กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง

อ่าน: 11268


อิ อิ เปิดฉากมา..ขออนุญาตโม้เลยนะครับ

ช่วงนี้ผมเกิดสนใจเรื่อง.. เกิด แก่ เจ็บ จวนจะตาย

นอกจากชวนคนอื่นเขียนเจ้าเป็นไผแล้ว

ผมก็ลองถามว่า..เจ้ารู้ตัวเองแค่ไหน

คำตอบก็คือ..รู้จักตัวตนของผมเองน้อยมาก

อาจจะเป็นความเผอเรอ หรือความเคยชินก็ได้

ที่ไม่ให้ความสำคัญกับตัวเองสักเท่าไหร่

นอกจากไม่รู้เรื่องในกายาแล้ว

เรื่องในใจยิ่งไม่รู้หนักเข้าไปอีก

คนที่ไม่รู้ตัว ไม่รู้ใจตนเองนั้น น่าดีดกะโหลกไหมละครับ

ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล บอกว่า ปัญหาที่มนุษย์กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้คือ มนุษย์บริโภคเกินพอดี นี่พวกเศรษฐศาสตร์ใช้เชิงเศรษฐกิจเกินพอดี บริโภคสังคมเกินพอดี เดี๋ยวนี้ไม่ได้ดูต้นไม้เป็นต้นไม้ แต่ดูเป็นลูกบาศก์เมตร ..วันหนึ่งๆท่านบริโภคเกินพอดีไปเท่าไหร่ เขาบอกคนเรามีสมบัติเฉลี่ยทั่วโลกเลยนะประมาณคนละ 12,000 ชิ้น ท่านเชื่อไหม ลองนับดูสิในร่างกายมีกี่ชิ้น..เวลานี้ตัวเลขทั่วโลกบอกมาแล้วว่ามนุษย์กำลังบริโภคในอัตรา3:1 คืออะไรครับ? คือใช้ไป3 แต่โลกชดเชยกลับมาได้เพียง1 หมายความว่า วันนี้เรากำลังกินเกินทุนโลกอย่างเมามัน..

้เชิงเศรษฐกิจเกินพอดี บริโภคสังคมเกินพอดี เดี๋ยวนี้ไม่ได้ดูต้นไม้เป็นต้นไม้ แต่ดูเป็นลูกบาศก์เมตร

ผมจะเรียนรู้ตัวเองด้วยวิธีไหนอย่างไรหนอ จะเริ่มต้นตรงไหน คิดไปคิดมาหันหน้าเข้าลานปัญญาดีกว่า ในสำนักลานฯนั้นมีจอมยุทธครบองค์ประชุม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร มีท่านผู้สันทัดกรณีคอยยุยงเราอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้ละครับผมจึงคิดที่จะตีแผ่วิธีเรียนรู้ตัวเอง แบบโยนกระบวนการลงกลางเวที เพื่อให้ท่านผู้มีไมตรีจิตทั้งหลาย ช่วยกันเติมให้ยุบยับได้ตามทัศนวิสัยแห่งปัญญา

หลังจากที่เอาผลตรวจโลหิตจากป้าหวานไปให้หมอแล้ว ได้ยามาจำนวนหนึ่ง ผมก็มาปรับทุกข์กับป้าหวาน ป้าหวานเป็นคน เจาะเลือด เจาะข้อมูล ยังเจาะใจด้วยนะ เรื่องที่เล่าดูเหมือนง่ายๆสบายๆนี้ อย่าคิดว่าจะเกิดขึ้นทั่วไปนะครับ แม้แต่คนไข้ระดับVIP.ที่โรงพยาบาลไหนๆในโลกนี้ก็ยากจะได้รับ น้อยคนนักที่จะได้ไมตรีจิตที่งดงามเหล่านี้ ถ้าเขาไม่ได้เป็นเครือญาติสกุลเฮ

ถ้าเชื่อตามที่โบราณบอก..

