การออกจากสิ่งที่เป็นทุกข์

โดย ป้าหวาน เมื่อ 23 ตุลาคม 2010 เวลา 6:07 (เช้า) ในหมวดหมู่ คำสอน #
อ่าน: 1886

เนื่องในวันออกพรรษาในปี 2553 นี้ ขอนำคำเทศนาของหลวงปู่พุทธทาส

มาเป็นของขวัญ ของฝาก แด่ทุกๆท่าน และเป็นสิริมงคลแก่ตนและกัลยาณมิตรค่ะ

ฟังเสียงบรรยายธรรมของหลวงปู่ได้จาก..

http://www.dhammathai.org/sounds/buddhadasa4.php

ตัวอย่าง.บางส่วน….
…………………………………………………………………………

วันออกพรรษาวันนี้ขอโอกาสพิเศษไม่เทศน์ตามทำเนียม เพราะไม่มีแรง…
………………………………………………………………………..
ขอเอาแต่ประโยชน์ก็แล้วกัน
………………………………………………………………………..
เรื่องปวารณาและออกพรรษา

………………………………………………………………………….
ออกจากสิ่งผูกพันธ์
…………………………………………………………………………..
ออกจากภาระหนัก
…………………………………………………………………………..
ออกจากความเป็นคู่
…………………………………………………………………………..
ออกจากความหลงในวัตถุ
…………………………………………………………………………..
ออกจากความหลงในตัวตน
…………………………………………………………………………..

Post to Twitter Post to Facebook

« « Prev : Temperature and oxygen in the changer role.

Next : เติมเต็มหัวใจที่ Hug Shcool » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

5 ความคิดเห็น

  • #1 ป้าหวาน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 23 ตุลาคม 2010 เวลา 7:45 (เช้า)

    ออกมาเถิดออกมาเสียจากสิ่งผูกพันธ์
    ขอให้ออกได้มากกว่าปีที่แล้วมา แม้จะไม่หมด
    ออกจาก อำนาจของอวิชชา ไม่รู้สิ่งที่ควรรู้
    ออกมาเสียจากภาระหนัก ที่ยึดไว้คือขันธ์ทั้ง 5
    เรามักเอาเนื้อหนังร่างกายเป็นตัวตน
    มีดบาดนิ้ว บอกว่ามีดบาดกู
    เวทนาเป็นภาระหนัก
    ธรรมชาติสร้างมาอย่างนั้น
    ไม่ใช่กูเป็นผู้ทำ
    การรู้เห็นได้กลิ่นสัมผัสต่างๆนั้นเกิดตามธรรมชาติ
    แต่เราไปยึดว่าเป็นกู เป็นของกู ยึดมั่นในขันธ์5
    ให้ออกมาเท่าที่จะทำได้ ออกคราวนี้ ให้ออกมาได้มากกว่าปีที่แล้ว
    คือ ออกพรรษา

    ออกมาจากความเป็นคู่
    ดีใจ เสียใจ
    สุข ทุกข์
    ดี ชั่ว
    ไม่ทั้งคู่ เหนือความเป็นคู่
    เหนือดี เหนือชั่ว หยุดเสีย อิทธิพลของ ดี ชั่ว
    ไม่เช่นนั้น พระพุทธเจ้าคงไม่ต้องชี้ทางนิพพาน

    ไม่แพ้ ไม่ชนะ
    ไม่ได้เปรียบ ไม่เสียเปรียบ
    รู้จักของเป็นคู่ ให้หมด แล้วออกมาเสียจากอิทธิพลของมัน
    ความดีเป็นเหตุให้ดูถูกผู้อื่น เมาดี หลงดี
    แม้ว่ามันจะดีกว่าชั่ว แต่ถ้าหลงมันก็จะเกิดชั่ว
    เคยเกิดมากน้อยเท่าไรก็ลดลงเสียบ้าง
    ออกมาเสียจากการถูกลวง
    นั่นคือออกมาสู่ธรรมสูงสุด

    ออกจากความลุ่มหลงในวัตถุ

    กุฎิของพระพุทธเจ้าเสื่อสักผืนยังหายาก
    ไปไหนท่านไม่มีรถยนต์ยังไปได้
    ท่านเป็นอยู่ต่ำสุดทางวัตถุ
    แต่สูงยิ่งด้วยสมาธิ จิตใจ รู้แจ้ง สูงสุด
    เราเป็นศิษย์ของท่านได้อย่างไร

