วันนี้และวันหน้า
อ่าน: 4922
หายไปไหนมา ก็อยากบอกว่าไปคิดทำมีเรื่องสนุกๆ กับการดูกายใจสไตล์สวนป่า เพื่อจะตอบคำถามว่า..เจ้าอยู่อย่างไร แต่การที่จะตอบคำถามนี้ได้ ก็ต้องมีการค้นหาทั้งวิชาการวิชาเกินและการเดาสุ่มโดยคาดคะเน จากสิ่งที่เกิดที่ทำการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตนเอง ซึ่งน่าเสียดายที่แก้ไขช้าไปหน่อย ไม่อย่างนั้นจะซ่าส์กว่านี้ขอบอก
ในการเริ่มต้นข้องแวะกับตัวเองอย่างจริงจัง เกิดจากการเข้าตาจนที่เราไม่อาจจะทำไม่รู้ไม่ชี้กับตนเองต่อไปได้อีกแล้ว ความมีโรคไม่มีลาภใดๆแน่นอน แต่การที่จะมีสุขภาพดีบนวิถีความชะล่าใจอันยาวนานก็ไม่ง่ายนักหรอก ซ่อมเครื่องยนต์เก่าให้ดียังไง มันก็สู้การซ่อมบำรุงดูแลเป็นระยะๆตั้งแต่แรกเริ่มไม่ได้หรอก เมื่อสุขภาพชำรุดมาแล้วจะมัวอาลัยอาวรณ์ก็ใช่ที่ ลงมือคิดดีทำดีให้ตัวเองดีกว่า โดยใคร่ครวญตามที่มีผู้รู้แจกแจงแถลงไว้
การมีความรู้ ตามความเป็นจริงขององค์ความรู้ที่ถูกต้อง ถูกตรงในการแก้ไขปัญหาหรือปรับสมดุลสุขภาพ ณยุคนั้นๆ บุคคลนั้นๆ และสภาพสังคมสิ่งแวดล้อมนั้นๆ เป็นเรื่องสำคัญยิ่ง แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ การทำให้ได้ตามที่รู้ ไม่ใช่แค่รู้แล้วจะทำให้มีสุขภาพดีได้ ซึ่งการสร้างพฤติกรรมสุขภาพที่ดีเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ที่จะต้องฝึกฝนทำอย่างต่อเนื่องจนเป็นปกติของวิถีชีวิต “นั่นคือความสำเร็จของการดูแลสุขภาพอย่างแท้จริง”
*ใจเพชร มีทรัพย์(หมอเขียว)
การคิดดีทำดีให้แก่ตนเอง มีแต่ได้กับได้แล้วจะช้าอยู่ใยละครับ ผมเริ่มสำรวจสันดานตัวเอง ว่ามีพฤติกรรมห่วยแตกและห่วยยังไม่แตกอะไรบ้าง สต๊าทส์ที่ >>อากาศ-อาหาร-ที่อยู่อาศัย-อนามัย-อารมณ์
อากาศในสวนป่าไม่มีปัญหา ห่างไกลมลภาวะได้พอสมควร ยิ่งยามเช้าต้นฤดูหนาวอย่างนี้ ลมเย็นพาสายหมอกมาเที่ยวบ้านเรา แดดแรกแย้มยามเช้าตรู่น่านั่งอิงคนรู้ใจ คุยกันไปหัวเราะไปก็ดีนะ แล้วก็เดินออกดูโน่นนี้แทนการเข้าห้องฟิตเนส บ่ายๆแอ็คชั่นทำสวนครัวปลูกผักรดน้ำต้นไม้ให้รูขนเปิด จึงค่อยไปอาบน้ำประแป้ง แล้วมาทำกับข้าวกินกัน
