วาสนาคุณหายแห้ว
อ่าน: 3008(เที่ยวนี้แห้วแย่งหมูกินผักหมดไปหลายแปลง)
พันธกิจหลักมหาชีวาลัยอีสานประการหนึ่ง คือการจัดการให้คนดีได้เจอกัน เพื่อบ่มเพาะเชื้อความหวังดี ให้ความรู้ความคิดในทางดีได้แพร่กระจายไปทั่วไทยแลนด์ ทุกครั้งที่สายญาติมาเยี่ยม โปรแกรมที่จัดสรรจะมีหัวข้อนี้บรรจุอยู่ในลำดับต้นๆ ถ้า!คราใดอาคันตุกะมาก็จะสอบถามว่ามีเวลาเท่าไหร่?..ถ้ามาแบบไฟลนก้นก็จัดระยะใกล้ๆ ถ้ามาแบบพอไปวัดไปวาก็จะจัดในระยะกลางๆ แต่ถ้ามีเวลามากพอที่จะพาเดินทางไปแช็คแฮนด์กับจอมยุทธต่างถิ่นในระยะทางไกล ยกตัวอย่างเช่น ตอนทริปปลายเดือน อุ้ยสร้อยบอก..“ครูบาคะ เราจะต่อวีซ่าออกไปอีก1วัน”แหมถ้าอย่างนี้ละเยี่ยมเลย อยากฟังคำนี้มานานแล้ว เพราะเห็นว่าเราใช้เวลาเดินทางมาไกล มาแล้วจะแว๊บไปแว๊บมามันไม่สามารถจัดทริปพิเศษแบบเร่งด่วนได้ ถ้ามาไม่คุ้มค่ากลับไปเหนื่อยเฉยๆละแย่เลย ผมจึงพยายามทุกวิถีทาง เช่น ชวนอาจารย์นฤมลกับฤๅษีมานอนคุยกับคณะเราที่สวนป่า ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่จะบันดลบรรดาลอะไรได้เลย เมื่อคนดีเจอกันแล้วก็น่าจะสานต่อความหวังดีกันได้ ผมจึงถามว่าเราจะไปนอนอาศรมฤๅษีสักคืนไหม เมื่อพวกเราไม่พร้อมก็ได้แต่เสียดายโอกาสพิเศษอย่างสุดซึ้ง
การไปตามโปรแกรมพิเศษแล้วจะมีวาระอะไรกันบ้างนั้น ก็ขึ้นอยู่กับอานุภาพของความพอดีในช่วงนั้นๆ การประพฤติเช่นนี้ผมพลอยซึมซับความรู้ดีๆในมิติต่างๆได้อย่างบรรเจิด คนดีเจอคนดีมีแต่ได้กับได้ การประสานสุขเปิดขึ้นมาง่ายๆตามสไตล์ชาวฮา ถ้าพิจารณาจะเห็นว่าผมจะไม่ทำอะไรที่พิธีรีตรองยุ่งยาก ง่ายๆ-สะดวก-สบาย-เป็นกันเอง กินง่ายๆอยู่ง่ายๆนอนง่ายๆไปไหนง่ายๆ เพราะเวลาเป็นของหายากและมีจำกัด เราควรจะบริหารความอ้อยสร้อยเป็นแม่สายบัว ด้วยความเรียบง่ายให้เกิดเป็นสไตล์ของชาวฮาดีไหมละครับ
(เราไม่รู้หรอกว่า แม่ลูกคู่นี้จะมาอาบแดดหยอกกันเมื่อไหร่)
ธรรมเนียมของชาวเฮที่พวกเราชอบมาก ก็คือการบันทึกภาพมาอวดกัน การที่ผมลงภาพจำนวนมากก็เพราะเล่าเขียนไม่เก่ง คล้ายกับทำนองเพลงลูกทุ่งที่ว่า..”ผมจีบสาวไม่เก่ง จึงใช้ตู้เพลงเป็นสื่อ”ยังไงยังงั้นแหละครับ ครั้งล่าสุดที่เพิ่งผ่านไปมาดๆเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี้ ก็มีการดวลกล้องกันอย่างสนุก ผมกับคุณแห้วซื้อกล้องใหม่รุ่นเดียวกันคนละตัว จึงสนุกกับการถ่ายภาพมารายงานชาวเฮทั้งหลาย..การโหลดภาพในต่างจังหวัดนั้นเสียเวลาอย่างมาก กว่าจะได้แต่ละภาพ แต่ก็ยอม หรือถ้าเห็นว่ามากไปก็บอกด้วยนะครับ
