น้ำฝนน้ำล้นน้ำหลากน้ำตาและน้ำใจ
อ่าน: 1896(อึ่งอ่างออกมาเล่นน้ำร้องเพลงในสวนป่า)
ตื่นมากลางดึก
เสียงฝนเทลงมายังกับฟ้ารั่ว
ตกเอาๆ ..อึ่งอ่างร้องจนเจ็บคอ
ตกทุกวัน ก็ร้องทุกวัน
จะตื่นมาฟังเสียงฝนเฉยๆยังงั้นรึ
นักเลงกลอนนอนเปล่าก็เหงาใจ
นักเลงบล็อกไม่เขียนอะไรก็ใช่ที่
มานั่งย้อนความหลังเรื่องน้ำดีกว่า อิอิ
(สนามแข่งเรือยาว อีก 2 วันน้ำคงล้นตลิ่ง)
ฝนท่วมทั่วไทยในเวลานี้ ไม่ใช่เรื่องน้ำฝนทะทั่งล้นธรรมดาๆเสียแล้ว ในอดีตน้ำเหนือไหลบ่าเข้ามาท่วมทุ่งมหาราช คนที่เดือดร้อนที่สุดได้แก่ทัพพม่าที่ยกมารุกราน น้ำเจิ่งนองไม่สะดวกต่อการตั้งค่ายคูในที่ลุ่ม อาหารช้างม้าวัวควายก็แสนลำบาก จะตากผ้าโสร่งยังแห้งช้า พม่าแก้ปัญหาไม่ตกมาโดยตลอด จึงหัวฟัดหัวเหวี่ยงทุกที ทั้งๆที่กำลังต่อตีสู้รบจนกรุงอโยธยาบอบช้ำย่ำแย่ ถ้าเร่งตีให้กรุงแตกก่อนน้ำเหนือมาไม่สำเร็จ ทุกอย่างก็จบ ต้องโยกเยกยกทัพกลับไปหาตะละแม่กุสุมา ตะละจันทราที่ตั้งตารอคอยอยู่ในเมืองตองอู
วัฏจักรนี้เป็นไปตามภูมิสังคม น้ำหลากจากภาคเหนือได้นำเอาความแร่ธาตุละลายใบไม้ในรูปของอาหารพืชแสนโอชะ มาตกคลักอยู่ในแอ่งที่ราบลุ่มภาคกลาง ช่วยให้การปลูกข้าวพืชผลผักปลาอุดมสมบูรณ์ จนกระทั่งได้เชื่อว่าแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง ภาษาสมัยใหม่เรียกว่า“ครัวโลก” กระบวนการทางธรรมชาติเหล่านี้ คือต้นทุนของสยามประเทศที่มีมาแต่ในอดีต ต่อมามีการสร้างเขื่อนฝายคลองซอยเชื่อมโยงกัน เพื่อบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ ปรับปรุงพื้นที่ทำมาหากินที่เรียกว่า “การเกษตรระบบชลประทาน” การดำเนินชีวิตของผู้คนในที่ลุ่มภาคกลางจึงอาศัยแม่น้ำเป็นหลัก มีการสัญจรทางน้ำ การเพาะปลูกในที่ลุ่ม การสร้างบ้านเรือน สะสมภูมิปัญญาจนเกิดเป็นวัฒนธรรมในที่ลุ่ม เกิดเป็นคันคูในเรือกสวน เกิดเป็นตลาดน้ำ มีพันธุ์ข้าวลอยที่ยืดลำต้นตามระดับน้ำ บ้านหลังคาทรงไทยใต้ถุนสูง ช่วยให้น้ำฝนไม่ตกค้าง ยามหน้าแล้งก็ใช้ใต้ถุนบ้านทำงานสารพัด น้ำลดก็ใช้จอดเรือเก็บพาย ว่างๆไอ้หนุ่มก็ล่องเรือไปจีบอีสาวคุ้งโน้นคุ้งนี่ จีบไปจีบมาก็เกิดตำนานรัก“แผลเก่า” เกิดเพลงเรือ เต้นรำกำเคียว เกิดประเพณีลอยกระทง แม้แต่พระสงฆ์ยังพายเรือบิณฑบาตร ลองคิดดูเถิดถ้าเราไปพัฒนาแบบตาลปัด วิถีชีวิตในที่ลุ่มภาคกลางมันจะบรรเจิดขนาดไหน? ชาวต่างชาติที่สำลักความเจริญทางวัตถุจะแห่แหนกันมาเที่ยวเวนิชตะวันออกปีละกี่สิบล้านคน
