ตอนเล่าฮูสะอื้น..
เสร็จจากงานกฐินป้าจุ๋ม รถคันสวยของพระอาจารย์ Handy ได้พาผมกับเอกจตุพรคนรูปหล่อเข้าสวนป่า ไปตั้งหลักรอรับนักศึกษาคณะเกษตร มหาวิทยาลัยขอนแก่น 38 ชีวิต ลูกศิษย์ของเล่าฮูแสวง รวยสูงเนิน จะบุกมานอนคุยที่สวนป่า รอไม่นานหรอกนะครับ บ่าย ๆ คณะที่ว่าก็ทะเร่อทะร่าเข้ามา >> การนำนักศึกษามาลักษณะนี้ก็ดี ตรงที่มีเวลาเจรจาจ๊ะจ๋ากัน ดีกว่ามาแบบปิ๊งแว๊บ ถ่ายรูปฉับๆแล้วก็ปัดก้นเดินขึ้นรถ
หลังจากแจกที่พัก รับประทานอาหารเย็น รายการคลี่หัวใจการศึกษาไทยก็เปิดฉากขึ้น ผมกล่าวต้อนรับนิดหน่อย เด็ก ๆ ยังใหม่ต่อพื้นที่และแปลกใจในสไตล์ของสวนป่า จึงให้จัดคาราโอเกะเสียเลย พระอาจารย์Handyมากับโปรแกรมคาราโอเกะอยู่แล้ว จึงโยนไมค์ให้เจ้าของเทคนิคร้องนำร่อง ในหมู่เฮารู้กันดีอยู่แล้ว ว่าเสียงพระอาจารย์นั้นหวานนัก หลังจากนั้นนักร้องสมัครเล่นจากนักศึกษาก็ขึ้นมาขยับลูกคอต่อทั้งหญิงชาย ชื่นมื่นพอประมาณแล้วก็แยกย้ายกันไปนอน
· การนำนักศึกษาออกมาเรียนรู้ภาคสนามในครั้งนี้ ท่านเล่าฮู ได้อธิบายเรื่องพันธมิตรทางวิชาการ ด้วยการสะท้อนให้นักศึกษาประจักษ์ด้วยตนเองว่า อาจารย์แสวงนั้นมีเพื่อนทุกระดับ เช่น ผู้นำชาวบ้าน ผู้นำชุมชน นักการศึกษา นักวิจัย ท่านเล่าฮูเพียงแต่กริ๊งกร๊าง ก็ได้รับมิตรไมตรีจากเครือข่ายอาสามาพบปะกับนักศึกษา ต่อยอดความคิดเรื่องการเป็นส่วนหนึ่งของสังคมแห่งการเรียนรู้ สามารถนำมาปรับใช้กับพันธกิจเพื่อการศึกษาได้ตามความเหมาะสม เข้าทำนอง “คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย หรือ หลายหัวดีกว่าหัวเดียว”
ระหว่างรอรับประทานอาหารเช้า พี่เอกขวัญใจของน้องๆก็ชวนตั้งวงพูดคุยกัน ทำความเข้าใจว่าวันนี้เราจะเจอวิธีการเรียนในลักษณะใด ให้ครูบาฉาย Power point แนะนำลู่ทางบางส่วน ให้นักศึกษาตั้งโจทย์การบ้าน..เรามาทำไม เห็นอะไร คิดอะไร เข้าใจอะไร จะนำอะไรไปปรับใช้ได้บ้าง หลังจากรับประทานอาหารแล้ว ครูพาเดินแบบรวมกลุ่ม แนะนำความรู้ที่อยู่ในธรรมชาติ ชี้โบ้ชี้เบ้ตรงโน้นตรงนี้พร้อมกับอธิบายประกอบ ความรู้ที่ซ่อนอยู่ในต้นไม้ ความรู้ที่ซ่อนอยู่ในปศุสัตว์ ความรู้ที่ซ่อนอยู่ในสภาพแวดล้อม
ผมพาแวะไปมุมปศุสัตว์ ไปทักทายตาหวาน (นกกระจอกเทศ) หมูเหมยซาน ไก่ต๊อก ไก่งวง เป็ดห่าน ไก่เจ้ และนกยูง ระหว่างที่เดินไปในสวนป่า เด็กๆกอดต้นไม้ถ่ายภาพ จดบันทึก คุยกัน ระหว่างทางไปเจอหญ้าขึ้นเป็นพรมนุ่ม ผมก็นั่งแมะ เด็กๆล้อมวง เล่าถึงเจตนารมณ์ ทำไมถึงทำอย่างนี้ มีที่ไปที่มาอย่างไร โดยเฉพาะเหตุผลในการทำ เล่าถึงนิสัยและคุณสมบัติของชนิดไม้ต่างๆ อธิบายวัตถุประสงค์ของการสะสมแม่ไม้พันธุ์ดี เด็ก ๆ เริ่มถามและจดข้อมูล