หวานเป็นลม ขมเป็นยา

อมยิ้ม ดีกว่า อมโรค

ก็คงไม่ต้องมานั่งรำพึงรำพันอย่างนี้ ป้าหวานกรุณาอธิบายเรียบๆไม่ให้เราตกอกตกใจ บางที่ผลเลือดอาจจะบ่งบอกอะไรให้ครุ่นคำนึงพอสมควร แต่คุณป้าก็จะปลอบใจเราด้วยประโยคที่ว่า มันเพิ่งแสดงอาการเพียงเล็กน้อย ชี้ให้ดูว่าตัวไหนแสดงผลในเรื่องไหนระดับใด แล้วบอกว่าเราควรจะปรับปรุงพฤติกรรมอย่างไร เพื่อตั้งรับความเปลี่ยนแปลงในในตัวตนต่อไป

สิ่งที่ป้าหวานกรุณาในครั้งนี้ มันยิ่งกว่าบริการสาธารณะสุขชั้นเยี่ยมของประเทศไหนๆ ที่ผู้รู้จะมีเวลาอธิบายแนะนำเราอย่างกันเอง สงสัยเพิ่มเติมอะไรยังสอบถามภายหลังได้ตลอด24ชั่วโมง แถมยังควักกระเป๋าเลี้ยงข้าวต้มคนไข้ด้วยนะ ผมนะตื้นตันไปหมด ได้สัมผัสคำว่า..

เมตตาธรรมยังค้ำจุนโลกของป้าหวาน

เพี๊ยง!

ด้วยบุญกุศลแห่งความดีที่มีต่อเพื่อนมนุษย์

คงจะช่วยให้คุณป้าขอวีซ่าได้สะดวก

สบายหายห่วงทุกรายการที่ปรารถนา เทอญ..

ผมเริ่มต้นเรียนรู้ตัวเอง ลำดับแรกจากการสำรวจสภาพทั่วไปขององคาพยพ ทบทวนการใช้ชีวิตที่ผ่านมา เราอีลุยฉุยแฉกอย่างไร มีพฤติกรรมที่ไม่เข้าท่าอะไรบ้าง พบว่ามีแต่เรื่องประมาท ไม่ดูแลไม่ใส่ใจไม่รักตัวเอง ปล่อยตัวเลอะเทอะในแทบทุกเรื่อง จนเกิดโรคประจำตัว ต้องเข้า-ออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น นอนให้หมอเจาะ-ผ่า-ล้วง-ควัก-ตัด-อวัยวะ เจียนอยู่เจียนไปก็หลายครั้ง ในร่างกายมียาตกค้างอยู่กิโลก็ไม่รู้ รอบๆตัวมีรอยผ่ารอยเย็บนับเข็มไม่ถ้วน แต่ก็ยังไม่เข็ด ยังดื้อตาใสใช้ชีวิตแบบท้ายมบาลเรื่อยมา สมควรจะโดนหามเข้าสุสานไปนานแล้ว อยู่กวนใจอาเหลียงทำไมก็ไม่รู้นะ อิอิ..

ช่วงที่เจ็บป่วยทรมานมากๆ ผมเคยขอร้องหมอ ช่วยทำให้ผมกลับบ้านเก่าทีเถิด แต่หมอก็คิดแบบหมอ ไม่ยอมตามใจคนไข้ ยังปลุกปล้ำให้ผมหายใจอยู่รับกรรมจนได้ คนอื่นอาจจะมีประสบการณ์ดีๆเกี่ยวเรื่องสุขภาพ เช่น

..เจ้ากอล์ฟลูกชายโทน ไปบริจาคเม็ดเลือดเป็นประจำ

..อาม่านี่รักษาสุขภาพยอดเยี่ยม มีเกณฑ์ชี้วัดคุณภาพอาหารในแต่ละคำแต่ละมื้อ สุขภาพจึงดีมาก โม้ได้ทั้งวัน เดินเร็วแข็งขันก้าวฉับๆๆ อาจารย์Pandaเย้าว่าเดินเหมือนคนตามควาย

..คุณหมอจอมป่วนมีวินัยในการออกกำลังกายน่านับถือ..

..ตาหวานท่านบางทราย อยู่ในกลุ่มรับประทานมังสะวิรัติ บริหารจัดการเรื่องปากท้องได้อย่างคงเส้นคงวา นอกจากนั้นเป็นพวกเรื่องอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง จ้องหาแต่ร้านเมนูอร่อยๆ ร้านไก่ตะกร้าพากันไปบ่อยจนจะครบหน้าค่าตากัน บางคนก็นิยมไอติม บางคนอยากจะชิมเย็นตาโฟแต่ไปหาร้านไม่เจอ เกิดอาการแห้วศรีมาจนบัดนี้..

