จดหมายถึงคุณน้าแห่งชาติ
อ่าน: 3275(เหนือกระดาษมีซาละเปาเหนือซาละเปายังมีจุดแดง)
เรื่องที่หารือมาเกี่ยวกับการพิมพ์หนังสือ “เจ้าเป็นไผ” วัตถุประสงค์หลักต้องการอธิบายวิธีการเรียนรู้ของมนุษย์สมัยนี้ จะเห็นว่า..ถึงเราจะมีเครื่องมือสารสนเทศ หรือวิธีการศึกษาหาความรู้มากมาย แต่มนุษย์ก็ยังมีจุดด้อยเรื่องการดึงความรู้ในตัวคน กว่าจะได้เรียนรู้ต้องเข้าโรงเรียน ไปเรียนวิชาโน่นนี่กับอาอจารย์คนโน้นคนนี้ มองผาด ๆ อาจจะดูดีพอใช้ได้ แต่ถ้าตั้งคำถาม…
“ดีพอแล้วหรือ”
“เหมาะกับยุคสมัยแล้วหรือ”
เห็นทีจะคุยกันนาน จะอธิบายแบบรวบรัดก็หวังผลไม่ได้เสียด้วย เว้นแต่จะหาวิธีให้ผู้สนใจซึมซับ และเข้าใจด้วยตนเอง และตระหนักว่า มันมีวิธีเรียนที่แปลกใหม่เข้ากับยุคสมัยอีกมาก พระอาจารย์ใหญ่ ศ.นพ.วิจารณ์ พานิชย์ เข้าใจเรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง ท่านต้องการให้เกิด ให้เห็นกระบวนการที่ว่านี้ ผมได้รับโอกาสที่จะดำเนินการนำร่องในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ แต่แล้วก็ล้มเก้เค้ไม่เป็นท่า ให้นักศึกษาเขียนบล็อกก็ไม่ยอมเขียน อาจารย์ที่ปรึกษาก็ไม่เขียน การเขียนบล็อกนี่เป็นยาขมหม้อใหญ่ แต่ผมก็ยังเห็นว่าถ้านัก KM. ไม่เขียนบล็อก มันก็เป็นได้แค่เค้เก้บ้าๆบอๆเท่านั้น..
เรื่องนี้ผ่านการเคี่ยวเข็นมาแล้วหลายรอบ พวกกระต่ายขาเดียวยังมีมาก ที่ผมล้มก็เพราะผมด้อยประสบการณ์หาวิธีให้คนเขียนบล็อกไม่ได้นั่นเอง และตอนนั้นผมก็ไม่รู้ว่าจะไปถามใคร รอกอดก็ไม่รู้อยู่ที่ไหน บางทรายก็เดินท่อม ๆอยู่เขาไหนก็ไม่รู้ หมอจอมป่วน หมอเจ๊ ลุงเอก เม้งเยอรมัน อุ๊ยจันตา ครูอึ่ง ฯลฯ รวมทั้งๆลูกๆหลานๆกระเซ็นกระสายกันคนละทิศละทาง โครงการเอา KM เป็นเครื่องมือในการพัฒนาวิธีเรียนของคนไทยจึงยังไม่สำเร็จ และได้สารภาพบาปกับพระอาจารย์ใหญ่ไปแล้ว ว่าข้าน้อยฝีมือไม่ถึง เมื่อโง่ก็สารภาพโง่ไปตรง ๆ อย่างนี้แหละ
แต่..ผมกัดไม่ปล่อยนะเรื่องนี้
เห็นคนเดินผ่านตามถนนยิ่งคิดหนัก
เพราะแต่ละตัวตนที่เดินฉวัดเฉวียนไปนั้นล้วนมีเรื่องราว ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมทั้งนั้น
แต่เราก็ไม่มีเครื่องมือที่จะไปถอดรหัสความรู้ขาจรได้
