คาสิโน no more
ทริปตามล่าหากล้ายางพาราแขวงลาวเหนือคราวนี้ ทีมงานฝันหวานไว้ว่าจะพากันไป “ดูสาวจีน”ที่คาสิโนบ่อเต็นสักคืน หรือหากมีโอกาสก็จะปลอมเป็นคนลาวขอเข้าไปเยี่ยมชมสวนยางในเขตเมืองลาประเทศจีนสักหน่อย ที่ต้องปลอมตัวก็เพราะพวกเราคนไทยไม่ได้ทำเรื่องขอเข้าเมืองไว้ หากเป็นพี่น้องลาวนั้นทำใบผ่านแดนก็เข้าไปเที่ยวในเขตเชียงรุ้งได้นานสิบวัน
แต่ที่ฝันไว้ก็ต้องเป็นฝันค้าง จะปลอมตัวเข้าเมืองจีนเอาเข้าจริงๆก็ไม่กล้า จะไปดูสาวจีนก็ไปเจอแต่บ่อนคาสิโนร้าง ร้านรวงปิดหมด มีแต่คนเฝ้าร้านมานั่งเล่นไพ่นกกระจอก ๒-๓ วง
บ่อนคาสิโนบ่อเต็น ตั้งอยู่ที่ด่านชายแดนระหว่างเมืองหลวงน้ำทา สปป ลาว กับเมืองลาของจีน เปิดมาได้หลายปีอยู่ แต่หลังๆมาซบเซาปิดตัวลงได้สองเดือนมาแล้วด้วยเหตุใดไม่ทราบแน่ชัด บ้างก็ว่าเพราะทางการจีนกดดันตัดน้ำตัดไฟ เพราะไม่อยากให้ชาวจีนข้ามมาเล่น บ้างก็ว่าเป็นนโยบายที่เปลี่ยนใหม่ของ สปป ลาว เพราะท่านเปลี่ยนนายกฯใหม่
บ่อนคาสิโนชายแดนจีน อันที่จริงก็มีมาก่อนหน้านี้สองสามแห่งในเขตเมืองลา เขตปกครองตัวเองในพม่า สมัยโน้นก็เดิมทีเปิดที่ติดชายแดน ต่อมาขยับย้ายลึกเข้ามาในแดนเมืองลาสิบกว่ากม. ตอนนั้นทางการจีนก็ปวดหัวหนักกับชาวจีนที่เอาเงินมาทิ้งในบ่อน ออกมาตรการห้ามคนจีนเข้ามาค้างคืน จำกัดวงเงินที่พกออกนอกด่าน จนสุดท้ายก็แกมบังคับให้ปิดคาสิโนที่เมืองลา กลุ่มผู้ประกอบการเจ้าของธุรกิจบางส่วนจึงย้ายมาเปิดที่บ่อเต็น แต่กลุ่มรายใหญ่ “ดอกงิ้วคำ”นั้นลงทุนเปิดกิจการใหญ่โตที่ห้วยเผิ้ง แขวงบ่อแก้ว ติดกับสามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งในวงนักคิดนักโพสต์ชาวลาวก็กำลังรอดูกันว่าทางการท่านจะเอายังไงกันต่อไป แต่เห็นว่าเช่าที่ดินนานหลายสิบปี
อันที่จริงในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง สมัยก่อนก็มีการเล่นการพนัน แทงหวยที่เรียกว่า “มะก่องถี่”กันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน จำได้ลางๆว่าปู่เคยเล่าให้ฟังตอนยังเด็ก เรื่องที่ท่านไปผจญภัยในบ่อนแถบรัฐฉาน สำหรับชาวจีนตามหัวเมืองนั้น (หรือแม้กระทั่งชาวจีนที่มาเปิดร้านค้าตามหัวเมืองลาว) แดดร่มลมเย็นก็มักเห็นตั้งวงเล่นไพ่กันอย่างเปิดเผยริมถนน ตอนไปสำรวจดินในเมืองซินลี่ ริมฝั่งแม่น้ำแยงซีเกียง ผมก็ไปยืนดู(สาว)ทุกเย็นจนเกือบได้(ลูก)สาวกลับเมืองไทย ซื้อขนมไปหลอกฝึกพูดภาษาหลายวันจนพ่อแม่เขาออกปากยกให้ (สมัยนั้นเขายิ่งอยากได้ที่ว่างสำหรับลูกชายอยู่)
กลับมาที่คาสิโนบ่อเต็นที่ไปเห็นเป็นเมืองร้างคราวนี้ ก็รู้สึกเสียดายอาคารตึกรามสีสันสดใส รวมถึงร้านรวงต่างๆที่ปิดประตูเหล็กไร้ผู้คน คิดไม่ออกว่าจะเอาไปใช้ทำประโยชน์ในทางใดได้อีก โรงแรม สถานพักฟื้น ฟื้นฟูสุขภาพครบวงจร หมอทางเลือกแผนจีน ไท ลาว แขก ดีไหม หรือทำเป็นวิทยาลัยการโรงแรมดี …….คิดเรื่อยเปื่อยเผื่อพี่น้องลาว อาจบางทีจะสามารถมีการจ้างงานให้คนหนุ่มสาวที่ตกงานเพราะบ่อนปิดได้สักหลายๆคน
« « Prev : เสนอคำจีน ในทริปลาวเหนือ
Next : ผมจะพาชาวหงสา “ปลูกเร่ว” » »
4 ความคิดเห็น
เรื่องนี้ผมเขียนไว้เมื่อ พศ. ๒๕๔๗
บ่อนเสรีจะทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้น…..จริงหรือ?