อาหาร เป็นเรื่องใหญ่เชียวละ ถ้าเข้าใจว่ากินอย่างไรเป็นอย่างนั้น เมื่อก่อนอยู่ในวัยแข็งขันก็ประมาทไม่บันยะบันยัง สวาปามจนชูชกเรียกพี่ กินตามอยากตามชอบไม่คำนึงใดๆทั้งสิ้น เอาคำว่าอร่อยเป็นตัวตั้ง ไม่ได้ดูว่าอร่อยแล้วผลลัพธ์เป็นยังไงต่อไปอีกละ ผมก็ลองคิดเมนูตามประสาคนป่า ตื่นเช้ามาดื่มน้ำฝนที่กรองแล้ว 2 แก้ว อาบน้ำแล้ว จะดื่มน้ำสมุนไพรปั่นที่ประกอบด้วย ใบหญ้านาง-มะขามป้อม-ใบคาวตอง-กระชาย-ใบหญ้าปักกิ่ง-ใบบัวบก-ใบกะว่านง็อก-ใบแปะตำปึง ทุกอย่างมีอยู่รอบบ้าน เด็ดมาสดๆมาปั่นๆซดปัจจุบันทันด่วนไปหนึ่งแก้ว สรุปว่าตื่นมาเจอน้ำไป 3 แก้วใหญ่
..“แม่บ้านเล่าว่า ถ้าใส่มะขามป้อมลงไป เกิดปฏิกิริยา น้ำสมุนไพรปั่นจะแยกตัวใสเป็นชั้นๆ ..ไม่ทราบว่าดีหรือไม่ดีประการใด”
ผมเลิกดื่มน้ำอัดลมและน้ำผลไม้สำเร็จรูป ไม่ดื่มน้ำแช่เย็นตั้งแต่บัดนี้ จะดื่มน้ำอุณหภูมิปกติเท่านั้น ส่วนไอติมถ้าไม่มีคนกินยั่วก็จะเมินเฉย ช่วงนี้โชคดีที่ข้าวมะลิใหม่ออกมาแล้ว อีกหน่อยจะโชคดีกว่านี้อีกเมื่อข้าวมะลิแดงออกมา ถ้าอยู่บ้านผมกินข้าวกล้องประจำนะขอรับ แต่เวลาไปกรุงเทพก็จำเป็นกินข้าวจืดๆ พวกเนื้อสัตว์ทุกชนิดจะไม่กิน เว้นแต่หลีกไม่พ้นตอนไปกินข้าวนอกบ้าน ถ้ากินในบ้านจะมีปลาและผัก ผักช่วงนี้มีปะเลอะปะเต๋อ ก่อนหน้านี่ก็ปลูกสารพัดผักไปอย่างนั้นแหละ ตอนนี้สายตาชักเชื่อมโยงไปสอดส่องผักสดรอบบ้าน ซึ่งมีทั้งผักกินสุกกินดิบ มะเขือ ถั่วพู มะรุม ใบมะยม ..ใครไม่รู้บอกว่า กินใบมะยมจะช่วยลดน้ำตาลในเลือด ..ผมเด็ดใบมะยมมา 4 ก้านรูดได้40ใบโรยไปบนจานข้าว ลองดูนะครับ อร่อยพอได้เชียวแหละ บางวันก็โรยงาคั่วลงไปด้วย
อาหารในแต่ละวัน จะมี1มื้อที่เน้นผักล้วนๆ ผมฝึกกินผักแบบง่ายๆแต่อร่อย ถือตะกร้าใบเล็กเดินชมสวน เด็ดยอดชะอม-ตำลึง-มะรุม-มะกล่ำ-ยอดเสาวรส-มะเขือพวง-กระเพา-ยอดน้ำเต้า-ยอดบวบ-ยอดฟักทอง-มาลวกในน้ำเดือด ใส่เกลือหน่อยหนึ่งให้ผักออกสีเขียว อย่าลวกนานเกินไปผักจะไปกรอบเอาพอสุก จัดใส่จานรับประทานร้อนๆ ใช้ตะเกียบคีบหม่ำอัพอร่อยเหาะ เอาสะเต๊กมาแลกก็ไม่ยอม..แต่บางวันก็รับประทานกับน้ำพริกกะปิ-น้ำพริกปลาป่น-น้ำพริกปลาทู ซึ่งจะตะลุมบอลทั้งผักสดผักลวก ปลายเดือนนี้จะจัดวันดวลสะเดากับอุ้ยอีกแน๊ะ
*หมายเหตุ ถ้าอุ้ย ครูอึ่ง น้าอึ่งอ๊อบ ป้าหวาน เหมารถทัวร์มา ..
