ความรู้มนุษย์นี่หนอ..

โดย sutthinun เมื่อ 23 ตุลาคม 2008 เวลา 12:07 ในหมวดหมู่ สวนป่าฮาเฮ #
อ่าน: 1914

โลกเรานี้สวยงามเหลือเกิน คุณว่าไหม?

มีแดดอบอุ่น สายลมเย็น หมอกบางๆลอยอ้อยอิ่ง

ลมทะเลสะอาดสดชื่น มีหาดทรายไว้ให้เดินทอดน่อง

มีภูเขา ป่าไม้ น้ำตก และฝนตกมาให้ฉ่ำชื้น

มีนกหัวเราะ ร้องเพลง

ทุกอย่างเป็นบรรณาการจากสวรรค์

ที่ไม่ต้องซื้อไม่ต้องหาก็มาเอง

ออกซิเจน ก็ได้มาฟรีๆนะ

ในส่วนของพลเมืองโลก

มีอารยธรรม วัฒนธรรม จารีต ประเพณี

มีศิลปะทุกสาขาที่งดงาม

มีภาษา มีกวี มีดนตรี มีเสียงเพลง

มีตำรา มีวิชาการทุกศาสตร์ ทุกสาขา

มีนักวิจัย นักวิชาการ นักการเมือง นักปกครอง นักวิทยาศาสตร์

นักอุตสาหกรรม นักการเงินการคลัง นักการฑูต

มีคนเก่ง คนดี รับรางวัลโนเบล ไปหลายร้อยคนฯลฯ

ก็ยังช่วยสังคมโลกก็ไม่ปกติสุขไม่ได้

ศาสนาพยายามหาวิธีกำกับและควบคุมกิเลส

แต่ยังไม่มีพลังพอที่จะสู้กับความเขลาของมนุษย์

ทั้งๆที่ตายไปก็ไม่มีใครเอาอะไรติดตัวไปได้สักแดงเดียว

แต่ความจริงดังกล่าวนี้ก็ยังสร้างความตระหนักไม่สำเร็จ

แนวคิดเรื่อง จุดพอดี พอเพียง ทางสายกลาง ไม่มีการขานรับเท่าที่ควร

จิตมนุษย์นั้นไซร้ยากแท้หยั่งถึง

แสดงว่ากระบวนการเรียนรู้และพัฒนาของมนุษยชาติมีปัญหาในตัวเอง

ตรงที่ทำไป เจริญไป ในขณะเดียวกันก็สร้างมลภาวะก่อปัญหาไว้

กลุ่มงานด้านการเกษตรอุตสากรรมและทรัพยากร

สร้างมลพิษไว้เยอะ จนโลกเน่า เกิดเรื่องโลกร้อน ฯลฯ

กลุ่มงานด้านการเมือง การปกครอง

รบราฆ่าฟันกันทุกยุคสมัย สร้างอาวุธถล่มทำลายกัน
บางประเทศสอบตกวิชาประชาธิปไตย

กลุ่มงานด้านศีลธรรม ศาสนา

ทำเรื่องเดียวกัน แต่คนละขั่ว มั่วไปคนละทาง

กลุ่มงานด้านพาณิชย์การ และการเงิน

ปั่นหุ้นป่วนโลก วันนี้ระบบเศรษฐกิจโลกกระจุยแล้ว
ลุ่มงานด้านการศึกษา การวิจัย
ความรู้ไปอออยู่บริษัทใหญ่ มีลิขสิทธิ์ ขายในราคาแพง
อัลเบิร์ต ไอสไตย์ บอกว่า..

ถ้ามนุษยชาติไม่มีชุดความรู้ใหม่ มีหวังสูญพันธุ์แน่

ดังนั้น โจทย์การบ้านการเมืองที่เราเผชิญอยู่นี้

ถ้ายังคิดในแบบเก่า ทำแบบเหล้าเก่าในขวดใหม่

มันก็ไอ้แค่นั่นแหละ

ช่วยกันคิด เรื่องใหม่ๆ แนวทางใหม่ๆ ดีไหมครับ

คิดได้ คิดดี อย่างไร ช่วยส่งมาที่นี่ได้ไหมขอรับ

เรื่องสืบเนื่อง ลานเสวนาประชาธิปไตยสไตล์เฮฮาศาสตร์

http://gotoknow.org/blog/sutthinun/217933

« « Prev : ลานเสวนาประชาธิปไตยสไตล์เฮฮาศาสตร์

Next : ทำไม่รู้ไม่ชี้ก็ตามใจ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

