เศรษฐกิจพอเพียงจะเป็นพระเอกก็คราวนี้
อ่าน: 2357
แต่นี้ไปผลกระทบต่างๆจะโผล่หน้าออกมาให้ใคร่ครวญรำพึง เรื่องเฉพาะหน้าออกมาเรียงล่ายซ่าย ที่แน่ๆผักผลไม้หายไปจากแผงแม่ค้า ไม่เกี่ยงว่าจะถูกหรือแพง แย่งกันซื้อแย่งกันตุนการขนส่งชะงักงัน ไม่สามารถที่จะแบ่งปันกันตามปกติ คงต้องพึ่งอาหารแห้ง อาหารกระป๋องสักระยะหนึ่ง เว้นแต่หมู่บ้านหรือชุมชนไหนที่ทำเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง และไม่กระทบกับน้ำท่วม สวนครัวหลังบ้านจะมีความหมายอย่างมาก ครัวเรือนในที่ดอน ยังเดินไปเด็ดผักรอบบ้านมาปรุงอาหารได้อร่อย ไม่ทุกข์ระทมเท่ากับพวกที่ดูแคลนบริบทของการทำอยู่ทำกิน จ้องแต่จะซื้ออยู่ซื้อกิน บางทีมันก็ตีลังกาได้ง่ายๆเหมือนกัน
วิกฤตินาล่มสวนยุ่ยอย่าทำให้วิถีชีวิตพังพาบไปเสียหมด
ผมเคยพูดถึงผักยืนต้นและผักพื้นถิ่น มะรุม-เพกา–ยอดมะขาม-มะกรูด-มะนาว-แค-กระถิน-บวบ-น้ำเต้า-มะเขือ-มะละกอ-พริก-ตะลิงปิง-ชะพลู-ยอดส้มเสี้ยว-ยอดมะกอก-ยอดมะกล่ำ-ข่า-ตะไคร้-ปลีกล้วย-ชะอม-ขมิ้นขาว-หน่อไม้-มะเขือพวง-ฟักทอง-ถั่วฟักยาว-ผักบุ้ง-ผักกาด-ยอดเสาวรส-ยอดฟักข้าว-ที่กำลังงามยามได้ฝน ช่วยให้ตระหนักถึงคำว่าเศรษฐกิจพอเพียงที่พ่อหลวงพระราชทานไว้ได้อย่างถึงอกถึงใจ คำว่าพึ่งตนเองก็จะผุดพรายให้สัมผัสอย่างลึกซึ้งในชีวิตประจำวัน ช่วยสะท้อนวิธีช่วยเหลือตนเองยามข้าวยากหมากแพง
ช่วยลดความตระหนกให้เกิดความตระหนัก
ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนได้บ้างนั้นเป็นฉันใด บางทีมีเงินก็ใช่ว่าจะเนรมิตอะไรๆได้สะดวกสบายเสมอไป หยาดเหงื่อแรงงานจะแสดงอภินิหารในวาระเข้าตาจน ใครมีที่มีทางอย่าปล่อยว่างไว้ ปลูกผักยืนต้นบ้างเถอะ โลกนับวันแต่จะไม่แน่นอนมากยิ่งขึ้น ควรท่องคำว่า>> มันบ่แน่ดอกนาย ในสภาพสังคมที่นับวันจะผิดปกติมากยิ่งขึ้น ไม่ควรฝากท้องไว้กับภายนอกอย่างเดียว มองรอบๆตัวไว้บ้างก็ดี ว่าเรามีอะไรพอที่จะอาศัยเจี๊ยะได้บ้าง เก็บๆมาโยนใส่กระทะร้อน กินกับข้าวต้มในยามที่อากาศแปรปรวน ก็อาจจะปะทะปะทังไปได้อย่างไม่ขัดสนมากนัก เรื่องน้ำดื่ม รองน้ำฝนไว้อย่างที่เทวดาแนะนำ เอามาต้มเติมสมุนไพรลงไป แค่นี้ก็ได้น้ำดื่มสูตรไทยๆที่มีคุณค่าไม่แพ้ของโออิชิ หรอกนะต๋อย
(เสน่ห์ปลายจวักประจำร้านเฮฮาโภชนา)
เช้านี้มีหมอกลอยอ้อยอิ่ง
ขณะที่ท้องฟ้าก็ยังอึมครึม
เมื่อคืนยังมีฝนกระแซะๆ
ที่ไม่เดือดร้อนกับใครก็คือนกเขา
ยังโก่งคอขันคูหาคู่สบายเฉิบ
ดูทีวีมีข่าวว่า>> ฝนยังไม่เลิกตอแยนะ
ยังจะหล่นเรี่ยราดมาอีก2-3วัน
ต่อด้วยลมหนาวจากไซบีเรีย
ใครก็ไม่รู้ทำนายว่าปีนี้จะหนาวมาก
หนาวกายก็แย่แล้ว
ยังจะมาหนาวใจหนักข้อเข้าไปอีก
เรื่องประณีตอย่างนี้ยากที่จะก้าวล่วงไปแนะนำ
มิบังอาจจริงๆ
ผู้เขียนเองก็สะบัดร้อนสะบัดหนาวมิเว้นวาย คิ คิ ..
