ข้าวแคบ

5 ความคิดเห็น โดย silt เมื่อ 31 กรกฏาคม 2010 เวลา 11:42 (เย็น) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2749

 

“อะไรเอ่ย เล็กที่สุด” เคยเล่นทายปัญหาอะไรเอ่ยไหมครับ อุ้ย
คำถามนี้คนเจียงใหม่รุ่นผมจะตอบว่า “ข้าวแคบ” เพราะ “แคบ”เป็นคำพ้องเสียงแต่ต่างความหมายกันระหว่างภาษาคำเมืองกับภาษากลาง

แคบ ในความหมายของภาษากลาง แปลว่า คับแคบ ไม่กว้างขวาง แต่…

แคบ ในความหมายของคนยวนล้านนา แปลว่ากรอบ (คำเมืองว่า ผ่อย) เช่น แคบหมู แคบไข ข้าวแคบ เป็นต้น

ข้าวแคบ เป็นของกินเล่นของคนบ่ະเก่าจาวเหนือ ปกตินิยมทอดจี่กันในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เมื่อก่อนแม่จะจืนข้าวแคบใส่ก๋วยหน้อยไว้รับแขก แบ่งไปทานขันข้าวที่วัด แบ่งไปดำหัวคนเฒ่าคนแก่

ไปเยี่ยมยามพี่น้องลาวลื้อบ้านเวียงแก้ววันก่อน ติดตามการปลูกงา การซอยยาขื่น(ทำยาฉุนยาเส้น) การทอผ้า การทำบัญชีครัวเรือน ก็หวังพึ่งการพัฒนาอาชีพของแม่บ้านนี่แหละมาทดแทนรายได้จากการทำนาที่ต้องหดหายไป ส่วนพ่อบ้านยังนึกไม่ออกว่าจะให้ทำอะไร คงจะต้องรับเข้าทำงานโครงการ และอาจจะไปปลูกชาคั่วชาจีนชาอัสสัมไปโน่น ชาวลื้อปลูกชาเมี่ยงกันอยู่บ้างแล้ว   

ไปคุยกับชาวลื้อ ใช้ภาษายวนเจียงใหม่ปนภาษายองบ้านน้ำดิบที่เคยไปจีบสาวสมัยซาวปีก่อน ทำให้สนิทสนมกันได้ถึงแก่น ก่อนกลับแม่บ้านทอดข้าวแคบมาเลี้ยงด้วย ชาวลื้อที่นี่ยังนิยมทำข้าวแคบกันอยู่ โดยเฉพาะในงานบุญผะเวท ทำให้ชาวลาวเรียกบุญผะเวทของคนลื้อว่า “บุญข้าวแคบ” โดยนัยยะแล้วเป็นการแสดงความหมายในเชิงแบ่งพรรคแบ่งพวกนิดๆ

แถมท้ายด้วยรูปพ่อพญานั่งเฮือนลื้อครับ คริ คริ


เจ๋วผักแว่น ใบหม่อนแกล้มเบียร์

7 ความคิดเห็น โดย silt เมื่อ 13 กรกฏาคม 2010 เวลา 12:47 (เช้า) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 4448

เจ๋วผักแว่น ใบหม่อนทอดกรอบ เมนูหงสาเย็นนี้

ผักแว่นเป็นวัชพืชในนาข้าวที่เบียดบังแย่งอาหารต้นข้าวตัวฉกาจชนิดหนึ่ง นาม่องใดมีผักแว่นขึ้นเยอะๆ เป็นว่าข้าวมักจะแคระแกล็นเหลืองซีด

ผักแว่นเป็นอาหารให้กับชุมชนที่กินข้าวเหนียวทั้งในล้านนา ทั้งในถิ่นอีสาน รวมถึงในลาวก็ด้วยเช่นกัน ยอดผักแว่นเอามากินสดๆกับป่นปลาแซบหลาย ที่หงสาพี่น้องเอามานึ่งแล้วยำโรยหน้าด้วยงาขาวก็อร่อย ใบผักแว่นเอามาต้มมาแกงซดน้ำก็พาข้าวลงได้ดี การเก็บใบผักแว่นมีวิธีที่น่าสนุก คือเอาฝ่ามือหงายขึ้นแล้วมุดฝ่ามือลงไปในดงผักแว่นยกขึ้นมาก็จะมีใบผักแว่นติดมาตามซอกนิ้ว ได้เฉพาะใบไม่ต้องเด็ดก้านให้เมื่อย

