วาสนาคุณหายแห้ว

โดย sutthinun เมื่อ 8 ธันวาคม 2009 เวลา 8:05 ในหมวดหมู่ สวนป่าฮาเฮ #
อ่าน: 3014

(เที่ยวนี้แห้วแย่งหมูกินผักหมดไปหลายแปลง)

พันธกิจหลักมหาชีวาลัยอีสานประการหนึ่ง คือการจัดการให้คนดีได้เจอกัน เพื่อบ่มเพาะเชื้อความหวังดี ให้ความรู้ความคิดในทางดีได้แพร่กระจายไปทั่วไทยแลนด์ ทุกครั้งที่สายญาติมาเยี่ยม โปรแกรมที่จัดสรรจะมีหัวข้อนี้บรรจุอยู่ในลำดับต้นๆ ถ้า!คราใดอาคันตุกะมาก็จะสอบถามว่ามีเวลาเท่าไหร่?..ถ้ามาแบบไฟลนก้นก็จัดระยะใกล้ๆ ถ้ามาแบบพอไปวัดไปวาก็จะจัดในระยะกลางๆ แต่ถ้ามีเวลามากพอที่จะพาเดินทางไปแช็คแฮนด์กับจอมยุทธต่างถิ่นในระยะทางไกล ยกตัวอย่างเช่น ตอนทริปปลายเดือน อุ้ยสร้อยบอก..“ครูบาคะ เราจะต่อวีซ่าออกไปอีก1วัน”แหมถ้าอย่างนี้ละเยี่ยมเลย อยากฟังคำนี้มานานแล้ว เพราะเห็นว่าเราใช้เวลาเดินทางมาไกล มาแล้วจะแว๊บไปแว๊บมามันไม่สามารถจัดทริปพิเศษแบบเร่งด่วนได้ ถ้ามาไม่คุ้มค่ากลับไปเหนื่อยเฉยๆละแย่เลย ผมจึงพยายามทุกวิถีทาง เช่น ชวนอาจารย์นฤมลกับฤๅษีมานอนคุยกับคณะเราที่สวนป่า ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่จะบันดลบรรดาลอะไรได้เลย เมื่อคนดีเจอกันแล้วก็น่าจะสานต่อความหวังดีกันได้ ผมจึงถามว่าเราจะไปนอนอาศรมฤๅษีสักคืนไหม เมื่อพวกเราไม่พร้อมก็ได้แต่เสียดายโอกาสพิเศษอย่างสุดซึ้ง

การไปตามโปรแกรมพิเศษแล้วจะมีวาระอะไรกันบ้างนั้น ก็ขึ้นอยู่กับอานุภาพของความพอดีในช่วงนั้นๆ การประพฤติเช่นนี้ผมพลอยซึมซับความรู้ดีๆในมิติต่างๆได้อย่างบรรเจิด คนดีเจอคนดีมีแต่ได้กับได้ การประสานสุขเปิดขึ้นมาง่ายๆตามสไตล์ชาวฮา ถ้าพิจารณาจะเห็นว่าผมจะไม่ทำอะไรที่พิธีรีตรองยุ่งยาก ง่ายๆ-สะดวก-สบาย-เป็นกันเอง กินง่ายๆอยู่ง่ายๆนอนง่ายๆไปไหนง่ายๆ เพราะเวลาเป็นของหายากและมีจำกัด เราควรจะบริหารความอ้อยสร้อยเป็นแม่สายบัว ด้วยความเรียบง่ายให้เกิดเป็นสไตล์ของชาวฮาดีไหมละครับ

(เราไม่รู้หรอกว่า แม่ลูกคู่นี้จะมาอาบแดดหยอกกันเมื่อไหร่)

