ไม้เป็นยา

โดย silt เมื่อ 21 พฤษภาคม 2012 เวลา 1:30 (เช้า) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1547

แอบพักสมองกับงานเขียนรายงานที่ไม่รู้จักจบสิ้น ส่งเล่มนั้นแล้วก็ต่อเรื่องนี้ พอมีช่วงให้พักหายใจหายคอก็ต้องแวบออกไปท่องเก็บเกี่ยวเรื่องน่ารู้ในโลกไซเบอร์ซะหน่อย wikipedia เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ไม่น่าเบื่อครับ

วันนี้ไปสะดุดกับประโยคที่ว่า   85% of the world’s star anise is grown in Guangxi. It is a major ingredient in the antiviral Tamiflu. ( ที่มา Guangxi - Wikipedia, the free encyclopedia.mht) แปลได้เลาๆ ได้ความว่าที่กวางสีนี่เป็นแหล่งปลูกอะไรสักอย่างที่ใช้ผลิตยาทามิฟูล์ที่เคยช่วยรักษาเราตอนป่วยเป็นไข้หวัดไก่หวัดนกเมื่อสองปีก่อนนี่นา แล้วเจ้า star anise นี่มันต้นอะไรหว่า แล้วทำไมถึงไปปลูกกันเยอะที่กวางสีของชาวจ้วงประเทศจีนโน่น แถมพี่วิกิยังบอกว่าสัดส่วนการปลูกเยอะมากๆ ถ้าอย่างนั้นหากอาเฮียสมาคมพ่อค้ากวางสีโก่งราคาขึ้นมาแล้วค่ายาจะมิแพงขึ้นรึ ว่าแล้วก็ขอกินเวลางานสักครึ่งชั่วโมงไปถามครูกรูเกิ้ล(อย่าว่ากันเด้อเดี๋ยวทำงานชดใช้ให้ตอนเย็น) ครูบอกมาว่า อาตี๋ใจเย็นๆได้แล้ว เดี๋ยวนี้เขามีทางเลือกใหม่ให้คุณพี่ อีคอลาย (E. coli) สังเคราะห์ยาแทนได้แล้ว เฮ้อค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย

จันทน์แปดกลีบ หรือ โป๊ยกั๊ก เป็นคำเฉลยหรือคำตอบที่ค้นหาครับ เจ้าต้นไม้ที่ว่ามีชื่อไทยชื่อจีนเป็นเช่นข้างต้นนั่นเอง ท่านกล่าวไว้ว่าเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางที่มีถิ่นกำเนิดในเมืองจีน เป็นพืชเครื่องเทศที่รู้จักกันมาช้านาน มีสรรพคุณทางยารักษาได้หลายอาการ ใช้เป็นเครื่องปรุงอาหารหลายสัญชาติ ที่คุ้นลิ้นกัน อาทิเช่น บักกุดเต๋ เนื้อตุ๋นยาจีน หมูพะโล้ ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ เป็นต้น

เดิมทีพืชเครื่องเทศชนิดนี้ก็คงอยู่ตามป่าตามเขาตามธรรมชาติ หรือการปกปักรักษาต้นกล้าให้เติบใหญ่ในที่ดินของชาวบ้าน แล้วก็เก็บไปขายไปใช้ในท้องถิ่น ส่งขายต่างถิ่นเล็กๆ น้อยๆตามความต้องการของท้องตลาด (นึกถึงมะแข่วนของชาวไทเหนือ ทุกวันนี้ที่เชียงฮ่อนก็เป็นลักษณะนี้) จนกระทั่งมีการปลูกเป็นพืชการค้าที่ดินแดนชาวจ้วงกวางสีชนชาติที่ หมอด็อดด์(Willium Clifron Dodd D.D.) เคยไปเยี่ยมยาม เมื่อราวปี ๒๔๖๐ แล้วเขียนไว้ในหนังสือ The Tai Race ว่าเป็นเผ่าไทสาขาหนึ่ง

ความต้องการโป้ยกั๊กเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อมีการค้นพบว่า สามารถนำมาสกัดเอาตัวยามาผลิตเป็นยาแก้ไข้หวัดใหญ่ โดยเฉพาะเมื่อมีการระบาดของโรคในปี ๒๕๔๘ และการระบาดของไข้หวัดหมูในปี ๒๕๕๒

ทั้งหมดทั้งมวลที่ร่ายยาวมาข้างต้น อยากชี้ให้เห็นถึงคุณประโยชน์ของพืชสมุนไพรชนิดนี้ ลองนึกดูว่า ก่อนที่จะสามารถพัฒนากระบวนการผลิตยาทามิฟูลด้วยวิธีใหม่ ในยุคแรกๆนั้นต้นโป้ยกั๊กช่วยชีวิตคนไว้ได้กี่มากกี่น้อย คิดไปถึงต้นซิงโคน่าที่ใช้ผลิตยาควินิน หากไม่มียาแก้มาเลเรียชนิดนี้ชาวอาณานิคมยุโรปก็คงไม่อาจขยายถิ่นฐานมายังเขตร้อนได้ ตลอดจนนึกไปถึงพืชสมุนไพรอื่นๆที่ช่วยรักษาชีวิตคนในเขตชนบทห่างไกล

