จันทร์กระจ่างกลางป่า

อ่าน: 1786

(คุณหลานอารมณ์นิ่งมาก)

อาหารมื้อเย็น จิ๊กกับน้องๆช่วยกันเข้าครัว หลังจากนั้นก็จัดวางอาหาร พวกเราเจี๊ยะกันง่ายๆแต่อร่อยไม่แพ้โต๊ะจีนโต๊ะลาวโต๊ะเขมร กินง่ายอยู่ง่ายอร่อยง่ายสบายท้องสบายใจ ถ้าบริหารชีวิตให้สมดุลตามอัตภาพ ไม่รบกวนสภาพแวดล้อมจนเกินเหตุ โลกใบนี้ก็จะปกติได้ด้วยพฤติกรรมมนุษย์ที่รู้คุณค่าของแผ่นดิน หลังจากอิ่มท้อง เราก็นั่งคุยกันสัมเพเหระ จนเวลาผ่านไปถึง4 ทุ่ม ก็ได้เวลาแยกย้ายกันไปพักผ่อน พร้อมกับนัดกันว่าจะตื่นแต่เช้า แล้วเราจะจูงวัวอาบแดดด้วยกัน..

(คุณเด็กๆเรียนรู้ร่วมไปกับคุณพ่อแม่พี่ป้าน้าอา)

แม่ใหญ่เดินมาที่ประตู โผล่หน้ามองไปแมกไม้ที่หรุบหรู่

บอกว่า..ป่าคืนนี้ดูแปลกสวยสงบ

ผมเดินต๊อกแต๊กกลับมายังบ้านหลังเล็ก

ที่ลานหน้าบ้านสว่างด้วยแสงจันทร์นวลผ่อง

พระจันทร์ดวงโตสอดส่องประกายชุ่มเย็นเต็มท้องฟ้า

วิสาขะบูชาปีนี้มีประทีปจากสวรรค์มาร่วมเป็นพุทธบูชา

ไม่ทราบว่าแม่ใหญ่..ได้มองไหม?

ถึงยังไงก็ยังมีโอกาสถ้าตื่นช่วงย่ำรุ่งแล้วไม่มีเมฆหมอกมาบดบัง

จันทราก็ยังจะสุกสกาวทอแสงให้ชื่นมื่นในค่ำคืนนี้

วันนี้ชาวฮักโฮมและคณะ ขับรถเป็นงูกินหางเข้ามาถึงสวนป่าประมาณ 10 โมงเศษ ทริปนี้มีเด็กๆน่ารักมากันหลายคน ทำให้ป่าครึกครื้นขึ้นในบัดดล หลังจากทยอยเข้าไปในอาคารแล้ว ผมก็เปิดจุกรายการแบบกันเอง ไม่ได้มีพิธีการอะไรเลย เว้ากันซื่อๆนึกอะไรได้ก็เล่าสู่กันฟัง ฉายLCD.เล่าความหลังกระทั้งมาถึงปัจจุบัน และแล้วไฟฟ้าก็ดับพรึบ! ผมเปลี่ยนแผนชวนชาวคณะไปสูดโอโซนข้างนอก วันนี้อากาศสะอาดดีเหลือเกิน ฝนเมื่อคืนชำระล้างฝุ่นละอองหมดจด ใบไม้เขียวสดใส หญ้าระบัดเสมือนพรมเขียวผืนใหญ่คลีคลุมสวนป่าแห่งนี้ เราเดินตามกันต๊อกๆไปเยี่ยมคอกปศุสัตว์ ไปหยอกเอินกับเจ้าทองแดง ไปชมการสับกิ่งไม้ใบไม้เป็นอาหารโค แล้วออกไปดูโน่นนื้จนเลยอาหารมื้อเที่ยง ผมชวนไปเก็บเห็ดหูหนูที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติเอาไปให้แม่ครัวผัดกระทะร้อน ก่อนที่ท้องจะร้องจ๊อกๆไปกว่านี้ เราก็มานั่งเป็นพระอันดับล้อมรอบโต๊ะอาหาร ด้วยความหิวทำให้มื้อเที่ยงผ่านไปด้วยดี ตบท้ายด้วยมะตูมไข่หวาน มื้อนี้จึงอิ่มด้วยเมนูอีสานฉบับสวนป่า

หลังจากอิ่มหนังตาก็หย่อน ประกอบกับตื่นกันแต่เช้า จึงทิ้งช่วงผ่อนคลายด้วยการนั่งสบายๆระยะหนึ่ง แล้วมาชมLCDที่ยังค้างในช่วงแรก ประกอบกับอากาศข้างนอกยังร้อนชื้น ต้นบ่ายจึงขลุกกันอยู่ในห้อง คุยกันตามอัธยาศัย จนตะวันบ่ายคล้อยพร้อมกับลมโชย ผมจึงชวนเดินอีกรอบหนึ่ง ไปดูแปลงปลูกไม้อาคาเซีย แล้วลุยเข้าไปในกลุ่มไม้ใหญ่ ชี้ชวนใหญ่แม่ใหญ่และคณะดูต้นไม้ต้นพระเอก ที่เป็นธนาคารเมล็ดพันธุ์ดีมีไว้เพื่อเก็บลูกมาเพาะปลูกขยายต่อๆไป

คนงานยกสว่านมาเจาะหลุมปลูกก้นไม้

เราช่วยกันปลูกต้นไม้เป็นที่ระลึก

มีต้นมะรุม ต้นก้ามปู ต้นพระเจ้า5พระองค์ ต้นสะตอ

เด็กๆช่วยกันปลูกอย่างแข็งขัน

เรียบร้อยแล้วกลับมาชิมมะละกอจานใหญ่

ชวนกันถ่ายภาพเป็นที่ระลึกหน้าอาคาร

คณะที่จำเป็นต้องเดินทางกลับทะยอยล้อเคลื่อนไล่กันออกจากสวนป่า

คุณหมอหนึ่งบอกว่า..คราวหน้าจะมาเป็นคณะใหญ่

แล้วจะมานอนคุยกันสักคืน

รายการเหย้าเยือนยังจะมีสืบทอดต่อไปอีกในวันข้างหน้า

ป่านฉะนี้..คงจะกลับไปถึงบ้านโดยสวัสดิภาพแล้วนะครับ

ขอบคุณป้าหวานที่ฝากขวดพลาสติกมาให้จนจุใจ

ขอให้คุณป้าและครอบครัว อายุ วัณโน สุขัง พลัง..

« « Prev : โปรแกรมต้อนลับแม่ใหญ่และคณะ

Next : แห้วราดกะทิ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

1 ความคิดเห็น

  • #1 maeyai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 พฤษภาคม 2011 เวลา 17:23

    เสียดายที่ไม่กล้าเดินออกไปชมจันทร์กระจ่างฟ้า ในป่าอันมืดมิด (มืดจริงๆ ต่างไปจากความมืดในเมือง แม้ไฟดับก็ตาม) เพราะนิสัยคนเมืองยังนึกเกรงๆงูอยู่บ้าง ใจหนึ่งก็อยากกออกไปชมต้นอคาเซีย ยามค่ำคืนที่ พ่อครูบอกว่าจะดูลำต้นใหญ่กว่ากลางวันอีก แต่ใจไม่ถึง ได้แต่เอาหน้าแนบกระจกมองจากชั้นบนที่พักเท่านั้นเอง


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.047309875488281 sec
Sidebar: 0.046967029571533 sec