สันเก๊าไม้แดง …แห่งความหลัง
อ่าน: 1388เมื่อมีโอกาสไปเยี่ยมเยือนแนะนำเวียกงานการห้างหาตระเตรียมการสร้างสาสวนใหม่ของพี่น้องนาหนองคำ ภาพที่เห็น เด็กชายนั่งปั้นข้าวเหนียวกินอยู่ที่ขนำ เถียงหรือสนำหรือขนำที่ยังมีเพียงโครงหลังคาส่วนฝาและพื้นยังไม่มี เจ้าหนูนั่งบนกระสอบผืนขาดๆ ข้างกายมีกระติ๊บข้าวกับแกลลอนน้ำปั้นข้าวกินอย่างเอร็ดอร่อย พ่อแม่วัยหนุ่มสาวขะมักเขม้นขุดหลุมเตรียมปลูกต้นไม้ตามคำแนะนำของวิชาการโครงการ
แทนที่ตามปกติจานเปลี่ยนจะตรวจดูสามสี่หลุม พูดคุยให้กำลังใจทีมงานและเจ้าของสวน ถ่ายรูปแล้วเคลื่อนไปสวนถัดไป สายๆก็กลับมาเขียนรายงาน (ก็เป็นที่ปรึกษาหญ่าย…หึ หึ) แต่สำหรับสวนนี้ ภาพที่เห็นทำให้ผมต้องฝืนสังขารลากเท้าเดินไปตรวจ ลึกเข้าไปจนเกือบทั่วแปลงจนทีมงานชวนให้เคลื่อนขบวนจึงค่อยปีนป่ายขึ้นภูกลับมาขึ้นรถ อยากอยู่ช่วยซุกยู้ครอบครัวนี้ สวนแห่งนี้น่าจะเป็นอนาคตของครอบครัวเล็กๆนี้ พร้อมกับแอบจดไว้ว่าต้องมาติดตามบ่อยๆ
ภาพเจ้าหนูนั่งปั้นข้าวในขนำ ทำให้นึกย้อนคืนภาพในอดีต สันเก๊าไม้แดง…แห่งความหลัง
สัน คือที่ดอนอยู่หัวนาตามปกติเป็นที่ปลูกผักปลูกไม้ หากต้องการขยายที่นาก็จะขุดบุกเบิกไปตามกำลังแรงงานและความจำเป็นของครอบครัว บางแห่งเจ้าของก็ใช้เป็นที่ปลูกเถียงนา บางแห่งก็เอาไว้ปลูกฝ้ายปลูกนุ่นปลูกปอและไม้ไผ่
สันเก๊าไม้แดง ชาวบ้านเรียกกันอย่างนั้นเพราะมีต้นไม้แดงต้นใหญ่เหลือยืนต้นเด่นเป็นสง่าอยู่ต้นหนึ่ง เป็นที่ดอนขนาดค่อนข้างกว้างมีห้วยล้องคำอยู่ด้านเหนือส่วนอีกสามด้านล้อมรอบด้วยทุ่งนา จำไม่ได้ว่าเจ้าของที่ดินเป็นผู้ใด อาจเป็นที่ดินที่ไม่มีใครจับจองเพราะเป็นดอนสูงบุกเบิกทำนาไม่ได้ หรือเป็นที่ของเจ้าของนารอบๆข้างแต่ใจดีให้พี่น้องมาปลูกผักปลูกหญ้าช่วยไล่หนูพุกไม่ให้มากัดกินข้าวในนา
ครอบครัวพ่อแม่กับบ่าอ้ายลูกโตนคนคึ ได้ยึดเอาสันเก๊าไม้แดงเป็นที่ปลูกผักปลูกหญ้าเลี้ยงตัวมาหลายปี ภายหลังจากที่เริ่มสร้างครอบครัวจากจุดเริ่มต้นด้วยอาชีพรับจ้างทำไร่ไถนา หาปลาขาย ทำนาผ่าครึ่งแบ่งข้าวกับเจ้าของที่นา จนได้มาจับจองที่ดินจัดสรรที่บ้านแพะที่ยังเป็นป่าหญ้าคาหนาทึบ กับตอไม้มากมาย ระหว่างสามสี่ปีแรกที่พ่อขุดตอไม้บุกเบิกผืนนาน้ำฟ้าในพื้นที่จัดสรร เราก็ได้พึ่งพาอาศัย “สันเก๊าไม้แดง” เป็นที่ปลูกผักหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว ผักแบบที่พาสาปะกิดน่าจะเรียกว่า Cash crops