เมื่อเราจะเน้นผักสู่พุงเป็นหลัก ผมก็วางแผนสร้างสวนครัวล้อมห้องครัว เรียกว่าเดิน2ก้าวผักสดๆก็ลงหม้อลงกระทะได้แล้ว ตอนนี้มีลงมือปลูกผักหวานบ้าน ผักกาด กุ่ยช่าย ต้นหอม คะน้า ผักสลัด พริก มะเขือ ยี่ร่า สะระเหน่ พริกไทย ดีปลี กระเพา แมงลัก โหระพาฯลฯ เพิ่มเติมจากผักแปลงสวนครัวเดิม เป็นการปลูกประณีตในกระถางและถังปูน ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ล้วนๆ รดน้ำอย่างทะนุถนอมด้วยสปริงเกอร์ฝอยเช้าเย็น ผัก20ชนิดกำลังตั้งตัวอยู่ใน45ถัง กินเองยังไงก็ไม่หมด ผมปลูกเผื่อญาติแซ่ฮาด้วยแล้ว จะบอกไห่
พรุ่งนี้ผมจะทำห้องครัวสนาม ยกเตามาตั้งอีกจุดหนึ่งข้างบ้าน ห่างจากผักประมาณ2เมตร วันไหนอยากจะทำกับข้าวกันสนุกๆ แม่ครัวหัวป่าก์ตั้งหม้อรอ จะแกงจะต้มจะลวกเมนูไหน ก็บอกฝ่ายลุยสวน เด็ดฉับๆล้างน้ำโยนใส่หม้อในระยะหายใจรดต้นคอนั่นแหละ ฝ่ายจัดโต๊ะก็เตรียมตักข้าวหอมกรุ่นรอ ฝ่ายเสิร์ฟก็ทยอยลำเลียงอาหารขึ้นโต๊ะ หลังจากนั้นก็ชวนกันเจี๊ยะพรึบ! อร่อยไม่อร่อยอนุญาตให้แก้ตัวได้ในมื้อถัดไป สรุปว่ามาที่นี่จะได้ทดลองปลูกผักทำสวนครัว ทำอาหาร กินอาหารท่ามกลางผักสดอากาศใสจิตใจแช่มชื่น เอาให้ลืมแ-กด่วน ขนมปังแผ่น กาแฟแก้ว แล้วก็เผ่นไปทำงาน อิ อิ..
นี่คือการตอบคำถาม
สวนป่าปีนี้แตกต่างจากสวนป่าปีที่แล้วอย่างไร ครั้งที่ 1
ที่อยู่อาศัย
สวนป่ามีข้อจำกัดเรื่องที่พัก จึงมีแผนที่จะสร้างหมู่บ้านสกุลเฮ เป็นบ้านไม้เป็นหลังๆ แทรกอยู่ในดงไม้ที่ปลูกไว้เมื่อ30ปีที่แล้ว ส่วนจะสร้างกี่หลังนั้น ขึ้นอยู่กับท่านใดอยากจะมีบ้านที่สวนป่าบ้าง ก็ตัดสินใจได้ จะเอาหลังเล็ก-ใหญ่ จะหยอดออมสินหรือทุบออมสินก็ตามอัธยาศัย หรือจะลงขันช่วยกันสามัคคีก็ดีอีกนั่นแหละ2-3 จะมีห้องน้ำสะอาด มีแปลงผักและไม้ดอกรอบบ้าน ต่อระบบน้ำฝอยให้ทุกหลัง มีมีด-ตะกร้า-จอบ-เสียม-ปุ๋ย-ให้ปลูกผักเล็กๆน้อยๆ จะปลูกมะละกอ กล้วย ขนุน ให้หลังละต้น มีไม้ดอกไม้หอมเช่น ลำดวน โมกหอม ดอกแก้ว ไว้ให้ถูกทิศทางลม นอนได้หลังละ2-3คน ข้างบ้านยังจะมีเตาฟืนแบบที่รอกอดเอามาโชว์ในบล็อก (ดูภาพประกอบ) เตานี้จะหุงข้าวหม้อดินหอมอร่อย จะต้ม-แกง-ปิ้งย่างก็หอมเพราะเป็นเตาไม้ฟืน หรือแม้แต่จะนั่งล้อมลงเอาข้าวโพดมาปิ้ง เอามันเทศเอาไข่ห่านมาหมกขี้เถ้าก็อร่อยอีกนั้นแหละ หรือไม่ทำอะไรก็ก่อไฟให้ไออุ่น เหมาะที่จะมานั่งล้อมวงจิบน้ำชานั่งมองตากันก็เข้าทีอีกนั่นแหละ..พวกเราที่ใช้อินเตอร์เน็ท รอกอดเล่าว่าสามารถที่จะสร้างระบบรองรับกระจายในพื้นที่1 ตารางกิโลเมตรได้ เรียกว่าเรื่องพื้นฐานที่โดนใจจะพยายามจัดไว้รับรองไม่ตกหล่น
