รักคนไกล ระอาคนใกล้
ปลูกป่า รักต้นไม้ทั่วทั้งโลกนั้น บางครั้งกลับง่ายกว่ารักต้นไม้ในบ้าน
เราพร้อมจะไปปลูกป่าทั่วทุกหนแห่ง แต่คร้านที่จะดูแลต้นไม้ในบ้าน
ปลูกป่านอกบ้านไม่ใช่เรื่องยาก แค่หย่อนกล้าไม้ลงหลุมแล้วกลบ
จากนั้นก็กลับบ้านได้เลย แต่ปลูกต้นไม้ที่บ้านสิ เรายังต้องรดน้ำพรวนดินใส่ปุ๋ยนานนับปี
ครั้นต้นไม้เติบโตสูงใหญ่ ก็ยังต้องเสียเวลากวาดใบไม้ร่วงไม่หยุดหย่อน
วันดีคืนดีกิ่งไม้อาจตกมากระแทกหลังคาเป็นรู
เป็นเพราะต้นไม้นอกบ้านให้แต่สิ่งดี ๆ
มีแต่สิ่งที่น่าชื่นชม ไม่เป็นภาระแก่เราเลย
เราจึงรักเขาได้ง่าย ส่วนต้นไม้ในบ้านนั้นเรียกร้องการดูแลเอาใจใส่จากเรา
แถมยังอาจก่อปัญหาให้ด้วย หลายคนจึงมองเห็นแต่ข้อเสียของเขา จนรู้สึกระอาขึ้นมา
เป็นเพราะเหตุผลเดียวกันนี้หรือเปล่า
ผู้คนเป็นอันมากจึงรักและชื่นชมคนอื่นได้ง่ายกว่าคนในบ้าน
เราเห็นแต่ความดีของคนไกลตัวเพราะเขาไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเราเลย
ส่วนคนในบ้านนั้นอยู่ใกล้กับเรามากเกินไปจึงเห็นแต่ข้อเสียของเขา
หรือเห็นเขาเป็นภาระที่ต้องดูแลเอาใจใส่จนกลบข้อดีของเขาไปเกือบหมด
ผลก็คือเรามักสุภาพอ่อนโยนกับคนไกล แต่มึนตึงฉุนเฉียวง่ายมากกับคนใกล้ตัว
อะไรก็ตามยิ่งอยู่ใกล้ตัวมากเท่าไร เราย่อมหน่ายแหนงและระอาได้ง่ายมากเท่านั้น
ที่แล้วมาเราอาจมองข้ามไปเพราะคุ้นชินความดีที่เขาทำกับเราจนมองเห็นเป็นเรื่องธรรมดา
เพลงที่แสนไพเราะ หากได้ฟังทุกวันทุกคืนก็กลายเป็นเพลงดาษ ๆ
ไม่มีเสน่ห์สำหรับเรา ฉันใดก็ฉันนั้น
คำพูดที่ไพเราะของภรรยา น้ำใจของสามี หรือความใส่ใจของพ่อแม่
หากเราได้ยินได้ฟังหรือได้รับติดต่อกันเป็นปี ๆ หรือนานนับสิบปี
ก็กลับกลายเป็นสิ่งสามัญจนเรามองไม่เห็นความสำคัญ
ไม่ต่างจากอากาศที่เราไม่ค่อยเห็นคุณค่าทั้ง ๆ ที่ขาดมันไม่ได้เลย
น่าแปลกก็ตรงที่หากคนใกล้ตัวทำผิดพลาด
หรือสร้างความไม่พอใจแก่เรา แม้เพียงครั้งเดียว
การกระทำนั้น ๆ กลับฝังใจเรา
ได้นานหรือลึกกว่าความดีที่เขาทำกับเรานับร้อยนับพันครั้ง
ใช่หรือไม่ว่าเวลาเขาทำดีกับเรา เรามองว่านั่นเป็น “หน้าที่ของเขา”
หรือเป็น “สิทธิที่เราควรได้รับ”
แต่เมื่อใดที่เขาทำไม่ดีกับเรา ทำให้เราไม่พอใจ
เรากลับมองว่าการกระทำเช่นนั้นเป็น “สิ่งที่ไม่สมควร”
เป็นเรื่อง “ไม่ธรรมดา” ดังนั้นจึงฝังใจเราได้ง่ายกว่า
อันที่จริงเขาอาจไม่ได้ทำผิดพลาดเกินวิสัยปุถุชน
แต่ความที่เรามักจะมีความคาดหวังสูงจากคนใกล้ชิด
ความผิดพลาดของเขาแม้เพียงเล็กน้อยก็ทำให้เราหัวเสีย
ขุ่นเคือง หรือน้อยเนื้อต่ำใจได้ง่ายและนาน
คนในบ้านหรือคนใกล้ตัวนั้น ไม่ว่าจะดีแสนดีเพียงใด
ก็ย่อมมีวันที่ต้องกระทบกระทั่งกับเราบ้าง
แต่หากเราไม่ฝังใจอยู่กับเหตุการณ์เหล่านั้น
หันมามองและชื่นชมคุณความดีของเขา
เปิดใจรับรู้ความรักที่เขามีต่อเรา เราจะรักเขาได้ง่ายขึ้น
และตระหนักว่าเขามีความสำคัญต่อชีวิตของเรายิ่งกว่าคนไกลตัวเสียอีก