ธรรมเนียมของชาวเฮที่พวกเราชอบมาก ก็คือการบันทึกภาพมาอวดกัน การที่ผมลงภาพจำนวนมากก็เพราะเล่าเขียนไม่เก่ง คล้ายกับทำนองเพลงลูกทุ่งที่ว่า..ผมจีบสาวไม่เก่ง จึงใช้ตู้เพลงเป็นสื่อยังไงยังงั้นแหละครับ ครั้งล่าสุดที่เพิ่งผ่านไปมาดๆเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี้ ก็มีการดวลกล้องกันอย่างสนุก ผมกับคุณแห้วซื้อกล้องใหม่รุ่นเดียวกันคนละตัว จึงสนุกกับการถ่ายภาพมารายงานชาวเฮทั้งหลาย..การโหลดภาพในต่างจังหวัดนั้นเสียเวลาอย่างมาก กว่าจะได้แต่ละภาพ แต่ก็ยอม หรือถ้าเห็นว่ามากไปก็บอกด้วยนะครับ

(ถ่ายภาพก็เหมือนการทำสมาธิช่วงสั้นๆ รวมศูนย์ความตั้งใจไว้ในเสี้ยววินาที)

ทริปแห้วบันลือโลกครานี้ลงตัวอย่างเหลือเชื่อ หลังจากตื่นนอน คุณแห้วเดินถือกล้องลงจากเล่าเต้งเช้าตรู่ ถือกล้องไปคนเดียวกดชัตเตอร์ฉับๆ ถ่ายภาพตามอำเภอใจ.. ถ่ายภาพหมาแม่ลูกอาบแดดนอนหยอกล้อกัน  ถ่ายนกกระจอกเทศรำ ถ่ายนกยูง ถ่ายภาพงูเลื้อยไปคุยกับเป็ดเทศ ..ถ่ายไปกี่ฉับกี่ซ๊อตไม่รู้นะ..เดินย้อนกลับมาแม่หวีแจกน้ำปั่นสมุนไพร ผมชวนเดินต่อไปตัดผักกุยฉ่ายมาผัดกินกับข้าวต้ม หลังจากอร่อยอิ่มสมใจนึกบางลำภูแล้ว จะต้องเข้าบุรีรัมย์ไปเปลี่ยตั๋วรถทัวร์ เพราะคุณแห้วไม่กลับรถตู้ อยากจะอยู่นาน ๆ จึงเลือกกลับเที่ยว 4 ทุ่ม

(แทนการพร่ำบ่นก็ลองมาดูแลสุขภาพตัวเองเชิงประจักษ์ดีไหม?)

เมื่อวานนี้ถือโอกาสเช็คข้อมูลการเดินทางใหม่ นกแอร์บินวันจันทร์กับวันพฤหัสบดี ช่วงนี้มีโปรโมชั่นซื้อ1แถม1 ตั๋วใบเดียวเดินทาง2คน ราคาประมาณ2,400-2,700บาท ขึ้นเครื่องที่ดอนเมือง ส่วนรถทัวร์นครชัยแอร์คนนิยมมากมักจะเต็มในช่วงเทศกาล แต่รถทัวร์บริษัทอื่นๆพยายามยกระดับปรับปรุงแข่งบริการ เช่น มีการระบุที่นั่งล่วงหน้า แถมราคายังถูกกว่า 290 บาท/เที่ยว รถตู้เวลาไม่แน่นอน ต้องโทรเช็คเวลาล่วงหน้า 2 วัน ส่วนการขับรถมาเองก็ดี แต่เห็นใจว่าเหนื่อย..ถึงจะแวะซื้อข้าวโพดกินไอติมเติมพลังก็เถอะ และมีข้อจำกัดเรื่องการเดินทางก่อนค่ำ จึงต้องเร่งทำเวลา ไม่สามารถอ้อยอิ่งอะไรได้เลย มาก็เหนื่อย กลับก็เหนื่อย

(พลังแห้วนั้นไม่ใช่ธรรมดานะ..จิบอกไห่ )