ไม่มีขอกังขาเพิ่มก็เดินต่อสิครับ ไปดูแปลงกระสังต่อยอด ไปดูแปลงผักพื้นบ้าน ไปดูแปลงกล้วย ไปดูแปลงวิจัยสมุนไพร และไม้เพื่อการพลังงาน ผ่านไปเจอเตาเผาถ่านขนาดใหญ่ ปล่อยให้ดูให้หายคันในหัวใจ ได้เวลาวกกลับที่ลานไผ่
เด็กกลุ่มนี้เรียนเรื่องทรัพยากรที่ดินและสิ่งแวดล้อม เด็กๆตั้งคำถามที่น่าสนใจ ถามว่าผมทำทวนกระแสอย่างนี้มันดีตรงไหน ผมตอบว่าที่ผมทำนี่แหละถูกต้องที่สุดแล้ว คนอื่นต่างหากที่ทวนกระแส ใช่หรือมิใช่ ถ้าที่ทำๆอ้างกันว่าอยู่ในกระแส ผลลัพธ์เป็นอย่างไร เจ๊งกันหูรูดเลยใช่ไหมละ ต้นทุนตัวเองหดหายเป็นหนี้สินไม่พอ ยังลากเอาต้นทุนทางธรรมชาติยับเยินไปด้วย มีจุดไหนบ้างที่ทำอยู่ทำกินแล้วสภาพแวดล้อมดีขึ้นบ้าง
· สิ่งที่เล่าฮูจัดให้ลูกศิษย์ในครั้งนี้ คือวิธีเรียนเชิงรุก จะเรียนเชิงรุกได้ต้องลุกจากเก้าอี้เสียก่อน ออกไปสัมผัสกับสภาพและวิถีไทยภายนอก ไปเจอความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสังคมชนบท ที่กำลังเจอคลื่นกระแสเถื่อนบั่นทอนทุกด้าน จำเป็นที่จะต้องเรียนให้รู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลง ในฐานะนักศึกษาเกษตร เด็กควรจะได้รับรู้ถึงวัฒนธรรมโลกที่กำลังปีนเกลี่ยวอย่างหนัก เข้าทำนอง
เรียนในห้องได้ความรู้ เรียนนอกห้องได้ความจริง
เอาความรู้+ความจริง=ความรู้จริง
ขอให้เอาสิ่งรอบข้างเป็นครู
ไม่มีสิ่งไหนที่สายตามองเห็นไม่มีความรู้ซ่อนอยู่
ยุคนี้เขาวัดการที่ความรู้
ถ้าความรู้ไม่พอใช้มีแต่เจ๊งกับเจ๊ง
ทุกวันนี้เรานำเข้าทุกอย่าง
แม้แต่ความรู้ก็ต้องจ่ายค้าโง่ปีละหลายหมื่นล้านบาท
เรียนตามก้นวิชาความรู้ชาติอื่น จะโงหัวขึ้นได้อย่างไร
ประเทศนี้มีต้นทุนทางสิ่งแวดล้อมมหาศาลอยู่แล้ว
ควรใช้สติปัญญานำมาแก้ไขวิกฤติชาติ
หลังจากรับประทานอาหารกลางวัน เอกจตุพรให้ให้น้องๆหาวิธีแบ่งกลุ่มกันเอง แบ่งออกเป็น4กลุ่ม กลุ่มพืชผักสมุนไพร กลุ่มปศุสัตว์ กลุ่มป่าไม้ และกลุ่มงานวิจัย ..แบ่งเวลาให้นักศึกษาเขาเรียนกันเองมาก การสอนแบบยัดเหยียดความรู้ไม่ดูตาม้าตาเรือ บางทีเด็กๆก็รับอะไรไม่ได้นักหรอก
· การแบ่งเวลาให้กับเด็กๆนักศึกษาเป็นสิ่งจำเป็น ไม่อย่างนั้นเราก็จะเอาแต่โทษนักศึกษา “คิดไม่เป็น” ถามว่าเคยสอนเคยให้โอกาสเขาคิดบ้างไหม เด็กยุคนี้เป็นเด็กพันธุ์ใหม่ ถ้าสอนวิธีเก่าๆเอาแต่ฉอดๆ อาจารย์นั่นแหละตกม้าตายโดยไม่รู้ตัว ถ้าไม่สอนให้เด็กฉุกคิดบ้าง คนสอนนั่นแหละที่คิดบ่เป็น อิ อิ..
