นักพัฒนาหน้าโง่
อ่าน: 1431
(ชาวบ้านเอาโล่ห์-ใบประกาศ มาอวดมากมาย)
ทุ่งกว้างใหญ่เนื้อที่หลายล้านไร่ที่เวิ้งว้าง มีประชากรอยู่อาศัยตามที่ดอนเป็นกลุ่มๆ ต่อมาบ้านเมืองเจริญขึ้น มีถนนหนทาง มีไฟฟ้า น้ำประปา สุขศาลาอนามัย มีวัด มีโรงเรียน ชุมชนขยายตัวขยับเข้าหากันทุกที ทุ่งกุลาวันนี้ไม่ธรรมดาเสียแล้ว เมื่อวานรับเทียบเชิญจากโรงเรียนบ้านเก่าน้อย ซึ่งเคยได้รับโครงการวิจัยชุมชนของกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.) ทำให้ผู้นำชุมชนและคุณครูแห่งนี้ได้มาเชื่อมโยงกับมหาชีวาลัย เราเย้าเยือนกันหลายครั้ง ในครั้งแรกที่ชาวบ้านเก่าน้อยยกทีมมาสวนป่า มีแต่คนแก่มากันกระย่องกะแหยงผมจึงไล่กลับ บอกว่าถ้าไม่ตั้งใจมาที่นี่ก็ไม่มีใจให้เช่นกัน ผู้เฒ่าผู้แก่กับเด็กๆพากันขึ้นรถกลับอย่างหงอยเหงา ชาวบ้านกลับไปแล้วผมก็มานั่งเสียใจ ทำไมเราใจดำกับชาวบ้านได้ขนาดนี้ฟะ
หลังจากชาวบ้านกลับไป1เดือน นายทอม บุญรัตย์ ผู้อำนวยการโรงเรียนโทรศัพท์มาหา บอกว่ากลับไปแล้วชาวบ้านเสียใจมาก รำพึงรำพันรบเร้าขอแก้ตัวใหม่ คราวนี้จะพากันมาอย่างพร้อมเพรียง ขอโอกาสจากครูบาอีกครั้งหนึ่ง ผมสะท้อนใจคอยอยู่แล้วจึงรีบนัดหมาย ในครั้งนั้นครู/ผู้นำชุมชน/พ่อใหญ่แม่ใหญ่ได้มากินนอนที่สวนป่า3วัน2คืน ได้แลกเปลี่ยนสาระทุกข์สุขดิบ หารือกันว่าจะทำการพัฒนาให้บ้านเก่าน้อยมีอะไรๆใหญ่ๆ โดยเฉพาะ-หัวใจใหญ่-ตาใหญ่-หูใหญ่-เพื่อจะได้เปิดหูเปิดตารับความรู้ใหม่ๆ
บ้านเก่าน้อยอยู่ในเส้นทางอำเภอพยัคฆภูมิพิสัยไปทางจังหวัดยโสธร 16 ก.ม. เป็นหมู่บ้านขนาดย่อมที่ฝังตัวอยู่ในท้องทุ่ง คนหนุ่มสาววัยฉกรรจ์หนีเข้าบางกอกหมด ประเด็นนี้ผมรู้สึกผิดอย่างมาก ที่ไม่รู้ความเป็นไปในชนบท พอเห็นมีแต่คนแก่วัยชรามาเต็มรถ ไม่คิดหน้าคิดหลัง คิดโง่ๆว่าจะอบรมคนเหล่าเหลานี้ไปทำไม แสดงว่าคนหนุ่มไม่มาใช่ไหม ไม่สนใจจึงคัดแต่คนแก่มาใช่ไหม นี่คือความผิดพลาดของนักพัฒนาหน้าโง่ครับผม หารู้ไม่ว่าท้องทุ่งกุลาเป็นเสมือนอาณานิคมของคนชราไปแล้ว
