เปิดจุก..ชวดฉลูขาลเถาะ

โดย sutthinun เมื่อ 4 มกราคม 2011 เวลา 5:30 ในหมวดหมู่ สวนป่าฮาเฮ #
อ่าน: 5120

กระผ๊มกระต่ายตื่นตูมแต่ต้นปีเลยละขอรับ

สัตว์เชิงสัญลักษณ์แห่งปี ยากนักที่คนปัญญาตื้นอย่างผมจะตีความได้ เข้าใจเอาเองว่าปีนี้คงจะกระโดดโลดเต้น ด้วยทีท่าหาเหตุเดินทางไปเที่ยวดินแดนแถบอีสานเหนือ ในวันเวลาที่ชาวบ้านชาวเมืองเขากำลังชุนละมุนเดินทาง วันที่2 ทั้งวันยุ่งอยู่กับการติดต่อหายานพาหนะที่จะเอาตัวเองขึ้นรถลงเรือไปเหนือล่องใต้ได้ด้วยวิธีใด

ตั๋วรถทัวร์ไม่ต้องไปหา

ตั๋วเครื่องบินไม่ต้องไปหวัง

จึงไปตายเอาดาบหน้าโดยให้โฉมยงขับรถไปส่ง แล้วแวะตามสถานีขนส่ง เผื่อจะมีคนโชคร้ายตกรถแล้วเราจะแทรกเข้าไปแทน แวะถามเรื่อยมา ตั้งแต่สถานีขนส่งอำเภอพยัคฆภูมิพิสัย-อำเภอพุทไธสง-สถานีขนส่งจังหวัดนครราชสีมา ที่ลือเล่าอ้างกันหนักหนาว่ามีรถประจำทางออกทุก20นาที แวะไปดูเจอคลื่นมนุษย์หอบของอีนังตุงนังจะเข้าบางกอกทั้งๆที่เหลือวันหยุดอีกตั้ง2วัน มีผู้โดยสานหัวอกเดียวกันกับเรากองอยู่นับพันคน

สุดท้ายต้องอาศัยฝีมือของโฉมยงให้ขับรถมุ่งเข้ากรุงเทพฯ เ จ อ ก อ ง ทั พ ร ถ ย น ต์ แ น่ น เ ต็ ม เ ห มื อ น กั บ ใ น ภ า พ ย น ต์ ต อ น ค น ห นี ภั ย ส ง ค ร า ม แวะจอดที่ไหนก็เจอแต่คนๆๆ เมื่อมีฐานะทางเศรษฐกิจดี ทำให้ใครๆก็ซื้อรถส่วนตัว ทั้งรถเก๋งรถกระบะจึงแน่นครึดแทบไม่มีถนนให้วิ่ง ไม่ทราบว่าการขับรถคลานไปที่ละกระดึบทั่วประเทศจะเผาผลาญน้ำมันไปสักเท่าใด สงสัยว่านโยบายด้านการขนส่งของเมืองไทยคงอักเสบเสียแล้ว ระบบการขนส่งมวลชนไปไม่ถึงไหน? ถ้าไม่พัฒนาระบบล้อรางเช่นรถไฟให้วิ่งเร็ว เหมือนที่ประเทศจีนกำลังสร้างระบบรถไฟหัวกระสุนเป็นตาข่ายใยแมงมุมทั่วแผ่นดิน สถานการณ์คนหนีตายในเทศกาลต่างๆคงเกิดขึ้นในเมืองไทยชั่วกาลนาน กระทรวงคมนาคมมีความคิดติดกั๊กอยู่ที่ถนนไร้ฝุ่น แค่นั้นรึ !!

ระหว่างนั่งรถทอดอาลัย ดวงตาก็เห็นธรรม ทำไมเราไม่นัดพบกันครึ่งทาง ว่าแล้วก็โทรให้คุณหนูรถซิ่งขับออกจากบางกอกมารับ ซึ่งเธอก็ดีใจหาย คุยปับออกรถปุ๊บ นัดแนะให้ขับมาเรื่อยๆ เจอกันตรงไหนจะย้ายตัวเองไปขึ้นรถตรงนั้น จุดนัดพบน่าจะเจอกันที่ฟาร์มโชคชัย แต่แล้วก็มีรายการแถมจนได้ รถฝั่งขวาที่ออกจากเมืองกรุงถนนโล่งมาได้เร็ว เผลอแผล็บเดียวเธอจะเข้าสีคิ้วแล้ว กว่าจะกระโดดข้ามมาคลานฝั่งกระนี้ได้ ก็ต้องมานั่งกินฟิตซาส์กับก้วยเตี๋ยวต้มยำรอที่เอาท์เลสครึ่งชั่วโมง อิ่มอร่อยแล้วโฉมยงก็ขับรถกลับสวนป่า ส่วนผมสะงาบสะเงยให้เธอมาส่งที่โรงแรมฟอริดา-พญาไท