เมื่อจัดการเรื่องตั๋วเรียบร้อยๆแล้ว ผมนึกถึงเรื่องพาคนดีไปเจอกัน จึงชวนคุณแห้วกับคุณเอกไปเยี่ยมฤๅษี ระยะทางจากบุรีรัมย์ไปอาศรมเพียง23กม.ถนนต่างจังหวัดโล่งโจ้ง ผมขับรถแป๊บหนึ่งก็ถึงแล้ว ตั้งใจจะไปเอากิ่งและผลส้มซ่ามาขยายพันธุ์เพิ่มเติม และไปถ่ายรูปตอนกลางวันแทนการถ่ายตอนสลัวคราวที่แล้ว เมื่อรู้ว่าจะได้ไปพบฤๅษีคุณแห้วดีใจ ปลื้มปิติแบบปัจจุบันทันด่วน เพราะรู้สึกว่าน้อยหน้าทริปที่แล้วที่อำแห้วไว้เหลือประมาณ


ไปถึงฤๅษียิ้มร่ามาต้อนรับ..

พร้อมกับกระตุ้นต่อมแห้วว่า..คณะที่แล้วพูดถึงครูปูตลอดเลย”

แห้วก็ยิ้มรับ..“ใช่เลยคะ ใช่เลยคะ..”

มาคราวนี้นอกจากจะลบปมด้อย

แล้วยังจะเบิ้ลกลับคุณตฤณได้อีกแนะ

ว่าหมดวาระแห้วแล้ว แคว๊กๆๆ..

(ไปเจอเมล็ดดวงใจ ต้นมีหนามแหลม และเถาวัลย์ที่ฤๅษีบอกว่า เห็นแล้วนึกถึงผีกระสือ)

รายการแรกฤๅษี ให้คุณแห้วประลองกำลังด้วยการโยกต้นส้มซ่า ให้ลูกสุกเหลืองตามกิ่งหล่นลงมา ก็ได้หลายตุ๊บ แล้วตัดกิ่งเอายอดกลับมาเสียบที่สวนป่า เจ้าสำนักยังใจดีมอบพันธุ์ไม้หอมให้แห้วไปปลูกที่กรุงเทพฯด้วย หลังจากนั้นก็พาเดินไปตามเส้นทางคดเคี้ยวเล็กๆ พร้อมกับหยุดอธิบายที่ไปที่มาต้นไม้แต่ละชนิด สอดแทรกความรู้เกล็ดเล็กเกล็ดน้อยอย่างสนุก ..เดินไปหยุดที่เถาไม้ชนิดหนึ่ง ลูกเขียว ๆ คล้ายโคมจีน ฤๅษีให้คุณแห้วลองแกะเม็ดดูจุดพิเศษที่มันซ่อนอยู่ข้างใน และแล้วคุณแห้วก็ได้เจอหัวใจสีขาวบนพื้นผิวสีดำ แห้วร้องยู้ฮู..ในป่านี้มีหัวใจสวย ๆ ห้อยโตงเตงด้วย ไม่เพียงเท่านั้น ท่านฤๅษีอธิบายเพิ่มเติมว่า ชาวบ้านเขาจะเอาเถาชนิดนี้พันรอบศรีษะเพื่อไล่แมลงหวี่ ..แต่ละจุดจะหยุดอธิบายเป็นระยะๆ ไปเจอหนามต้นบักเบ็ญ ซึ่งมีหนามแหลมยาวน่ากลัว ฤๅษีเล่าว่า..หนามที่น่ากลัวนี่นะ เวลาที่ชาวบ้านต้มหอยขมหอยโข่ง เขาก็จะตัดเอาหนามนี่แหละไปใช้คว้านตัวหอยออกมาเจี๊ยะ ไม่ต้องไปเสียเวลาเหลาไม้ไผ่หรือใช้ซ่อมแบบคนเมือง เดินไปอธิบายเรื่องทึ่ง ๆ อึ้ง ๆ ทั้งนั้น  แห้วฟังไปยิ้มไปถ่ายรูปไป ถึงบ่อปลายังได้โมธนาให้อาหารปลาอีกแน๊ะ