ในที่สุดสภาผู้แทนราษฎรทีมีพรรคไทยรักไทยของท่านนายกทักษิณ ชินวัตร เป็นแกนนำ ก็ให้ความเห็นชอบเปิดบ่อนกาสิโนได้เสรี โดยอ้างถึงข้อดีตามที่คณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคาร และสถาบันการเงิน ของรัฐสภาได้ศึกษาไว้ สส.รัฐบาลยกมือสนับสนุนวาระนี้หมดทุกคน ยกเว้นสส.จากจังหวัดนครพนมเพียงท่านเดียวที่งดออกเสียง ฝ่ายค้านส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย ยกเว้นสามท่านที่ลงคะแนนเห็นด้วยกับพรรคร่วมรัฐบาล
เรื่องที่รัฐสภาเห็นชอบให้เปิดบ่อนเสรีนี้ผู้เขียนเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุดเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์ชาติไทยเท่าที่เคยมีมา แต่ดูเหมือนว่าสื่อต่างๆ ไม่ค่อยให้ความสำคัญสักเท่าใด (ส่งบทความนี้ไม่ตีพิมพ์หลายแห่งก็ไม่ได้รับการพิจารณา)
การศึกษาของคณะกรรมาธิการดังกล่าวระบุว่า บ่อนเสรีจะทำให้เกิดผลดีหลายประการคือ
1) รัฐจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมจากกาสิโน
2) ประเทศจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเล่นการพนัน
3) จะลดการสูญเสียเงินของคนไทยให้แก่บ่อนต่างชาติ เพราะนักพนันไทยจะไม่ขนเงินออกไปเล่นการพนันในบ่อนต่างประเทศเหมือนที่ผ่านมา
4) คนไทยจะมีงานทำมากขึ้น(งานในกาสิโน)
5) จะลดงบตำรวจในการปราบบ่อนเถื่อน และ
6) จะลดปัญหาสังคมจากพวกแก๊งค์มาเฟียที่สิงกันอยู่ตามบ่อนเถื่อน
……หากเป็นจริงเช่นนั้นตามที่กล่าวอ้างก็ถือว่าได้หลายต่อทีเดียว
บทความนี้จะแสดงเหตุผลให้เห็นว่า การเปิดเสรีบ่อนกาสิโนจะทำให้เกิดการสูญเสียทางเศรษฐกิจต่อประเทศมากว่าจะเกิดผลดี พร้อมทั้งจะชี้ให้เห็นข้อไม่ดีอื่นๆของธุรกิจกาสิโนอีกด้วย จึงขอชี้แจงเป็นข้อๆ ดังนี้
1) ถ้าคิดตื้นๆ รัฐอาจจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการเก็บภาษีบ่อน แต่ถ้าคิดให้ลึกกว่านั้นจะเห็นว่ารัฐจะสูญเสียรายได้มากว่านั้นเสียอีก ตามเหตุผล ดังนี้
1.1 ยิ่งเงินในกระเป๋าของประชาชนถูกดูดเข้าไปในระบบกาสิโนมากเท่าใด ก็จะทำให้เงินสูญหายไปจากระบบเศรษฐกิจปกติเท่านั้น ซึ่งจะยังผลให้เกิดการลดลงของการบริโภคสินค้าและการบริการอื่นๆ (เช่น การท่องเที่ยว) ซึ่งยังผลให้เกิดการลดลงของการผลิตสินค้าและบริการต่างๆเป็นเงาตามตัว ซึ่งยังผลให้เศรษฐกิจในภาคปกติถดถอยลงในภาพรวม โดยเฉพาะธุรกิจการผลิตมีผลคูณทางเศรษฐกิจสูงกว่าธุรกิจกาสิโนมาก ในจำนวนเงินหมุนเวียนที่เท่ากันการผลิตจะมีขั้นตอนในการสร้างเศรษฐกิจมากมายหลายขั้นตอน ทำให้เงินเปลี่ยนมือหลายครั้ง ซึ่งทำให้เกิดผลคูณทางเศรษฐกิจสูง ซึ่งทำให้รัฐเก็บภาษีได้มากตามมา ในขณะที่วงจรธุรกิจกาสิโนสั้นมาก เพราะเงินจากผู้เล่นจะถึงมือเจ้าของกิจการโดยตรง จึงเก็บภาษีได้เพียงต่อเดียว ไม่มีผลคูณทางเศรษฐกิจเลย
1.2 ภาษีที่เก็บได้น้อยลงกว่าเดิมนั้น จะยิ่งน้อยลงมากขึ้นเพราะจะไม่สามารถเก็บภาษีจากบ่อนได้เต็มที่ เพราะคงหนีไม่พ้นการฉ้อโกงเพื่อให้เสียภาษีน้อยกว่าเป็นจริง โดยเฉพาะกำลังทำธุรกิจกับกลุ่มคนที่มีลักษณะเป็นนักพนันอยู่แล้ว จะยิ่งร่วมมือกับเจ้าพนักงานเพื่อฉ้อโกงได้ง่าย
การสูญเสียทางเศรษฐกิจที่กล่าวมานั้น เป็นการสูญเสียระยะสั้นในรอบที่หนึ่งเท่านั้น การสูญเสียระยะยาวในรอบสองสามสี่ห้าจะตามมาอีกเป็นระลอก กล่าวคือ จำนวนเงินที่หากไม่สูญหายไปกับกาสิโนจะไปสร้างผลคูณทางเศรษฐกิจในภาคการผลิตเป็นระลอกๆ ตามวงจรเศรษฐกิจในแต่ละรอบปี ในเวลา 20 ปีจะเกิดการสูญเสียทางเศรษฐกิจไปมหาศาลเท่าไร แม้คิดเพียงต่อเดียวโดยไม่ต้องมีการนับผลคูณก็มากโขแล้ว ขอให้ดูประเทศอังกฤษเป็นตัวอย่างที่ให้คนเล่นพนันกันได้เสรีมาเป็นเวลานาน จากที่เคยเป็นจ้าวโลกเดี๋ยวนี้ล้าหลังกว่าเกาหลีเสียอีก