ขออย่าได้เป็น เมียบุญธง รถเชียงสง โถงจารย์เปลี่ยน

2 ความคิดเห็น โดย silt เมื่อ 22 กันยายน 2010 เวลา 9:04 (เช้า) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1557

“ขออย่าได้เป็น เมียบุญธง รถเชียงสง โถงจารย์เปลี่ยน” คำพูดดังกล่าวเข้าหูผมมาได้สองสามปีที่หงสา เป็นคำพูดเล่นของพี่น้องชาวหงสาในทำนองหยอกเย้ากระเซ้าแหย่กัน ในทำนองรักดอกจึงหยอกเล่น ตั้งแต่ท่านรองเจ้าเมือง อ้ายน้องพนักงาน และพ่อเฒ่าผู้แก่ ที่พูดแซวผมด้วยสีหน้ายิ้มหัวยามอารมณ์ดี

แปลความหมายตามตรง ก็คือ ถ้าเลือกเกิดได้ ขออย่าได้เกิดมาเป็นเมียอ้ายบุญธง ขออย่าได้เกิดมาเป็นรถท่านเชียงสง และขออย่าได้เกิดมาเป็นโถง(ถุงย่าม)อาจารย์เปลี่ยน เพราะบรรดาท่านเห็นว่าเกิดเป็นสามสิ่งนี้ต้องรับภาระที่หนักหน่วงนั่นเองครับ พี่น้องชาวหงสาคงจะชินตากับภาพที่เห็นจึงเห็นพ้องกันกับคำพูดดังกล่าว

อ้ายบุญธง หรือสหายบุญธงเป็นชายร่างเล็ก ที่เกิดปีเดียวกับผม เราทำงานร่วมกันมาเมื่อครั้งที่ผมเข้ามาทำงานในหงสาครั้งก่อน ราวปี ๑๙๙๔ ท่านเป็นรัฐกร หรือข้าราชการที่ทำงานตรงไปตรงมา ไม่เกี่ยงงานหนัก เคยพาผมเดินลัดป่าตั้งแต่หกโมงเช้าจนถึงบ่ายสองโมงเพื่อไปบ้านห้วยเยอ ผมไปจับปลาในวังสงวนเพื่อศึกษาชีวะนานาพันธุ์ในน้ำโดยไม่ได้แจ้งกองหลอนบ้าน อ้ายบุญธงก็ไม่ละเว้นที่จะนำตำรวจมาจับมาปรับ อ้ายบุญธงนับเป็นพนักงานที่ซื่อตรงโดยแท้ ยามทำงานอ้ายจะทำหนักไม่พูดไม่จากับใคร ความรู้ที่ไปเรียนจบมาจากเวียดนามก็แน่นปึก ชาติตระกูลก็ดี มีพี่น้องจบป.เอกประจำกรมกองที่นครหลวง แต่ผมก็สงสัยว่าทำไมอ้ายท่านไม่ได้เป็นหัวหน้ากับเขาสักที อาจเป็นเพราะการเป็นคนตรงๆแบบเจอตอก็ไม่หลบของอ้าย หรืออาจจะเป็นเพราะประการหลัง นั่นคือการเป็นนักดื่มของอ้าย ที่เป็นที่มาของฉายานั่นเอง อ้ายบุญธงดื่มบ่อยมาก เมาจนชินตาคนทั่วเมือง จนวันไหนไม่เมาถือว่าผิดปกติ แต่เวลาเมาก็ไม่ได้ไปเกะกะทำร้ายสิ่งของผู้คนแต่อย่างใด เพียงแต่ว่าเมาเป็นพับต้องเป็นภาระให้เมียมาหิ้วปีกพากลับบ้านทุกที คนหงสาจึงกลัวที่จะเป็นเมียอ้ายบุญธง

ท่านเชียงสง หรือ พี่ทิดบุญส่ง เป็นรัฐกรระดับหัวหน้าห้องการ เป็นผู้ใหญ่ใจดีที่พวกเราได้พึ่งพาอยู่ตลอด นอกเหนือจากทำงานราชการแล้ว ท่านเชียงสงยังมีบ่อเลี้ยงปลาอีกสามแห่ง ท่านครูพักลักจำวิธีขยายพันธุ์ปลามาทำเองจนสำเร็จ ปีหนึ่งขายทั้งปลาใหญ่และลูกปลาได้หลายเงิน นอกจากนี้ยังมีแปลงนาที่ปลูกข้าวนาปรัง แม่บ้านและลูกๆของท่านเชียงสงก็ขยันขันแข็งในการงาน ลูกสาวคนหนึ่งเคยขอมาเรียนเพาะเห็ดกับผมจนนำไปขยายผลเพาะเองที่บ้านได้ ทุกวันนี้ท่านเชียงสงออกรถยนตร์มาขับได้ด้วยเงินสดแล้ว แต่รถคันที่ติดตาจนมาปากชาวหงสา กลับเป็นรถมอเตอร์ไซด์เอนดูโร่คันที่ท่านขี่ลุยป่าลุยเขาไปทำงานอย่างไม่ได้หยุดได้พัก คนหงสาจะติดตากับท่านเชียงสงกับมอเตอร์ไซด์คู่ชีพวิ่งว่อนไปทั่วทั้งในเขตเทศบาล และเขตซอกหลีกที่ห่างไกล จึงพูดติดตลกกันว่า ขออย่าได้เป็นรถเชียงสง