เจ้าภาพกะว่าคนกรุงเดินประมาณนี้สมควรพัก จึงชวนเข้าห้อง แจกน้ำดื่ม นั่งพ้กผ่อนคลายบรรยากาศเย็นสบายๆหายเหนื่อยอย่างรวดเร็ว ฤๅษีก็จะเล่าเรื่องต่างๆปะติดปะต่อไม่ขาดตอน แห้วแทบไม่มีโอกาสถามอะไร ตั้งใจฟังด้วยความนิ่่งงัน แถมฤๅษียังร้องเพลงเกี่ยวกับเรื่องอัศวินพร้อมกับยกเอาไม้แกะสลัำกประกอบการนำเรื่องเข้าสู่สาระที่ประทับใจ แห้วเป็นผู้บริหารการศึกษา ย่อมเกี่ยวข้องกับกระบวนการของครูผู้สอนทุกรูปแบบ เมื่อมาได้เจอครูนอกระบบอย่างฤๅษีจึงประทับเข้าไปในดวงจิต ชอบและชื่นชมครูฤๅษีท่านนี้มาก บอกขอบคุณพ่อไม่ขาดปากแล้ว ยังบอกว่า..

ถ้าท่านฤๅษีเข้าไปเขียนบล็อกเล่าเรื่องอย่างนี้นะ

ลานปัญญาแตกดังโพล๊ะแน่ๆ

ผมก็บอกว่าทำไมไม่ชวนละ

แห้วมัวแต่ตกตะลึง ตึงๆๆๆๆ นะสิขอรับ

กว่าจะแกะตัวออกจากอาศรมได้ก็เลยเที่ยงไปแล้ว คุยกันว่าจะไปกินมื้อเที่ยงที่ไหนดี คราวที่แล้วก็พาอุ้ยสร้อย ครูอึ่ง ครูอาราม คุณตฤนไปดวลก๋วยเตี๋ยวร้านที่ฤๅษีชอบ แต่เป็นก๋วยเตี๋ยวเนื้อ พวกเราไม่กินเนื้อใช่ไหม คุณแห้วกับคุณเอกบอกไม่เป็นไร ธรรมดาก็ไม่กินเนื้อหรอกนะ แต่ถ้าเป็นรายการสะกดรอยรอกอดล่ะก็ ถึงไหนถึงกัน ถ้าอย่างนั้นได้เลย..ผมบึ่งรถจากอาศรมมาถึงร้านเจ๊หงอดใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง บ่าย 2 เศษท้องหิวจ๊อก ๆ ก็ได้รับการบำบัดทุกข์บำรุงสุข ได้ชิมชามแรกเท่านั้นแหละ แห้วเอ่ยปากชม..หนูชอบที่ลวกเส้นนิ่มมาก ๆ อย่างนี้แหละ นึกว่าจะชมเฉย ๆ ยังสั่งต่ออีกชามแน๊ะ

อิ่มอารมณ์ดีแล้ว ผมก็ขับรถข้ามสะพานแม่น้ำมูลพาไปเที่ยวฝั่งทุ่งกุลาร้องไห้ ช่วงนี้ชาวบ้านเก็บเกี่ยวข้าวทุ่งโล่งสุดลูกหูลูกตา เราไปแวะตลาดปลาและผลไม้กลางทุ่ง ..ทุ่งกุลาร้องไห้นั้นชาวบ้านจะนิยมขุดบ่อดักปลาธรรมชาติไว้ประปรายทั่วไป ไว้อาศัยใช้น้ำและดักปลาธรรมชาติที่น้ำหลากพามาแต่ละปี เมื่อเสร็จภาระกิจในท้องนาก่อนที่จะกลับเข้าหมู่บ้าน ชาวนาจะสูบบ่อปลาที่ว่านี่ จับปลามาทำอาหารเลี้ยงฉลองความเหนื่อยยากในฤดูข้าวใหม่ปลามัน ปลามีจำนวนมากเหลือกินก็ส่งมาขายที่ชุมนุมตลาดปลากลางทุ่งแห่งนี้ แต่ละวันมีรถบรรทุกปลาและคนมาซื้อปลาวิ่งเข้าออกหลายร้อยคัน เกิดเป็นวิสาหกิจชุมชนตามธรรมชาติ

