ไปเกาะแกะที่เกาะเกร็ด
อ่าน: 3618
ตั้งแต่มาเป็นนักเรียนโข่ง ถ้ามีเวลาว่างก็จะสำรวจรอบๆบ้านขยายออกไป ทั้งเรื่องที่อยู่ที่กินและจุดท่องเที่ยวที่น่าศึกษา วันนี้ไปตัดผมเสริมหล่อคนละ60บาท ออกจากรังนกกระจอกเอกพานั่งรถเมล์ไป5-6ป้ายราคา10บาท ไปต่อรถ2แถวไปท่าน้ำเมืองนนท์อีก7บาท ชวนกันไปเที่ยวเกาะเกร็ด ที่อยู่ห่างเพียงแค่นั่งเรือข้ามฟากคนละ2บาท
..ดีกว่าว่ายน้ำข้ามเจ้าพระยาเป็นไหนๆ
ควักกระเป๋าค่าเดินทาง19บาท ซื้อขนมบ้าบิ่นดอกอัญชัญชิมอีก15บาท กินก้วยเตี๋ยวริมแม่น้ำเจ้าพระยาข้างวัดชามละ30บาท แถมยังมีเรือโยงผ่านมาให้ชมฟรีอีกต่างหาก รวมค่าทัวร์ประมาณ100บาทครับผม
วันนี้ไปสัมผัสวิถีชีวิตชาวมอญขนานแท้ มีเวลาเดินทอดน่องถามโน่นชมนี่อย่างจุใจ เพราะเป็นวันที่ใครๆเขาไม่ค่อยเที่ยวกัน จึงสะดวกสบายเหมาะกับการเจ๊าะแจ๊ะบนเกาะแห่งนี้ เดินกันเพลินทีเดียวละครับ อีตอนจะกลับนี้ขาลาก มองหาสถานที่นวดแผนโบราณเขาบอกว่ามาเฉพาะวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ จึงกลับมาแอบงีบตอนบ่าย ตอนเย็นเอกชวนไปกินชิ้นจุ่ม จุ่มกันอร่อยจนอืดอยู่นี่ละครับ
การไปเที่ยวแบบปิ๊งแว๊บก็ดีไปอย่าง ซอกแซกไปเรื่อย แต่ก็เหมือนตาบอดมีคนจูง ไปตรงไหนก็มีคนแนะนำ เราเห็นต้นยางใหญ่มากในวัด ก็เดินไปถ่ายภาพ มีกิ่งขนาดใหญ่หักโค่นลงมา เหมือนกับมีคนจับวาง แปลกมากตรงที่ไม่โดนเจดีย์ที่อยู่บริเวณนั้น ย้อนออกมาเจอหลวงพ่อที่มาช่วยงานที่ศาลาแสดงประวัติศาสตร์ หลวงพ่อเล่าถึงความเป็นไป บอกว่าวันที่หักลงมานะโยม..มีคนไปขอหวยถูกกันทั้งเกาะ
เราเดินผ่านออกมาแล้วจะกลับไปขอหวยก็ใช่ที่
ถ้าให้ดีขอเปลี่ยนเป็นกิ๊กได้ไหม..
มะปรางเปรี้ยวแอบแซวเรื่องนี้อยู่ด้วย..อิอิ..