จะสร้างโรงสนทนาธรรมด้วยอิฐดินซีเมนต์วงกลมเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ8เมตร มีระบบระบายอากาศหมุนเวียนแบบปล่องโรงสี พื้นปูด้วยเบาะนวม เหมาะที่จะนั่ง-นอนฟังเสียงหัวใจตนเองได้คราวละ20คนสบายๆ ส่วนจะมีห้องอบสมุนไพรหรือเปล่า ขึ้นอยู่กับความต้องการของหมู่เฮา ส่วนหลักสูตรคงต้องปรึกษาหลายๆหัวกะทิ ว่าควรจะมีกิจกรรมผ่อนพักตร์ตระหนักรู้อย่างไรบ้าง อุ้ยเคยเล่าเรื่องปิดไฟทุกดวง ให้ทุกคนลองอยู่ในโลกกลางคืน แหมเรื่องนี่ง่าย เรากำกับไฟฟ้ายังไงก็ได้ เปิดเป็นหลักสูตรตาบอดคลำช้างจะดีไหมอุ้ย..
อนามัย มีความจริงที่ใครก็เถียงไม่ขึ้นคือ เกิด-แก่-เจ็บ-ตาย แสดงว่าใครก็หนีไม่พ้นสิ่งเหล่านี้ ส่วนใครจะทำอีท่าไหนอย่างไรนั้น สามารถผ่อนหนักเป็นเบาได้ ในเรื่องของการเจ็บป่วย พระพุทธเจ้านั้นเป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง เป็นผู้อยู่เหนือโลกไม่มีใครเทียมเท่า เป็นผู้ที่ตรัสความจริงที่เชื่อเชิญให้พิสูจน์ได้(เอหิปัสสิโก) เป็นจริงตลอดกาล(อกาลิโก) และพึ่งตนเองได้ (อัตตาหิอัตโนนาโถ)
เท่าที่สังเกตพบว่าจะมีปัญหาเรื่อง”เกิน”มากกว่า“ขาด” การรักษาแนวสุขภาพทางเลือกหรือทางธรรมชาติบำบัด มีคนบอกว่าเราชอบเติมความร้อนให้ร่างกายไม่บันยะบันยัง กินหวาน-กินเค็ม-กินมัน-กินเผ็ด มากเกินไปจนเซลล์ในร่างกายปั่นป่วน ไตทั้งรีดทั้งเค้นหนักเท่าไหร่ก็กำจัดออกไม่ได้หมด เกิดการสะสมไขมันที่เนื้อเยื่อและในเลือด
สุขภาพพึ่งตนเองแนวเศรษฐกิจพอเพียงตามวิถีสุขภาพทางเลือกนั้น ใช้ธรรมชาติในพื้นที่ปรับสมดุลร่างกาย ให้แค่คิดที่ดีว่า..