หลังจากได้สัมพันธ์กันฉันญาติ ผมพบว่าท่านผู้อาวุโสเหล่านี้มีเรื่องน่าสนใจมากมาย มีความตั้งใจสูงมากที่จะช่วยกันฟื้นฟูหมู่บ้านของตนเองอยู่ดีมีสุข มีความขยันความสามัคคีดีเยี่ยม พร้อมที่จะทุ่มเททำงานเท่าที่จะช่วยได้ หลังจากนั้น 3 ปี มาวันนี้บ้านเก่าน้อยเป็นหมู่บ้านที่ได้รับการยอมรับจากจังหวัดมหาสารคาม ให้เป็นแหล่งผลิตพันธุ์ข้าวหอมมะลิ ผลิตข้าวหอมอินทรีย์ ชวนกันปลูกต้นไม้เลี้ยงโค ทำให้ได้รับการส่งเสริมจากทางราชการ ผู้ว่าราชการจังหวัดฯอนุมัติให้จัดสร้างโรงสีข้าวขนาดกลางงบประมาณ1ล้าน1แสนเศษ กรมปศุสัตว์มอบโคในโครงการไถ่บาปโคกระมือ 52 ตัว ยังมีโครงการสนับสนุนเป็ดไข่ไก่เนื้ออีกเร็วๆนี้
ผมไปถึงก่อนเที่ยงเล็กน้อย แม่ใหญ่พ่อใหญ่มารอกันอย่างอบอุ่น ทั้งๆที่เป็นช่วงลงไร่ลงนา ผู้นำชุมชนได้เล่าให้ฟังเรื่องการพัฒนาอาชีพ การจัดการกองทุน การจัดตั้งโรงสี การผลิตข้าวและพันธุ์ข้าว การเตรียมงานต้อนรับคณะจากจังหวัดที่จะมาเปิดโรงสีใหม่ในวันที่12เดือนนี้ ทราบว่าท่านผู้ว่าราชการจังหวัด-เกษตรจังหวัดฯ-หัวหน้าส่วนจังหวัดฯจะมาร่วมแสดงความยินดีเต็มทุ่ง ผมชวนคิดเป้าหมายหมู่บ้านในอนาคต ว่าน่าจะทำการบ้านเพื่อส่งหมู่บ้านเข้าประกวดระดับประเทศ ควรจะยกระดับการงานอาชีพด้วยการปรับปรุงแหล่งน้ำด้วยการสร้างคันนาขนาดใหญ่ นอกจากเป็นเส้นทางสัญจรแล้ว ริมคันนาใหญ่ยังปลูกต้นไม้ได้ ร่องน้ำยังเลี้ยงปลาปลูกพืชผักหน้าแล้งได้ ใช้เครื่องพ่นควันขนาดเล็กมาไล่แมลง ไล่ยุง ใช้เครื่องสับใบไม้มาช่วยผลิตอาหารสัตว์ ปลูกต้นไม้อาหารสัตว์ ปลูกไม้ผักยืนต้น
ก่อนกลับ ผอ.ทอมชวนไปเยี่ยมโรงเรียนบ้านหนองคูสองห้อง ที่อยู่ห่างออกไป10 กม. ได้พบกับคณะกรรมการการศึกษา3หมู่บ้านและคณะครู ผู้อำนวยการโรงเรียนเล่าว่า พยายามจะเอาเรื่องการงานอาชีพและแนวทางพระราชดำริเข้าไปสู่โรงเรียน ยกตัวอย่างเช่นปีนี้ชวนเด็กๆทำนาในโรงเรียน ผู้ปกครองบางส่วนไม่เข้าใจไม่เห็นด้วย อยากให้ครูหมกมุ่นสอนอยู่ในห้องแคบๆ สอนแบบปิดประตูตีแมว
ทำให้ผมนึกถึงเรื่องสทศ.พิมพ์สมุดปกขาว “วิกฤตการศึกษาไทย”
ศ.ดร. อุทุมพร จามรมาน รักษาการผอ.สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ(สทศ.) เปิดเผยว่าในขณะนี้ สทศ.