น้ำท่วมเที่ยวนี้ ทดสอบว่าไทยเข้มแข็งแค่ไหน?
อ่าน: 5021
(กองทัพรถเกี่ยวข้าวหลายร้อยคัน มารวมพลังเก็บเกี่ยวข้าวให้ได้มากที่สุดใน 2 วันนี้)
เช้านี้แอบไปดูลำน้ำมูล น้ำขึ้นมานิดหน่อย กองทัพน้ำยังบุกมาไม่ถึง สงสัยจะตีตั๋วช้าทำให้กระแสน้ำออกจากเขื่อนล่าช้า หรืออาจจะเพลิดเพลินอยู่กับแสงสีแถวๆพิมาย วิ่งเรารถเข้าไปดูนาข้าวในเขตทุ่งกุลาร้องไห้ พบว่าชาวนานั่งดูรถเกี่ยวข้าวที่กำลังลุยทุ่งกันอย่างคร่ำเคร่ง ข้าวเปลือกที่ได้รีบบรรทุกไปส่งโรงสี รถวิ่งรอกไปขายข้าวทั้งวัน คาดว่าจะมีเวลาได้เกี่ยวข้าวที่สุกแล้ว 2 วัน ถ้ารถเกี่ยวข้าวทำงานทั้งวันทั้งคืนได้สำเร็จ ข้าวส่วนนี้ก็จะรอดพ้นน้ำรังแกได้อย่างหวุดหวิด แต่ข้าวส่วนใหญ่ที่กำลังออกรวงคงจะแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว คงจะกลายเป็นนาล่มครั้งประวัติศาสตร์ในประเทศไทย
(รีบเกี่ยวรีบขายได้ราคา - ข้าวเปลือกมะลิใหม่ ก.ก.ละ 15 บาท)
วันนี้เพื่อนที่อุบลโทรมาปรึกษา
เพิ่งจะทดลองทำนาเป็นครั้งแรกในชีวิต
ตื่นเต้นและดีใจที่เห็นรวงข้าวเขียวสะพรั่งเต็มผืนนา
ปลาก็เอาไปปล่อย ต้นไม้ก็ปลูกไว้เต็มพื้นที่
บังเอิญนาที่ว่านี้อยู่ริมฝั่งแม่น้ำมูล
ตอนนี้น้ำกระดึบๆขึ้นมาเหลือระยะไว้ 1 เมตร
ก็ได้แต่เห็นใจ และบอกไปว่า ทอดกฐินไปเถอะ
อย่าไปดิ้นรนป้องกันให้เหนื่อยเลย
รอดยาก ถือว่าทอดกฐินกองใหญ่ก็แล้วกัน
(เป็ดไล่ทุ่งกับควายลงทุ่งลงแปลงข้าว แต่ที่แน่ๆน้ำท่วมในวงกว้างได้ทำลายฟางเสียหายหมด
สร้างปัญหาขาดแคลนอาหารสัตว์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จึงรีบๆขายความคิดเรื่องใบไม้)
แว๊บมาคุยเรื่องไทยเข้มแข็งดีกว่า อะไรๆถ้าไม่แข็งมันก็อ่อนเป็นธรรมดา ช่วงนี้ประเทศไทยใส่ใจเรื่องไทยเข้มแข็ง ผ่านงบประมาณและโครงการต่างๆ ถามว่ามันแข็งจริงไหม? ก็คงจะแข็งบ้างอ่อนบ้างคละเคล้ากันไป จะให้แข็งโป๊กทั้งหมดก็ใช่ที่ จะให้อ่อนปวกเปียกทั้งหมดก็ใช่ที ในเมื่อกลุ่มองค์กร-หน่วยงานต่างๆมีประสิทธิภาพแตกต่างกันไป โดยเฉพาะเรื่องสำนึกรักบ้านเกิด มีมากน้อยแค่ไหน ถ้าตั้งใจคิดดีทำดีสิ่งดีๆก็จะปรากฏทั่วแผ่นดิน โดยองค์รวมของประเทศไทยยังมีต้นทุนของตนเองอยู่ไม่น้อย ถ้าเพียงแต่มีวิธีปรับโครงสร้างสำนักรักส่วนรวมให้เป็นรูปธรรม ทุกอย่างก็พร้อมเดินแล้ว จุดพลิกผันขึ้นกับคุณภาพของคนไทยนั่นเอง
(เครื่องตัวใหญ่ย่อยใบไม้ได้ดีขึ้นเป็นที่ถูกใจของผู้รับบริการ)
