โลกดึกดำบรรพ์

อ่าน: 2838

(แห้วเป็นตัวแทนกอดอำลาตามธรรมเนียมเฮฮาศาสตร์)

หลังจากจบรายการพิพิธภัณฑ์ภูมิปัญญาไทของท่านจอหงวน ก่อนจะเดินทางไปชมสิ่งที่เก่าแก่กว่าที่นี่ พ่อๆที่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่ผมชวนมาร่วมงานเฮครั้งนี้ด้วย ได้เปิดท้ายรถแนะนำผลผลิตที่เกิดจากน้ำพักน้ำแรง เช่น ข้าวสาร ข้าวกล้องอินทรีย์ น้ำมันงา จมูกข้าวฮางบด และพันธุ์ข้าวมาแสดงให้ชาวคณะชม พวกเราต่างมะรุมมะตุ้มช่วยกันอุดหนุนหนุบหนับ พร้อมกับซักถามที่ไปที่มาของผลผลิตต่างๆ จนเกิดการขอที่อยู่จะบุกไปถึงบ้านในภายหลัง

จากนั้นล้อเคลื่อนไปยังพิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน ถิ่นไดโนเสาร์ และช้างล้านปี เท่าที่สอบถามได้ใจความว่าสถานที่ตั้งเป็นที่พบไม้กลายเป็นหินจำนวนมากอยู่แล้ว จึงได้มีการขุดค้นแล้วรวบรวมไว้เป็นหมวดหมู่ตั้งแสดงทั้งในสวนกลางแจ้งและในอาคาร เป็นครั้งแรกที่ได้ใช้สิทธิ์ผู้สูงอายุ กฎกติกามีอยู่ว่าถ้าผู้เข้าชมอายุเกิน60ปี ไม่ต้องเสียค่าผ่านประตู ส่วนชาวคณะที่ยังไม่ถึงวาระไม้ใกล้ฝั่งต้องจ่ายค่าชมคนละ30บาท

คณะเราเดินชมตามลายแทงที่เขาทำเป็นรอยเท้านก เข้าห้องโน้นออกห้องนี้ ที่มีการจัดกลุ่มแสดงไว้ตามหลักวิชา พร้อมกับมีวิทยากรคอยอธิบายความเป็นมาของแต่ละห้อง บางห้องฉายซีดีที่ดัดแปลงที่นั่งให้ขยับเขยื้อนหรือสั่นได้ เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศที่เรามองในจอ มีฉากไดโนเสาร์ไล่ล่ากัน ช่วงสัตว์ทำร้ายอย่างรุนแรงที่นั่งก็สั่นสะเทือน เล่นเอาสะดุ้งไปเหมือนกัน บางห้องจัดฉายภาพระบบ360องศา น่านอนชมมากว่านั่งจ้องไปฝั่งกระโน้นกระนี้ ถ้าชวนเด็กๆมาคงกรี๊ดกร๊าดกันน่าดู

อ่านตามป้ายที่แสดงข้อมูลแล้ว

พบว่าโลกเราเปลี่ยนแปลงตามแต่ละยุคสมัย

ต่อๆไปจะเรียกว่ายุคอะไรก็ไม่ทราบได้

เห็นอายุหินเป็นแสนเป็นล้านปี เทียบกับอายุของมนุษย์แค่สิบแค่ร้อยปีแล้วมันห่างชั้นกันเหลือเกิน จะทำอะไรก็รีบๆทำเสียนะครับ วันเวลานั้นสั้นนัก เขาฉายภาพให้เห็นยุคที่มีอุกาบาตรวิ่งมาชนโลก ทำเอาไดโนเสาร์วอดวายจนสูญพันธุ์ ไม่รู้ยุคมนุษย์สูญพันธุ์จะมีรึเปล่า เพราะชอบทำลายล้างโลกกันเหลือเกิน

หลังจากถ่ายรูปหมู่แล้ว

ก็ยกขบวนไปหาอาหารมื้อเที่ยงที่3แยกปักธงชัย

เจ้าถิ่นเลือกร้านโคขุนโพนยางคำ

หม่ำกันคนละหมุบละมับแล้วก็แยกย้ายกัน

พ่อวิจิตร-พ่อกว้าง เดินทางกลับพุทไธสง

ท่ า น จ อ ห ง ว น ล่ำ ล า แ ย ก กั น ใ น ช่ ว ง นี้

เ จ้ า แ ห้ ว ทำ พิ ธี ก อ ด

อำ ล า ต า ม ธ ร ร ม เ นี ย ม ข อ ง ช า ว เ ฮ

คณะที่เหลือเดินทางต่อไปยังศูนย์วิจัยป่าไม้สะแกราช ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 30 .. ผมมีนัดมารับกล้าไม้อาคาเซียกับไม้หอมจีนให้คุณชลิต จึงถือโอกาสชวนพวกเรามาชมกิจการปักชำกล้าไม้ และชมแปลงปลูกไม้อาคาเซีย ทุกคนไปเห็นแปลงไม้อายุ10ปี ต่างร้องโอ้โฮไปตามๆกัน แม่ใหญ่ชอบใจ..เจ้าหน้าที่ศูนย์ฯมอบกล้าไม้ให้500ต้น นัดแนะให้มารับได้ในเดือนหน้า

ผมมีรายการเอาผู้สนใจมาอบรมเรื่องการปักกิ่งชำต้นไม้ที่ศูนย์แห่งนี้ในเดือนมิถุนายน ชาวเราท่านใดสนใจก็เตรียมเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าไว้นะครับ ใช้เวลาการอบรม2วัน1คืน ส่วนจะเป็นวันใดนั้นทางเจ้าหน้าที่ให้ผมเป็นผู้กำหนด คาดว่าน่าจะอยู่ในช่วงกลางเดือนมิถุนายน แล้วจะแจ้งเวลาให้ทราบล่วงหน้านะครับ..