ส่วนตัวผมเองมีเรื่องเกี่ยวกับผักแว่นให้ลุงป้าตายายที่บ้านล้อมาจนโต แม้ทุกวันนี้กลับไปไหว้ผู้เฒ่าผู้แก่ที่บ้าน หลายท่านก็ยังเอามาล้อผมเล่นอยู่เสมอ เรื่องราวเกิดเมื่อสี่สิบกว่าปีมาแล้วมั้ง ที่ไอ่หน้อยลูกโทนคนหนึ่งชอบไปร้องไห้ชักดิ้นชักงอแย่งกิน “เจ๋วใบผักแว่น”กับลูกลุงข้างบ้านทั้งๆที่ที่ขันโตกข้าวที่บ้านมีหมูทอด ไข่ต้ม ปลาปิ้งไม่ขัดสน ตอนนั้นรู้สึกว่ามัน “ลำแต้ๆ” ถึงขนาดต่อรองเขาว่า “อ้ายขอกิ๋นแต่น้ำบ่กิ่นใบก่ได้”

“เจ๋ว” คือต้มของคนเมือง เจ๋วผักแว่นคือ ต้มใบผักแว่นปรุงรสด้ายเกลือ กะปิ หอมแดง และที่ขาดไม่ได้คือถั่วเน่าแค็ป เจ๋วต่างกับแกงตรงที่ไม่ใส่พริก มักเป็นอาหารเมนูสำหรับเด็กๆ วันนี้แม่ครัวได้ใบผักแว่นมาจากตลาดตั้งแต่เช้า ผมเลยได้ซดเจ๋วผักแว่นร้อนๆชามโตเป็นมื้อเย็น แกล้มด้วยเรื่องขำๆของตัวเองยามเด็ก แต่วันนี้ปรุงสูตรพิเศษ เพิ่มยอดหม่อนอ่อนๆลงไปสามสี่ใบรู้สึกว่ากลมกล่อมดีครับ

เพื่อนฝูงมาปรึกษาว่า จะเอาอะไรไปเป็นกิจกรรม “ตัวล่อ”ในวันติดตามการบันทึกบัญชีครัวเรือนของกลุ่มแม่บ้านดี แหนมเห็ดก็ทำแล้ว น้ำยาล้างจานก็ทำแล้ว หน่อไม้ใส่ขวดก็สอนแล้ว เขาเสนออยากทำใบหม่อนทอดกรอบเหมือนที่เราเคยไปกินกันที่สวนอ้ายสีวังเวียง ในฐานะที่ปรึกษาต้องรอบรู้ เลยจัดการลองวิชาค้นคว้าสูตรทอดใบหม่อนด้วยประการฉะนี้

ใบหม่อนใช้ใบอ่อน (เพสะลาด) นำเข้าตู้เย็นเพื่อให้กรอบนาน
แป้งชุปผักทอดโกกิ ผสมให้บางๆไม่ข้น ปรุงรสด้วยเกลือกับพริกไท
ชุปใบหม่อนลงในแป้งพอบางๆ
จุ่มน้ำมันร้อนๆรีบนำขึ้น
ทำน้ำจิ้มรสหวานอมเปรี้ยว (ของอ้ายสีใช้น้ำผึ้ง มะนาว พริกขี้หนู)

คุณเอ้ย หากจัดโต๊ะงามๆ ใบหม่อนทอดกรอบ เสริฟพร้อมชาใบหม่อนสีเขียวในถ้วยกระเบื้องขาว และน้ำผลหม่อนปั่นใส่น้ำผึ้งสีม่วงแดง เหมือนที่เคยได้กินที่สวนอ้ายสี รับรองทั้งความอร่อยทั้งสุนทรีย์

แต่เย็นนี้มีแต่ใบหม่อนทอดกับน้ำจิ้มบ๊วย แบ่งไปให้โต๊ะข้างๆที่มากินเบียร์พนันบอลโลกกัน ให้ไปเท่าไหร่ก็ร้อง เอาอีก ขออีก
พอแล้ว(โว้ย) หากอยากกินให้เมียเจ้ามาหัดบันทึกบัญชีครัวเรือนกับข้อย จะสอนให้ทอดใบหม่อนแกล้มเบียร์แถมด้วย

รูปหลังนี้ถ่ายจากสวนอ้ายสี ที่วังเวียงครับ



Main: 0.30804395675659 sec
Sidebar: 0.26192092895508 sec