ไทยจะเข้มแข็งได้ควรมีกระบวนการอะไรบ้าง กลไกที่จะผลักดันชุดแรกน่าจะเป็นการสร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ ซึ่งมีตัวอย่างดีๆกรณีศึกษาอยู่ไม่น้อย พูดถึงการเรียนรู้ไม่ใช่เหมาโหลอยู่ที่-โรงเรียน-สถาบันการศึกษาเท่านั้น แต่หมายถึงการเรียนรู้ของคนไทยทั้งแผ่นดิน คนไหนมีหน้าที่การงานอะไร ก็ทำตรงจุดนั้นให้ดีที่สุด แล้วมาช่วยกันรับผิดชอบสังคม เมื่อสังคมไม่ถูกลอยแพ บริบททางสังคมก็จะถามว่าไทยจะเข้มแข็งได้ควรมีองค์ประกอบอะไรบ้าง
เรื่องนี้ฟันธงไม่ได้หรอกว่าใคร-ที่ไหน-ทำอะไร
คงต้องค้นหาวิธีการทำอย่างไรที่ดีๆกรณีพิเศษมาพิเคราะห์กัน
ถ้าต่างคนต่างทำก็ดีอยู่หรอก
แต่มันจะปะปนกับการขี้โม้โอ้อวดตามวาระจรแบบลิงหลอกเจ้า
เราควรจะทำให้ดีกว่านี้ได้
โดยการเชื่อมความรู้ให้เป็นสะพานการเรียนรู้ร่วมกัน
กรณีตัวอย่าง เช่น
- เมื่อครั้งเทวดาประทานเครื่องสับกิ่งไม้ให้ผม ได้มาแล้วเราก็ทดลองใช้งานในสภาพจริง ได้พบปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหา สรุปว่าใช้งานแล้วมันไม่ชัวร์อย่างที่บริษัทผลิตอุปกรณ์สับกิ่งไม้โฆษณา จึงได้แต่คันขยิกอยู่ในใจ พยายามมองหาวิธีแก้วิธีการที่เป็นทางออกที่เหมาะสมต่อไป
ตรงจุดขอเรียกว่า บริบทผู้อุปการะสังคม
- เมื่อครั้งครูอึ่งกับครูอาราม เป็นเจ้าภาพพาไปติดตามซีดีเรื่อง ”ภูมิสังคม”ที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ที่ผมไปบรรยายไว้เมื่อคราวที่มีการส่งเสริมเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงใหม่ๆ จึงชวนไปที่มหาวิทยาลัย การไปสถาบันที่อุดมด้วยวิทยาการอย่างนี้ ทำให้เราได้พบเห็นชุดความรู้ใหม่ๆ เช่น การวิจัยเรื่องน้ำเต้า เรื่องการเลี้ยงไส้เดือน และญาติแซ่เฮรู้ว่าผมขัดเคืองกับเครื่องสับกิ่งไม้ จึงพาแวะวิศวกรรมศาสตร์ ที่ได้ผลิตเครื่องสับกิ่งไม้เป็นกรณีฝึกงานนักศึกษาและทดลองจำหน่าย เราได้พบกับอาจารย์ที่คลุกคลีกับเรื่องนี้ เป็นโอกาสดีมากที่ได้พูดคุยกับนักออกแบบต้นน้ำ อาจารย์แนะนำเครื่องโน้นเครื่องนี้ อธิบายวิธีทำงานและประสิทธิภาพของแบบเครื่องจักร ตรงจุดนี้ทำให้ผมเข้าใจรูปแบบของเครื่องกลที่เกี่ยวข้องกับงานที่เรากำลังติดพันอยู่ ทำให้รู้ไว้ใช่ว่า ถ้าจะยกระดับกิจกรรมควรจะเดินไต่ระดับต่อไปยังจุดไหนอย่างไร
ตรงจุดขอเรียกว่า บริบทผู้นำวิชาการมาสู่วิชาชีพชุมชน