จากจุดนี้

เราจะสลายการชุมนุมเป็นที่แน่นอนแล้ว

แห้วกับคุณชลิตเดินทางเข้าบางกอกเส้นทางกระบินทร์บุรี

อาจารย์หมอนวดฝากติดไปกับรถมารับกล้าไม้ไปจังหวัดสกลนคร

ป้าหวานแม่ใหญ่บึ่งไปขอนแก่น

ผมกับเฮียพงษ์ขับรถไล่กันกลับบุรีรัมย์และสุรินทร์

ทราบว่าทุกคณะเดินทางโดยสวัสดิภาพ

กลับถึงบ้านใกล้เคียงกันในเวลา2ทุ่ม

ผมกับโฉมยงขับรถฝ่าสายฝนตอนจะเข้าสวนป่า

ตื่นเช้ามา..แม่วัวเบ่งท้องคอย

บ่าย2โมงออกลูกเป็นตัวผู้อีกแล้วอุ้ยเอ๋ย

ได้ลูกวัวเพศผู้ล้วนๆติดต่อกัน 5 ตัว

รึจะเป็นอย่างที่อุ้ยตั้งข้อสังเกตไว้

เอา ไ ว้ ตั ว สุ ด ท้ า ย ถ้ า อ อ ก ลู ก เ ป็ น ตั ว ผู้ อี ก

เราก็จะได้ โ จ ท ย์ วิ จั ย ที่ พิ เ ศ ษ อ ย่ า ง ค า ด ไ ม่ ถึ ง

เอ..เรายังมีอะไรติดค้างกันอยู่บ้างไหมนะ ชักเบลอแล้วสิ

อิ อิ..

« « Prev : ม๊อง เท่ง ม้อง ง ง

Next : ธรรมชาติของความสุข » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

4 ความคิดเห็น

  • #1 krupu ให้ความคิดเห็นเมื่อ 24 เมษายน 2011 เวลา 19:09

    โอย เพิ่งพื้นครับผม เห็นรูปกอด อ.ทวิช แล้วฮาก๊ากเลยค่ะ รู้สึกดีใจที่ได้มีโอกาสไปสัมผัสอาจารย์ทวิชในครั้งนี้นะคะ ได้ข้อคิดกลับมาเพียบเลยค่ะ ทั้งเรื่องความมุ่งมั่นเอาจริงเอาจังกับสิ่งที่ทำ ตรงไปตรงมา ไม่เสียเวลา รุ่มร่าม ละเมอเพ้อพก ยกตัว อวดตน ในขณะเดียวกันก็แสดงถึงจิตใจที่กว้างขวางด้วยการยกย่องชมเชยผู้ที่น่าชื่นชม

    หนูว่าถ้าสังคมเราลดปริมาณเรื่อง “กลวง ๆ” ลงแล้วเน้นเรื่อง “แก่น ๆ” ตามวิถีของอาจารย์ทวิชดูบ้างก็น่าจะสร้างการเปลี่ยนแปลงได้บ้างนะคะ

    แล้วก็ได้คำตอบของโจทย์ที่พกไปแต่แรกด้วยล่ะค่ะ อันนี้ยังม่ายบอก อิอิอิ

    เผอิญอาจารย์สั่งไว้ว่าวันหลังผ่านไปให้แวะไปหาอีกได้ สงสัยจะต้องผ่านไปให้อาจารย์เคาะขี้สนิมออกบ้างแล้วล่ะค่ะ ^^

  • #2 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 24 เมษายน 2011 เวลา 22:20

    อิจฉาหนึ่ง

  • #3 ป้าหวาน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 เมษายน 2011 เวลา 8:44

    จุดประกาย ได้มากหลาย ทุกสิ่งล้วนมีค่า ต้องดั้นดันไปจึงได้มา มองเห็นด้วยตา มองหาได้ไง มองเห็นด้วยใจ เพราะอจ.ท่านเมตตา

    เปิดโลก มีโอกาสนี้เป็นวาสนาข้าหน่อยอีกครั้ง จะต้องเอามา ใส่เข้าไปในโหมดพัฒนา ขยายงานที่หัวใจ ออกมาเป็นงานที่มือ สาธุ สาธุ สาธุ

    ยังทำต่อได้อีกพะเรอ ขอบคุณ ท่านอจ.ทวิช ท่าน อจ. สุึรีรัตน์ พ่อครู ปราชญ์ชาวบ้าน และ แม่ใหญ่ ที่กรุณามอบความรู้เปิดโลกทัศน์ เปิดวิสัยทัศน์ เปิดเส้นทางเชื่อมต่อภูมิปัญญาและเทคโนโลยี เปิดหัวใจให้ได้อาศัยน้ำใจ ขอบคุณและขอบคุณหลายๆค่ะ

  • #4 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 เมษายน 2011 เวลา 12:02

    หายเหนื่อยแล้วยังป้าเอ๊ยยยย


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 1.1300978660583 sec
Sidebar: 0.38501310348511 sec