เพราะไม่สามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพขายได้ในตลาดโลกเลย (นอกจากเดวิด เบคแฮม ซึ่งอยู่ในระบบพนันบอล) และขอให้ดูฟิลิปินส์เป็นตัวอย่าง ที่ให้มีบ่อนได้เสรี แต่ประเทศไม่ค่อยเจริญทั้งที่ร่ำรวยทรัพยากรธรรมชาติและประชาชนพูดภาษาอังกฤษเก่ง แม้แต่อเมริกาเองที่ยิ่งใหญ่และร่ำรวยขึ้นมาได้จากการทำงานหนักของพลเมืองที่เคยเคร่งศาสนา (พวกพิวริตัน) แต่เดี๋ยวนี้ก็กำลังถดถอยเพราะคนเริ่มไร้จริยธรรมมากขึ้นและนิยมการพนันถูกกฎหมายมากขึ้น ที่ยังพอยืนอยู่ได้ทุกวันนี้น่าจะเป็นเพราะพิมพ์แบ๊งค์ออกมาใช้โดยไม่มีอะไรค้ำประกันมากกว่า ถ้าทุกคนในโลกนี้เอาเงินดอลลาร์ไปถอนค่าคืนสหรัฐอเมริกาอาจพังครืนทันที
หลักการถดถอยของเศรษฐกิจจากการพนันที่กล่าวมานั้นสามารถใช้ได้กับการเล่นล็อตเตอรีรัฐบาล หวย และการพนันทุกชนิดด้วย รัฐควรวิเคราะห์ศึกษาและพิจารณายกเลิกกิจกรรมเหล่านี้เสียในคราวเดียวกันนี้เลย จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของชาติได้มากกว่าการเอาเงินกองทุนหมู่บ้านไปให้คนจนกู้เสียอีก
2) ที่เชื่อกันว่าจะทำให้คนมีงานทำมากขึ้นนั้น ความจริงจะเป็นตรงกันข้าม เพราะเมื่อเศรษฐกิจในภาคปกติต้องถดถอยลงก็ย่อมต้องลดการจ้างแรงงานลงไปด้วยเป็นสัดส่วนกัน และเนื่องจากวงจรเศรษฐกิจการผลิตนั้นมีผลคูณทางแรงงานสูง (คือมีการใช้แรงงานเป็นระดับหลายระดับ)ตามสัดส่วนของผลคูณทางเศรษฐกิจ ในจำนวนเงินหมุนเวียนเท่าๆกันธุรกิจการผลิตจะจ้างแรงงานมากกว่าธุรกิจกาสิโนมาก เพราะธุรกิจกาสิโนมีผลคูณทางแรงงานต่อเดียว (คือไม่มีผลคูณทางแรงงานนั่นเอง) ดังนั้นปริมาณการจ้างงานของธุรกิจกาสิโนจึงไม่สามารถทดแทนแรงงานในภาคการผลิตที่ต้องสูญเสียไปเนื่องจากการถดถอยของภาคการผลิตได้ ทั้งในเชิงปริมาณ และ เชิงคุณภาพ ประเทศจะสูญเสียแรงงานด้านการผลิตซึ่งเป็นแรงงานที่มีคุณค่า แต่ได้แรงงานกาสิโนเพิ่มขึ้นมาแทนในบางส่วน ซึ่งเป็นแรงงานที่ด้อยคุณภาพทั้งในเชิงเทคนิควิชาการและในเชิงสังคม และงานประเภทนี้แทบไม่ก่อให้เกิดผลบวกสุทธิต่อระบบเศรษฐกิจ เนื่องจากส่วนใหญ่พอเข้ามาอยู่ในวงการนี้ก็มักหนีไม่พ้นที่จะต้องนำค่าจ้างที่ได้มาออกไป”เล่น”คืนสู่ระบบหมด
3) ที่เชื่อกันว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้นนั้นก็จะกลายเป็นตรงกันข้ามเช่นเดียวกัน เพราะขณะนี้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวประเทศไทยมากที่สุดในบรรดาประเทศในแถบเอเชียก็ว่าได้ (ถ้าคิดต่อหัวประชากร) ที่เข้ามามากเป็นเพราะมีจุดขายเด่นคือ “ความดีงามของคนไทย” ที่ผสมปนเปอยู่กับศาสนาและศิลปวัฒนธรรมไทยเดิมที่บรรพชนสร้างไว้ให้เป็นมรดก นักท่องเที่ยวเขาอยากมาสัมผัสกับความดีงามเหล่านี้ที่เป็นที่เลื่องลือกระฉ่อนโลก แต่ขณะนี้เราจะเอา”ความไม่ดีงาม”ของกาสิโนไปถ่วงให้จุดขายนี้ด้อยค่าลงไปมาก จึงเชื่อได้เลยว่านักท่องเที่ยวชั้นดีจะลดจำนวนลงมาก แต่จะได้นักท่องเที่ยวชั้นเลวเพิ่มขึ้นที่เข้ามาเพื่อเสพและเล่นกาสิโน รายได้ส่วนนี้ก็เป็นรายได้ที่ไม่น่าพิสมัยและไม่น่าภูมิใจเลย จัดได้ว่าเป็นเงินบาป นอกจากนี้ยังน่าเป็นห่วงจริยธรรม”ปากว่าตาขยิบ”ของคนไทยที่ไม่อยากเห็นคนไทยขนเงินไปเล่นการพนันที่เมืองนอก แต่อยากเห็นคนเมืองนอกขนเงินมาเสียให้กับการพนันของเรา โดยไม่สนใจใยดีว่าลูกเมียทางบ้านเขาจะขาดรายได้ จะไม่มีเงินผ่อนหรือซ่อมแซมบ้าน หรือส่งเสียลูกไปโรงเรียน