- เมื่อครั้งกลับมาจากแม่โจ้ อาการคันในหัวใจก็กำเริบมากยิ่งขึ้น อยากจะพัฒนาการใช้ใบไม้เลี้ยงสัตว์ให้ก้าวหน้า จึงชวนเทวดาไปคุยกับบริษัทน่ำเฮง ที่เป็นมืออาชีพด้านการประดิษฐ์อุปกรณ์การเกษตร และเป็นบริษัทเดียวกันกับที่เทวดาไปสั่งเครื่องสับกิ่งไม้นำร่องมาให้ ประกอบกับผมเคยรู้จักมักจี่กับคุณศักดิ์ชัย ปิยะสาธุกิจ เจ้าของบริษัทที่จบมาทางวิศวเครื่องกล แทนที่จะลดความคันกลับเติมเชื้อคันมากขึ้นไปอีก กลับมาคิดๆๆๆ ทำยังไงดีหว่า >> สุดท้ายสวรรค์ก็เป็นใจ ยุเจ้าแห้วศรีให้เขียนหนังสือเรื่อง “นี่แหละครูปู ครูพันธุ์ก๊ากส์” ร่วมกันตั้งเป้าสงค์ไว้บรรเจิดมาก จะเอาเงินที่ได้จากการจำหน่ายหนังสือมาซื้อเครื่องสับกิ่งไม้ตัวใหม่ให้สวนป่าได้ทดลองกิจกรรมตามที่หวัง หนังสือจำหน่ายได้ดีพอสมควร แต่รายได้ยังไม่ถึงเป้าราคาเครื่องที่ตั้งไว้ 75,000 บาท เราพยายามทุกวิถีทางที่จะเร่งให้ได้เครื่องมาเร็วๆ อยากจะขายความคิดในช่วงน้ำท่วม ที่ชาวปศุสัตว์ขาดแคลนอาหารสัตว์อย่างหนัก ให้ใช้ใบไม้เลี้ยงโคแทนอาหารสัตว์อย่างอื่น เป็นการผ่อนปรนปัญหาที่เผชิญหน้าอย่างเป็นรูปธรรม
เราชวนกับไปพบคุณเดือนเพ็ญ สุทธิรักษ์ ภรรยาของคุณศักดิ์ชัย รับผิดชอบด้านการจำหน่าย เจ้าแห้วเอาหนังสือไปฝาก เล่าให้ฟังถึงที่ไปที่มา ออดอ้อนรำพันจนคุณเดือนเพ็ญโมทนาสาธุ ลดราคาให้อีก 10,000 บาท ถึงกระนั้นก็เถอะ เรายังต้องรอต่อไป และแล้วสวรรค์ก็มีตา มีคนมาดูวัวและขอซื้อ ถ้าผมจำหน่ายเจ้าวัวโทนกับแม่วัวอีก1ตัว น่าจะได้ราคาประมาณ 5-60,000 บาท แต่พ่อค้าอยากได้กลุ่มวัวที่อ้วนแล้ว 6 ตัว ให้ราคาสูงล่อใจ ผมไม่ขายหรอกเก็บเอาไว้ ยังมีเรื่องที่ต้องศึกษาอีกหลายประเด็น สรุปว่าบัดนี้มีเครื่องใหม่ดั่งใจหมายแล้ว ส่วนเครื่องเก่าเอาไปเปลี่ยนเครื่องยนต์เบนซินติดตั้งแทนมอเตอร์ไฟฟ้า จะลากไปสับกิ่งไม้ที่ไหนก็ได้ เป็นการดีเสียอีกที่จะได้อธิบายประสิทธิภาพของเครื่องสับใบไม้แต่ละขนาดให้ผู้สนใจได้พิจารณา
ผมเล่าเรื่องนี้ให้อาจารย์กนก วงษ์ตระหง่าน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฟัง ว่าหนังสือที่ท่านเขียนคำนิยมให้นั้น ได้สร้างปาฏิหาริย์ให้ผมอย่างไรบ้าง อาจารย์ทึ่งอึ้งกิมกี่ บอกว่ารัฐบาลมีแผนที่จะอบรมการงานอาชีพต่อจากโครงการต้นกล้าอาชีพ และบรรจุเรื่องการเลี้ยงปศุสัตว์ของสวนป่าเข้าไปในการอบรมอาชีพผ่านอบต.ในเร็วนี้
ตรงจุดขอเรียกว่า บริบทจิตอาสาสไตล์เฮฮาศาสตร์