กำลังพิมพ์สมุดปกขาวดังกล่าวจำนวน 50,000เล่ม เพื่อแจกจ่ายให้แก่ประชาชนทั่วประเทศ โดยคาดหวังว่าจะกระตุ้นให้ประชาชนหันมาสนใจและร่วมแก้วิกฤติการศึกษาของชาติ สำหรับเนื้อหาของสมุดปกขาวจะประกอบด้วยข้อมูลผลการทดสอบต่างๆ ตลอดจนข้อมูลอ้างอิงเรื่องคุณภาพการศึกษาของนักเรียนไทยจากหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ อาทิ สถาบันนานาชาติเพื่อพัฒนาด้านการจัดการ (IMD) ที่จัดอันดับความสามารถในการแข่งขันภาพรวมของ 58 ประเทศ พบว่าปี2551ไทยอยู่ในอันดับที่27 ปี2552 ไทยอยู่อันดับที่ 26 และปี 2553 ไทยอยู่อันดับเดิมที่ 26 ซึ่งตามหลังสิงคโปร์ ฮ่องกง มาเลเซีย และไต้หวัน ถ้าดูผลการประเมินทุกสาขาวิชาและการตรวจสอบความถนัดทางวิชาชีพ/วิชาการ(PAT) จากการสอบ5ครั้ง แต่ละครั้งทุกวิชามีคะแนนไม่ถึง50% ของคะแนนเต็ม เป็นต้น
สทศ.ได้เสนอแนวทางอื่นๆในการแก้ปัญหาการศึกษาของชาติด้วย อาทิ ยกเลิกให้ทุกโรงเรียนสอนเหมือนกัน แล้วหาผู้รู้จริงมาทำหลักสูตร แก้ปัญหาโรงเรียนเล็กด้วยการใช้รถเคลื่อนที่วิ่งไปตามหมู่บ้าน หาครูเก่งๆไปสอน ส่วนเรื่องงบประมาณขอให้สำนักงบฯโอนเงินให้โรงเรียนโดยตรง เพื่อโรงเรียนจะได้มีงบฯบริหารทันเวลาไม่ต้องผ่านเขตพื้นที่การศึกษา เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ได้มีข้อเสนอด้วยว่า ให้มีการประเมิน สทศ.ด้วย ถ้าไม่สามารถที่จะทำให้หน่วยงานต่างๆนำผลการสอบ ไปใช้ในการพัฒนาการเรียนการสอนได้ก็ควรยุบสมศ.ทิ้งไป ศ.ดร.อุทุมพร กล่าว.
เราออกจากหมู่บ้านตอนบ่ายแก่ๆ
แวะร้านไก่ย่าง/ต้มยำปลากลางทุ่ง
เสน่ห์ปลายจวักรสชาติเข้มข้นถึงใจ
มีภาพดาราหลายคนเคยมาแวะชิมการันตี
เอาไว้พี่ป้าน้าอาชาวฮามาจะชวนไปกินข้าว
ข้าวใหม่ปลามันดวลกันกลางทุ่งนั้น
จำเป็นต้องมาให้ถูกจังหวะ
ถ้าช้าไปก็จะเป็น>>ข้าวเก่าปลาแห้ง อิ.อิ
« « Prev : เดี้ยง
4 ความคิดเห็น
ไม่มีสูตรสำเร็จในงานพัฒนา
ทุกคนย่อมมีค่าและพัฒนาได้
เพียงเกิดสำนึกขึ้นภายใน
พลังอันยิ่งใหญ่คือศรัทธา
ผมล้มเหลวมาก็มาก บ้าใบ้มาก็เยอะ
ไปไม่เป็นก็บ่อยๆ ทำเรื่องเสียใจก็เคยมี
เพียงแต่เรียนรู้มัน
และทำใหม่
บทเรยนที่สำคัญคือ เราไปพัฒนาครอบครัวหนึ่งขึ้นมาเป็นผู้นำทั้งผัวทั้งเมีย และเขาก็เอาด้วยซี สนุกและเพลอดเพลินกับการเสียสละให้แก่กลุ่ม ชุมชน 5 ปีผ่านไปปรากฏว่าฐานเศรษกิจครอบครัวของเขาพังครับพ่อครู…
ก็เราบอกว่าให้เขาเสียสละ