จึงพยายามรวบรวมจอมยุทธทั้งหลายมาเข้าก๊วน และได้หาวิธีการที่จะดึงเอาความรู้ในท่านเหล่านี้ออกมาแสดงอภินิหาร ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง เพราะประสบการณ์ชีวิตคนหนึ่งคนใดนั้นมีมหาศาล เพียงแต่มีโอกาสน้อยนิดมากที่จะได้ถ่ายทอด ถ่ายเทวิชาความรู้เหล่านี้ออกไปสู่โลกกว้าง
ผมเฝ้าสังเกตมานาน ความรู้ในสมอง ในใจ ท่านเล่าฮู อาจารย์หลินฮุ่ย อาจารย์แป๋ว อุ๊ยจันตา ครูอึ่ง จอมป่วน รอกอด มันเป็นคลังทรัพยากรวิชาความรู้ที่ผลิตขึ้นมาจากออกซิเจนไทย ความรู้สึกนึกคิดในแผ่นดินไทย มันจึงควรเป็นตำราสายพันธุ์ไทย ที่เกิดขึ้นเป็นตัวตนอย่างสง่างาม เพราะคิดเอง ทำเอง แก้ผิดถูก มาเองกันทั้งนั้น
และนี้คือ… บทตีแตกของคำว่า เฮฮาศาสตร์
การเล่ามาถึงขั้นนี้ ถ้าจะจบลงดื้อ ๆ ก็จะหาว่าขี้โม้
จึงขอโม้ต่อว่า วิธีที่เราจะอธิบายวิธีถอดความรู้ในตัวคนอีกวิธีหนึ่ง
ก็คือการให้สมาชิกชาวเฮได้เขียนความเป็นตัวตนออกมา
และแล้วก็ไม่ธรรมดา อ่านแล้วอึ้ง ๆๆ ทึ่ง ๆๆ
ท่านเหล่านี้ผ่านร้อนผ่านหนาว มีประสบกาณ์ตรงหลายร้อยเล่มเกวียน
อ่านแล้ววางไม่ลงจริง ๆ
จึงคิดต่อว่าจะเอาเรื่องความรู้ในตัวคนที่เล่ามานี้ พิมพ์ในหนังสือที่ชื่อว่าเจ้าเป็นไผ
ถ้าจะเอาเรื่องเล่าในอดีตเฉย ๆ ก็เกรงว่าจะไม่จุใจ
จึงคิดต่อว่า น่าจะเอาบทความเด็ด ๆ ของแต่ละท่านลงประกอบด้วย
ลงคอมเม้นท์ ไว้บ้างพอหอมปากหอมคอ
ในเล่มแรกน่าจะเบิกโรงด้วยเรื่องเล่าของ..
รอกอด จอมป่วน บางทราย ครูอึ่ง หลวงพี่ติ๊ก หนูเบิร์ด ครูมิม อัยการชาวเกาะ ฯลฯ
เล่มที่ 2 อาเหลียง อาเปลี่นน หนูจิ ลุงเอก อุ๊ยจันตา หมอเจ๊ ครูสุ หนูตาหวาน แป๊ด อาจารย์ Handy ฯลฯ
เล่มที่ 3 จะรวบรวมพิมพ์ไปเท่าที่สมาชิกช่วยกันส่งมาให้นะขอรับ
เรายังเปิดรับเรื่องจากทุกท่านอีก นะครับ
6 ความคิดเห็น
อิอิ สนใจอ่ะพ่อ
แต่ประสบการณ์น้อยนิดอย่างหนู
จะเอาไปทำปุ๋ยใส่อะไรได้บ้างไม๊ พ่อ
(^__________^)
อยากให้ครูปูลุยอีสานกับคณะวันที่ 27-28 กพ.สักตั้ง ดีไหม
[...] จดหมายถึงคุณน้าแห่งชาติ [...]
เป็นอีกก้าวหนึ่งครับที่พ่อครู ใช้ลูกแหย่จนเกิดเรื่อง
เกิดเรื่องดีดีนะครับ….
เอ้า….วันที่ 27-28 ก.พ. เชิญครูปูมาเดิน “แคทวอค” ที่สวนป่าหน่อย….อิอิ..
ท่านบางทรายเคลียคิวไว้นะครับ จะได้มาถกเรื่องอิสานด้วยกัน
น่ากิน