- เมื่อครั้งได้ทดลองเครื่องใหม่เมื่อวานกับวันนี้ ผมได้ข้อสังเกตมากมาย เครื่องสับกิ่งไม้ตัวใหญ่ นอกจากจะสะดวกแล้วรวดเร็วแล้ว พบว่าคุณภาพของกิ่งใบที่ย่อยได้เล็กกว่าเครื่องเดิม วัวกินอาหารได้มากกว่า อิ่มนานกว่า ไม่ต้องเหนื่อยเคี้ยวเอื้องนานเกินไป เข้าใจว่าถ้าอาหารย่อยได้ง่าย น่าจะกระตุ้นประสิทธิภาพของอาหารสัตว์ได้เร็วขึ้น นั่นหมายความว่า วัวอาจจะอ้วนเร็วขึ้น ผู้เลี้ยงเบาแรงและได้รับประโยชน์เร็วขึ้นด้วย การประหยัดพลังงานและเวลาก็เป็นส่วนหนึ่ง
ตรงจุดนี้อธิบายว่า ถ้าคนเลี้ยงวัวฉลาด วัวจะอ้วนเร็วขึ้น
- เมื่อครั้งเลี้ยงและทดลองใช้ใบไม้เลี้ยงสัตว์ในเบื้องต้น การอธิบายความในทางวิชาการ จะนำไปสู่การวิจัยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องอาหารสัตว์ หรือโจทย์อื่นๆที่สัมพันธ์กัน จะเป็นแนวทางการสร้างชุดความรู้หรือตำราว่าด้วยการพัฒนาอาชีพการเลี้ยงปศุสัตว์ในประเทศไทย ที่โยงไปถึงสถาบันการศึกษา ที่ต้องการได้หัวข้อวิจัยเรื่องพืชอาหารสัตว์
-การปรับปรุงชุดวิชาว่าด้วยการเลี้ยงปศุสัตว์
-การคัดเลือกพันธุ์ไม้เพื่อการเลี้ยงสัตว์
-การศึกษาสารอาหารและคุณค่าอาหารในกลุ่มพืชในแต่ละพื้นที่
-การคิดสูตรอาหารสัตว์ที่ลดการพึ่งพาปัจจัยภายนอก
-การผลิตใบไม้แห้งสำหรับผสมอาหารสัตว์
-การส่งเสริมการปลูกไม้ยืนต้นอเนกประสงค์
-การเสริมสร้างสภาพแวดล้อมมิติใหม่ในประเทศไทย
-การส่งเสริมอาชีพเกษตรกรรายย่อยระดับครัวเรือน-ชุมชน
-การส่งเสริมอุตสาหกรรมอาหารสัตว์โดยการมีส่วนร่วมกับเกษตรกร
ตรงจุดนี้ตีความว่า ไทยจะเข้มแข็งได้ ความรู้ต้องแข็งแรง
วัฒนธรรมการเรียนรู้ของชาติพันธุ์ต้องปรับกระบวนยุทธให้เท่าทันกับความเปลี่ยนแปลง ถ้าเรียนเล่นๆ ก็ควรจะไปเรียนจับตี่กระบี่กระบอง เป่ายิงฉุบ เล่นหมากเก็บหมากล้อม แต่ถ้าจะเรียนเรื่องปากท้อง เพื่อความอยู่รอดอยู่ดี จะต้องเน้นการปฏิบัติ ปรับแก้ๆไปเรื่อยๆ พร้อมๆกับการเชื่อมโยงภาคทฤษฎีเข้ากับภาคปฏิบัติในลักษณะร่วมด้วยช่วยกันศึกษาเชิงรุกตามศักยภาพของแต่ละหน่วยงาน แล้วเอาความรู้นั้นมาเชื่อมโยงกัน จึงจะสามารถบริหารความไม่รู้ให้กระจ่างใจมลยิ่งขึ้น
Next : ศาสตร์พยาบาลเบิกบานที่สวนป่า » »
2 ความคิดเห็น
ข่าวบอกว่าน้ำจะเข้าสตึกคืนนี้ เป็นไงบ้าง เป็นห่วงครับ
ยังมาไม่ถึงครับ ไปดูตอนเที่ยงคืน น้ำมูลสูงขึ้นช้าๆ คาดว่าอีกวันสองวันน้ำจากเขื่อนต่างๆจะมาถึง
แต่ให้น้ำหลากมากเพียงไหน ส่วนป่าก้ยังสบายๆ เพราะสูงกว่าริมฝั่งหลายสิบเมตร ช่วงนี้ในกทม.น่าจะเปียกมะล๊อกมะแล๊ก มากกว่า