็บเห็ดหูหนูที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติเอาไปให้แม่ครัวผัดกระทะร้อน ก่อนที่ท้องจะร้องจ๊อกๆไปกว่านี้ เราก็มานั่งเป็นพระอันดับล้อมรอบโต๊ะอาหาร ด้วยความหิวทำให้มื้อเที่ยงผ่านไปด้วยดี ตบท้ายด้วยมะตูมไข่หวาน มื้อนี้จึงอิ่มด้วยเมนูอีสานฉบับสวนป่า
หลังจากอิ่มหนังตาก็หย่อน ประกอบกับตื่นกันแต่เช้า จึงทิ้งช่วงผ่อนคลายด้วยการนั่งสบายๆระยะหนึ่ง แล้วมาชมLCDที่ยังค้างในช่วงแรก ประกอบกับอากาศข้างนอกยังร้อนชื้น ต้นบ่ายจึงขลุกกันอยู่ในห้อง คุยกันตามอัธยาศัย จนตะวันบ่ายคล้อยพร้อมกับลมโชย ผมจึงชวนเดินอีกรอบหนึ่ง ไปดูแปลงปลูกไม้อาคาเซีย แล้วลุยเข้าไปในกลุ่มไม้ใหญ่ ชี้ชวนใหญ่แม่ใหญ่และคณะดูต้นไม้ต้นพระเอก ที่เป็นธนาคารเมล็ดพันธุ์ดีมีไว้เพื่อเก็บลูกมาเพาะปลูกขยายต่อๆไป
คนงานยกสว่านมาเจาะหลุมปลูกก้นไม้
เราช่วยกันปลูกต้นไม้เป็นที่ระลึก
มีต้นมะรุม ต้นก้ามปู ต้นพระเจ้า5พระองค์ ต้นสะตอ
เด็กๆช่วยกันปลูกอย่างแข็งขัน
เรียบร้อยแล้วกลับมาชิมมะละกอจานใหญ่
ชวนกันถ่ายภาพเป็นที่ระลึกหน้าอาคาร
คณะที่จำเป็นต้องเดินทางกลับทะยอยล้อเคลื่อนไล่กันออกจากสวนป่า
คุณหมอหนึ่งบอกว่า..คราวหน้าจะมาเป็นคณะใหญ่
แล้วจะมานอนคุยกันสักคืน
รายการเหย้าเยือนยังจะมีสืบทอดต่อไปอีกในวันข้างหน้า
ป่านฉะนี้..คงจะกลับไปถึงบ้านโดยสวัสดิภาพแล้วนะครับ
ขอบคุณป้าหวานที่ฝากขวดพลาสติกมาให้จนจุใจ
ขอให้คุณป้าและครอบครัว อายุ วัณโน สุขัง พลัง..
« « Prev : โปรแกรมต้อนลับแม่ใหญ่และคณะ
1 ความคิดเห็น
เสียดายที่ไม่กล้าเดินออกไปชมจันทร์กระจ่างฟ้า ในป่าอันมืดมิด (มืดจริงๆ ต่างไปจากความมืดในเมือง แม้ไฟดับก็ตาม) เพราะนิสัยคนเมืองยังนึกเกรงๆงูอยู่บ้าง ใจหนึ่งก็อยากกออกไปชมต้นอคาเซีย ยามค่ำคืนที่ พ่อครูบอกว่าจะดูลำต้นใหญ่กว่ากลางวันอีก แต่ใจไม่ถึง ได้แต่เอาหน้าแนบกระจกมองจากชั้นบนที่พักเท่านั้นเอง