    ออกจากความทุกข์
    จะไปเกณฑ์ผีสางเทวดามาช่วยได้อย่างไร
    อย่าไปหลงในไสยศาสน์
    ออกมาจากความกลัว ความอ่อนแอ

    สิ่งสุดท้าย ที่เลวร้ายที่สุด คือ หลงในตัวกู
    อะไรก็กู มันแฝงอยู่นทุกสิ่ง
    ถ้าหลงตัวกู ก็ต้องหลงของกู แน่นอน
    ออกมาเสียจาก ความหลงแห่งตัวกู
    ไม่มีตัวกู ก็ไม่มีของกู
    ไม่มีของกู ก็ไม่มีของมึง
    ตัวกูนั้นมันไม่มีจริง
    ความรู้ที่ควรมีคือความหลงเรื่องตัวกู
    ออกมาเสียจากความหลงเรื่องตัวกู
    จิตนี้เป็นอิสระ เกลี้ยงเกลา
    เอาตัวกูออกไปเสียได้ก็จบ
    จิตต้องช่วยตัวเอง
    ขอให้ทุกคนมีความก้าวหน้าในเรื่องนี้
    ออกไป ออกไป ออกไป ออกไปเสียจากสิ่งที่เป็นปัญหา
    ออกพรรษา ไม่ใช่ ใส่บาตรโว้ย ไม่ใช่ แห่พระ โว้ย

    จะสูง จะไกล ไปสักหน่อยแต่ไม่เหลือวิสัย
    อย่าให้ความโง่ของเรา ทำให้คิดว่าเหลือวิสัย

    ( ถ่ายทอดคำพูดบางส่วนของหลวงปู่ )
    ……….สาธุ

  • #2 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 23 ตุลาคม 2010 เวลา 8:43 (เช้า)

    สาธุค่ะ _/\_

    เอ เห็นป้าหวานบอกไม่มีแรง…เป็นอะไรหรือเปล่าคะ

  • #3 ป้าหวาน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 23 ตุลาคม 2010 เวลา 9:18 (เช้า)

    สวัสดีค่ะ น้องเบริ์ด อิอิ ตรงนั้น ยกคำพูดของหลวงปู่มาค่ะ
    ช่วงที่บรรยายธรรมครั้งนั้น หลวงปู่ท่านไม่ค่อยมีแรง
    ท่านจึงขอพูดแทนเทศน์ค่ะ ป้าหวานสงสัยว่า ต่างกันอย่างไรนะคะ
    มีใครจะอธิบายให้ฟังบ้างหนอ ระหว่างเทศน์กับบรรยาย (พูด )

  • #4 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 23 ตุลาคม 2010 เวลา 8:17 (เย็น)

    ตามความเข้าใจของผมนะครับป้าหวาน เทศน์ คือการ เอาหลักคำสอนของพระพุทธเจ้ามาอ้างอิง แล้วใช้ภาษาของเราอธิบายขยายความ และเทศน์จะต้องมีคำบาลีขึ้นต้นลงท้าย ส่วนบรรยาย พูด นั้น เอาความคิดเห็นในโลกมาอธิบายขยายความกันเท่านั้น ไม่มีบทขึ้นต้นลงท้ายตามปรพเพณีปฏิบัติของการเทศน์ การเทศน์จะต้องมีผู้นำอาราธนา หรือนิมนต์พระท่านเทศน์ตามหลักที่กำหนดมา ส่วนการบรรยายนั้นไม่มีตรงน้ี หรือ มีแต่ไม่ใช่แบบแรก ผิดถูกเชิญผู้รู้ไขเถิด แค่อยากแสดงความเห็นอ่ะ

  • #5 ป้าหวาน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 ตุลาคม 2010 เวลา 9:11 (เช้า)

    ขอบพระคุณพี่บางทรายค่ะ สาธุ ป้าหวานคิดแบบเดียวกับพี่บางทรายค่ะ เมื่อคราวฟังชุดอื่นท่านมีขึ้นต้นด้วย นโมตัสสะ น่าจะเป็นการเทศน์
    นั้นคือมีพีธีการ หรือ ไม่มีพิธีการนะคะ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.39872193336487 sec
Sidebar: 0.25890803337097 sec