ช่วงแดดร่มลมตก คนงานแบกวัวที่ชำแหละแล้วมาให้ตัวหนึ่ง เพื่อให้นักศึกษาช่วยกันทำอาหารรสเด็ดตามรายการเมนูที่กำหนดกันเอง แหมเสียงสับเนื้อโป๊กๆๆ ..บางคนก็ออกไปเก็บผักสดมาเป็นเครื่องเคียง สรุปว่า ร้าน มข.โภชนา ทำลาบเนื้อ ต้มเนื้อ ไข่เจียวมะรุม น้ำพริกกะปิ อร่อยจนลืมโลกเลยละครับ
· หลักสูตรทำอาหาร ช่วยให้ทายาทเกษตรกรได้เรียนรู้ ว่าการเรียนอย่างเข้มข้นนั้นไม่ต่างกับการชำแหละเนื้อสัตว์ เราต้องผ่างัดเอาส่วนต่างๆมาแยกแยะ เพื่อเลือกเอาส่วนต่างๆไปใช้ตามความเหมาะสม ต้องมีสัดส่วนเรื่องเครื่องปรุงเครื่องเคียง ซึ่งต้องใช้ภูมิปัญญาที่โยงไปถึงวัฒนธรรมด้านอาหารพื้นถิ่น กุ๊กที่ประกอบอาหารให้แซบจึงต้องรู้จริง จะยกระดับขั้นเสน่ห์ปลายจวักได้ จะต้องรู้จริง ดังนั้นการเรียนให้ถึงพริกถึงขิงจะต้องลงทุนทุ่มเทตั้งใจเรียนๆๆๆให้รู้จริง ถึงจะนำเอาความรู้มาใช้ได้สมประสงค์ อย่าลืมอนุภาพความรู้นั้นบรรเจิดนัก
หลังจากอิ่มหมีพีมันแล้ว ช่วงกลางคืน พระอาจารย์Handy กับเอกจตุพร รับหน้าที่จูนคลื่นความรู้ความคิดกับนักศึกษา ผมนอนฟังเพลินเผลอหลับไป ด้วยมองตาก็รู้ใจ โยนไมคฯกันสนุก เสียงเพลงสลับฉาก ตื่นขึ้นมาเจอนักร้องกิตติมศักดิ์ครวญครางหมุนเวียนกันอยู่3ท่าน ร้องแต่เพลงสมัยพระเจ้าเหา เด็กๆที่ไหนจะชอบฟัง ก็แอบหนีไปนอนหมดนะสิครับ ..เครื่องเสียงดี ไมค์ดี คนร้องดี แต่เพลงตกรุ่นครับผม อิ อิ..
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
นักร้องเสียงดีแค่ไหน
ถ้าไม่คำนึงถึงเวทีที่เหมาะกับยุคสมัยและสังขาร เจ๊ง ครับผ๊ม!