เราเดินไปตามป้ายที่เปรียบเสมือนลายแทง ไปกราบพระถ่ายภาพเขียนในอุโบสถสมัยร.5 ไปชมพิพิธภัณฑ์เครื่องปั้น ที่มีวิวัฒนาการเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว วิถีชุมชนแห่งนี้ไม่เหมือนใคร จึงตื่นใจทะลุจอทุกจุด แม้แต่เจดีย์ก็จับนุ่งกระโปรง ดอกไม้เอามาทอดเป็นของอร่อย ขนมหน้าตาแปลกๆ หัตถกรรมหมู่บ้านหลากหลายจากกระบวนการปั้นดินให้เป็นอะไรก็ได้
เหมือนเทพบันดาล ไปเจอเทพอัจริยะในการปั้น เรียนจบม.6 ไม่ได้ไปฝึกหัดมาจากใคร แต่ฝึกฝนตนเองจนสร้างงานระดับเทพเนรมิตรได้ ผมเมี่ยงมองเข้าไปที่บ้าน เห็นหนุ่มตาดีนั่งปั้นหุ่นดินเป็นรูปพญานาค จึงเอ่ยมธุรสวาจา ..ขออนุญาตถ่ายรูปได้ไหมครับ..ในใจเกรงว่าจะไปรบกวนสมาธิ..เรากลับได้รับการเชื้อเชิญให้เข้าไปชมใกล้ๆ ถามอะไรก็ได้ เป็นห้องสี่เหลี่ยมโล่งมีเตียงนอนเล็กแอบอยู่มุมห้อง แสดงว่ากินนอนปั้นอยู่ในห้องนี้แหละ ได้รับคำแนะนำว่าด้านหลังยังมีห้องพระ ด้านข้างมีห้องแสดงฝีมือเชิญไปชมได้ ..
เดินไปมาเจอคุณยายนั่งทอดขนมบ้าบิ่น หน้าตายิ้มแย้มทาแป้งลายพร้อย นึกถึงบางคนที่ไม่ชอบอาบน้ำ เอกซื้อขนมให้ชิมอร่อยมาก มองไปข้างๆเจอหมูป่าโทนตัวอ้วนออกมาเดินทักทายคนโน้นคนนี้ แสดงว่าสุกรตัวนี้เป็นสมาชิกของสังคมที่นี่ไปแล้ว มีความสนิมสนมอารมณ์ดีไม่ได้ดุดันเหมือนหมูป่าทั่วไป เชื่องมากใครๆก็เมตตาหาขนมให้ชิมทั้งวัน คุณยายเล่าว่า คนเลี้ยงไม่สนใจดูแล เจ้าโทนจึงกระโดดคอกออกมาต้อนรับแขกช่วยชาวบ้าน เห็นเด็กๆวัยรุ่นเรียกว่า
“เจ้าขาใหญ่” ใหญ่แค่ไหน..หมาไม่กล้าแหยม ครับ!
ใครๆไปเที่ยวลองถามหาก็ได้นะครับ
ก่อนกลับเราไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ของเก่าสมัยร.5 ใครสนใจของพวกนี้ไม่ผิดหวัง เสียดายที่การจัดแสดงไม่ประณีตเท่าที่ควร ของดีๆมีคุณค่าวางระเกะระกะอัดแน่นอยู่ในห้องแคบๆ ถ้าจัดดีๆจะอลังการณ์กว่านี้มาก
เราใช้เวลาทัวร์2ขาประมาณ4ชั่วโมง
แต่นานๆเดินทีพี่น้องเอ๊ย
คืนนี้จะนอนขาตึงแค่ไหนก็ไม่รู้
ถ้าไม่ไหวจริงๆตื่นนอนคงจะคลานลงเตียงไปเข้าห้องน้ำ
ถามว่าขยาดไหม
ตอบว่าเปล่าเลย
ยังมีพิพิธภัณฑ์เขาสัตว์ที่ติดค้างคาใจ
เอาไว้คราวหน้าจะไปล่าความจริงมาเล่าอีกนะพี่น้อง..
« « Prev : 3 กิ๊ก
3 ความคิดเห็น
เคยไปมา 2 ครั้งค่ะ สนุกดี เดินจนเมื่อยเหมือนกัน แต่พอดีไป แดดร้อนทั้ง 2 ครั้ง เลยออกจะรีบๆหน่อย
เป็นที่เที่ยวที่ไม่ไกล และน่าสนใจมากค่ะ
สวยกว่าที่เคยไป…และได้เห็นสิ่งที่เคยไปแต่มองไม่เห็นค่ะ…อิอิ
รูปแรกเหมือนนั่ง มอเตอร์ไซด์เลยนะคะ
ต้องไปแบบสไตล์ครูบาถึงจะสนุก และเห็นแปลกๆนะขอรับ
ไปวันคนเที่ยวเยอะเราจะรีบร้อนตามบรรยากาศพลุกพล่าน