ก็เรากระตุกให้เขาเห็นแก่กลุ่ม ชุมชน เพื่อนบ้าน
เราสร้างให้เขาอาสา มีส่วนร่วม
โดยไม่มีค่าตอบแทนหรือมีน้อยนิด
แต่ลูกต้องไปโรงเรียน
นาท้องทำ วัวควายต้องเลี้ยง งานสังคมต่างๆต้องเดินไปร่วม
รายได้ที่เคยมีก็หดหายเพราะเอาเวลามาให้กับงานพัฒนา
….ไอ้นักพัฒนาบ้าบออย่างผมนั้นมีเงินเดือนกิน แม้จะไม่มากก็เอาตัวรอดได้
แต่ผู้นำท่านนั้นพังเรียบร้อยกว่าจะรู้ตัวได้ก็ ไปไม่รอดเสียแล้ว
ต้องออกจากหมู่บ้านกัดฟันมาเปิดร้านขายอาหารหน้าแม่โจ้
สามีวิ่งส่งน้ำแข็ง ภรรยาทำจิ้มจุ่มขายกับอื่นๆ
….มันเป็นบทเรียนที่เจ็บปวกสำหรับผมและเพื่อนๆ
นี่คือผลงานพัฒนาหรือ….
ทุกวันนี้ฟื้นตัวได้แล้ว ผมไปเชียงใหม่เกือบทุกครั้งต้องแวะไปหาเขาท่านนี้
้ที่สอนๆกันในห้องน่ะ ไม่รู้จักรสชาด ของความจริงหรอก
คนทำเท่านั้นที่เห็นน้ำหนักของความจริงครับพ่อครู..
เรื่องนี้ถ้าอวดเก่งตกม้าตายทุกที
โดยเฉพาะจากฐานของมนุษย์เงินเดือน กับ มนุษย์เงินดิน
การทำงานบนฐานที่พร้อมมีงบประมาณอุดหนุน กับ การทำบนฐานความไม่พร้อม แต่มีใจ มีน้ำลาย กับกำปั้น
ตรงนี้ถ้าไม่ทำสอบบนฐานความจริง ยากนักที่จะตระหนักรู้
พวกเราผ่านความล้มเหลวมากันทั้งนั้น จึงรู้ว่าทำไมมันพัฒนายากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นเขา เพราะเราไม่ขี้โม้
ยอมรับความไม่รู้ของตนเอง จึงต้องเรียนทั้งถูกทั้งผิดไปพร้อมๆกัน
ไปหมู้่บ้านไหนๆก็เห็นว่าเขาน่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้
แต่ก็ฟังเบื้องหลังแล้วเราจะรู้ว่า ที่ทำได้แค่นี้ก็เลือดตาแทบกระเด็นแล้ว
จึง อิ อิ ไม่ค่อยออก ต้องยอมรับสภาพจริง
ในด้านการศึกษานั้น ถ้ายอมรัยความจริงข้อมูลจริง ไม่ปัดความผิดให้ไปพ้นตัว ก็น่าจะพัฒนาได้ค่ะ
ปัญหาคือไม่ใช่ว่าไม่รู้ปัญหา
แต่ไม่ทำซะอย่าง พอถึงเวลาครบประเมิน ก็มาดูตัวเลขตัวหนังสือ และประชุม”ขอปรับตัวเลข” ถ้าคนหน้างานไม่ทำตามจะกลายเป็นคนทำให้คณะวิชาไม่ผ่านการรับรอง จะเสียหาย(จริงคือเสียหน้าผู้บริหาร)
คนไทยเรายอมไม่ได้กับการเสียหน้าแบบนี้ แต่กลับยอมได้กับการเสียหายของประเทศ
ไม่เลือกเสียหน้า ก็ไม่ว่าหรอก
แต่ควรจะรับผิดชอบ ความเสียหายต้นทุนสติปัญญาของชาติ
ถ้าไม่มีคำตอบในเรื่องนี้
ก็นับถอยหลัง ลงหลุม ได้เลย