เราเลือกซื้อปลาช่อนตัวใหญ่

จะเอาไปต้มยำเลี้ยงส่งคุณแห้วมื้อสุดท้าย

ทริปนี้แห้วตั้งใจว่าจะมากินผักให้เต็มกะเพาะ

ผมจึงแจกเขียงแจกมีดให้ช่วยกันทำยำผักสดเมนูร้านผึ่งพุงโภชนา ณ สวนป่า

ใช้มะเขือกรอบ,มะเขือเทศ,ตะลึงปลิง,ผิว/น้ำส้มซ่า

ผลน้ำเต้าอ่อน,ถั่วพู,แตงกวา,มะม่วงหิมพานต์อบ

หั่นเป็นลูกเต๋าเล็กๆ คลุกเคล้ากับซ๊อท เติมเกลือนิดหน่อย

เติมถั่วลิสงบด ชิมได้ที่แล้วตักใส่จานเสิร์ฟ

แ่ม่หวีนึ่งไก่บ้านสมุนไพรและต้มยำปลาช่อนสมทบ

แค่นี้แห้วก็อิ่มจนลืมโลกไปเลยละครับ

ไม่มีพื้นที่ให้ผลไม้หรือขนมนมเนยชากาแฟแม้แต่น้อย

เปิดพุงโชว์ด้วยนะ

เล่าหน้าตาเฉยว่าน้ำหนักเพิ่มแน่ๆ

อิ่มแล้วยังมีเวลาเอ้อระเหยคุยกัน

ได้เวลา 3ทุ่มเศษ เก็บกระเป๋าขึ้นรถ

แม่หวีเป็นโชว์เฟอร์

ไปถึงก่อนรถออก 15 นาที

ยังมีเวลาล่ำลากันเหลือเฟือ

ป่านฉะนี้คุณแห้วกับคุณเอกคงไปเผชิญชีวิตตามเส้นทางที่คุ้นชิน

พบกันใหม่เมื่อใจต้องการนะแห้วนะ

มาครานี้แห้วยกนิ้วนับ..โอ้โฮปีนี้มาสวนป่าถึง 6 ครั้งแล้ว

แคว๊กๆๆ

« « Prev : ความพอดี

Next : ทรงพระเจริญ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

2 ความคิดเห็น

  • #1 krupu ให้ความคิดเห็นเมื่อ 9 ธันวาคม 2009 เวลา 16:05

    กลับมานับนิ้วใหม่อีกที ปรากฎว่าหนูไปสวนป่ามา 7 ครั้งแล้วคร๊าบ

    1. นศ.ป.โท อ.แป๋ว           (7-8 ก.พ.52)
    2. เฮ 7 ตีแตกอีสาน          (27 ก.พ.-1 มี.ค.52)
    3. นศ.ป.เอก มรภ สารคาม (8-9 เม.ย.52)
    4. เฮฯ ห่วงใย                  (25-27 ก.ค.52)
    5. เฮฯ นศ.VBAC (เกือบได้ระลึกชาติ)  (8-9 ส.ค.52)
    6. เฮฯ อยู่ดี ๆ ก็ไป(ดูที่)     (6-7 พ.ย.52)
    7. เฮฯ หายแห้ว               (5-7 ธ.ค.52)
    แปลกใจตัวเองเหมือนกัน ไปบ่อยจังเรา หุ หุ  : P

    นี่ยังไม่รวมกฐินป้าจุ๋ม (17-18 ต.ค.52) กับเฮฯ ร่มธรรม (19-20 ก.ย.52)
    แถมยังมีตั๋วไปกลับ กทม-บุรีรัมย์อีก 1 ใบ ที่ต้องใช้ก่อน 5 ม.ค.53 ซะด้วยสิ
    ถ้าไปอีกก็จะกลายเป็นครั้งที่ 8 ของสวนป่าและครบ 10 เฮฯ พอดี อิอิ
    นับตามประสาหนูนะ (^_^)

  • #2 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 9 ธันวาคม 2009 เวลา 17:11

    เหลือเชื่อจริงๆถ้าไม่เห็นหลักฐานในบันทึกนี้


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.052391052246094 sec
Sidebar: 0.051789999008179 sec