เศรษฐกิจพอเพียงจะเป็นพระเอกก็คราวนี้

โดย sutthinun เมื่อ 20 ตุลาคม 2010 เวลา 8:03 ในหมวดหมู่ สวนป่าฮาเฮ #
อ่าน: 2293

แต่นี้ไปผลกระทบต่างๆจะโผล่หน้าออกมาให้ใคร่ครวญรำพึง เรื่องเฉพาะหน้าออกมาเรียงล่ายซ่าย ที่แน่ๆผักผลไม้หายไปจากแผงแม่ค้า ไม่เกี่ยงว่าจะถูกหรือแพง แย่งกันซื้อแย่งกันตุนการขนส่งชะงักงัน ไม่สามารถที่จะแบ่งปันกันตามปกติ คงต้องพึ่งอาหารแห้ง อาหารกระป๋องสักระยะหนึ่ง เว้นแต่หมู่บ้านหรือชุมชนไหนที่ทำเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง และไม่กระทบกับน้ำท่วม สวนครัวหลังบ้านจะมีความหมายอย่างมาก ครัวเรือนในที่ดอน ยังเดินไปเด็ดผักรอบบ้านมาปรุงอาหารได้อร่อย ไม่ทุกข์ระทมเท่ากับพวกที่ดูแคลนบริบทของการทำอยู่ทำกิน จ้องแต่จะซื้ออยู่ซื้อกิน บางทีมันก็ตีลังกาได้ง่ายๆเหมือนกัน

วิกฤตินาล่มสวนยุ่ยอย่าทำให้วิถีชีวิตพังพาบไปเสียหมด

ผมเคยพูดถึงผักยืนต้นและผักพื้นถิ่น มะรุม-เพกา–ยอดมะขาม-มะกรูด-มะนาว-แค-กระถิน-บวบ-น้ำเต้า-มะเขือ-มะละกอ-พริก-ตะลิงปิง-ชะพลู-ยอดส้มเสี้ยว-ยอดมะกอก-ยอดมะกล่ำ-ข่า-ตะไคร้-ปลีกล้วย-ชะอม-ขมิ้นขาว-หน่อไม้-มะเขือพวง-ฟักทอง-ถั่วฟักยาว-ผักบุ้ง-ผักกาด-ยอดเสาวรส-ยอดฟักข้าว-ที่กำลังงามยามได้ฝน ช่วยให้ตระหนักถึงคำว่าเศรษฐกิจพอเพียงที่พ่อหลวงพระราชทานไว้ได้อย่างถึงอกถึงใจ คำว่าพึ่งตนเองก็จะผุดพรายให้สัมผัสอย่างลึกซึ้งในชีวิตประจำวัน ช่วยสะท้อนวิธีช่วยเหลือตนเองยามข้าวยากหมากแพง

ช่วยลดความตระหนกให้เกิดความตระหนัก

ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนได้บ้างนั้นเป็นฉันใด บางทีมีเงินก็ใช่ว่าจะเนรมิตอะไรๆได้สะดวกสบายเสมอไป หยาดเหงื่อแรงงานจะแสดงอภินิหารในวาระเข้าตาจน ใครมีที่มีทางอย่าปล่อยว่างไว้ ปลูกผักยืนต้นบ้างเถอะ โลกนับวันแต่จะไม่แน่นอนมากยิ่งขึ้น ควรท่องคำว่า>> มันบ่แน่ดอกนาย ในสภาพสังคมที่นับวันจะผิดปกติมากยิ่งขึ้น ไม่ควรฝากท้องไว้กับภายนอกอย่างเดียว มองรอบๆตัวไว้บ้างก็ดี ว่าเรามีอะไรพอที่จะอาศัยเจี๊ยะได้บ้าง เก็บๆมาโยนใส่กระทะร้อน กินกับข้าวต้มในยามที่อากาศแปรปรวน ก็อาจจะปะทะปะทังไปได้อย่างไม่ขัดสนมากนัก เรื่องน้ำดื่ม รองน้ำฝนไว้อย่างที่เทวดาแนะนำ เอามาต้มเติมสมุนไพรลงไป แค่นี้ก็ได้น้ำดื่มสูตรไทยๆที่มีคุณค่าไม่แพ้ของโออิชิ หรอกนะต๋อย

(เสน่ห์ปลายจวักประจำร้านเฮฮาโภชนา)

เช้านี้มีหมอกลอยอ้อยอิ่ง

ขณะที่ท้องฟ้าก็ยังอึมครึม

เมื่อคืนยังมีฝนกระแซะๆ

ที่ไม่เดือดร้อนกับใครก็คือนกเขา

ยังโก่งคอขันคูหาคู่สบายเฉิบ

ดูทีวีมีข่าวว่า>> ฝนยังไม่เลิกตอแยนะ

ยังจะหล่นเรี่ยราดมาอีก2-3วัน

ต่อด้วยลมหนาวจากไซบีเรีย

ใครก็ไม่รู้ทำนายว่าปีนี้จะหนาวมาก

หนาวกายก็แย่แล้ว

ยังจะมาหนาวใจหนักข้อเข้าไปอีก

เรื่องประณีตอย่างนี้ยากที่จะก้าวล่วงไปแนะนำ

มิบังอาจจริงๆ

ผู้เขียนเองก็สะบัดร้อนสะบัดหนาวมิเว้นวาย คิ คิ ..