อย่ารอให้เขาจากไปเสียก่อนถึงค่อยมาเห็นคุณค่าของเขา
ถึงตอนนั้นก็สายไปเสียแล้ว
เพราะใจที่ชอบเห็นแต่แง่ลบมากกว่าแง่บวก
มิใช่แค่ต้นไม้ในบ้าน หรือคนในบ้านเท่านั้น
หากยังรวมถึงทรัพย์สมบัติในบ้านด้วย
แต่นั่นยังไม่ใกล้เท่ากับร่างกายและจิตใจของเราเอง
รักคนไกล ระอาคนใกล้
อ่านมาจาก http://www.visalo.org/article/Image255209.htm
เขียนโดย ภาวัน นิตยสาร IMAGE กันยายน ๒๕๕๒
นำบางส่วนมาให้อ่านค่ะ โปรดอ่านจากต้นฉบับ และ ขอขอบคุณผู้เขียนอย่างยิ่งค่ะ
« « Prev : ท่านขงเบ้งจะลงโทษตนเองอย่างไร (ต่อ)
Next : ติดดี » »
15 ความคิดเห็น
ขอบคุณนะครับ ผมเอาไปเผยแพร่ต่อที่บล็อกอื่นและในทวิตเตอร์ ซึ่งก็มีคนเผยแพร่ต่อไปอีกหลายทอดอย่างรวดเร็วครับ
ขอบคุณมากค่ะ คิดเหมือนกันเลยที่เห็นประโยชน์ต่อ ครอบครัว ทุกเพศ ทุกวัย ขอบคุณผู้เขียนอีกครั้งค่ะ
อย่ารอให้เขาจากไปเสียก่อนถึงค่อยมาเห็นคุณค่าของเขา แฮ่ๆๆ ป้าหวานเพิ่งมาตระหนักเอาเมื่อลูกโตแล้วนี่ละค่ะ เพราะก่อนหน้านี้เอาแต่ใจ เอาใจใครบ่เป็น ขอบคุณป้าหวานนะคะ
เป็นเรื่องใกล้ตัวจริงๆค่ะ ใจคนเราคล้ายๆกัน เพียงแต่ใครจะเรียนรู้ ใส่ใจในการดูแลใจ หรือ ปล่อยใจ ไม่เท่ากัน เราอาจไม่รู้เลยว่าเราเป็นอย่างนี้ ถ้าไม่เจอกระจก อยากให้ใครๆก็เข้าใจนะคะ ขอบคุณค่ะ
คนเรามักเห็นคนอื่นดีกว่าคนใกล้ตัว เห็นสิ่งอื่นที่ไม่ใช่ของเราดีกว่า ของที่เป็นของเรา เสมอ มีคำขวัญของ สถาบันขวัญเมืองที่เชียงรายกล่าวว่า ” ดูแลคนใกล้ชิดดุจดั่งอาคันตุกะ “ การละเลยคนใกล้ชิดเพราะเกิดจากความชินชา เป็นอะไรที่เห็นบ่อยๆ ค่ะ ป้าหวานนำมาเผยแพร่ ได้สะกิดใครได้อีกหลายๆ คน รวมทั้งอะฮั้นด้วยค่ะ
บทความนี้กระแทกใจจริงๆ ขอบคุณป้าหวานครับ
ขอบคุณพี่บางทรายและคุณหนิงค่ะ เป็นการเรียนรู้ธรรมชาติของใจนะคะ ถ้าเราได้รู้แบบนี้เหมือนเราได้รู้ที่มาที่ไปและเมื่อมาอีกเราก็จะจำได้ พระอาจารย์ไพศาลกล่าวว่า เรามี ตา หู จมูก ลิ้น กาย ตั้ง 5 อย่างไว้รับรู้จากภายนอก แต่เรามีใจเพียงอย่างเดียว ไว้รับรู้ภายใน จึงเป็นธรรมดา 5ต่อ 1 เราจึงรับรู้ภายนอกได้เร็ว ได้ง่าย แต่ภายในบางทีเราไม่รู้เลย เรามักอยากให้ใครๆรู้ใจเรา แต่ถามว่าเราสนใจ ใจของตัวเองหรือเปล่า เรายอมให้สิ่งต่างๆมากระทบใจเรา และพาใจเราไปทางนั้น ทางนี้ ตลอดเวลา ยอมให้ใจเราเป็นทาสสิ่งแวดล้อม เป็นทาสของอารมณ์ และ ความคิด
ของตาย ?!? เมื่อสามเดือนที่แล้วครับ
ขอบคุณท่านลอกอสค่ะ ตามไปได้อีกเยอะเลย ขอบคุณน้องเบริ์ดด้วยค่ะ
น่าชวนป้าหวานมาขึ้นเวทีสุขภาพแห่งชาติคราวหน้า
อิอิ อิอิ บ่ไปด็อก….ไปสวนป่าดีกว่า แคว๊กๆๆๆ
คนที่เข้าใจธรรมชาติ อยู่กับธรรมชาติ เข้าใจธรรมชาติ ความเป็นจริงของธรรมชาติ ย่อมเข้าใจความเป็นจริง
เหนือสิ่งอื่นใดต้องปฏิบัติเป็นอาจิน ก็ได้ผลทำให้ครอบครัวมีความสุข เป็นธรรมชาติค่ะ
ขอบคุณค่ะป้าหวานที่นำสิ่งดีๆ มากฝากชาวเฮฯค่ะ
ขอบพระคุณอาม่าอย่างยิ่งที่แวะมาค่ะ
สาธุ ขอบคุณอากงค่ะ