โถง หรือถุงย่ามจารย์เปลี่ยน เดิมทีชาวหงสาท่านว่า “โถงจานทัน” หมายถึงถุงย่ามท่านอาจารย์ทัน ผู้เฒ่าคนหนึ่งที่มีคนนับถือ เป็นผู้นำในพิธีกรรมทางศาสนา เป็นหมอพรทำขวัญ ท่านสะพายถุงย่ามเก่าครำคร่าจนไม่รู้สีเดิมติดตัวอยู่ตลอดเวลา ตอนหลังท่านชรามากจนออกงานไม่ไหว พอดีมี”จารย์เปลี่ยน”มาปรากฏร่างเคลื่อนไหวอยู่ในเมืองหงสาพร้อมๆกับย่ามคู่กาย แถมมีถุงเป้โน๊ตบุคอีกใบพะรุงพะรัง พี่น้องหงสาจึงพร้อมใจกันถ่ายทอดฉายา โถงจารย์เปลี่ยน ซึ่งก็ถือเป็นมรดกฉายาที่ผมเต็มใจสืบทอด

มานั่งทบทวนดูก็สมควรที่ผมจะได้รับฉายานี้ เพราะตัวเองสะพายย่ามติดตัวไปเกือบทุกแห่ง มัดการาวัตผูกเนคไทต้อนรับผู้ใหญ่ก็ยังสะพายย่าม ไปตลาดเช้าก็ใช้ย่าม ไปลงชุมชนทุกที่ต้องมีย่าม ไปวัดยังเอาขันเงินใส่ย่ามสะพายไป   

อีกนัยยะหนึ่งที่คิดแบบเข้าข้างตัวเอง ก็คือการที่ได้รับการยอมรับจากสังคม จากชุมชน ซึ่งเป็นหัวใจของนักพัฒนาชุมชน แม้ว่าผมไม่เคยเข้าชุมชนด้วยการไปนั่งกลางวงเหล้าก็ตามเถอะ (แต่ผมก็ไม่ได้ปฎิเสธว่านั่นอาจเป็นวิธีการเข้าสังคม การลงชุมชนที่ได้ผล) วิธีของใครก็ของใครก็แล้วกัน แล้วแต่ถนัดเต๊อะ

แต่หัวใจสำคัญอยู่ตรง บทเรียนแรก

นี่เป็นบทเรียนบทแรก ของนักพัฒนาชุมชน “การเข้าไปนั่งในใจคน การเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน”


คืนกายสู่สามัญ คลายใจสู่สมถะ ในเรือนน้อยแนวอนุรักษ์

9 ความคิดเห็น โดย silt เมื่อ 20 กันยายน 2010 เวลา 3:44 (เย็น) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2731

ผมเป็นคนจรหมอนหมิ่น เร่ร่อนไปตามหน้าที่การงาน ออกจากบ้านเกิดเมืองนอนมานานเกือบสามสิบปีแล้ว ที่อยู่ที่นอนก็ย้ายไปเรื่อยๆ ส่วนมากจะเป็นห้องเช่า อพาร์ตเม้นท์ หรือโรงแรมต่างๆ ไม่เคยมีบ้านเป็นส่วนตัวสักที หกปีที่มุกดาหารก็สถิตย์อยู่โรงแรมกิมเจ็กซินจนนึกว่าเป็นเจ้าของเสียเอง

มาอยู่ที่หงสาในฐานะที่ปรึกษาโครงการ เขาก็ดูแลดีเรื่องที่พักที่อยู่ โครงการฯเช่าบ้านหลังใหญ่ให้อยู่ร่วมกับเพื่อนร่วมงาน อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า เตาไมโครเวฟ กาต้มน้ำ เครื่องปิ้งขนมปัง เครื่องซักผ้า จัดหามาพร้อมแถมมีแม่บ้านมาปัดกวาดซักรีดล้างจานให้อีก แม้ยามนอนก็มี รปภ.มากางมุ้งนอนอารักขาอยู่หน้าบ้าน จะไปไหนมาไหนก็มีคนขับรถพาไป มีคนคอยยกกระเป๋าโน๊ตบุ๊คให้ จนทำให้สบายจนเคยตัว จนกลัวใจว่าจะสบายจนติดเป็นนิสัย ประกอบกับความที่โตมาแบบลูกโทน ชอบปลีกวิเวก อยู่กับคนหมู่มากแล้วอึดอัดหายใจไม่คล่อง จึงแอบซอกหาบ้านเช่าหลังเล็กๆมาหลายเพลา จนกระทั่งมาเจอมาถูกใจถูกจังหวะกับบ้านหลังนี้ เจ้าของบ้านเคยทำทัวร์ป่าอยู่ที่นี่ ย้ายไปเปิดสำนักงานที่ปากแปง แล้วหมดสัญญากับฝรั่งจึงย้อนกลับมาเปิดร้านอาหารอยู่หงสา พร้อมกับปรับปรุงเรือนหลังน้อยใหม่กะว่าจะเปิดเป็นร้านเหล้าแนวผับ แต่เผอิญมีงานทัวร์เจ้าใหม่เสนอเข้ามาให้ไปบริหาร โครงการร้านเหล้าจึงชลอไปชั่วคราว ผมจึงรีบเบียดแย่งกับฝรั่งหัวหน้าโครงการ GTZ (ใช้เส้นนิดหน่อย) อย่างฉียดฉิวจนได้เป็นผู้เช่า