4) ที่คิดกันว่าการเปิดบ่อนเสรีจะทำให้คนไทยหยุดขนเงินไปเล่นการพนันเมืองนอกนั้นอาจไม่เป็นความจริง เพราะก็ทราบกันอยู่ว่าบ่อนเถื่อนในเมืองไทยก็มีอยู่มาก หากสมัครใจเล่นก็ย่อมเล่นในเมืองไทยได้อยู่แล้ว การที่ยอมกระเสือกกระสนไปเล่นเมืองนอกนั้นเชื่อได้ว่ามีเหตุผลแอบแฝงอื่น เช่น ต้องการปิดบังตนเอง หรือ ไปพักผ่อนท่องเที่ยวต่างประเทศด้วยในตัว และเชื่อได้ว่าเงินที่ขนไปเล่นกันนี้ส่วนใหญ่เป็นเงินร้อนที่ได้มาง่ายๆ จึงเอาไปถลุงกันเล่นได้ง่ายๆ เงินร้อนเหล่านี้หากอยู่ในเมืองไทยก็คงจะใช้ไปในการบ่อนทำลายสังคมทางใดทางหนึ่ง ปล่อยให้ออกไปอยู่เมืองนอกบ้างก็ดีเหมือนกัน จะได้ฟอกให้กลายเป็นเงินเย็นขึ้นได้บ้าง และคงช่วยสร้างความดีงามให้สังคมของชาติอื่นได้บ้าง นอกจากนี้การที่อ้างกันว่าคนไทยขนเงินไปเสียให้กับการพนันเมืองนอกกันปีละเป็นแสนแสนล้านบาทนั้น ก็เป็นการกล่าวอ้างกันจนเกินความจริงไปหลายเท่าตัว กระทรวงการต่างประเทศน่าจะมีสถิติว่าคนไทยเดินทางไปต่างประเทศปีละเท่าไร ในจำนวนนี้ไปประเทศที่มีบ่อนการพนันเท่าไร น่าจะสันนิษฐานได้ว่าประมาณครึ่งหนึ่งในจำนวนนี้ไปเล่นการพนัน คะเนดูแล้วไม่น่าเกิน 1 หมื่นคน ถ้าเสียไปปีละ 2 แสนล้านบาทจริงดังว่าก็เท่ากับว่าเสียเงินกันไปคนละ 20 ล้านบาท ซึ่งดูเกินความจริงไปมาก จึงน่าเชื่อได้ว่าเป็นการให้ข้อมูลเท็จเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการเปิดบ่อนในประเทศ นอกจากนี้บ่อน”เขมร” ที่ให้ข่าวว่าคนไทยเดินทางไปเล่นกันมากนั้น ก็เข้าใจกันว่าเป็นของนักลงทุนไทยแทบทั้งนั้น เงินที่ว่ารั่วออกนอกประเทศแท้จริงก็อยู่ในกระเป๋าของคนไทย
5) ที่อ้างกันว่าการเปิดเสรีจะทำให้ลดกำลังตำรวจในการปราบบ่อนเถื่อนนั้น ประเด็นนี้รัฐเองได้เคย”ซัดทอด” ว่า “ที่รัฐปราบบ่อนเถื่อนไม่ได้เป็นเพราะตำรวจรับสินบน” ดังนั้นเชื่อว่าที่ไปปราบกันบ้างเป็นครั้งคราวนั้นคงเป็นเพราะบ่อนเถื่อนเหล่านั้นจ่ายส่วยให้ไม่ครบตามที่เรียกร้องมากว่า ถ้าปราบกันจริงจังบ่อนเถื่อนคงหมดไปนานแล้ว ไม่ต้องใช้มาเป็นข้ออ้างแบบน่าทึ่งว่า “ถ้าปราบไม่ได้ก็ให้เปิดเสรีเสียเลย” การปราบสิ่งผิดกฎหมาย (เช่น บ่อนเถื่อน) เป็นหน้าที่ของตำรวจโดยตรงอยู่แล้ว ไม่น่าใช้เป็นข้ออ้างในการขอเพิ่มงบดำเนินการแต่ประการใด
6) ที่เชื่อกันว่าจะลดจำนวนมาเฟียประจำบ่อนเถื่อนลง ก็ไม่น่าเป็นความจริง เพราะบ่อนเถื่อนนั้นไม่น่าต้องการแก๊งค์คุมบ่อนมากนัก เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่รับสินบนคอยจัดการและถนอมผลประโยชน์ให้แล้ว ตรงกันข้าม จำนวนกาสิโนที่มีมากขึ้นจากการเปิดเสรีจะก่อให้เกิดแก๊งค์มาเฟียมากขึ้น เหมือนดังในเกาะมาเก๊าที่หนังสือพิมพ์ไทม์รายสัปดาห์เคยรายงานว่ามีสมาชิกแก๊งค์ถึงประมาณ 20,000 คน ที่คอยคุมกาสิโนถูกกฎหมายเหล่านี้ พวกนี้ต้องคอยคุมผลประโยชน์ที่ขัดกันเองของบ่อนต่างๆ รวมทั้งต้องคุมลูกค้าด้วย นอกจากจะรังควาญกันเองระหว่างกลุ่มแล้ว พวกนี้ยังจะรังควาญสังคมอีกด้วย ซึ่งนอกจากสังคมจะรับกรรมโดยตรงแล้ว ยังต้องรับกรรมโดยอ้อมจากการต้องเปลืองงบตำรวจเพิ่มขึ้นในการปราบปรามอีกด้วย
ที่กล่าวมา 6 ข้อนั้นเป็นการโต้แย้งข้อสรุปของคณะกรรมาธิการรัฐสภาที่ระบุข้อดีของการอนุญาตให้เปิดบ่อนกาสิโน จากนี้ไปจะชี้ให้เห็นถึงข้อไม่ดีอื่นๆเพิ่มเติม ดังนี้
7) การเปิดเสรีจะทำให้ปริมาณคนไทยที่เล่นการพนันมีมากขึ้น (จากที่เมื่อก่อนมีจำนวนน้อยเพราะต้องแอบๆซ่อนๆ) ทำให้คุณภาพโดยรวมของคนไทยด้อยลง รัฐมักชอบอ้างว่า”คน”เป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดของประเทศ ดังนั้นการให้เปิดบ่อนได้เสรีจึงเท่ากับว่ารัฐกำลังช่วยทำลายคุณภาพทรัพยากรมนุษย์ของประเทศเสียเอง
จะเกิดการสูญเสียทางแรงงานของลูกจ้างพนักงานที่เข้าไปเล่นกาสิโนกันในช่วงวันหยุด จำนวนมากคงจะเล่นกันจนดึกดื่น เมื่อเปิดทำงานวันแรกของสัปดาห์ ก็จะไม่มีความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า วันทั้งวันอาจสูญเสียไปกับการง่วงเหงาหาวนอน หรือ ครุ่นคิดหงุดหงิดกับเงินที่ได้สูญเสียไปและวางแผนเพื่อจะให้ได้กลับคืนมา หลายคนอาจถึงกับต้องลาป่วย การสูญเสียเหล่านี้นับเป็นการสูญเสียทางเศรษฐกิจด้วยเพราะทำให้กำลังและประสิทธิภาพการผลิตลดลง นายจ้างต้องสูญเสียผลประโยชน์ ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น คุณภาพสินค้าลดลง ไม่สามารถแข่งขันกับสินค้าต่างประเทศได้