เมื่อวิชาผังเมืองไม่ได้คำนึงถึงภูมิสังคมในอดีต ทำแบบสุกเอาเผากิน เปลี่ยนแปลงหน้าตาชุมชนและสังคมแบบหัวมงกฎท้ายมังกร ถมคลองทิ้งมาทำถนน เปลี่ยนคลองที่เคยมีน้ำใสสะอาดมาเป็นท่อน้ำทิ้งที่ขุ่นดำข้นคลักเต็มไปด้วยเศษปฏิกูล อยู่กันอย่างแออัดเหมือนหนอน สร้างรถไฟฟ้าทั้งบนดินและใต้ดิน สุดท้ายก็มาจนมุมอยู่กับไฟเขียวไฟแดง กระหย่องกระแหย่งกระเสือกกระสนไปทำงานเหมือนหนอนกระดึบ แล้วเรียกสิ่งนี้ว่าความเจริญ มันไม่เพี้ยนมากไปหน่อยหรือพี่ พูดไปมันก็ไอ่แค่นั้นแหละ ในเมื่อเรานำเข้าทุน นำเข้าความรู้ นำเข้าวัฒธรรม ไม่ได้มีแก่นสารที่ก่อเกิดจากสติปัญญาของเราเอง ไปก๊อปปี้ความรู้ความคิดแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ ใครจะรับผิดชอบ การพัฒนาแห่งยุคสมัย เทคโนโลยีเป็นเรื่องดีและจำเป็น แต่ก็ควรสังวรณ์กับต้นทุน และศักยภาพภูมิทัศน์ทางธรรมชาติด้วย การที่ไม่รู้จักตัวเองอย่างถ่องแท้ สังคมไทยจึงยักแย่ยักยัน ปีหนึ่งๆยุ่งอยู่กับเรื่อง-ฝนแล้ง-น้ำท่วม -น้ำเน่า -เหมาโหลโง่งมอยู่กับเรื่องที่ไม่สะเด็ดน้ำเหล่านี้
เห็นผลการจัดการความไม่รู้กันแล้วยังก็ไม่รู้นะ
ผมเป็นเด็กบ้านนอกลุ่มแม่น้ำมูล ฤดูน้ำหลาก จะมีน้ำจากดงพญาไฟไหลลงมายังอีสานตอนล่าง ผ่านลำน้ำแขนงและแม่น้ำมูลไปลงแม่น้ำโขงที่อุบล น้ำที่ว่านี้ทุกปีจะท่วมทุ่งกุลาร้องไห้ มองไปเวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตา เห็นยอดไม้เป็นหย่อมๆ มีนกหนูงูและสัตว์เลื้อยคลานไปกะจุกตัวอยู่ ชาวบ้านจะพายเรือไปล่ามาเป็นอาหาร ต่อมายกระดับเป็นการแข่งเรือยาว ที่สตึกมีประเพณีแข่งเรือยาวชิงถ้วยพระราชทานฯ แปลกกว่าที่อื่นตรงที่จัดให้มีการแข่งขันช้างว่ายน้ำด้วยนะ ปีนี้จะจัดแข่งเรือวันที่ 6-7 เดือนพฤศจิกายน จะมีค่ายเรือยาวจากทุกภาคมาชุมนุมกันคับคั่ง สมัยที่จัดแรกๆผมไปช่วยพากษ์เรือพากษ์ช้างเสียงดังลั่นจนลำโพงขาดยับ เป็นผลพวงตกมาถึงทุกวันนี้ ที่เสียงผมแหบๆแห้งๆสงสัยเส้นหลอดเสียงจะอักเสบ