8 ความคิดเห็น

  • #1 silt ให้ความคิดเห็นเมื่อ 23 ตุลาคม 2008 เวลา 14:04

    คารวะครูบา
    สรุปว่าโลกนี้ดีทุกอย่าง
    แต่ไม่ดีตรงที่มีสัตว์โลกประเภท “คน” นี่แหละมั้งครับ
    คนเราไม่พัฒนาจากสัญชาตญานความต้องการดิบๆเสียที
    “ต่างมุ่งหวังว่าตัวกรูของกรู” ไม่ใช่ “ของพวกเรา ของเพื่อร่วมโลก”
    วิทยาการสมัยใหม่ ก้าวหน้า ล้ำยุค ก็ถูกน้ำมารับใช้ตัวตน ให้เกิดประโยชน์ต่อตน
    เบียดบัง รังควาญแม้กระทั่งธรรมชาติ รังแกแม้กระทั่งอากาศ แม่น้ำ มหาสมุทร

    ผมเคยพบลัทธิหนึ่งของชาวออสเตรเรียที่ปฏิเสธวัตถุนิยม ไม่ใส่แม้กระทั่งเสื่อผ้า
    น่าสนใจไปศึกษานะครับ แม้ว่าจะสุดโต่งเกินไป
    แต่หากเรานำบางส่วนมาปรับใช้อย่างสไตล์เฮฮาฯ มาปรับใช้ให้เหมาะสมกับสังคมเรา ก็น่าจะได้ผลไม่มากก็น้อย
    (แต่อันแบบที่บ่ให้นุ่งเสื้อนุ่งซงนั้นกะบ่ไหว ..ย่านหนาว)

    เปิดใจ….รับฟังผู้อื่น ก่อนตัดสิน
    ทบทวนความคิดความเชื่อของตัวเอง…หมั่นพรวนความคิด
    เปิดตา…เปิดมุมมองโลกทัศน์ของตนเอง…ดูตัวอย่างที่ดีๆจากที่อื่น
    เป็นหนทางที่ผู้น้อยคิดออกได้ ณ ตอนนี้ครับผม

  • #2 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 23 ตุลาคม 2008 เวลา 16:20

    เป็นความคิดเห็นที่น่าสนใจที่ซู๊ด ขออีก ขออีก ได้ไหม

  • #3 rani ให้ความคิดเห็นเมื่อ 23 ตุลาคม 2008 เวลา 16:40

    สวัสดีค่ะพ่อครู
    ขำพี่เปลี่ยนค่ะ ที่บอกว่าสรุปโลกเรามีดีเยอะ แต่ที่ไม่ดีคือคน  เออแฮะ เหมือนจะจริงบ้างไม่จริงบ้าง เพราะมีทั้งส่วนใหญ่ และส่วนน้อย
    ชุดความรู้ใหม่ ก็คงเหมือนเอาสิ่งที่เคยเป็นข้อผิดพลาดมาปรับใช้ ให้เหมาะกับสถานการณ์ และยุคสมัย เพราะคนเรา เหมือนเหล้าเก่าในขวดใหม่ แต่ต้องใส่ให้ถูกขวด เหมาะกับขนาดและปริมาณ มากไปก็ไม่ดี น้อยไปก็ไม่ดี อิอิ
    กิเลสมนุษย์ ยากแท้หยั่งถึงค่ะเพราะคนส่วนใหญ่ปัจจุบันยังยึดอยู่ที่วัตถุ ทำให้เกิดความโลภ  คนเราไม่เหมือนกัน มีน้อย ก็อยากมีมาก   มีมากก็อยากมากไปเรื่อยๆ ไม่จบสิ้น ไม่รู้ว่าจะทำให้ใครเดือดร้อนมากน้อยแค่ไหน กับการเสียน้อย แต่เสียมากในเรื่องความเสียหายในอนาคต และประเทศ เพราะคนเราอยากได้มากกว่าอยากให้ ให้กันไม่ค่อยเป็น ชอบที่จะรับหรืออยากได้ของฟรี มากกว่า
    กิเลส เหมือนความโลภ ที่มีไม่รู้จักพอ ไม่รู้จักอิ่ม เช่น เขาเขียนป้ายห้ามจับ คนก็แอบจับ ห้ามดู ก็แอบดู ประเภท ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ อยากลองดี อิอิ
    ถ้าถามถึงทางแก้ปัญหามีหลายทาง อยู่ที่จะทำกันหรือเปล่า หรือจริงจังจริงใจแค่ไหนในการทำให้เกิดขึ้น
    แต่ไม่ได้หมายความว่าคนทุกคน จะมีแต่จุดด้อยอย่างเดียวนะคะ คนทุกคนมีจุดดี จุดเด่น หรือจุดด้อยในตัวทุกคน ถ้ารู้จักงัดจุดเด่นหรือจุดที่ดีของตัวเองออกมาจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง และผู้อื่นได้หลายอย่าง  แต่คนส่วนใหญ่ก็ชอบที่จะมองหาแต่จุดด้อยของคนอื่น จนมองข้ามของตัวเองไป และชอบซ้ำเติมจุดด้อยของผู้อื่น เพราะ ความที่ไม่ชอบหน้า หรือบางครั้งอาจลุกลามไปมากกว่านั้น ไม่อาจคาดเดาได้ เพราะใจมนุษย์นั้นไซร้ ยากแท้หยั่งถึง ….
    ถ้าคิดอะไรออกจะมาเพิ่มเติมนะคะพ่อ อิอิ.