(ถ่ายภาพก็เหมือนการทำสมาธิช่วงสั้นๆ รวมศูนย์ความตั้งใจไว้ในเสี้ยววินาที)
ทริปแห้วบันลือโลกครานี้ลงตัวอย่างเหลือเชื่อ หลังจากตื่นนอน คุณแห้วเดินถือกล้องลงจากเล่าเต้งเช้าตรู่ ถือกล้องไปคนเดียวกดชัตเตอร์ฉับๆ ถ่ายภาพตามอำเภอใจ.. ถ่ายภาพหมาแม่ลูกอาบแดดนอนหยอกล้อกัน ถ่ายนกกระจอกเทศรำ ถ่ายนกยูง ถ่ายภาพงูเลื้อยไปคุยกับเป็ดเทศ ..ถ่ายไปกี่ฉับกี่ซ๊อตไม่รู้นะ..เดินย้อนกลับมาแม่หวีแจกน้ำปั่นสมุนไพร ผมชวนเดินต่อไปตัดผักกุยฉ่ายมาผัดกินกับข้าวต้ม หลังจากอร่อยอิ่มสมใจนึกบางลำภูแล้ว จะต้องเข้าบุรีรัมย์ไปเปลี่ยตั๋วรถทัวร์ เพราะคุณแห้วไม่กลับรถตู้ อยากจะอยู่นาน ๆ จึงเลือกกลับเที่ยว 4 ทุ่ม
(แทนการพร่ำบ่นก็ลองมาดูแลสุขภาพตัวเองเชิงประจักษ์ดีไหม?)
เมื่อวานนี้ถือโอกาสเช็คข้อมูลการเดินทางใหม่ นกแอร์บินวันจันทร์กับวันพฤหัสบดี ช่วงนี้มีโปรโมชั่นซื้อ1แถม1 ตั๋วใบเดียวเดินทาง2คน ราคาประมาณ2,400-2,700บาท ขึ้นเครื่องที่ดอนเมือง ส่วนรถทัวร์นครชัยแอร์คนนิยมมากมักจะเต็มในช่วงเทศกาล แต่รถทัวร์บริษัทอื่นๆพยายามยกระดับปรับปรุงแข่งบริการ เช่น มีการระบุที่นั่งล่วงหน้า แถมราคายังถูกกว่า 290 บาท/เที่ยว รถตู้เวลาไม่แน่นอน ต้องโทรเช็คเวลาล่วงหน้า 2 วัน ส่วนการขับรถมาเองก็ดี แต่เห็นใจว่าเหนื่อย..ถึงจะแวะซื้อข้าวโพดกินไอติมเติมพลังก็เถอะ และมีข้อจำกัดเรื่องการเดินทางก่อนค่ำ จึงต้องเร่งทำเวลา ไม่สามารถอ้อยอิ่งอะไรได้เลย มาก็เหนื่อย กลับก็เหนื่อย
(พลังแห้วนั้นไม่ใช่ธรรมดานะ..จิบอกไห่ )
เมื่อจัดการเรื่องตั๋วเรียบร้อยๆแล้ว ผมนึกถึงเรื่องพาคนดีไปเจอกัน จึงชวนคุณแห้วกับคุณเอกไปเยี่ยมฤๅษี ระยะทางจากบุรีรัมย์ไปอาศรมเพียง23กม.ถนนต่างจังหวัดโล่งโจ้ง ผมขับรถแป๊บหนึ่งก็ถึงแล้ว ตั้งใจจะไปเอากิ่งและผลส้มซ่ามาขยายพันธุ์เพิ่มเติม และไปถ่ายรูปตอนกลางวันแทนการถ่ายตอนสลัวคราวที่แล้ว เมื่อรู้ว่าจะได้ไปพบฤๅษีคุณแห้วดีใจ ปลื้มปิติแบบปัจจุบันทันด่วน เพราะรู้สึกว่าน้อยหน้าทริปที่แล้วที่อำแห้วไว้เหลือประมาณ
ไปถึงฤๅษียิ้มร่ามาต้อนรับ..