ตะกี้ คุณเดือนเพ็ญแห่งน่ำเฮงโทรมาแจ้งข่าวดี

ว่าเครื่องที่สั่งไว้เสร็จแล้วจะเดินทางมาคืนนี้

ถ้าถนนไม่ขาดสะบั้น

พรุ่งนี้คงได้เห็นเครื่องสับกิ่งไม้ตัวใหม่

ที่เราจะเอามาสับๆๆๆๆประกอบคำแนะนำ

ว่าวิกฤติคราวนี้ไม่เดือดร้อนเฉพาะมนุษย์หรอกนะ

สัตว์เลี้ยงก็ลำบากและหิวโหยเหมือนกัน

ถ้าเห็นตัวอย่างเรื่องเอาใบไม้ให้วัวกิน

บางทีจะช่วยคลี่คลายเรื่องอาหารสัตว์ในยามเกิดปัญหาซี๊ซั่วได้

« « Prev : กุลาสะอื้น

Next : ใครจะมาเล่นน้ำยกมือขึ้น » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

5 ความคิดเห็น

  • #1 อุ๊ยสร้อย ให้ความคิดเห็นเมื่อ 20 ตุลาคม 2010 เวลา 9:29

    ตอนปี 48 ที่น้ำท่วมเชียงใหม่ 3 รอบ ผักราคาแพงกว่าเนื้อสัตว์ ไข่ไก่ราคาพุ่งไปสูงและไม่มีขายค่ะ
    โชคดีที่เชียงใหม่ท่วมไม่นานและยังมีพื้นที่อำเภอและจังหวัดใกล้เคียงที่ประคองส่งผักและอาหารมาจำหน่ายได้หลายทาง

    แต่คราวนี้เห็นพื้นที่น้ำท่วมจากบันทึกคุณคอนแล้ว ดูสาหัสกว่าเยอะ

    ครูบาคะ บนเส้นทางไปหงสา เห็นดอยเกลี้ยงโกร๋นเพราะบริษัทยักษ์ใหญ่ ไปให้นายทุนเอาเมล็ดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ไปปลูก…ใจหายมากๆ เลยค่ะ …ดอยไม่มีต้นไม้ยืนต้นซับน้ำเลย …วิกฤตกับชาวบ้านเกิดจากนายทุนใหญ่ที่เอาแต่ผลประโยชน์…ไม่รู้ว่ามีกฎหมายระดับนานาชาติของทั้งโลกที่จะลงโทษหรือเก็บภาษีนายทุนให้จ่ายคืนเป็นการปลูกต้นไม้ทดแทนส่วนที่ตัดไปและห้ามตัดถางเพื่อปลูกข้าวโพดอีกได้อย่างไงค่ะ

  • #2 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 20 ตุลาคม 2010 เวลา 12:02

    ปัญหาอยู่แผนแม่บทรัฐบาล จะเอาเงินหรือเอาสิ่งแวดล้อม
    ผลกระทบจากการโค่นต้นไม้จะส่งผลมากมายเกินที่คนใจดำจะเข้าใจได้
    การฟื้นฟูก็ต้องใช้เวลา
    อำนาจการจัดการมันแตกกระจัดกระจาย หาเจ้าภาพหลักรับผิดชอบไม่มี
    จึงน่าเสียดาย ที่เห็นข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มีความสำคัญมากกว่าป่าไม้
    บ้านเราก็อยู่ในสภาพและโจทย์เถื่อนๆพวกนี้เช่นกัน
    พวกเราจึงได้แต่ตาปริบๆ
    -หายเหนื่อยแล้วยังอุ้ย อิอิ

  • #3 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 20 ตุลาคม 2010 เวลา 12:52

    บริษัทยักษ์ใหญ่บุกตะลุยข้ามฝั่งไปอาละวาดภูเขาฝั่งลาวด้วย โล้นเตียนโล่งไม่เหลือหรอ

  • #4 สุวรรณา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 20 ตุลาคม 2010 เวลา 13:06

    อาจารย์สร้อยเล่าแล้วเห็นภาพดอยหงสานะคะ เมื่อเช้าแม่คุยกับลูก น้ำท่วมต่อแต่นี้ผักจะแพง ลูกสาวบอกปลูกผักกินเองสิคะแม่ แม่ก็ผัดมะเขือให้กินทุกวันสิลูกออกลูกออกผลให้ทุกวัน แม่ก็บ่นเผื่อคนอื่นบ้างก็เท่านั้น ดูกันไปนะคะพ่อครูมาถึงขนาดนี้แล้วนะคะ

  • #5 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 20 ตุลาคม 2010 เวลา 18:03

    ทุกอย่างแพงแก้ไขยาก เพราะขาดแคลน
    ขอแต่น้ำใจให้เพียงพอหล่อเลี้ยงผู้เดือดร้อนก็แล้วกัน


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.6211371421814 sec
Sidebar: 0.22424697875977 sec