  • #4 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 23 ตุลาคม 2008 เวลา 16:47

    ปาลียองก็มีลูกเด็ดยังงี้แหละ

  • #5 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 23 ตุลาคม 2008 เวลา 18:32

    มีปัญหา ต้องการเปลี่ยนแปลง แต่ดันทำเหมือนเดิม อย่างนี้คงเปลี่ยนได้หรอกครับ ฮึ — ถ้าจะทำเหมือนเดิม บ่ให้นุ่งเสื้อนุ่งซง อิอิ

    อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ อิ

  • #6 jchrn ให้ความคิดเห็นเมื่อ 24 ตุลาคม 2008 เวลา 5:30

    ถ้ารู้ความหมายของการมีชีวิตของตัวเองให้ชัดเจน ก็จะเข้าใจตัวเองมากขึ้นว่า ที่ทำๆๆๆ กันอยู่นั้น ทำเพราะอะไร
    เมื่อเข้าใจตัวเองมากขึ้นก็จะเข้าใจยิ่งขึ้นว่าทิศทางที่มุ่งไปจะเป็นอย่างไร

    ความวุ่นวายส่วนหนึ่งอาจจะเพราะความกลัวจะรู้จักตัวเอง และยอมรับตัวเองไม่ได้
    เมื่อกลัวและยอมรับตัวเองทั้งทางดี ทางเลวไม่ได้ ก็จะหาทางปกปิดความผิดหวังว่าตัวเองไม่ได้เลิศเลออะไร ก็จะว่าไปตามกระแส ลุยไปตามเสียงสั่ง สิ่งที่มาขวางความอยากก็จะต้องทำลาย การทำลายก็เริ่มจากน้อย เมื่อมีคนสนับสนุนก็จะเพิ่มสะสม จนมองไม่เห็นว่าสิ่งที่ทำกำลังสร้างความวินาศให้กับใครหรือสังคมอย่างไรบ้าง เลิกสนใจจะไปคิด ยิ่งได้รับรางวัลจากการกระทำบ่อยครั้งเข้า(เช่นความชื่นชม การเชิดชู) ก็เท่ากับชักชวนให้คนอื่นๆ คล้อยตามว่าวิธีนี้ดี วิธีนี้ทำให้เกิดความสุข ก็จะพากันทำไปในทางนั้นๆ มากขึ้น

    งานที่ทำต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพของคน แต่ทำๆไป ก็ต้องทบทวนตลอดว่า กำลังยัดเยียดวิธีคิดของตัวเองให้กับคนอื่นหรือเปล่า ทำงานบนจุดเล็กๆ ของระบบสุขภาพ เล็กจนมองไม่เห็น แล้วก็เรียนรู้ว่าถ้าระบบใหญ่ไม่เอื้อกับการเปลี่ยนแปลง จุดเล็กๆ ถึงเปลี่ยนก็ดำรงไม่ได้ ก้ยังได้รับผลกระทบอยู่ดีค่ะ

    ขอโทษครูบานะคะ ระยะหลังไม่ค่อยได้ให้ความเห็น…ไปเจอว่าครูบาตั้งคำถามไว้หลายที่…ขออนุญาตเสนอควาเม็นรวบยอดไว้ในที่นี้ที่เดียวนะคะ…

  • #7 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 24 ตุลาคม 2008 เวลา 6:41

    อุ๊ยจ๋า  เรื่องที่ป่วนกวนใจเกี่ยวกับระดมความคิดเห็นของคนในสังคม
    เป็นบทเรียน เป็นการบ้านในหลักสูตรที่เรียน
    จึงขวะไว้หลายที่
    แต่จะมีการประมวลรวบยอดไว้อีกครั้งหนึ่ง
    อิอิ อุ๊ยคิด-เขียน ละเอียด เอาเรื่องที่ทำมาเปรียบได้ยอดเยี่ยม
    ระบบใหญ่ แต่ไม่ได้เรื่อง กระทบพวกกุ้งฝอยหอยปูชายฝั่ง

  • #8 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 24 ตุลาคม 2008 เวลา 6:42

    วัฒนธรรม อิ อิ คงจะเกิดได้ในช่วงนี้
    อิ อิ อิ    


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.14026713371277 sec
Sidebar: 0.10736894607544 sec