พร้อมกับกระตุ้นต่อมแห้วว่า“..คณะที่แล้วพูดถึงครูปูตลอดเลย”
แห้วก็ยิ้มรับ..“ใช่เลยคะ ใช่เลยคะ..”
มาคราวนี้นอกจากจะลบปมด้อย
แล้วยังจะเบิ้ลกลับคุณตฤณได้อีกแนะ
ว่าหมดวาระแห้วแล้ว แคว๊กๆๆ..
(ไปเจอเมล็ดดวงใจ ต้นมีหนามแหลม และเถาวัลย์ที่ฤๅษีบอกว่า เห็นแล้วนึกถึงผีกระสือ)
รายการแรกฤๅษี ให้คุณแห้วประลองกำลังด้วยการโยกต้นส้มซ่า ให้ลูกสุกเหลืองตามกิ่งหล่นลงมา ก็ได้หลายตุ๊บ แล้วตัดกิ่งเอายอดกลับมาเสียบที่สวนป่า เจ้าสำนักยังใจดีมอบพันธุ์ไม้หอมให้แห้วไปปลูกที่กรุงเทพฯด้วย หลังจากนั้นก็พาเดินไปตามเส้นทางคดเคี้ยวเล็กๆ พร้อมกับหยุดอธิบายที่ไปที่มาต้นไม้แต่ละชนิด สอดแทรกความรู้เกล็ดเล็กเกล็ดน้อยอย่างสนุก ..เดินไปหยุดที่เถาไม้ชนิดหนึ่ง ลูกเขียว ๆ คล้ายโคมจีน ฤๅษีให้คุณแห้วลองแกะเม็ดดูจุดพิเศษที่มันซ่อนอยู่ข้างใน และแล้วคุณแห้วก็ได้เจอหัวใจสีขาวบนพื้นผิวสีดำ แห้วร้องยู้ฮู..ในป่านี้มีหัวใจสวย ๆ ห้อยโตงเตงด้วย ไม่เพียงเท่านั้น ท่านฤๅษีอธิบายเพิ่มเติมว่า ชาวบ้านเขาจะเอาเถาชนิดนี้พันรอบศรีษะเพื่อไล่แมลงหวี่ ..แต่ละจุดจะหยุดอธิบายเป็นระยะๆ ไปเจอหนามต้นบักเบ็ญ ซึ่งมีหนามแหลมยาวน่ากลัว ฤๅษีเล่าว่า..หนามที่น่ากลัวนี่นะ เวลาที่ชาวบ้านต้มหอยขมหอยโข่ง เขาก็จะตัดเอาหนามนี่แหละไปใช้คว้านตัวหอยออกมาเจี๊ยะ ไม่ต้องไปเสียเวลาเหลาไม้ไผ่หรือใช้ซ่อมแบบคนเมือง เดินไปอธิบายเรื่องทึ่ง ๆ อึ้ง ๆ ทั้งนั้น แห้วฟังไปยิ้มไปถ่ายรูปไป ถึงบ่อปลายังได้โมธนาให้อาหารปลาอีกแน๊ะ
เจ้าภาพกะว่าคนกรุงเดินประมาณนี้สมควรพัก จึงชวนเข้าห้อง แจกน้ำดื่ม นั่งพ้กผ่อนคลายบรรยากาศเย็นสบายๆหายเหนื่อยอย่างรวดเร็ว ฤๅษีก็จะเล่าเรื่องต่างๆปะติดปะต่อไม่ขาดตอน แห้วแทบไม่มีโอกาสถามอะไร ตั้งใจฟังด้วยความนิ่่งงัน แถมฤๅษียังร้องเพลงเกี่ยวกับเรื่องอัศวินพร้อมกับยกเอาไม้แกะสลัำกประกอบการนำเรื่องเข้าสู่สาระที่ประทับใจ แห้วเป็นผู้บริหารการศึกษา ย่อมเกี่ยวข้องกับกระบวนการของครูผู้สอนทุกรูปแบบ เมื่อมาได้เจอครูนอกระบบอย่างฤๅษีจึงประทับเข้าไปในดวงจิต ชอบและชื่นชมครูฤๅษีท่านนี้มาก บอกขอบคุณพ่อไม่ขาดปากแล้ว ยังบอกว่า..