ก่อนกลับมาอยู่บ้านช่วงนี้ ได้ไปให้คุณหมอภาคภูมิ สิทธิราษฎร์นวดแผนไทยประยุกต์ปลดล็อดตามเส้นเอ็นต่างๆให้ หลังจากที่ไปโอดโอยประมาณ1ชั่วโมง กลไกต่างๆในร่างกายรู้สึกดีขึ้น

· หายใจเต็มปอด หายใจโล่งขึ้น

· อาการปวดหลัง ปวดไหล่ สบายขึ้น

· เคยเป็นเหน็บปลายเท้าชา ดีขึ้น

· เคยนอนตะงิดๆผุดลุกผุดนั่ง นอนแผ่หงายท้องหลับสนิทขึ้น

เมื่อทุกอย่างส่อแววดีอย่างนี้ก็มีกำลังใจที่จะออกแบบ การกินอยู่ การพักผ่อน การออกกำลังกาย การหลับนอนให้มีคุณภาพมากขึ้น โดยคลำหากระบวนการแบบอีสานขนานแท้ ทางการเรียกว่าสไตล์เอเชีย ที่อุ้มลุ่มในเรื่องกายใจไปด้วยกัน เรื่องหยิง-หยาง-เรื่องกายภาพบำบัดผ่านนิ้วหัวแม่โป้ เรื่องการกินอยู่ด้วยผักปลาต้นไม้ใบหญ้าไทยๆ ส่วนเรื่องการพักผ่อน ผมเพิ่งคิดได้ ต่อไปนี้งานขัดห้องน้ำ กวาดใบไม้หน้าบ้าน ตื่นเช้าๆคว้ามากวาดๆๆ เป็นการออกกำลังกายเล็กๆน้อยๆท่ามการแดดอุ่น รดน้ำต้นไม้บ้าง เดินถ่ายรูปบ้าง โปรยข้าวให้นกยูงบ้าง หยอดอาหารให้ปลาบ้าง เป็นเรื่องดีๆทั้งนั้นเลยใช่ไหมละครับ ไม่ต้องไปโปรดสัตว์ที่ไหน โปรดที่ตัวเองนี่ละก่อนอื่น อิอิ

เรื่องสมาธิเรียกสติมาอยู่กับเนื้อกับตัว เช่นการบายศรีสู่ขวัญ มาเย้อขวัญเอย อย่างง่ายๆพื้นๆ ต่อไปก็นั่งสมาธิ สมาทานศีล

พระบอกว่า..ที่เราสมาทานศีล 5 ศีล8 เป็นอาการของศีล

ไม่ใช่ตัวศีล

ตัวศีลคือตัวจิต ตัวเจตนา เจตนางดเว้น

ศีลจึงเป็นรากฐาน เป็นรากเหง้าที่เราต้องศึกษา

สงบกาย สงบวาจา สงบใจ เป็นศีลทั้งหมด

เป็นความสงบที่ยังไม่เป็นสมาธิ

สำหรับผู้ปฎิบัติใหม่ เพียงแต่พยายามให้เกิดความสงบของศีล สงบธรรมดาๆนี่แหละ จิตไม่ฟุ้งซ่าน ซึ่งพวกเราทุกคนทำได้ ส่วนเรื่องสมาธิแว๊บๆอยู่แล้ว มีความแรงกล้าที่จะมาร้านไก่ตะกร้านั่นก็ส่อแววแล้วว่ามีความมุงมั่น มีความตั้งใจสูง อิอิ..

เข้าสู่ภาคประชาชนกันเลยนะครับ

ผมกับคนข้างกายร่วมใจกันอย่างนี้ครับ

06.00-07.00.

เดินไปเก็บสมุนไพร เช่น ใบกระวานฮ๊อก ย่านาง คาวตอง ใบบัวบก เจียวกู้หลาน โหระพา แป๊ะตำปึง หญ้าปักกิ่ง ลูกมะขามป้อม หัวกระชายสด เอามาล้างแล้วนำเข้าเครื่องปั่นกรอง ได้น้ำสมุนไพรสดดื่มช่วงเช้าตรู่คนและแก้ว

09.00-09.30 .