ตะกี้ คุณเดือนเพ็ญแห่งน่ำเฮงโทรมาแจ้งข่าวดี
ว่าเครื่องที่สั่งไว้เสร็จแล้วจะเดินทางมาคืนนี้
ถ้าถนนไม่ขาดสะบั้น
พรุ่งนี้คงได้เห็นเครื่องสับกิ่งไม้ตัวใหม่
ที่เราจะเอามาสับๆๆๆๆประกอบคำแนะนำ
ว่าวิกฤติคราวนี้ไม่เดือดร้อนเฉพาะมนุษย์หรอกนะ
สัตว์เลี้ยงก็ลำบากและหิวโหยเหมือนกัน
ถ้าเห็นตัวอย่างเรื่องเอาใบไม้ให้วัวกิน
บางทีจะช่วยคลี่คลายเรื่องอาหารสัตว์ในยามเกิดปัญหาซี๊ซั่วได้
Next : ใครจะมาเล่นน้ำยกมือขึ้น » »
5 ความคิดเห็น
ตอนปี 48 ที่น้ำท่วมเชียงใหม่ 3 รอบ ผักราคาแพงกว่าเนื้อสัตว์ ไข่ไก่ราคาพุ่งไปสูงและไม่มีขายค่ะ
โชคดีที่เชียงใหม่ท่วมไม่นานและยังมีพื้นที่อำเภอและจังหวัดใกล้เคียงที่ประคองส่งผักและอาหารมาจำหน่ายได้หลายทาง
แต่คราวนี้เห็นพื้นที่น้ำท่วมจากบันทึกคุณคอนแล้ว ดูสาหัสกว่าเยอะ
ครูบาคะ บนเส้นทางไปหงสา เห็นดอยเกลี้ยงโกร๋นเพราะบริษัทยักษ์ใหญ่ ไปให้นายทุนเอาเมล็ดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ไปปลูก…ใจหายมากๆ เลยค่ะ …ดอยไม่มีต้นไม้ยืนต้นซับน้ำเลย …วิกฤตกับชาวบ้านเกิดจากนายทุนใหญ่ที่เอาแต่ผลประโยชน์…ไม่รู้ว่ามีกฎหมายระดับนานาชาติของทั้งโลกที่จะลงโทษหรือเก็บภาษีนายทุนให้จ่ายคืนเป็นการปลูกต้นไม้ทดแทนส่วนที่ตัดไปและห้ามตัดถางเพื่อปลูกข้าวโพดอีกได้อย่างไงค่ะ
ปัญหาอยู่แผนแม่บทรัฐบาล จะเอาเงินหรือเอาสิ่งแวดล้อม
ผลกระทบจากการโค่นต้นไม้จะส่งผลมากมายเกินที่คนใจดำจะเข้าใจได้
การฟื้นฟูก็ต้องใช้เวลา
อำนาจการจัดการมันแตกกระจัดกระจาย หาเจ้าภาพหลักรับผิดชอบไม่มี
จึงน่าเสียดาย ที่เห็นข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มีความสำคัญมากกว่าป่าไม้
บ้านเราก็อยู่ในสภาพและโจทย์เถื่อนๆพวกนี้เช่นกัน
พวกเราจึงได้แต่ตาปริบๆ
-หายเหนื่อยแล้วยังอุ้ย อิอิ
บริษัทยักษ์ใหญ่บุกตะลุยข้ามฝั่งไปอาละวาดภูเขาฝั่งลาวด้วย โล้นเตียนโล่งไม่เหลือหรอ
อาจารย์สร้อยเล่าแล้วเห็นภาพดอยหงสานะคะ เมื่อเช้าแม่คุยกับลูก น้ำท่วมต่อแต่นี้ผักจะแพง ลูกสาวบอกปลูกผักกินเองสิคะแม่ แม่ก็ผัดมะเขือให้กินทุกวันสิลูกออกลูกออกผลให้ทุกวัน แม่ก็บ่นเผื่อคนอื่นบ้างก็เท่านั้น ดูกันไปนะคะพ่อครูมาถึงขนาดนี้แล้วนะคะ
ทุกอย่างแพงแก้ไขยาก เพราะขาดแคลน
ขอแต่น้ำใจให้เพียงพอหล่อเลี้ยงผู้เดือดร้อนก็แล้วกัน