บุกอาณาจักรแตงโม
อ่าน: 2761(ถึงเมืองหาดใหญ่ มองหาบ้านแป๊ดไม่เจอ)
- คงเป็นเรื่องฟ้าลิขิตกระมังครับ ระหว่างผมกับกลุ่มบริษัทแตงโม ที่สนใจกันมามานานแต่ก็แคล้วคลาดทุกที ตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียนโข่งที่สถาบันพระปกเกล้า เพื่อนๆยกโขยงกันไปทัศนศึกษาที่บริษัทแตงโมอย่างสนุก ส่วนผมก็วืด!!วืด..ได้ฟังแต่เพื่อนมาโม้ให้คันในความครุ่นคิดคำนึง คุณอัมรา พวงชมพู (เจ้าของบริษัท) เอ่ยปวกชวนแต่ก็ไม่ได้จังหวะ เมื่อวานนี้ระหว่างรอขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯ คุณอัมราลองโทรถึงคุณสามีท่านประธานบริษัท แย้มว่า..วันนี้พ่ออยู่ที่โรงงานไหม (เพราะปกติแล้วเป็นการยากที่ทั้ง2ท่านจะว่างตรงกัน) เสียงปลายทางบอกว่าช่วงนี้ยังอยู่ที่โรงงาน คุณอัมราบอกว่าจะพาครูบา>>ไปเยี่ยม สรุปว่าการนัดหมายลงตัวเหมือนอภินิหาร ที่จะจัดสรรเวลาในระยะกระชั้นชิดได้
- ลงเครื่องที่สุวรรณภูมิบ่าย4โมงเศษ ระหว่างนั่งรถคุณอัมราได้เล่าเรื่องคุณสามีให้ฟัง ว่าเป็นนักธุรกิจที่มีความสุขกับต้นไม้ เป็นนักการค้าที่มีมิติสังคมในหัวใจ จึงมีมุมมองไม่เหมือนนักค้าขายอื่นๆ ที่สำคัญทั้งคู่เป็นนักปฏิบัติตัวยง สร้างอาณาจักรธุรกิจที่มีผลการประกอบการระดับอินเตอร์ สามารถที่จะสู้เชิงธุรกิจที่เป็นแบบอย่างได้ ผมกระหายที่จะคุยเรื่องคมความคิดจากท่านประธานฯมานานแล้ว เมื่อนัดกันได้จึงดีใจยิ่งกว่าลิงได้กล้วย แต่..รถก็ติดเหลือเกิน เป็นช่วงที่เลิกงานด้วย รถคลานเหมือนหนอน ไปทีละกระดึบๆ ต้องทำใจเพราะไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ คนกรุงเทพถูกมัดมือชกอยู่บนท้องถนนลักษณะนี้..;วันละหลายชั่วโมง
ผมควักกล้องถ่ายรูป
มากดแช๊ะๆไปเรื่อยๆ
และแล้วฟ้าก็เป็นใจ
ท้องฟ้ากรุงเทพฯสวยงามอย่างน่าอัศจรรย์
ช่วงพลบค่ำท้องฟ้ามืดครึ้มฝนทำท่าจะกระหน่ำลงมาอย่างหนัก
จู่ๆ..บนฟ้าก็คลี่คลายเมฆสลายเบาบาง
ฝนลงเม็ดเล็กน้อยแต่เวลาก็เคลื่อนคล้อยจนมืด
- เราไปถึงอาณาจักรแตงโมจวนจะ1ทุ่ม คุณอัมราส่งผมให้คุณอดิสรณ์ พวงชมพู แล้วตัวเองก็แว๊บไปงานศพ บรรยากาศเหมือนบุกถ้ำเสือยังไงไม่รู้นะ ก้าวแรกไปเจออาณาบริเวณ รูปแบบที่พำนักอาศัยของคนที่ทำเป็น ก็ซ็อก!แล้ว ทุกก้าวย่างที่เดินไปตามมุมต่างล้วนสงบสุข เรียบง่ายและดูดี เสียแต่เป็นเวลากลางคืนไม่ได้ภาพมาฝาก และไม่ได้ดูกิจกรรมที่เจ้าภาพอยากจะให้ชม สาเหตุมาจากรถติดแท้ๆ แต่เมื่อนั่งคุยกัน2คนเวลา2ชั่วโมง ก็เหมือนผมได้เรียนลัดกับพระอาจารย์ใหญ่ ไต่ถาม-แลกเปลี่ยน-เรื่องราวกันไม่อ้อมค้อม ระเรียงมาตั้งแต่กระบวนการเศรษฐกิจพอเพียง ทำไมมันไม่เวิร์ก จุดยักแย่ยักยันอยู่ตรงไหน คุณอดิสรณ์ตีแตกโพล๊ะๆๆ..ผมตาแจ้งอยู่หลายเรื่อง ได้แคะคุ้ยเรื่องนโยบายต่างๆ การส่งเสริมอาชีพ การพัฒนา..