รับประทานอาหารเช้า ส่วนมากจะเป็นผักริมรั้วที่ไปเก็บมาสดๆ มีทั้งยอดตำลึง ยอดฟักทอง ยอดผักหวานบ้าน ยอดบวบ ยอดมะรุม ยอดผักปัง ยอดน้ำเต้า ยอดกะทกรก ยอดมะกล่ำ ถั่วพู ถั่วฟักยาว หัวปลี มะเขือเปราะ มะเขือม่วง ฯลฯ รับประทานสดและลวกจิ้มน้ำพริก เครื่องเคียงจะเป็นปลานึ่ง ต้มปลา ปลาแดดเดียวอบ แกงจืด ซุปเห็ด แกงเลียง แกงส้มบางวันก็จะมีไข่เจียวมะรุม ส้มตำ ยำผักสด หมุนเวียนเข้ามา มื้อเช้าเป็นข้าวสวยสลับข้าวต้ม ถ้าวันไหนรับประทานข้าวสวย จะโรยงาดำคั่ว เด็ดใบโหระพาหรือใบมะยมอ่อน4-5ก้าน รูดเอาใบมาโรยกินกับข้าว นอกจากเพิ่มผักแล้วยังทำให้หายเลี่ยน ส่วนสรรพคุณดียังไง จะเล่าในลำดับต่อไปนะขอรับ

12.30-13.00.

รับประทานผลไม้ หรือน้ำปั่นผลไม้รวม เอาน้ำเสาวรส ฝรั่ง แครอตส้มโอ มะขามป้อมฯลฯ ปั่นๆแล้วเอามาชิมอร่อยเหาะ ไม่ต้องไปง้อชากาแฟ บางวันอาจจะมีขนมบ้างนิดหน่อย บ่ายๆชิมน้ำตะไคร้ใบเตย เรียกว่าโด๊ปแหลกเลยละครับ

16.00-17.00.

รับประทานอาหารเย็น

ส่วนมากจะรับประทานข้าวสวย ปกติจะทานข้าวกล้องมะลิแดง ช่วงนี้ข้าวใหม่จวนจะออกแล้ว สัปดาห์หน้าเสี่ยวที่ทำนาบอกว่าจะสีข้าวใหม่มาฝาก20กก. คนที่เป็นชาวนาจะมีโอกาสได้ลิ้มรสข้าวหอมใหม่ก่อนคนอื่น คุณค่าอาหารน่าจะดีและอร่อยด้วย กับข้าวก็ง่ายๆ ปลาย่างจิ้มแจ่ว แกงจืด แกงส้ม แกงอ่อม แกงแค ถ้านึกถึงพี่น้องชาวเหนือก็ทำน้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกอ่อง นึกถึงสาวๆที่อยู่ทางใต้ก็ทำข้าวยำสไตล์อีสาน แกงป่าแทนแกงเหลือง แค่นี้ก็ซู๊ดซาดได้พะเรอ

: สรุป รับประทานข้าววันละ 2 มื้อ (เช้า-บ่าย)

เลิกกินจุบกินจิบ แค่นี้ก็พอประมาณกับวัยที่ไม่ต้องไปออกแรงอะไร

อิ่มแล้ว

อาบน้ำทาแป้ง (เลียนแบบคนเชียงใหม่)

อ่านหนังสือ

จะไม่รับประทานอะไรอีกเลย

นอกจากน้ำ และยาที่หมอสั่ง

ก่อนนอนก็นั่งทำสมาธิ

อยู่ในช่วงงูๆปลาๆ ยุบบ้าง พองบ้าง

แค่ไหนก็แค่นั้น ไม่ได้คาดคั้นว่าตนเองจะต้องบรรลุทะลุอะไร

เอาแค่ใจปลอดโปร่ง ปล่อยวาง คิดถึงคนสวยบ้างก็เท่านั้น

ขออนุญาตพักชมสิ่งที่น่าสนใจสักครู่นะครับ อิ อิ..

« « Prev : วันนี้ วันหน้า

Next : ลางเนื้อชอบลางยา » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

10 ความคิดเห็น

  • #1 จันทรรัตน์ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 9 ตุลาคม 2009 เวลา 5:53

    ไม่อนุญาตนาน…อยากอ่านอีกค่ะ…อิอิ

  • #2 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 9 ตุลาคม 2009 เวลา 8:04

    ไม่รู้..เข้าข้างตัวเองรึเปล่า
    ทำแค่ไม่กี่วัน พุงยุบ น้ำหนักลดได้ 1 กก.
    ไม่ได้ฝืนอะไร เพราะชอบอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่เอาใจใส่เท่าที่ควร
    ปฏิบัติไปจะคุ้นชิน
    โดยเฉพาะมะขามป้อมปั่นใส่ใบไม้ต่างๆซดโฮก! อร่อยดี