ไม่ว่าจะพัฒนาเทคนิควิธีการในการแข้ไปปัญหาที่ปลายเหตุให้เก่งกาจสามารถมากแค่ไหนก็ตาม สุดท้ายวิธีการที่พัฒนาขึ้นมานั้นก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ซึ่งจะมีจุดอ่อนที่น่ากลัว เสียงบประมาณเสียเวลาเสียทรัพยากรมาก พึ่งตนเองได้น้อย ทุกข์ทรมานมาก ในที่สุดระบบสุขภาพที่มัววนตีกรอบกักขังตนเองไว้กับวิทยาศาสตร์ทั้งหมด คือการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุอย่างเอาจริงแต่ก็ล้มเหลว สุดท้ายก็วนอยู่กับทางตัน ถ้ายอมเปิดใจกว้าง กล้าหาญที่จะศึกษาพิสูจน์วิทยาศาสตร์สาขาอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ เช่น วิทยาศาสตร์สุขภาพทางเลือก วิทยาศาสตร์สุขภาพแผนไทย วิทยาศาสตร์สุขภาพเชิงธรรมะและจิตวิญญาณ เป็นต้น
มุมมองเรื่องมะเร็ง ความดัน ไขมัน เบาหวาน มักมีเหตุจากภาวะร้อนเกิน ที่เกิดจากการกินไม่เป็น เมื่อมีภาวะร้อนเกินมากๆ พลังงานความร้อนกระจายไปสะสมอยู่ในส่วนต่างๆ ทำให้ร่างกายเหมือนไฟสุมขอน อวัยวะส่วนใดที่อ่อนแอ ถูกพลังงานสะสมเผาจนน้ำแห้ง เนื้อเยื่อจะเริ่มร้อนแข็งเกรียมไหม้ ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นเริ่มสูญเสียสภาพที่ปกติ เริ่มเสียหน้าที่ สุดท้ายเนื้อดีๆนี่แหละได้กลายเป็นเนื้อร้าย เป็นอัมพาตหรือตายไป
โรคเบาหวาน มีสาเกตุและกลไกเช่นเดียวกับโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวานนั้นร่างกานเผาผลาญอาหารมาให้เป็นพลังงานความร้อนได้ระดับหนึ่ง แล้วไม่ยอมเผาผลาญอาหาร(โดยเฉพาะน้ำตาล) เพื่อสร้างพลังงานต่อ เนื่องจากร่างกายไม่สามารถทนต่อพลังความร้อนที่ผลิตขึ้นมาเผาตนเอง ทำให้น้ำตาลตกค้างตามเส้นเลือด ส่งผลให้เลือดหนืด ไหลเวียนไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายไม่สะดวก ทำให้อวัยวะร่างกายเสื่อม
ป้าหวานเจาะเลือดตรวจให้ พบว่าตัวเลขน้ำตาลผมอยู่ที่ 125 แสดงว่ามีแนวโน้มที่จะไม่หวานเป็นลมขมเป็นยาเสียแล้ว หมอให้ยาMIFORMIN มากินตอนเช้าวันละครึ่งเม็ด ยังไม่ครบกำหนดหรอกนะครับ วันที่ 19 ก็จะลองเจาะตรวจอีกครั้งหนึ่ง เพื่อจะดูว่าถ้าเราลดอาหารขยะ เปลี่ยนแปลงเรื่องปากหวานแล้ว ผลจะออกมาเป็นประการใด
อารมณ์ ช่วงนี้มีเรื่องชวนเครียดเยอะแยะไปหมด เรื่องเศรษฐกิจ สังคม การเมือง รวมทั้งกระแสเถื่อนต่างๆ มีข่าวร้ายมากกว่าข่าวดีในเมื่อเราไปยุ่งเกี่ยวอะไรไม่ได้มากนัก เราก็มาเปิดพื้นที่เปลี่ยนความเครียดเป็นความขำ เฮกันไปตามสไตล์ชาวเฮฮาศาสตร์ เรื่องของอารมณ์ผมจับผสมกับการพักผ่อนและการออกกำลังกาย