9) นักลงทุนจากต่างชาติจะมาลงทุนน้อยลง เพราะคงไม่มีใครอยากมาตั้งโรงงานแล้วได้พนักงานด้อยประสิทธิภาพที่ติดการพนันงอมแงม จะไปลงทุนในประเทศอื่นที่ไม่มีกาสิโนแทน
10) ชาวต่างชาติจะมาลงทุนในประเทศไทยน้อยลง เพราะในปัจจุบันนี้ได้เกิดกระแสจริยธรรมในหมู่นักธุรกิจต่างประเทศอย่างกว้างขวางว่า จะไม่ลงทุน(ซื้อหุ้น)ในธุรกิจที่มีส่วนทั้งโดยตรงและโดยอ้อมในการทำลายความดีงามของสังคม เช่น ธุรกิจสุรา บุหรี่ อาวุธ เป็นต้น และได้รวมไปถึงการไม่ลงทุนในประเทศที่มีนโยบายทางสังคมไม่ดีด้วย เช่น ในอาฟริกาใต้ (ที่มีการแบ่งผิว)
11) กำไรที่เจ้าของกิจการกาสิโนได้รับนั้น ตามลักษณะนิสัยของคนในวงการนี้ก็คงไม่แคล้วเอาไปซื้อสิ่งเสพหรูหราที่สั่งมาจากเมืองนอก ทำให้ประเทศขาดดุลการค้ามากขึ้น หรือไม่ก็คงเอาไปลงทุนสร้างกาสิโนเพิ่มขึ้น หรือลงทุนในธุรกิจที่สอดคล้อง เช่น ไนท์คลับ บาร์ เทค อาบอบนวด เป็นต้น ซึ่งจะยิ่งดูดเงินออกจากระบบและทำให้ประเทศไทยสูญเสียทางเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้นเป็นทวีคูณ
12) ธุรกิจการฟอกเงินจากยาบ้า เฮโรอิน คอรัปชันรูปแบบต่างๆ จะเฟื่องฟูและแนบเนียนมากยิ่งขึ้น (ผ่านธุรกิจกาสิโน) จะทำให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางของความเลวต่างๆในภูมิภาคนี้ได้โดยง่าย รวมทั้งสูญเสียความน่าเชื่อถือทางจริยธรรมจากต่างประเทศมากขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจการค้าการลงทุนจากต่างประเทศถดถอยลงได้
13) ภาพลักษณ์ของประเทศไทยจะถดถอยลงในสายตาของชาวโลก ทำให้รัฐต้องเสียเวลาและงบประมาณมากขึ้นในการประชาสัมพันธ์เพื่อแก้ข่าวเชิงลบที่บุคคลและองค์กรต่างๆทั่วโลกจะวิจารณ์ประเทศไทย หากภาพลักษณ์ถดถอยลงอย่างต่อเนื่อง ไม่ช้าไม่นานคงได้รับการขนานนามว่า”เมืองบาปแห่งทิศตะวันออก” (Sin City of the East) ชื่อประเภทนี้เมื่อติดปากคนทั้งโลกแล้วมักแก้ไม่หลุดไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็ตาม ลูกหลานในอนาคตคงจะแช่งด่าคนรุ่นเราที่ได้มอบตราบาปไว้ให้แก่พวกเขา
ที่กล่าวมาเป็นตัวอย่างการสูญเสียทางเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากการเปิดบ่อนเสรี หากวิเคราะห์ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นอาจพบการสูญเสียมากกว่าที่กล่าวมาอีกก็เป็นได้ จึงใคร่ขอฝากบรรดาท่านนักเศรษฐศาสตร์ในประเทศไทยให้ช่วยกันคิดเพิ่มเติมในแง่มุมอื่นให้สมบูรณ์ต่อไป สำหรับผลเสียเชิงสังคมจากการเปิดบ่อนเสรีก็มีมากด้วย เช่น
1) พ่อไม่อยู่กับบ้านเนื่องจากเอาเวลาไปเล่นกาสิโน และไม่เหลือเงินกลับมาเจือจุนครอบครัวมากเท่าที่ควร ไม่พาครอบครัวไปเที่ยวพักผ่อนในวันหยุด ลูกเต้าไม่ได้รับการดูแลเท่าที่ควร จะเป็นปัญหาสังคมในระยะยาว
2) ปริมาณงานที่รัฐจะสร้างให้ประชาชน(หญิง)ได้เพิ่มขึ้นแน่ๆคือ งานขายบริการทางเพศที่จะต้องเพิ่มมากขึ้นอย่างสอดคล้องกับธุรกิจกาสิโนอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ ภาพลักษณ์ต่อหญิงไทยจะแย่ลงอีก (จากที่แย่มากอยู่แล้ว) หญิงไทยที่เดินทางไปต่างประเทศทุกวันนี้ (อาจจะรวมถึงลูกสาวของนักการเมืองหลายท่าน) แทบจะต้องเอาปี๊บคลุมหัวอยู่แล้ว เพราะพวกตรวจคนเข้าเมืองเขาจะมองด้วยสายตาเหยียดหยัน และ ซักถามถี่ถ้วนเป็นพิเศษ ในสหรัฐอเมริกาเองคำว่า “ผู้หญิงเนวาดา” (Nevada Girl) ก็มีความหมายเชิงเสียดสีที่เป็นที่รู้กันดี (เนวาดาเป็นมลรัฐที่ให้เปิดบ่อนได้เสรี) นอกจากนี้รัฐจะต้องเสียงบประมาณมาสงเคราะห์ และแก้ปัญหาสุขภาพ ปัญหาสังคมที่ตามมาจากการมีโสเภณีมากขึ้น