- ได้คำตอบจากมุมมองนักธุรกิจผู้สันทัดกรณี ท่านบอกว่าที่ชาวบ้านปลูกอ้อย-มันสำปะหลัง-หรือพืชไร่อื่น สินค้าเหล่านี้เป็นสินค้าทางการเมือง ยากนักที่จะลืมตาอ้าปากได้ ถูกกดราคาจากพวกเซ็งลี้ไม่กี่คน ยกตัวอย่างลำใย-ลองกอง-มังคุด มันจะมียักษ์ใหญ่ไม่กี่เจ้ารวมหัวกันกำหนดราคา กดเพดานไว้เพื่อตนเองจะได้กำไรมากๆจากการส่งออก การแทรกแซงราคาของรัฐบาลก็เหมือนการเล่นปาหี่ เอาเงินหลวงไปซื้อยังซิกแซกเอากำไรเข้ากระเป๋าอีก สิ่งเหล่านี้คือกระบวนการหากินบนหลังชาวบ้านมายาวนาน ซึ่งก็มีวิธีสลัดแอกได้ถ้าเรามีรัฐบาลที่มีคุณภาพ แต่ก็คงจะยากอีกนั่นแหละถ้าดูรูปการณ์แวดล้อม ทางที่ดีภาคธุรกิจที่มีมิติทางสังคมนี่แหละ ออกไปทำโครงการที่เฉลี่ยความเป็นธรรมให้ทุกฝ่าย คุณอดิสรณ์เล่าถึงโครงการเชิงประจักษ์ที่จะลงไปทำที่จังหวัดบุบลราชธานี ลงทุนไปซื้อที่ทำเองด้วย ให้ชาวบ้านรวมกลุ่มกันทำมาหากินเชิงธุรกิจไปด้วย ยกตัวอย่างพวกที่ปลูกอ้อยส่งโรงงาน ก็ลองหันมาปลูกอ้อยเคี้ยวอ้อยคั้นน้ำ้อ้อยสดขาย อย่างขี้หมูขี้หมาก็ได้ไร่ละ5-60,00 บาท เรื่องนี้ไม่โม้เฉยๆแต่ท้าชาวบ้านลุย ข้าฯรับผิดชอบเองถ้าเกิดอะไรขึ้นมันส์ไหมละ
- คนอีสานชอบกินส้มตำ
ทำไมไม่ปลูกมะละกอ 1,000 ต้น ปลูกมะนาว-พริก-มะเขืิอเทศ
แล้วตั้งร้านข้างถนนชวนกันยกครัวมั่วแซบมาตั้ง
ตำโป๊กๆขาย มีปลา มีไก่ เอามาปิ้งขาย
มีผัก-มีกล้วยอ้อย มีต้นหมากรากไม้ แม้แต่หน่อกล้วย หน่อไผ่ เอามาวางขาย
ปลูกด้วย ขายด้วยมันถึงจะทันกินทันใช้
ฟังๆแล้ว..ต้องสอนชาวบ้านให้ค้าขายเป็น
คนที่ค้าขายเป็นจะเปลี่ยนวิธีคิดเรื่องการเพาะปลูก
ว่าปลูกอะไร เท่าไหร่ อย่างไร ถึงเงินจะไหลมาเทมา
- คุยกันไป เจี๊ยะสลัดจานโต สมควรแก่เวลา คุณอดิสรณ์บอกว่าไปคุยกันต่อบนรถ ท่านขอเป็นโชเฟอร์ขับมาส่งผมเอง ออกเดินทางประมาณ3ทุ่ม จากสามพรานนครปฐมมายังโรงแรมแรมมารวย ที่พหลโยธิน หลงวนเวียนอยู่แถวๆมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เกือบชั่วโมง เดือดร้อนถามผู้สันทัดกรณีทั่วทั้งกรุงเทพฯ จอดรถถามแท๊กซี่ แต่ก็ยังหลงกรุงอยู่ดี กว่าจะเจอโรงแรมล่วงเวลาไป 5ทุ่มเศษ จึงเป็นอะไรๆที่ไม่ธรรมดาอยู่เรื่อย ก่อนจากลาก็นัดหมายกันว่า เจ้าพ่อแตงโมจะชวนคุณอัมราบุกสวนป่า จะไปขอนอนคุยกันสักคืน ส่วนวันเวลาไหนยังไม่กำหนด พร้อมไม่ไหร่เสียงโทรศัพท์จะดังตามมาภายหลัง
- ระหว่างเดินทางไปหาดใหญ่
เจอคณะจากสภาพัฒนฯและ สสสส. บอกว่ากำลังจะส่งจดหมายไปหาพอดี
วันที่ 23 ว่างไหม?