ออกจากบ้าน9โมงเช้ามาถึงบางกอก 3 ทุ่ม !

เช้าวานนี้ตื่นประปลกกระเปลี้ยลากกระเป๋าขึ้นรถแอร์พล็อตลิงค์ ดีหน่อยที่ลงจากเตียงมาขึ้นรถได้ด้วยการเดินไม่กี่ก้าว นี่คือเหตุผลที่เขามาส่งไว้ที่โรงแรมนี้ บทจะสะดวกสบายใจก็เป็นไปได้เกินประมาณ เสียเงิน15บาทเสียเวลา30นาที ก็มาปร๋ออยู่สุวรรณภูมิ เจอผู้คนที่สนามบินขวักไขว้อย่างกับหนอนอีกแล้ว 10.30.ก็มาเฉิดฉายอยู่จังหวัดอุดรธานี

วันนี้เราจะมีโปรแกรมไปเที่ยวจังหวัดเลยแถวๆอำเภอวังสะพุง อำเภอเขาหลวง หลังจากทักทายกันที่สนามบินก็บึ่งรถไปชมภูผาป่าดง ไปถึงจุดนัดพบมีรถหน้าตาประหลาดมารอรับ เ ป็ น ร ถ อี แ ต๋ น ดั ด แ ป ล ง ด้ ว ย ส ติ ปั ญ ญ า ช า ว บ้ า น ที่ คิ ด ค้ น เ ท ค โ น โ ล ยี ไ ท ย ข น า น แ ท้ สามารถดัดแปลงรถอีแต๋นให้มีประสิทธิภาพขับปีนเขาที่ทุระกันดาร ขนาดเลียงผายังร้องโอ๊ก >>

ต่อกระบะไม้ข้างหน้าให้ผู้โดยสารวีไอพีนั่ง

ถัดมาเป็นพวงมาลัยโชเฟอร์

หลังคนขับเป็นเครื่องยนต์คูโบต้า

ล้อคู่หน้าเป็นของรถมอเตอร์ไซด์

ล้อหลังเป็นของรถปิคอัพ

มีก้านเกียร์อยู่ด้านหลังคนขับ

โผล่ก้านเหล็กออกมา2ข้าง

ข้างหนึ่งไว้เปลี่ยนเกียร์ ข้างหนึ่งไว้ตึงสายพาน

ท้ายสุดต่อกระบะไม้ให้แขกวีไอพีนั่งได้อีก

ผมละงึดจริงๆ ต้องยกจอกคาวะจนหมดโต๊ะ เส้นทางสูงชันวกวนปีนขึ้นเขาไปเรื่อยๆ ผ่านไร่อ้อย ไร่มะขามหวาน ไร่ข้าวโพด สวนยางพารา ป่าไผ่ เข้าไปในเขตป่าภูเขาที่รกเรื้อ ผมทนรถโยกเยกกระดูกกระเดี้ยวไม่ไหว กระโดดลงมาเดินปีนเขาด้วย2ขา แวะถ่ายรูปทิวทัศน์ แ อ บ เ ก็ บ ม ะ ข า ม ห ว า น ที่ กำ ลั ง ห่ า ม อร่อยมากเธอเอ๋ย เด็ดสดๆจากต้น หายเหนื่อยไปได้อักโข รถทัวร์สายโยกเยกส่งเสียงต๊อดๆคดเคี้ยวไปตามทางเดินป่าล่วงหน้าไปเรื่อยๆ ผมก็ไปตามชอบของตัวเอง แวะคุยกับชาวไร่ ทราบว่า อากาศหนาวมาก ปลูกข้าวโพดเป็นหลัก ปลูกฝ้าย ปลูกเดือย ปลูกพริก ทำนาในที่ราบบ้าง ขณะนี้กำลังเห่อจะปลูกยางพารากันเป็นบ้าเป็นหลัง เปลี่ยนป่าเป็นไร่อ้อยบ้างไร่ยางพารากำลังตามมาติดๆ ก่อนหน้านี้ก็เห็นมีลงไม้สักไว้นิดหน่อย เป็นพื้นที่ๆมะขามหวานได้ผลดีพอสมควร หลังจากแห่กันปลูกมากๆ ราคามะขามหวานตกลงมาเรื่อยๆจนเกือบมาอยู่ในจุดมะขามเปรี้ยวเสียแล้ว