จะแหบเสน่ห์ก็ไม่ใช่ มันแหบแบบสาวเมินนะสิครับ
ทุกเช้าพวกส่วยจะเอาช้างจากบ้านหนองบัว ว่ายข้ามแม่น้ำไปหากินยังป่าทามริมฝั่งมูล บ่ายๆก็จะไปเอาช้างกลับ ผมรู้จักกับควาญช้างหลายคน เคยเดินตามก้นไปหากบในบุ่งทามหน้าแล้ง ในแอ่งที่มีใบไม้ปกคลุมจะมีกบตัวอ้วนนั่งหลับตาจำศีล ส่วยที่ว่านี้มีวิธีสังเกตุยังไงก็ไม่รู้นะครับ แกเดินไปเปิดใบไม้จับกบตัวโตพุงเหลืองมาวันละ3-4ตัว เอาแค่พอกิน ถ้าจะหาปลากลับบ้าน แกก็จะเอาหลาวเหล็กด้ามยาวๆ เดินแทงไปเรื่อยๆตามริมฝั่ง ไม่นานหรอกจะมีปลาตัวโตดิ้นกระแด่วติดปลายหลาว แกเอาเถาว์วันร้อยเหงือกปลาไปฝากแม่อี่นายน้อย บางทีก็เก็บผักป่าติดไม้ติดมือไปด้วย สุขสบายเรียบร้อยเหลือเกินสมัยโน้น
ฤดูน้ำหลากแม่ปลาจะพากันไปวางไข่ตามป่าบุ่งป่าทา ผมเคยเห็นลูกปลาค้าวตัวยาวขนาดฝ่ามือเป็นแสนๆตัว เตรียมว่ายกลับลงไปเติบโตในแม่น้ำ สตึกจะมีตลาดริมมูล ชาวบ้านจะจับกบตัวใหญ่ๆมาใส่เครื่องปรุงแล้วปิ้งขายหอมโฉ่ ปลานานาชนิดวางขายกันให้คลัก บ่ายๆหนุ่มๆสาวๆจะถือกันสบู่มาชำระสะสางกายในแม่น้ำ เด็กๆว่ายน้ำไปยืนเล่นที่หาดใต้น้ำที่ยืนได้ระดับหน้าอก เด็กสาวรุ่ยกระเต๊าะสนุกกับการตีโป่งพุ้ยน้ำ หนุ่มๆแอบวัดสัดส่วนสาวๆทางสายตาก็อีตอนอาบน้ำนี่แหละ ชอบพอก็จีบกันตกร่องปล่องชิ้นตบแต่งเป็นฝั่งเป็นฝา แต่ปีจะมีเรือถ่อลำใหญ่ไล่ขายสินค้ามาตามลำแม่น้ำ เป็นสินค้าพื้นถิ่นที่ต้องใช้ประจำ เช่น หม้อ ไห ครก สาก น้ำอ้อย เครื่องมือประมงพื้นบ้าน เลาะฝั่งขายมาเรื่อยๆ ขากลับก็ล่องเรือไปตามลำน้ำ คอยงัดท้ายให้ดีเรือก็ไหลรี่ไหลลงๆ มีคนเอาไปแต่งเพลง >>
เอาความขมขื่นไปทิ้งแม่โขง ให้มันไหลลงๆทะเล
สมัยเป็นหนุ่มกระทงยังจำได้ สนุกมาก
พวกพ่อไก่แจ้จะนัดกันเอาแห เตาไฟ หม้อข้าวหม้อแกง เครื่องปรุง
ลงเรือพายไปตามสุมทุมพุ่มไม้ริมฝั่ง
คนอยู่หัวเรือจะถือแหจ้องมองหาทำเลที่น่าจะมีปลา
ได้จังหวะก็หว่านโครม
สาวแหขึนมามีปลาสดๆดิ้นกระแด่วๆ
พ่อครัวหัวป่าส์ก็จะคัดปลาจับโยนลงในหม้มที่กำลังเดือด
พายเรือไปเจอรังมดแดงก็จะตัดมาสลัดลงหม้อเติมรสให้กลมกล่อม