ช่วงเช้า เด็กนั่งล้อมวง ฟังพี่เอกจตุพร บรรยายเรื่องประสบการณ์ทำงานวิจัยเรื่องชุมชน นำเสนอ “ปายเมืองแห่งการท่องเที่ยว” เอกบอกว่าอำเภอปายเล็กๆมีเก็ตเฮ้าส์ถึง 300 กว่าแห่ง อนาคตเมืองท่องเที่ยวแห่งนี้ไม่รู้จะออกหัวออกก้อยอย่างไร ใครจะแก้ไขปัญหาที่โหมทับมาสารพัด ประเด็นนี้ดีมากสำหรับนักศึกษาที่เรียนเรื่องสภาพแวดล้อมทางสังคม ที่สัมพันธ์กับสภาพแล้วล้อมทางธรรมชาติ
· หลังอาหารเช้า เด็กนำเสนอแผนที่ความคิด แต่ละกลุ่มวาดภาพสื่อความคิดได้ดี ออกมาอธิบายความคิดเห็นที่ได้รับรู้และเรียนรู้ เป็นการฝึกการสะท้อนคิดในเบื้องต้น หลายคนฉายแววนักสารสนเทศที่ดี วิธีนี้เป็นการประเมินอีกชั้นหนึ่งว่า เด็กรู้อะไร คิดอะไร เข้าใจว่าอย่างไร และมีจินตนาการอย่างไร
ก่อนจะจากลา พระอาจารย์ Handy วิ่งไปตัดกระดาษรูปหัวใจ ให้เด็กๆเขียนอะไรลงไปก็ได้ เพื่อสะท้อนความรู้สึกในการเดินออกจากห้องมาเรียนภาคสนามในครั้งนี้ >> ท่านวิทยากร และท่านเล่าฮู คงจะได้รู้จักลูกศิษย์ของตนเองมากขึ้น ตัวแทนนักศึกษากล่าวขอบคุณ แล้วถ่ายภาพหมู่ แยกย้ายกันเดินทางกลับ ผมมีรายการต้องมาร่วมงานระพีเสวนา ก็เลยเจ้นขึ้นรถเข้ากรุงมากับพระอาจารย์ Handy
จบข่าว
โปรดติดตามสิ่งที่น่าสนใจในตอนต่อไป คิ คิ.
Next : ใครไม่ป่วยยกมือขึ้น » »
3 ความคิดเห็น
ตอนท่านเล่าฮูสะอื้น มีจริงๆครับท่านผู้ชม มันเกี่ยวข้องกับผม และทำเอาผมสะอื้นอยู่ในอก ด้วยความสุขที่ไม่น่าจะแตกต่างกัน
ข้อสรุปที่อยากเผยแพร่ก็คือ .. แข็ง ใช่ว่าจะกระด้างเสมอไป .. แข็งนอกแต่นุ่มละมุนภายใน ก็มีให้เราได้พบเห็นอยู่ไม่น้อย .. ดูอะไรให้ดูหลายมุม หลายชั้นนะญาติโยม .. ขืนด่วนสรุป ก็มีสิทธิ์ ขาดทุนยับเยินได้เสมอ
ปล. ขอประท้วงท่านประธานครับ
ด้วยความเคารพท่านประธานครับ คือว่าท่านหลับอยู่ ไม่รู้ความจริงทั้งหมด จะมากล่าวหาพวกกระผมได้อย่างไร
ความจริงตามที่ปรากฏอยู่ในเอกสาร ในมือกระผมนั้น ระบุชัดแจ้ง ว่าเราอยากให้นักศึกษาร้องเพลงกัน แต่เห็นสีหน้าอาการก็นึกได้ว่า เราสั่งให้เขาเตรียมงานเพื่อนำเสนอตอนเช้า (นี่หว่า) ใครจะมีอารมณ์มาสนุกสนานได้ .. เลยบอกว่าให้ไปนอน ไปเตรียมงานกันต่อเถอะ (เบื้องลึกอีกชั้นก็คือจะได้ไม่มีคนแย่งไมค์ .. อันนี้เราคิดในใจ เด็กคงไม่ล่วงรู้หรอกครับ)
จากนั้นเราทั้ง 300 คน ( 0 ไม่มีค่า เติมเท่าไหร่ก็ได้ ) จึงหมุนเวียนกันร้องเพลง จนท่านประธานตื่นและเราอนุญาตให้ท่านออกจากห้องประชุมอย่างปลอดภัยไปเข้านอน
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอเรียนให้ท่านประธานทราบว่าในการประชุมต่อนั้น มีสมาชิก 1 คน ไม่ปฏิบัติตามที่ได้แถลงไว้ กล่าวคือบอกว่าขอขึ้นไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวลงมา เราอีก 200 คนก็รอท่า ร้องไปจนไม่มีเสียง จนต้องปิดสภาและเข้านอนตอนราวๆตีหนึ่ง สมาชิกท่านนั้นก็ไม่ปรากฏกายให้เห็นแต่อย่างใด เรื่องนี้ผมคิดว่าต้องเอาเรื่องแน่นอน .. คอยดู
อิ อิ อิ
จอมป่วน อยู่หนาย…มาเร็ว…..
เล่าฮูสะอื้นตอนไหนอ่ะ…..คิกๆ