การส่งเสริมละพัฒนาการเกษตรของไทย ไม่ต้องไปทำอะไรมากหรอก เพียงแต่อย่าให้นายทุนบีบคือซื้อผลผลิตทางการเกษตรให้ต่ำมากนัก ทุกอย่างก็จะไปโลดเอง โดยที่รัฐไม่ต้องไปทำอะไรให้เมื่อยตุ้ม

ยกตัวอย่าง ยางพารา จากราคา ก..ละ 25-30 บาท ราคาดีไต่ระดับขึ้นมาเรื่อยๆ40-60-80-100 วันนี้ยางแผ่นราคา ก..ละ140 บาท เทวดาหน้าไหนก็ต้านไม่อยู่แล้ว ยางราคาดีเท่าใด ป่าไม้ในภูเขาลำเนาไพรก็ยิ่งถูกบุกรุกแผ้วทางเปลี่ยนป่าธรรมชาติ ให้เป็นป่าการเกษตรเชิงเดี่ยวแหลกลาญ

ที่คุยๆว่าปีนี้ปลูกป่าได้ 1 ล้านไร่ถวายพ่อ

แ ต่ ไ ม่ รู้ ว่ า ปี นี้

ป่ า ธ ร ร ม ช า ติ ถู ก ทำ ล า ย

ไ ม่ ถ ว า ย พ่ อ ไ ป กี่ สิ บ ล้ า น ไ ร่

จะมีข้อดีอยู่บ้าง ตรงที่เอาพื้นที่เสื่อมโทรมมาพัฒนาให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจ แทนที่จะไปปลูกพืชไร่กระจ๊อกกระแจ๊ก เพียงแต่อย่าละลาบละล้วงไปโค่นป่าที่ยังอุดมสมบูรณ์มาทำให้เป็นป่าเสื่อมโทรม แล้วรุกป่าเข้าไปเรื่อยๆ

คณะเราย้อนกลับเข้ามาถึงอุดรประมาณ 1 ทุ่ม เปลี่ยนแผนกลับบางกอก เพราะเช็คข่าวแล้วมีพี่ไทยไปเที่ยวฝั่งลาวอย่างมืดฟ้ามัวดิน จะกลับยังไง! แม้แต่วันนี้..เครื่องบินก็เต็ม-รถทัวร์ก็เต็ม-จะเหมารถตู้ก็บ่มีสักคัน นี่ขนาดอาศัยเส้นน้าๆผู้สันทัดกรณีให้ช่วยติดต่อด้วยนะ ก็มีแต่เต็มๆๆและเต็ม มิรู้ที่จะทำอะไรได้ก็ต้องนอนอุดร2คืน

เ รื่ อ ง นี้ มี ค น แ อ บ หั ว เ ร า ะ ส ม น้ำ ห น้ า

เ อิ๊ ก อ๊ า ก อ ย่ า ง มี ค ว า ม สุ ข >>

จ ะ ช ว น ไ ป ขี่ บั ล ลู น ที่ เ ชี ย ง ใ ห ม่ แล้วยี่ยักยี่หย่อน

ในระหว่างนั้นก็โทรๆๆๆและโทร พรุ่งนี้รถเรือเต็มๆๆๆอีก เอาละสิ วันที่ 4 นี้ต้องโต๋เต๋ไปดูสาวอุดรอีก1วัน ยังดีที่ลุ้นทัน>> สายการบินอีแร้งแก่เหลือตั๋ว2ใบสุดท้าย ไฟล์7.30 . ส่วนการบินไทยแน่นจนตัวถังโป่ง วันที่5 ชั้นประหยัดชั้นธุรกิจเต็มและเต็มๆ ช่างทำมาค้าขึ้นกันเสียจริงๆหนอ