  • #3 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 9 ตุลาคม 2009 เวลา 8:56

    ขออนุญาตพื้นที่ตรงนี้กล่าวถึงป้าหวานว่า ผมเป็นคนธรรมดา แต่สัมผัสป้าหวานด้านในได้ว่า นอกจากหวานแล้วยังมีใจสูงส่ง จริงๆ เธอเป็นสุภาพสตรีที่ทั้งยิ้มหวานและจิตใจหวานอีกด้วย เคารพจิตใจเธอจริงๆ

    อยู่กันแค่ขอนแก่นนั่นแหละแต่ไม่ได้ไปหาเธอ ได้แต่ผ่านไปผ่านมาหน้าร้านเธอ ผ่านทีไรก็มองเข้าไปในร้าน ไม่เห็นเธอหรอกครับเพราะเธอนั่งด้านใน

    ผมนั้นส่วนใหญ่อยู่มุกดาหาร เสาร์อาทิตย์กลับบ้าน ทำอย่างนี้มานับสิบๆปีแล้ว ไม่ว่าไปทำงานนครสวรรค์ ก็กลับทุกเสาร์อาทิตย์ ไปทำงานกรุงเทพฯก็กลับทุกเสาร์อาทิตย์ จนจอมป่วนบอกว่าเป็นคนมีไมล์ขับรถมาก  อิอิ มากกว่าท่านนักการเมืองใหญ่ท่านนั้นอีกมั๊ง

    นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ผมใช้วันหยุดอยู่กับครอบครัวให้มากที่สุด และมีหลายวันหยุดที่เธอก็ตะรอนตะรอนไปทั่วทิศทั่วแดน ผมเฝ้าบ้านกะเจ้าคุ็กกี้ หมาเหม็นๆที่บ้าน(ขนเขายาว อาบน้ำเท่าไหร่ก็เผลอแปลบเดียวก็มีกลิ่นแล้ว อิอิ)   ลูกสาวคนเดียวก็ลุยอยู่บางกอก สร้างสมประสบการณ์ชีวิตการทำงานใหม่ของเธอ
    เพื่อประคับประคองครอบครัวให้เป็นครอบครัว ยังสู้ป้าหวานไม่ได้เลย ป้าหวานมีบุตรสาวน่ารักที่ต้องดูแลตั้งสามคน เลี้ยงลูกเก่งจริงๆ ผมคนเดียวก็แทบกระอักเลือกแล้ว..อิอิ

    นี่ร่ำๆ  จะย่องไปให้ป้าหวานเจาะเอาเลือดไปตรวจสุขภาพซะหน่อย ว่ามีเชื้อ “ลานปัญญา” อยู่มากน้อยแค่ไหน   หรือมีเชื้อ “อิอิ” อยู่เท่าไหร่  กะให้งานซาๆลงคงไปแน่ครับ..

    ไปลุยสนามต่อละครับ.. อิอิ

  • #4 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 9 ตุลาคม 2009 เวลา 10:10

    เชื้อลานปัญญา ท่าจะแรง อิอิ

  • #5 silt ให้ความคิดเห็นเมื่อ 9 ตุลาคม 2009 เวลา 10:22

    ผมอยู่ทางโน้นก็จะกินเพื่อสุขภาพ เป็นหมู่ครับท่านครูบา จะได้อยู่นำกันชั่วฟ้าดินสลาย ช่วยกันกวนใจ บอกอ รอกอด และสาวๆเข็ญหนังสือออกมาอีกสิบเล่ม
    โชคดีที่แม่ครัวที่หงสา มีเวลามากในการหาเก็บผักมาทำเมนูไม่ให้เบื่อ แม้ว่าจะออกพรรษาแล้วก็ยังเผลอกินเจต่ออีกไม่รู้ตัว อิ อิ
    เดิมทีว่าจะแว๊ปไปกวนป้าหวาน เจาะHb A บีซี วันสองวันนี้แหละครับ แอบถามพี่บางทรายถึงร้านไว้แล้ว
    แต่ดูเหมือนจะมีกรรมมาดึงตัวกลับหงสาเสียแล้ว (หรือว่าเป็นบุญมาดึง)เพราะพระอาจารย์ท่านจะพาลูกศิษย์นักศึกษาพระป.โท ไปขอความรู้ ได้ถวายความรู้น่าจะเป็นบุญ เลยตัดสินใจไปขอนแก่นแค่แว๊ปๆ หาหมอแล้วกลับ