3) สุขภาพของคนในชาติจะแย่ลง เพราะคนไปเล่นมักจะสูบบุหรี่ และ ดื่มจัดพร้อมกันไป กาสิโนในสหรัฐอเมริกาถึงกับบริการเหล้าฟรีกับลูกค้าเพราะต้องการมอมให้เมา จะได้พนันแบบมือเติบ
4) อาชญากรรมในสังคมจะมากขึ้น เนื่องจากคนที่เล่นจนหมดตัวไปกระทำการต่างๆเพื่อให้ได้เงินยังชีพหรือเอาไปเล่นแก้ตัวคืน
5) จะสนับสนุนให้เจ้าพนักงานทุจริตและรับสินบนมากขึ้น โดยเฉพาะธรรมชาติของธุรกิจกาสิโนย่อมโน้มเอียงต่อการทุจริตต่างๆเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จะเป็นการช่วยแพร่กระจายการทุจริตของเจ้าหน้าที่ให้มากยิ่งขึ้น จนเห็นเป็นของธรรมดามากยิ่งขึ้นกว่าทุกวันนี้เสียอีก
6) ระดับจริยธรรมมวลรวมของคนในชาติจะลดลงอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ เด็กไทยที่เกิดมาจะถูกหล่อหลอมโดยสังคมให้เห็นว่ากาสิโนและการคอรัปชันเป็นของธรรมดา เท่ากับว่าเกิดมาก็มีฐานจริยธรรมต่ำกว่าในอดีตเสียแล้ว อนาคตของชาติที่ฝากไว้กับเด็กๆเหล่านี้ก็คงจะถดถอยลงไปเรื่อยๆจนอาจล่มสลายได้ในที่สุด
7) ขณะนี้เราคิดกันแต่เพียงผลระยะสั้นว่า ถึงอย่างไรคนพวกนี้ก็เล่นการพนันกันอยู่แล้ว ดังนั้นการเปิดเสรีจะไม่มีผลเสียต่อสังคมแต่ประการใด เพราะจำนวนคนเล่นจะเท่าเดิม แถมรัฐได้เงิน แต่ถ้าคิดให้ลึกจะเห็นผลกระทบที่รุนแรงที่สุด สังเกตดูจากคนหลายคนที่ชอบเล่นการพนัน เห็นได้ว่าส่วนใหญ่มาจากครอบครัวที่พ่อแม่พี่น้องเล่นการพนัน ถ้าพ่อแม่เล่นลูกๆก็มักจะเล่นด้วย การเปิดบ่อนเสรีจะทำให้เพิ่มจำนวนคนติดการพนันเพิ่มขึ้นทีละน้อยๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คนที่ไม่เคยเล่นโดยเฉพาะพวกก้ำกึ่ง ก็จะกลายเป็นมาเล่น เพราะไม่ต้องกลัวถูกจับหรือต้องหลบซ่อนอีกต่อไป แต่การเพิ่มนักพนันขึ้น 1 คนย่อมหมายถึงเพื่อนฝูงญาติมิตรลูกหลานจะพลอยติดการพนันเพิ่มขึ้นอีก 5-6 คน ทำให้เกิดการกระจายแบบทวีคูณอย่างรวดเร็ว จาก 1 เป็น 5 เป็น 25 เป็น 125 นานวันนานปีเข้าคนส่วนใหญ่ของประเทศก็จะกลายเป็นนักพนัน นี่คือผลกระทบระยะยาวทางสังคมที่ผู้สนับสนุนบ่อนเสรีคงไม่ได้ตระหนักถึง ถึงเวลานั้นก็อาจสายเกินแก้เสียแล้ว อนาคตของประเทศไทยคงไม่เหลืออะไรอีกต่อไป เพราะคุณค่ามวลรวมของทรัพยากรบุคคลในชาติจะสูญสิ้นหมดจนไม่เหลือไว้ให้ตั้งตัวใหม่ได้ จะเท่ากับว่าเป็นการล้มละลายของทุนทรัพยากรบุคคล
จากที่กล่าวมาทั้งหมดผู้เขียนได้ชี้แจงแสดงเหตุผลให้เห็นว่า ธุรกิจกาสิโนจะนำมาซึ่งการสูญเสียอย่างหนักทั้งทางเศรษฐกิจ และทางสังคม ซึ่งนับว่าเป็นตรงกันข้ามกับที่คนส่วนใหญ่เชื่อกันว่ากาสิโนจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นมากโดยมีผลเสียทางสังคมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ในขณะนี้ประเทศไทยต้องแบกรับความไม่ดีงาม ทั้งทางเศรษฐกิจและทางสังคม ไว้มากมายหลายอย่างแล้ว การต้องแบกรับกาสิโนเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งอย่างอาจจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ประเทศไทยล้มครืนลงก็เป็นได้ ไม่ช้าก็เร็ว
ก่อนที่รัฐบาลจะตัดสินใจทำอะไรลงไปในประเด็นอันสำคัญยิ่งต่ออนาคตของชาติ ใคร่ขอวิงวอนให้วิเคราะห์ไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนรอบคอบที่สุด เพราะเมื่ออนุญาตให้จัดตั้งแล้วจะล้มเลิกได้ยากมาก ประชาชน นักวิชาการ สื่อมวลชน ควรตื่นตัวและมีส่วนร่วมคิดวิเคราะห์วิจารณ์ในเรื่องนี้ให้มากที่สุด ก่อนที่จะสายเกินแก้ และก่อนที่จะพากันไปสู่ความสิ้นชาติด้วยการทอดธุระว่าประเทศนี้ไม่ใช่ของเราคนเดียว
..ทวิชจ. ๒๕๔๗
เชียนไว้เมื่อ ๒๕๔๗
บ่อนเสรีจะทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้น…..จริงหรือ?