ฟันธงว่า หากโลกไร้พืชพรรณธรรมชาติ ถ้าหากไม่มีป่าไม้ มวลมนุษยชาติย่อมมอดม้วยไม่ทางใดก็วันหนึ่ง ช่วยๆกันรักษาป่าปกปักอนุรักษ์พืชพื้นถิ่นต้นไม้พื้นเมืองไว้บ้างเถิด ไม่แน่นักวันข้างหน้าอาจพบว่าเป็นยาอายุวัฒนะก็ได้

วันนี้มีโอกาสได้ไปชม “สวนไม้เป็นยา” ที่ห้วยน้ำใสริมฝั่งน้ำฮุงแขวงไชยะบุรี ไปดูตัวอย่างการจัดการของพี่น้องชาวบ้าน เพื่อจะถอดแบบมาทำที่เมืองหงสาบ้าง ได้เดินชมป่าสมุนไพร ดูลำธารที่น้ำผุดออกจากใต้ภูเขาสมุนไพร ได้แช่น้ำใสไหลเย็น ปีนป่ายก้อนหิน ดำน้ำเล่นกับปลา แช่น้ำเล่นให้ตัวปลามาตอดขี้ไคลเล่น น้ำสะอาดใสเพราะเพิ่งผุดออกจากใต้ภูผายังไม่ผ่านสิ่งปนเปื้อนใดๆ ชาวบ้านว่าเป็นยาอายุวัฒนะ หนาวนักก็เข้าห้องอบอบสมุนไพร ในห้องร้อนนักก็กลับมาแช่ลำธาร ที่สำคัญคือ คนเดียวเดี่ยวๆไม่มีใครมาอยู่ใกล้ตลอดลำธาร นักท่องเที่ยวอื่นก็มีสามสี่คณะแต่เล่นกันที่จุดอื่น บ้างก็ไปนอนนวดคลายเมื่อย บ้างก็ไปปูเสื่อกินข้าวกันที่แม่น้ำใหญ่

โครงการ “อบสมุนไพร นวดแผนโบราณ” ที่จะทำคงต้องฝ่าฟันอีกหลายด่านโดยเฉพาะเรื่องนวดนี่ต้องโดยหมอจับเส้นรุ่นโบราณจริงๆ ก็ดีไปอย่างจะได้สร้างรายได้ให้คนเฒ่าคนแก่ ส่วนเรื่องอบสมุนไพรนี่ คิดว่าไม่น่าต้องไปหาตำราจากที่อื่น ก็หลานชายยายต๋าคำคนนี้ ตอนเด็กๆช่วยยาย”ฮิบยาฮม”ตำรับเด็ดมาเยอะต่อเยอะแล้ว ว่าแต่ว่าสิบสี่ตัวยานี้จำได้กี่อย่างหนอ รากคา หญ้าปากควาย ตองกล้วยตีบ ฮังคาว อ้อยดำ ใบข่า หอมด่วนหลวง เกี๋ยงพาใย แล้วอะไรอีกละ จำได้แค่อีกตัวเดียวที่ต้องซื้อจากร้านเครื่องยาจีนคือ เทียนดำ

ไปสวนป่าเทื่อหน้า ฮมยากันไหมครับ

 

   

 

« « Prev : คบเด็กสร้างเมือง

Next : ตลาดชุมชน ข้อสอบเก่าในสนามสอบใหม่ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

2 ความคิดเห็น

  • #1 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 21 พฤษภาคม 2012 เวลา 5:20 (เย็น)

    วิเศษจริงๆ

    สมัยทำงานที่ห้วยขาแข้ง คุยกับนักวิชาการทั้งไทยทั้งฝรั่งชาวเดนมาร์ค ต่างก็บอกว่า ป่าคือสมบัติของโลก ยังมีพืชอีกจำนวนมากที่เรายังไม่รู้จักสรรพคุณของเขาในการรักษาโรคภัยต่างๆ หากไม่มีป่า ทรัพยากรนั้นก็สูญสิ้นไปด้วย อย่าว่าแต่พืชเลย เขาเองยังบอกด้วยว่า ควายบ้าน วัวบ้าน ถูกพัฒนาสายพันธ์ในรูปของการมาอยู่นอกป่านานมาแล้ว ยันส์มันอ่อนแอลงมาก อาจจะจำเป็นต้องใช้ควสยป่า วัวป่ามาผสมพันธ์ใหม่ เพื่อสืบต่อพันธุกรรมต่างๆต่อไป

  • #2 อุ๊ยสร้อย ให้ความคิดเห็นเมื่อ 22 พฤษภาคม 2012 เวลา 12:03 (เช้า)

    เพิ่งไปอิ่มบญฟังพระอาจารย์เปลี่ยน (ท่านชื่อนี้จริงๆ ว่ากันว่าท่านเป็นอริยสงฆ์แล้วด้วย) เทศน์วันพยาบาลสากล ที่ รพ. แม่แตง เมื่อวันที่ 11 ที่ผ่านมา
    ท่านพูดว่า “ไม่มีต้นไม้ไหนไม่เป็นยา” ถ้าเรียนเภสัชแล้ว บอกว่าให้ไปหาซิว่าต้นไม้ต้นไหนไม่มียาบ้าง คนเรียนก็ต้องไปดูต้นไม้แต่ละต้น เรียนจนหมดป่านั่นแหล่ะ ถึงจะเรียกว่าเรียนจบเภสัช
    ความรู้เรื่องต้นไม้เป็นยาลึกซึ้งเน๊อะ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.19492506980896 sec
Sidebar: 0.069722890853882 sec