คณะอุตลุดทัวร์แวะไปหาข้าวแลงกิน

ตัดสินใจว่าจะดวลแหนมเนื่องอันลือชื่อของชาวอุดร

พบว่ากิจการแหนมเนืองของที่นี่มีชื่อเสียงกระเดื่องโลกไปแล้ว

นอกจากจัดจำหน่ายภายในประเทศแล้ว

ยังส่งไปจำหน่ายในหลายสิบประเทศ

คนที่อยู่ในอเมริกาก็มีแหมเนืองของเจ้านี้ให้ชิม

คณะเราสั่งมาชิมเต็มโต๊ะ

รสชาติปรุงมาสดๆร้อนๆจึงอร่อยกว่าที่เคยไปชิมที่อื่น

ใครไปก็จะพบบรรยากาศการผลิตจำหน่ายให้เห็นทุกขั้นตอน

ด้านหน้าจัดเป็นแผนกจำหน่ายของฝาก ด้านข้างพนักงานก้มหน้าก้มตาผลิตในแต่ละขั้นตอน ด้านในจัดเป็นมุมอาหารประมาณ 20 โต๊ะ มีขาประจำและขาจรกำลังเปิบกันหน้าตั้ง ด้านหลังเป็นแผนกเตรียมวัตถุดิบ คงเป็นร้านเดียวในประเทศไทยที่โชว์ให้เห็นขั้นตอนเต็มรูปแบบ น่ายกย่องท่านเจ้าของแนมเนืองบันลือโลกรายนี้อย่างมาก

ที่ช่วยสร้างงานให้ลูกหลานอุดรมีงานทำร้อยกว่าชีวิต

ช่วยหางานให้ชาวบ้านมีงานเกี่ยวโยงหลายร้อยครอบครัว

แหม ถ้าอยู่ใกล้ๆจะปลูกมะเฟือง กล้วย อ้อย ส่งให้จนกระเจิงไปเชียวแหละ

ผมแอบสอบถามพนักงาน

ใช้มะเฟืองประมาณวันละ 30 ลัง

กล้วยดิบวันละ 60 ลัง

ผักสดต่างๆวันละ 1 คันรถ

ถังแก๊สขนาดใหญ่ที่เป็นเชื้อเพลิงปิ้งอาหารเรียงเป็นตับ

เอาแค่คนปอกอ้อย เมนูกุ้งพันอ้อย

เห็นก้มหน้าก้มตาตบแต่งท่อนอ้อยมือเป็นระวิงจนมืดค่ำ

เบื้องหลังของความอร่อยนั้นน่าศึกษานัก

เพียงแค่เห็นแว๊บๆแบบเฉียดฉิวก็ยังอิ่มรู้อิ่มท้องจนนอนเป็นนกทึดทือ

: ถามว่า เข็ดขี้แก่ขี้อ่อนไหมกับการเดินทางเช่นนี้

: โอ้ย ! ยังมีโปรแกรมล่องใต้กลางเดือนนี้

: จะไปศึกษาเรื่องพันธุ์ปาล์มน้ำมัน

: ญาติสายใต้ถ้ามีข้อมูลเรื่องปาล์มน้ำมันกรุณาอุปการะคุณด้วยนะครับ

: ต้องการไปดูงาน สนทนากับนักวิชาการ พบปะท่านผู้รู้มืออาชีพ

: กะจะบินไปเริ่มต้นที่หาดใหญ่

: แล้วมีทีมงานขับรถรับแวะดูงานขึ้นมาเรื่อยๆ

: ขออนุญาตถามขาใหญ่

: สุราษฎร์ธานี ตรัง กระบี่ สงขลา มีปู+ปาล์มน้ำมัน ไหมครับ?

: ท่านใดมีข้อมูลเรื่องปาล์มน้ำมันขอด้วยนะขอรับ..