ในที่สุดสภาผู้แทนราษฎรทีมีพรรคไทยรักไทยของท่านนายกทักษิณ ชินวัตร เป็นแกนนำ ก็ให้ความเห็นชอบเปิดบ่อนกาสิโนได้เสรี โดยอ้างถึงข้อดีตามที่คณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคาร และสถาบันการเงิน ของรัฐสภาได้ศึกษาไว้ สส.รัฐบาลยกมือสนับสนุนวาระนี้หมดทุกคน ยกเว้นสส.จากจังหวัดนครพนมเพียงท่านเดียวที่งดออกเสียง ฝ่ายค้านส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย ยกเว้นสามท่านที่ลงคะแนนเห็นด้วยกับพรรคร่วมรัฐบาล
เรื่องที่รัฐสภาเห็นชอบให้เปิดบ่อนเสรีนี้ผู้เขียนเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุดเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์ชาติไทยเท่าที่เคยมีมา แต่ดูเหมือนว่าสื่อต่างๆ ไม่ค่อยให้ความสำคัญสักเท่าใด (ส่งบทความนี้ไม่ตีพิมพ์หลายแห่งก็ไม่ได้รับการพิจารณา)
การศึกษาของคณะกรรมาธิการดังกล่าวระบุว่า บ่อนเสรีจะทำให้เกิดผลดีหลายประการคือ
1) รัฐจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมจากกาสิโน
2) ประเทศจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเล่นการพนัน
3) จะลดการสูญเสียเงินของคนไทยให้แก่บ่อนต่างชาติ เพราะนักพนันไทยจะไม่ขนเงินออกไปเล่นการพนันในบ่อนต่างประเทศเหมือนที่ผ่านมา
4) คนไทยจะมีงานทำมากขึ้น(งานในกาสิโน)
5) จะลดงบตำรวจในการปราบบ่อนเถื่อน และ
6) จะลดปัญหาสังคมจากพวกแก๊งค์มาเฟียที่สิงกันอยู่ตามบ่อนเถื่อน
……หากเป็นจริงเช่นนั้นตามที่กล่าวอ้างก็ถือว่าได้หลายต่อทีเดียว
บทความนี้จะแสดงเหตุผลให้เห็นว่า การเปิดเสรีบ่อนกาสิโนจะทำให้เกิดการสูญเสียทางเศรษฐกิจต่อประเทศมากว่าจะเกิดผลดี พร้อมทั้งจะชี้ให้เห็นข้อไม่ดีอื่นๆของธุรกิจกาสิโนอีกด้วย จึงขอชี้แจงเป็นข้อๆ ดังนี้
1) ถ้าคิดตื้นๆ รัฐอาจจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการเก็บภาษีบ่อน แต่ถ้าคิดให้ลึกกว่านั้นจะเห็นว่ารัฐจะสูญเสียรายได้มากว่านั้นเสียอีก ตามเหตุผล ดังนี้
1.1 ยิ่งเงินในกระเป๋าของประชาชนถูกดูดเข้าไปในระบบกาสิโนมากเท่าใด ก็จะทำให้เงินสูญหายไปจากระบบเศรษฐกิจปกติเท่านั้น ซึ่งจะยังผลให้เกิดการลดลงของการบริโภคสินค้าและการบริการอื่นๆ (เช่น การท่องเที่ยว) ซึ่งยังผลให้เกิดการลดลงของการผลิตสินค้าและบริการต่างๆเป็นเงาตามตัว ซึ่งยังผลให้เศรษฐกิจในภาคปกติถดถอยลงในภาพรวม โดยเฉพาะธุรกิจการผลิตมีผลคูณทางเศรษฐกิจสูงกว่าธุรกิจกาสิโนมาก ในจำนวนเงินหมุนเวียนที่เท่ากันการผลิตจะมีขั้นตอนในการสร้างเศรษฐกิจมากมายหลายขั้นตอน ทำให้เงินเปลี่ยนมือหลายครั้ง ซึ่งทำให้เกิดผลคูณทางเศรษฐกิจสูง ซึ่งทำให้รัฐเก็บภาษีได้มากตามมา ในขณะที่วงจรธุรกิจกาสิโนสั้นมาก เพราะเงินจากผู้เล่นจะถึงมือเจ้าของกิจการโดยตรง จึงเก็บภาษีได้เพียงต่อเดียว ไม่มีผลคูณทางเศรษฐกิจเลย
1.2 ภาษีที่เก็บได้น้อยลงกว่าเดิมนั้น จะยิ่งน้อยลงมากขึ้นเพราะจะไม่สามารถเก็บภาษีจากบ่อนได้เต็มที่ เพราะคงหนีไม่พ้นการฉ้อโกงเพื่อให้เสียภาษีน้อยกว่าเป็นจริง โดยเฉพาะกำลังทำธุรกิจกับกลุ่มคนที่มีลักษณะเป็นนักพนันอยู่แล้ว จะยิ่งร่วมมือกับเจ้าพนักงานเพื่อฉ้อโกงได้ง่าย
การสูญเสียทางเศรษฐกิจที่กล่าวมานั้น เป็นการสูญเสียระยะสั้นในรอบที่หนึ่งเท่านั้น การสูญเสียระยะยาวในรอบสองสามสี่ห้าจะตามมาอีกเป็นระลอก กล่าวคือ จำนวนเงินที่หากไม่สูญหายไปกับกาสิโนจะไปสร้างผลคูณทางเศรษฐกิจในภาคการผลิตเป็นระลอกๆ ตามวงจรเศรษฐกิจในแต่ละรอบปี ในเวลา 20 ปีจะเกิดการสูญเสียทางเศรษฐกิจไปมหาศาลเท่าไร แม้คิดเพียงต่อเดียวโดยไม่ต้องมีการนับผลคูณก็มากโขแล้ว ขอให้ดูประเทศอังกฤษเป็นตัวอย่างที่ให้คนเล่นพนันกันได้เสรีมาเป็นเวลานาน จากที่เคยเป็นจ้าวโลกเดี๋ยวนี้ล้าหลังกว่าเกาหลีเสียอีก เพราะไม่สามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพขายได้ในตลาดโลกเลย (นอกจากเดวิด เบคแฮม ซึ่งอยู่ในระบบพนันบอล) และขอให้ดูฟิลิปินส์เป็นตัวอย่าง ที่ให้มีบ่อนได้เสรี แต่ประเทศไม่ค่อยเจริญทั้งที่ร่ำรวยทรัพยากรธรรมชาติและประชาชนพูดภาษาอังกฤษเก่ง แม้แต่อเมริกาเองที่ยิ่งใหญ่และร่ำรวยขึ้นมาได้จากการทำงานหนักของพลเมืองที่เคยเคร่งศาสนา (พวกพิวริตัน) แต่เดี๋ยวนี้ก็กำลังถดถอยเพราะคนเริ่มไร้จริยธรรมมากขึ้นและนิยมการพนันถูกกฎหมายมากขึ้น ที่ยังพอยืนอยู่ได้ทุกวันนี้น่าจะเป็นเพราะพิมพ์แบ๊งค์ออกมาใช้โดยไม่มีอะไรค้ำประกันมากกว่า ถ้าทุกคนในโลกนี้เอาเงินดอลลาร์ไปถอนค่าคืนสหรัฐอเมริกาอาจพังครืนทันที