กะว่าปลาสุกก็วาดหัวเรือไปใต้ร่มไม้ที่เย็นสบาย
เอาปลาตัวโตๆมาปิ้งย่าง
ข้าวร้อน ต้มปลาควันฉุย ปลาปิ้งเนื้อเหลืองอ๋อย
ตั้งวงโจ้กันบรรเทิงท้อง
อิ่มจนอืด นอนพักยามบ่าย
จวนแดดร่มลมตกก็ลงเรือกลับบ้าน
ระหว่างทางก็หว่านแหหาปลามาเรื่อยๆ
กว่าจะขึ้นฝั่งยังมีปลาแบ่งปันไปฝากทางบ้านคนละพวงเบ่อเร้อ
สตึก เป็นคำเรียกภาษาเขมร ที่ออกเสียง “เสราะตึก” แปลว่าหมู่บ้านริมแม่น้ำ ต่อมามีคนจีนเข้ามาอยู่ ออกสำเนียงเพี้ยนเป็น ซะตึก สะตึก สุดท้ายมาจบลงคำที่เป็นทางการว่าสตึก ถ้าไม่มี ก.ไก่ งัดท้ายไว้ละแย่เลย
อำเภอสตึ ฟังแล้วอายไปถึงไหนๆ ไม่เป็นมงคลหูเป็นแน่แท้ ยังไงก็เอาชื่อที่พอกล้อมแกล้มไปก่อน ส่วนคนอยู่จะสตึสติแตกยังไงค่อยว่ากันใช่ไหมละครับ
สมัยนี้มนุษย์อาจจะเก่งกล้าเรื่องเทคโนโลยี่ สร้างโน้นสร้างนี้สารพัดสารเพ หลายเรื่องไปกระทบกับระบบที่เป็นกลไกใหญ่ทางธรรมชาติ ทำให้เกิดวิกฤติรุนแรงมากขึ้น กระชั้นถี่ยิ่งขึ้น ดูข่าวทีวีบอกว่าน้ำท่วมใหญ่โคราชในรอบ 100ปี เท็จจริงประการใดก็ไม่ทราบ เพราะผมอายุยังไม่ถึงร้อยปี แต่ภาพเห็นเป็นอุทกภัยที่รุนแรงมาก น้ำท่วมไหนท่วมหนึ่ง ท่วงโรงพยาบาล และน้ำจำนวนมหาศาลเหล่านี้จะเคลื่อนลงมายังอำเภอผมไปลงแม่น้ำโขงที่อุบล ระหว่างทางก็จะสร้างความเสียหายเรี่ยรายมาเรื่อยๆ ข้าวหอมมะลิที่ใกล้จะเก็บเกี่ยวในไม่กี่วันนี้แล้ว ถ้าถูกน้ำท่วมมิดยอด น้ำตาชาวนาก็จะท่วมท้นหัวอก เมื่อวานไปตลาด ผักปลาอาหารราคากระฉูด หัวปลีเคยขาย2บาท วันนี้แม่ค้าบอก10 บาท นาก็ล่ม อาหารก็แพง จะทำยังไงดีนะพี่น้อง มีอะไรก็ช่วยกันตามมีตามเกิดไปก่อน
ผลพวงที่มนุษย์กระทำต่อธรรมชาติได้รับการเช็คบิลแล้ว
ปีต่อๆไปก็จะเจอเพทภัย น้ำท่วม ฝนแล้ง แผ่นทรุด แผ่นดินไหว หิมะตก น้ำทะเลหนุน อย่างกระชั้นถี่และรุนแรงเพิ่มขึ้นๆ พระอาจารย์ไร้กรอบ (ดร.วรภัทร ภู่เจริญ) เคยเตือนเรื่องนี้ไว้ แต่มนุษย์เราทำเป็นไม่สนใจ ไม่รู้ไม่ชี้ ยังดื้อตาใส แล้วตอนนี้เป็นยังไง โลกทั้งโลกมีเรื่องลุ้นระทึกทั้งปี จีนเวียดนามกำลังอ่วม ดูข่าวทีวีในเวียดนามอาการย่ำแย่ ต้องไปแกะคนชราออกมาจากหลังคาบ้าน