: อิ อิ

« « Prev : อำลาปีเถอะต้อนรับปีเถาะ

Next : เดินดูอุดร » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

9 ความคิดเห็น

  • #1 dd_l ให้ความคิดเห็นเมื่อ 4 มกราคม 2011 เวลา 7:16

    ย่องมากราบสวัสดีปีใหม่ เลยได้ลุ้นระทึกไปกับการเดินทางที่มีรสชาติ
    ขอให้ครูบามีสุขภาพแข็งแรง มีความสุข เดินทางสะดวกสบาย ไร้กังวลนะคะ
    กราบสวัสดีปีใหม่ค่ะ อิอิ

  • #2 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 4 มกราคม 2011 เวลา 8:43

    ปีใหม่ปีนี้หนอถ่อไปไหน
    เหมือนกระต่ายตกใจเป็นไข้หนาว
    ดวงชะตามาเกินเป็นครั้งคราว
    พอได้ข่าวครูอึ่งจึงผ่อนคลาย อิอิ

  • #3 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 4 มกราคม 2011 เวลา 15:29

    เด็กที่ดูแลคุณแม่ที่บ้านสมัยที่ท่านมีชีวิต ชักชวนไปซื้อที่ดินบนภูเขาที่รอยต่อ เลย อุดร หนองบัวลำภู นานมาแล้ว ผมขึ้นไปดูแล้วก็ใจหาย ภูเขาหัวโล้นเหมือนเขาค้อสมัยก่อน ส่วนมากก็ปลูกยางพารา ถามว่ามีใบไหม ก็ไม่มี ก็แค่มาดู ไม่เสี่ยงครับแม้ว่าราคาจะถูกจนน้ำลายหก แต่ก็ไม่เสี่ยงดีกว่า ครับ

    รถที่พ่อครูบากล่าวถึงนั้น ผมนั่งมาแล้วเหมือนกัน เห็นว่ามีใช้เฉพาะเขตนั้น มันขึ้นดอยดีมากๆ ชาวไร่เอาไว้บรรทุกของขึ้นลง นั่นเป็นรถที่ Made in Thailand ซะด้วยนะครับ

  • #4 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 4 มกราคม 2011 เวลา 16:05

    ชื่นชมรถเมดอินไทแลนด์มากครับ แสดงให้เห็นการแก้ปัญหาด้วยปัญญาแบบหัวชนฝา
    ผมสนใจปาล์มน้ำมันมากกว่า ยางพารา ครับ อิอิ

  • #5 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 4 มกราคม 2011 เวลา 17:41

    นั่งมาแล้วเหมือนกันครับ บันทึกของครูสุ รูปสวย บรรยายสนุกดี

  • #6 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 4 มกราคม 2011 เวลา 18:30

    อ้าว ผ่านกันมาแล้วทั้งนั้นเลย กลายเป็นเอามะพร้าวมาขายสวนไปเสียแล้ว อิอิ

  • #7 handyman ให้ความคิดเห็นเมื่อ 5 มกราคม 2011 เวลา 10:08

    ตามลุ้นระทึกครับ ผมเองก็ขับรถมาราธอน ไชยา-ลำพูน ไปตั้งแต่ก่อนปีใหม่ เพิ่งกลับมาถึงเมื่อคืน ตอนสองทุ่มเศษ
    .. รถคันในภาพ เพิ่งเคยเห็นครับ จึงยังไม่มีโอกาสลองนั่ง
    .. เรื่องปาล์มน้ำมัน จะลองสอบถามผู้ที่รู้เรื่องดูครับ ที่จริงแถวบ้านก็ปลูกกันมาก ถ้ามีเวลาจอดพักค้างคืนแถวนั้นสักคืน สองคืน เชื่อว่าคงได้เรื่องทั้งปู ทั้งปาล์มครับ

  • #8 handyman ให้ความคิดเห็นเมื่อ 5 มกราคม 2011 เวลา 10:17

    ลองหา Link ข้อมูลเบื้องต้นมาฝากครับ

    . http://www.trang.ru.ac.th/LO/lo1.html
    . http://it.doa.go.th/palm/index.html
    . http://www.doae.go.th/plant/palm.htm

  • #9 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 5 มกราคม 2011 เวลา 14:45

    ที่สุราษฎร์มีศูนย์วิจัยเรื่องปาล์ม ครับ
    แต่บ่ฮู้จะขอไปดูไปคุยรายละเอีดในวันที่ 15-16 ไก้ไหม
    ขอบคุณมากครับ ข้อมูล อิอิ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.063668012619019 sec
Sidebar: 0.049196004867554 sec