ถ้าท่านฤๅษีเข้าไปเขียนบล็อกเล่าเรื่องอย่างนี้นะ
ลานปัญญาแตกดังโพล๊ะแน่ๆ
ผมก็บอกว่าทำไมไม่ชวนละ
แห้วมัวแต่ตกตะลึง ตึงๆๆๆๆ นะสิขอรับ
กว่าจะแกะตัวออกจากอาศรมได้ก็เลยเที่ยงไปแล้ว คุยกันว่าจะไปกินมื้อเที่ยงที่ไหนดี คราวที่แล้วก็พาอุ้ยสร้อย ครูอึ่ง ครูอาราม คุณตฤนไปดวลก๋วยเตี๋ยวร้านที่ฤๅษีชอบ แต่เป็นก๋วยเตี๋ยวเนื้อ พวกเราไม่กินเนื้อใช่ไหม คุณแห้วกับคุณเอกบอกไม่เป็นไร ธรรมดาก็ไม่กินเนื้อหรอกนะ แต่ถ้าเป็นรายการสะกดรอยรอกอดล่ะก็ ถึงไหนถึงกัน ถ้าอย่างนั้นได้เลย..ผมบึ่งรถจากอาศรมมาถึงร้านเจ๊หงอดใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง บ่าย 2 เศษท้องหิวจ๊อก ๆ ก็ได้รับการบำบัดทุกข์บำรุงสุข ได้ชิมชามแรกเท่านั้นแหละ แห้วเอ่ยปากชม..หนูชอบที่ลวกเส้นนิ่มมาก ๆ อย่างนี้แหละ นึกว่าจะชมเฉย ๆ ยังสั่งต่ออีกชามแน๊ะ
อิ่มอารมณ์ดีแล้ว ผมก็ขับรถข้ามสะพานแม่น้ำมูลพาไปเที่ยวฝั่งทุ่งกุลาร้องไห้ ช่วงนี้ชาวบ้านเก็บเกี่ยวข้าวทุ่งโล่งสุดลูกหูลูกตา เราไปแวะตลาดปลาและผลไม้กลางทุ่ง ..ทุ่งกุลาร้องไห้นั้นชาวบ้านจะนิยมขุดบ่อดักปลาธรรมชาติไว้ประปรายทั่วไป ไว้อาศัยใช้น้ำและดักปลาธรรมชาติที่น้ำหลากพามาแต่ละปี เมื่อเสร็จภาระกิจในท้องนาก่อนที่จะกลับเข้าหมู่บ้าน ชาวนาจะสูบบ่อปลาที่ว่านี่ จับปลามาทำอาหารเลี้ยงฉลองความเหนื่อยยากในฤดูข้าวใหม่ปลามัน ปลามีจำนวนมากเหลือกินก็ส่งมาขายที่ชุมนุมตลาดปลากลางทุ่งแห่งนี้ แต่ละวันมีรถบรรทุกปลาและคนมาซื้อปลาวิ่งเข้าออกหลายร้อยคัน เกิดเป็นวิสาหกิจชุมชนตามธรรมชาติ
เราเลือกซื้อปลาช่อนตัวใหญ่
จะเอาไปต้มยำเลี้ยงส่งคุณแห้วมื้อสุดท้าย
ทริปนี้แห้วตั้งใจว่าจะมากินผักให้เต็มกะเพาะ