สมัยนี้ดีตรงที่ข่าวสารแพร่ขยายได้รวดเร็ว ภาพน้ำท่วมแต่ละพื้นที่สะท้อนภาพรวมได้ละเอียดยิบ โคราชน้ำท่วมถึงหลังคารถแล้ว เขื่อนทุกเขื่อนในประเทศไม่สามารถกับเก็บน้ำได้อีกแล้ว ฝนเทลงมาเท่าไหร่ก็รีบปล่อยทิ้งทันที ประเทศเรายังไม่เคยเผชิญวิกฤติล้างแผ่นดินอย่างนี้มาก่อน ปัญหาเฉพาะหน้าตามมาโหมกระหน่ำ รถหลายคันจมน้ำมิดหลังคา เรื่องการเดินทางเป็นอันเลิกคิด ถนนมิตรภาพจมทั้งสาย อาจจะเปิดเรือทัวร์แทนรถทัวร์ในระยะนี้ >> คนกรุงเทพฯต้องนอนสะดุ้งอีกแล้ว น้ำเหนือลงมาถึงเมื่อไหร่กรุงเทพก็จมอยู่ในบาดาล พี่น้องแซ่เฮที่อยู่ในที่ลุ่ม เตรียมสะสมสะเบียงไว้บ้างก็ดีนะครับ มีปัญหาอะไรส่งข่าวกันบ้าง อาจารย์หลินหุ่ยวางแผนสะสมขนมอาหารไว้แล้ว น้ำเยอะอย่างนี้เก็บผักบุ้งยอดอวบมาลงกะทะร้อน ชวนหมีใหญ่กินข้าวต้มให้อร่อยนะครับ
วิกฤติครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก
ต้องบำบัดบรรเทาทุกข์อีกเป็นเดือน
ซุปเปอร์ไต้ฝุ่นเมกี
จะมาเขย่าอีกระลอกรึเปล่าก็ไม่รู้นะ
เทวดาส่งภาพถ่ายดาวเทียมมาให้ดูแล้วใจหายวาบ
ต้องมองหาทีไหนทีไล่ไว้แต่เนิ่นๆ
ผมยังกังวลว่า หมอจอมป่วน-หมอเจ๊-เจ้าแห้ว-หนู10ล้อ
จะต้องว่ายน้ำมาสวนป่ากันรึเปล่า
ได้ลุ้นได้รู้กันในเร็วๆนี้ละครับ
ในขณะนี้ฝนยังตกพรำๆ
วันนี้ วันพรุ่งนี้ วันมะรืนนี้ หัวใจเปียกชื้น
ถ้าใจชื้นก็ยังพอไหวใช่ไหมพี่น้อง
* ขอฝากไว้เรื่องหนึ่ง
อาหารคนอาจจะมี มาม่า แก้ขัด
แต่อาหารวัว/ควาย ตัดเอาใบไม้มาสับๆๆด้วยมือให้สัตว์กินพอปะทะปะทัง
จะได้หายหิวทั้งคนทั้งสัตว์ นะครับ
อิ อิ ไม่ออกเลยงานนี้
« « Prev : เตรียมตัวมานอนเต็นท์
2 ความคิดเห็น
สวัสดีค่ะพ่อครู หนูเกิดมาทันมนุษย์เห็นแก่ตัว ภาพในอดีตเมื่อ 10 กว่าขวบมันติดตาหนูมาตลอด หนูเคยเห็นปลาว่ายทวนน้ำขึ้นไปวางไข่มากมาย ถึงหน้าปลาขึ้น เรา2 แม่ลูกกอบปลาตีนหาดใส่ให เก็บไว้ทำหัวอาหารให้หมูไว้ได้หลายไห อยากกินปลา แม่ตั้งหม้อแกงรอ เตี่ยไปโยนแหโครมเดียวได้ปลาติดตั้งแต่จอมแหถึงตีนแห มีความสุขแบบนี้ไม่ถึง 5 ปี มนุษย์เห็นแก่ตัวเนื้อน้ำขึ้นไป ใส่ยาเบื่อปลา แค่ 2 ปีมั้งคะ ปลาหายากได้สูญพันธุ์ไป รุ่นลูกหนูต้องดูปลาน้ำจืดในตู้พิพิธภัณฑ์ปลา เจ็บใจค่ะพ่อ
ภาพชัวิตที่ยากนักคนรู่นใหม่จะเข้าใจ
พวกเรารับความโชคดีไปเต็มๆ