  • #6 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 9 ตุลาคม 2009 เวลา 10:22

    ใครได้รู้จักป้าหวาน แสดงว่าภูมิคุ้มกันทางวาสนาสูง
    จงเป็นสุขๆ เถิดชาวฮา

  • #7 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 9 ตุลาคม 2009 เวลา 10:24

    แวะหาป้าหวานสะดวกง่ายกว่า แวะไปหากิ๊กอีก นะท่านปาลียอน
    ช่วยเขียนเรื่องทำนองนี้ที่หาสามาแลกเปลี่ยนกันหน่อย

  • #8 Panda ให้ความคิดเห็นเมื่อ 9 ตุลาคม 2009 เวลา 11:11

    ผมเปล่านะครับ…ได้ยินเขาพูดกัน…อิอิ

  • #9 ป้าหวาน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 9 ตุลาคม 2009 เวลา 17:54

    อุอุ อิอิ  เดี๋ยวป้าหวานก็ลอยกันพอดี  พี่บางทรายและอาเปลี่ยนน่าจะมาก่อนพ่อครูอีกนะคะ  เพราะอยู่ขอนแก่น มาขอนแก่นกันอยู่บ่อยๆ  ถ้าไม่มีโอกาสได้ตรวจ  ป้าหวานจะเสียใจที่ไม่มีโอกาสดูแลกันนะคะ ขออย่าคิดเป็นอื่นไกลค่ะ  มาให้ตรวจเสียดีๆ …ปรึกษาเฮียเหลียงได้ว่า จะต้องทำใจอย่างไร   อิอิ

    ขอชื่นชมยกย่องพ่อครูจากใจเลยค่ะที่ ปรับเปลี่ยน การกิน การนอน อาหาร จิตใจ ทุกๆอย่าง
    สิ่งที่พ่อครูทำนั้นวิเศษ ยิ่งกว่ายาชนิดไหนๆ 
    ป้าหวานก็เพิ่งพบว่าแท้จริงเราได้ต้นทุนกันมาทุกคน  แต่ใครจะเรึยนรู้  เข้าใจ ปรับตัว ปรับใจ
    ได้อย่างไร ต่างหากที่จะทำให้เราเป็นเช่นไร เพราะความสุข ความทุกข์ มาได้หลายรูปแบบ
    เรามองเป็นไหม  สิ่งที่เรามี คนอื่นอาจจะไม่มี สิ่งที่คนอื่นมีเราอาจไม่มี  อยู่ที่เราทั้งนั้นจะทำอย่างไร

    น้ำผัก ใบไม้ สมุนไพร ต่างๆ มีคุณค่าทางอาหารสูงมาก  ทั้งสร้างเม็ดเลือด ช่วยจับอ๊อกซิเจน ช่วยฆ่าเชื้อโรคทางตรง
    ด้วยฤทธิ์ ของมัน และช่วยสร้างทหารในกายของเราไว้สู้เชื้อโรคอีกด้วย  เรียกว่าได้ทั้งระยะสั้น ระยะยาว เลยเชียว
    วิตามินซีในผัก ผลไม้ ยังไปทำลายสะพานเชื่อมโยงระหว่างเซลล์มะเร็งด้วย จะไม่ว่าวิเศษได้อย่างไร…

    ส่วนยอดผัก ต่างๆมักมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง บางชนิดสูงเป็น 3 เท่าของใบ ซึ่งสารนี้จะแย่งจับตำแหน่งสำคัญ
    ที่อนุมูลอิสระจะมาจับ  แข่งกันจับ ใครทานแต่อาหารแปรรูป และ เนื้อสัตว์มากๆ อนุมูลอิสระก็มาก  มันจะไปจับทุกที่ๆว่าง
    ที่จับได้  ทำให้ขั้นตอนการเจริญของเซลล์ผิดปกติไป เพราะการถ่ายทอดสื่อสารผิดไป กลายเป็นโตไม่ยอมหยุดได้ กลายเป็น
    เนื้องอกเบื้องต้น  ที่อาจเจอองค์ประกอบอื่นๆทำให้เป็นเนื้องอกแบบร้ายแรงคือมะเร็งได้

  • #10 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 10 ตุลาคม 2009 เวลา 0:01

    –ขอบคุณป้าหวานที่มาต่อยอดความรู้ อิอิ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.16174697875977 sec
Sidebar: 0.04967999458313 sec