พ่อแม่ออกจากบ้านแต่เช้า ขุดแปลงผัก เพาะกล้า ย้ายปลูก รดน้ำ ถอนหญ้า ตัดผักล้างผักจัดผักลงเข่ง ขนไปวางรวมกับเพื่อนบ้านที่จุดรวมผักริมถนนดำสายเชียงใหม่-ฝาง ลุงเจ็กโอ๋กับเจ๊เฮียงจะมารับซื้อแล้วขนใส่รถเข้าไปขายในเวียง
สมัยสี่สิบห้าปีที่แล้ว ผักที่ปลูกจำได้ว่ามีกะหล่ำดอก กะหล่ำปลี ผักกาดขาวปลี ผักกาดหางหงส์ หน้าหนาวก็ปลูกถั่วลันเตา สมัยนั้นเข่งใส่ผักเป็นเข่งไม่ไผ่สานมีไส้ตรงกลางเป็นที่ระบายความร้อน หากเป็นกะหล่ำปลีเวลาตัดต้องทาที่รอยตัดด้วยปูนแดง นัยว่าทำอย่างนี้แล้วป้องกันไม่ให้กะหล่ำเน่าสามารถส่งขึ้นรถไฟไปขายกรุงเทพได้
แล้วบ่าอ้ายลูกโตนไปทำอะไรที่สันเก๊าไม้แดง บ่าอ้ายเป็นเด็กฝาก(เลี้ยง)(ก็คนน่าฮัก…หุ หุ) ฝากอุ้ยคนนั้นเลี้ยงบ้าง ฝากปี้สาวคนโน้นดูแลบ้าง แต่บางวันหากพี่สาวพาไปโลดโผน ไปหาขุดจิ้งกุ่ง หาเขียดมาปิ้งให้น้องกินจนนอนละเมอกลางคืน แม่ก็จะจัดการพาบ่าอ้ายลูกโตนไปนั่งควบคุมอยู่ในสายตาตลอดซาวสี่ชั่วโมง ก็ไปนั่งบนเสื่อก้อมผืนเล็กๆใต้ต้นไม้แดง นั่งนิ่งๆไม่ขยับออกพ้นเสือ หาเก็บเมล็ดไม้แดงไว้ให้แม่คั่วแต่ยื่นมือหาจากในเสื่อไม่ยอมลงดิน แมงแสนตีน(กิ้งกือ)เจ้ากรรมก็ชอบแกล้งเดินขึ้นบนเสื่อ บ่าอ้ายก่อ”หุย”จนกว่าผู้ใหญ่จะมาจับออก
นานๆครั้งที่เราต้องตัดผักไปขายเองในเวียง วันนั้นบ่าอ้ายได้ใส่ชุดใหม่ไปขายผักกับอี่ป้อที่กาดหลวง พ่อขายผักเสร็จก็ซื้อเมล็ดพันธุ์ผักต่อ ก่อนกลับพ่อมักพาไปกินจิ้นลาบที่คิวรถ บ่าอ้ายจะได้กินต้มข่าไก่ใส่กะทิ ลำแต้ลำว่า ถ้าหากไปกับแม่ๆจะพาไปกินขนมจีนที่กาดใต้ดินเข้าหนมเส้นจานแบนๆเล็กๆกินหมดไวจริงๆกินยังไม่ทันหายอยาก
สันเก๊าไม้แดงนี่เอง ที่บ่าอ้ายคนดื้อแอบหนีพี่เลี้ยงไปตามหาพ่อแม่ แต่ตัวมันสูงไม่พ้นดงข้าวมันเลยหลงเดินวนในคันนาจนม่อยหลับ บ้านแพะถูกพลิกแผ่นดิน บ่อน้ำทุกบ่อถูกวิดงมหา แต่บ่าอ้ายกลับหลงวนจนม่อยหลับบนคันนา โดนอี่แม่แก้ผ้ามัดติดต้นมะม่วงเอามดแดงกัดซะให้เข็ดหลาบ
จำไม่ได้ว่าพ่อกับแม่เลิกปลูกผักที่สันเก๊าไม้แดงตอนไหน คงจะเป็นตอนที่ไร่นาผาต้างที่บ้านแพะได้รับการบุกเบิกจนเพาะปลูกได้ผลดีแล้ว หรือไม่ก็ตอนที่มีโรงบ่มใบยามาตั้งที่ใกล้บ้านพ่อหันมาปลูกยาสูบแทนปลูกผัก
เล่าฟื้นความหลังตัวเอง
แต่ในนั้นก็อยากแฝงเรื่องราววิถีการปลูกฝังเมื่อครั้งก่อน
คนเฮาเมื่อวำเข้าเลขห้าไปตางหน้า ย่อมมักเล่าความหลัง อิ อิ
อยากจะบอกเจ้าหนูในรูปให้ตั้งหน้าอย่าท้อถอย อยากบอกเจ้าว่าตาลุงที่นั่งรถคันโก้มีบริวารล้อมหน้าหลังที่เดินยักแย่ยักยันมาถ่ายรูปเจ้านั้น
เคยนั่งอยู่ตรงที่เจ้ามาก่อน
สู้ สู้ต่อไปเจ้า โตขึ้นจะเป็นอะไรก็ได้ขอให้เป็นคนดี