ผมจึงแจกเขียงแจกมีดให้ช่วยกันทำยำผักสดเมนูร้านผึ่งพุงโภชนา ณ สวนป่า
ใช้มะเขือกรอบ,มะเขือเทศ,ตะลึงปลิง,ผิว/น้ำส้มซ่า
ผลน้ำเต้าอ่อน,ถั่วพู,แตงกวา,มะม่วงหิมพานต์อบ
หั่นเป็นลูกเต๋าเล็กๆ คลุกเคล้ากับซ๊อท เติมเกลือนิดหน่อย
เติมถั่วลิสงบด ชิมได้ที่แล้วตักใส่จานเสิร์ฟ
แ่ม่หวีนึ่งไก่บ้านสมุนไพรและต้มยำปลาช่อนสมทบ
แค่นี้แห้วก็อิ่มจนลืมโลกไปเลยละครับ
ไม่มีพื้นที่ให้ผลไม้หรือขนมนมเนยชากาแฟแม้แต่น้อย
เปิดพุงโชว์ด้วยนะ
เล่าหน้าตาเฉยว่าน้ำหนักเพิ่มแน่ๆ
อิ่มแล้วยังมีเวลาเอ้อระเหยคุยกัน
ได้เวลา 3ทุ่มเศษ เก็บกระเป๋าขึ้นรถ
แม่หวีเป็นโชว์เฟอร์
ไปถึงก่อนรถออก 15 นาที
ยังมีเวลาล่ำลากันเหลือเฟือ
ป่านฉะนี้คุณแห้วกับคุณเอกคงไปเผชิญชีวิตตามเส้นทางที่คุ้นชิน
พบกันใหม่เมื่อใจต้องการนะแห้วนะ
มาครานี้แห้วยกนิ้วนับ..โอ้โฮปีนี้มาสวนป่าถึง 6 ครั้งแล้ว
แคว๊กๆๆ
« « Prev : ความพอดี
2 ความคิดเห็น
กลับมานับนิ้วใหม่อีกที ปรากฎว่าหนูไปสวนป่ามา 7 ครั้งแล้วคร๊าบ
1. นศ.ป.โท อ.แป๋ว (7-8 ก.พ.52)
2. เฮ 7 ตีแตกอีสาน (27 ก.พ.-1 มี.ค.52)
3. นศ.ป.เอก มรภ สารคาม (8-9 เม.ย.52)
4. เฮฯ ห่วงใย (25-27 ก.ค.52)
5. เฮฯ นศ.VBAC (เกือบได้ระลึกชาติ) (8-9 ส.ค.52)
6. เฮฯ อยู่ดี ๆ ก็ไป(ดูที่) (6-7 พ.ย.52)
7. เฮฯ หายแห้ว (5-7 ธ.ค.52)
แปลกใจตัวเองเหมือนกัน ไปบ่อยจังเรา หุ หุ : P
นี่ยังไม่รวมกฐินป้าจุ๋ม (17-18 ต.ค.52) กับเฮฯ ร่มธรรม (19-20 ก.ย.52)
แถมยังมีตั๋วไปกลับ กทม-บุรีรัมย์อีก 1 ใบ ที่ต้องใช้ก่อน 5 ม.ค.53 ซะด้วยสิ
ถ้าไปอีกก็จะกลายเป็นครั้งที่ 8 ของสวนป่าและครบ 10 เฮฯ พอดี อิอิ
นับตามประสาหนูนะ (^_^)
เหลือเชื่อจริงๆถ้าไม่เห็นหลักฐานในบันทึกนี้