บ้านหลังน้อยขนาดเดียวกับบ้านพ่อที่แม่แตงที่ตั้งใจไว้ว่าหมดงานหงสาเมื่อไรจะไปใช้ชีวิตบั้นปลายที่นั่น ขนาดหนึ่งห้องนอน ก่ออิฐถือปูน พื้นปูน ฝาด้านหน้าเข้าประตูเฟี๊ยมเลียนแบบโบราณ ถูกตาต้องใจตั้งแต่แรกเห็น เข้าไปข้างในบ้านมีโต๊ะตั่งไม้ขนาดใหญ่ห้าคนยกย้ายได้ มีฉากไม้ระแนงบังหน้าห้องน้ำ ถือว่าคนจัดบ้านกับผู้เช่าคอเดียวกันอย่างแท้จริง ผมจัดการติดพัดลมดูดอากาศในห้องนอน ซื้อมุ้งแขวนมาติด ซื้อเสื่อไม้ไผ่ชาวลั๊วะมาปู เท่านี้ก็นอนหลับ วิเวก ฝันดี ผมได้คืนความสุขสบายทางกายจากบ้านหลังใหญ่มาสู่ความสมถะ บ้านผมไม่มีถ้วยชามแก้วน้ำหลายชุดเพราะ ไม่สะดวกรับแขกมานั่งดื่มกิน หากใครมาเยี่ยมผมก็เชิญเดินข้ามฟากถนนมารับแขกที่ร้านอาหารหน้าบ้าน

เมื่อมีเวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น เมื่อเป็นอิสระจากWiFi ทำให้ผมมีเวลาปรับปรุงสิ่งละอันพันละน้อยในบ้านและรอบบ้านไปเรื่อยๆ ผมเลือกที่จะทำบ้านแนวรักษ์โลกด้วยการลงมือทำด้วยตัวเอง

ผมจัดการ(ให้ลูกน้อง)ขุดดินมาใส่ถุงปูนซีเมนต์ แล้วลองทำปลูกผักในถุง ตอนนี้ก็รดน้ำรอว่าจะโตจะรอดหรือจะร่วง

ผมจัดการกับขยะที่ย่อยสลายได้โดยการจัดหาถังมาหมักน้ำหมักชีวภาพ บรรดาเศษอาหาร ข้าวหนม ข้าวต้ม หมากไม้ หัวมัน ที่กินไม่หมดทิ้งลงในถัง เอากากน้ำตาลมาใส่ตามสัดส่วน น้ำเชื่อมที่แถมมากับน้ำเต้าหู้ก็เอามาใส่ในถัง เปลือกแตงไทย ใบตองห่อขนมล้วนเอาทิ้งลงถัง

ผมจัดการคัดแยกขยะที่สามารถนำมาใช้ใหม่ ถุงก๊อปแก๊ปผมก็เอามาพับเก็บไว้แล้วเอาไปแจกจ่ายเด็กๆที่มาเก็บหอยเก็บผักบุ้งหน้าบ้านเอาไปใช้สอย แก้วกาแฟคือขวดกาแฟเก่า แก้วน้ำชาก็ใช้กระปุกกาแฟmaximgเก่า ยางรัดก็เก็บไว้แจกเด็กน้อยไว้โดดหนังยาง ส่วนขวดน้ำดื่มตราหัวเสือเจ้าสมจิตรมาจองไปไว้ให้ลูกสาวเลี้ยงกบในขวด

ขยะที่ต้องทิ้งจริงๆเช่นกล่องเครื่องดื่มผมก็จัดการลดขนาดให้เล็กลงตามแบบที่เคยไปสอนเด็กนัดเรียนหงสาทำ ในห้องน้ำก็ใช้วิธีตักน้ำอาบแทนฝักบัว

นอกจากจะเป็นเจ้าของฉายา “จารย์เปลี่ยนสะพายถุงย่าม” ฉายา “ผู้เฒ่าขี้เฟื้อย ถ่ายแต่รูปเมฆ” แล้ว ไม่รู้ตอนนี้ผมจะได้ฉายาว่าเป็นผู้เฒ่าอะไรอีก แต่ไม่เป็นไรไม่คิดมากคิดมากแล้วแก่เร็วเหมือนไอ่ตุ้ยที่ชอบนอนก่ายหน้าผาก อิอิ



Main: 0.051954984664917 sec
Sidebar: 0.016669988632202 sec