ตื่นเช้ามานั่งอาบแดด นกยูง เป็ดห่าน ไก่แจ้ก็จะเดินมาทักทาย เอาหัวอาหารไปโปรยเลี้ยงเพื่อนบ้านเหล่านี้ นกยูงนี่กระโดดขึ้นมากรีดกรายถึงบนชานบ้าน เดี๋ยวนี้คุ้นเคยกันจนเข้ามาจ้องตากันที่ระยะ2เมตรแล้ว นอกจากนั้นก็มีคุณเป๋แมวพิการที่น่ารักก็มาตะแหง่วๆขอหัวอาหาร ..ถ้าใครเลี้ยงปลานกยูงก็ดีนะครับ เห็นปลาว่ายพลิ้วไหวมากินอาหาร จะเกิดความรู้สึกสบายๆ.. บ่ายๆออกกำลังกาย ปลูกผัก รดน้ำต้นไม้ ช่วงนี้ผมจะนั่งเสียบกิ่ง มะนาว ส้มเขียวหวาน ส้มเช็ง มะกรูด กับตอต้นกระสัง ทำเป็นไม้แฟนซีปลูกไว้ข้างบ้าน จะได้มีไม้ประดับกินได้อยู่ใกล้ๆห้องครัว งานอดิเรกนี้ถ้าใครจะเอาไปทำอย่างจริงจังก็จะเป็นรายได้เสริมที่ดีนะครับ การพักผ่อนหลับนอน จะสัมพันธ์กับการออกกำลังกายกำลังใจดังที่กล่าวข้างต้น
ผมพยายามนอนตามตารางนาฬิกาชีวิต
ตอนนี้ค่อยๆปรับมาได้หน่อยหนึ่งแล้ว
แต่เจ้าฟุตบอลบ้านะสิครับมักจะถ่ายทอดตอนตี1-2
ต้องรีบนอนก่อนหน้านั้น
แต่บางทีก็สะดุ้งตื่นตามความเคยชิน
ตื่นมาแล้วก็ไม่ดูฟุตบอลหรอกนะ
มานั่งอ่านหรือเขียนหนังสือ
เขียนไปได้หน้าสองหน้าก็หาวหวอดๆแล้ว
ก่อนนอนผมจะดื่นชาหญ้านวดแมว
ทำให้ง่วงได้ง่ายขึ้น
อ้าว อ้าว ..นี่ก็จะง่วงแล้วละนะ
ไปเฝ้าพระอินทร์ก่อนนะขอรับ
ถ้าฝันดีจะมารายงาน..
ว่าฝันเป็นสีหรือฝันขาวดำ คิคิคิ..
* ที่เขียนเสียยาวยืด บางส่วนจะเสริมปรับเป็นเอกสารเสนอ คณะทำงานด้านกำลังพลสุขภาพแห่งชาติ ที่จะลงมาขอนแก่นวันที่ 19 ศกนี้
« « Prev : ดึกดื่นตื่นมาดูจันทร์
Next : โลกทั้งใบเป็นของนายคนเดียว » »
3 ความคิดเห็น
เขียนยาวก็ได้อ่านยาว…อิอิ
ดวลสะเดา?? ….ถ้าไปได้นะคะ ..
ไม่ดวลสะเดา ปีหนึ่งมีฤดูเดียว
จะต้องไปรอดวลปีหน้า จะช้าไปไหมหนอ..คิคิ..
..“แม่บ้านเล่าว่า ถ้าใส่มะขามป้อมลงไป เกิดปฏิกิริยา น้ำสมุนไพรปั่นจะแยกตัวใสเป็นชั้นๆ ..ไม่ทราบว่าดีหรือไม่ดีประการใด”
ตามความคิดป้าหวานนะคะ แสดงว่าเกิดปฏิกริยาบางอย่างขึ้นแล้ว ถ้าในเจตนารมย์เดิม เราต้องการให้ไปเกิดปฎิกริยาที่ภายในร่างกายของเรา น่าจะเสียประโยชน์บางอย่างไป เสียเอ็นไซม์บางชนิดไป แต่ทั้งนี้ป้าหวานคิดเอาเองค่ะอาจจะผิดก็ได้ แต่ถ้าเราเห็นว่าสูตรเดิมได้ประโยชน์ดีแล้ว มะขามป้อมอาจแยกมาอีกสูตร ไม่ทานพร้อมกันน่าจะไม่ทำให้เสียประโยชน์ค่ะ ด้วยความเคารพค่ะ อาจมีผู้รู้จริงตอบได้ดีกว่านี้ค่ะ