เอาละสิ ..มีอะไรหรือครับ?
เราจะจัดเสวนากันเรื่อง“อนาคตประเทศไทยจะทำยังไงดี”
หัวข้อจำได้คร่าวๆประมาณนี้ละครับ
ผมนึกถึงเรื่องที่คุยกันที่อาณาจักรแตงโม
อยากจะทำเรื่องแคบๆ ..“อนาคตของตัวเราเองมากกว่า”
ถ้าทุกคนช่วยกันรับผิดชอบตนเอง
ไม่ไปสร้างผลกระทบให้บ้านเมือง
ไม่เถือแถผลประโยชน์ของส่วนรวม
ไม่ลอยแพสังคม
ช่วยกันเป็นตัวคูณทางสังคม
ประเทศไทยถึงจะน่าอยู่ครับผ๊ม..
ท่านใดเห็นด้วยเอามือลงได้แล้วคร๊าบบบบบ
อิ อิ ..
4 ความคิดเห็น
สวัสดีค่ะ
หลายวันก่อนกรมอุตุ ฯ บอกว่า ฝนจะทิ้งช่วง จนถึงวันที่ 4 มิย. จึงจะตกมาอีกที
คนเชื่อ(เพราะไม่มีทางอื่น พยากรณ์เองไม่ได้) ก็เลยชะล่าใจ ไม่พกร่ม 5555… ฝนเทตอนเย็นย่ำอย่างแรง ได้แต่บ่นพึม ๆ พัม ๆ ตกอะไรตอนนี้เล่า… ยังไม่ถึงบ้านเล้ยยยยยย….
อ่านบันทึกนี้เลยคิดต่อไป เรามัวหวัง “พึ่งพา” คนอื่นอยู่ร่ำไป ใครจะรับผิดชอบอนาคตเราได้ นอกจากตัวเอง… ยกมือสองมือระหว่างอ่านบันทึกครูบา เอามือลงตอนพิพม์คอมเม้นท์….55555
ขอบคุณค่ะ
ระหว่างนั่งรถทัวร์กลับบ้าน สังเกตเห็นจุดอับฝน (พื้นที่ฝนเปลี่ยนไป) ถัดจากสระบุรีลงมาหน่อยแห้กว้างงแล้งเป็นบิเวณ เรื่องนี้น่าคิดเหมือนกัน ถ้าไม่ช่วยกันปลูกต้นไม้ให้มากขึ้นๆ
ใกล้จะถึงโคราชแล้ว บ่าย5โมง คงจะได้เอามือลงเหมือนกัน อิอิ
ก็อก ๆ ๆ ๆ … พ่อตื่นหรือย้งคะ
นำต้นและเมล็ดกาแฟ จากดอยมูเซอมาฝากค่ะ(ของคุณหนานเกียรติ)
ที่สวนป่าของพ่อ ปลูกกาแฟหรือเปล่าคะ
โฮ ..น่าสนใจ ยังไม่มี ยังไม่เคยปลูก สมควรทดลองปลูกๆๆๆ
ขอบคุณ ท่านหนานเกียรติ อิอิ