หลักการถดถอยของเศรษฐกิจจากการพนันที่กล่าวมานั้นสามารถใช้ได้กับการเล่นล็อตเตอรีรัฐบาล หวย และการพนันทุกชนิดด้วย รัฐควรวิเคราะห์ศึกษาและพิจารณายกเลิกกิจกรรมเหล่านี้เสียในคราวเดียวกันนี้เลย จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของชาติได้มากกว่าการเอาเงินกองทุนหมู่บ้านไปให้คนจนกู้เสียอีก
2) ที่เชื่อกันว่าจะทำให้คนมีงานทำมากขึ้นนั้น ความจริงจะเป็นตรงกันข้าม เพราะเมื่อเศรษฐกิจในภาคปกติต้องถดถอยลงก็ย่อมต้องลดการจ้างแรงงานลงไปด้วยเป็นสัดส่วนกัน และเนื่องจากวงจรเศรษฐกิจการผลิตนั้นมีผลคูณทางแรงงานสูง (คือมีการใช้แรงงานเป็นระดับหลายระดับ)ตามสัดส่วนของผลคูณทางเศรษฐกิจ ในจำนวนเงินหมุนเวียนเท่าๆกันธุรกิจการผลิตจะจ้างแรงงานมากกว่าธุรกิจกาสิโนมาก เพราะธุรกิจกาสิโนมีผลคูณทางแรงงานต่อเดียว (คือไม่มีผลคูณทางแรงงานนั่นเอง) ดังนั้นปริมาณการจ้างงานของธุรกิจกาสิโนจึงไม่สามารถทดแทนแรงงานในภาคการผลิตที่ต้องสูญเสียไปเนื่องจากการถดถอยของภาคการผลิตได้ ทั้งในเชิงปริมาณ และ เชิงคุณภาพ ประเทศจะสูญเสียแรงงานด้านการผลิตซึ่งเป็นแรงงานที่มีคุณค่า แต่ได้แรงงานกาสิโนเพิ่มขึ้นมาแทนในบางส่วน ซึ่งเป็นแรงงานที่ด้อยคุณภาพทั้งในเชิงเทคนิควิชาการและในเชิงสังคม และงานประเภทนี้แทบไม่ก่อให้เกิดผลบวกสุทธิต่อระบบเศรษฐกิจ เนื่องจากส่วนใหญ่พอเข้ามาอยู่ในวงการนี้ก็มักหนีไม่พ้นที่จะต้องนำค่าจ้างที่ได้มาออกไป”เล่น”คืนสู่ระบบหมด
3) ที่เชื่อกันว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้นนั้นก็จะกลายเป็นตรงกันข้ามเช่นเดียวกัน เพราะขณะนี้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวประเทศไทยมากที่สุดในบรรดาประเทศในแถบเอเชียก็ว่าได้ (ถ้าคิดต่อหัวประชากร) ที่เข้ามามากเป็นเพราะมีจุดขายเด่นคือ “ความดีงามของคนไทย” ที่ผสมปนเปอยู่กับศาสนาและศิลปวัฒนธรรมไทยเดิมที่บรรพชนสร้างไว้ให้เป็นมรดก นักท่องเที่ยวเขาอยากมาสัมผัสกับความดีงามเหล่านี้ที่เป็นที่เลื่องลือกระฉ่อนโลก แต่ขณะนี้เราจะเอา”ความไม่ดีงาม”ของกาสิโนไปถ่วงให้จุดขายนี้ด้อยค่าลงไปมาก จึงเชื่อได้เลยว่านักท่องเที่ยวชั้นดีจะลดจำนวนลงมาก แต่จะได้นักท่องเที่ยวชั้นเลวเพิ่มขึ้นที่เข้ามาเพื่อเสพและเล่นกาสิโน รายได้ส่วนนี้ก็เป็นรายได้ที่ไม่น่าพิสมัยและไม่น่าภูมิใจเลย จัดได้ว่าเป็นเงินบาป นอกจากนี้ยังน่าเป็นห่วงจริยธรรม”ปากว่าตาขยิบ”ของคนไทยที่ไม่อยากเห็นคนไทยขนเงินไปเล่นการพนันที่เมืองนอก แต่อยากเห็นคนเมืองนอกขนเงินมาเสียให้กับการพนันของเรา โดยไม่สนใจใยดีว่าลูกเมียทางบ้านเขาจะขาดรายได้ จะไม่มีเงินผ่อนหรือซ่อมแซมบ้าน หรือส่งเสียลูกไปโรงเรียน
4) ที่คิดกันว่าการเปิดบ่อนเสรีจะทำให้คนไทยหยุดขนเงินไปเล่นการพนันเมืองนอกนั้นอาจไม่เป็นความจริง เพราะก็ทราบกันอยู่ว่าบ่อนเถื่อนในเมืองไทยก็มีอยู่มาก หากสมัครใจเล่นก็ย่อมเล่นในเมืองไทยได้อยู่แล้ว การที่ยอมกระเสือกกระสนไปเล่นเมืองนอกนั้นเชื่อได้ว่ามีเหตุผลแอบแฝงอื่น เช่น ต้องการปิดบังตนเอง หรือ ไปพักผ่อนท่องเที่ยวต่างประเทศด้วยในตัว และเชื่อได้ว่าเงินที่ขนไปเล่นกันนี้ส่วนใหญ่เป็นเงินร้อนที่ได้มาง่ายๆ จึงเอาไปถลุงกันเล่นได้ง่ายๆ เงินร้อนเหล่านี้หากอยู่ในเมืองไทยก็คงจะใช้ไปในการบ่อนทำลายสังคมทางใดทางหนึ่ง ปล่อยให้ออกไปอยู่เมืองนอกบ้างก็ดีเหมือนกัน จะได้ฟอกให้กลายเป็นเงินเย็นขึ้นได้บ้าง และคงช่วยสร้างความดีงามให้สังคมของชาติอื่นได้บ้าง นอกจากนี้การที่อ้างกันว่าคนไทยขนเงินไปเสียให้กับการพนันเมืองนอกกันปีละเป็นแสนแสนล้านบาทนั้น ก็เป็นการกล่าวอ้างกันจนเกินความจริงไปหลายเท่าตัว กระทรวงการต่างประเทศน่าจะมีสถิติว่าคนไทยเดินทางไปต่างประเทศปีละเท่าไร ในจำนวนนี้ไปประเทศที่มีบ่อนการพนันเท่าไร น่าจะสันนิษฐานได้ว่าประมาณครึ่งหนึ่งในจำนวนนี้ไปเล่นการพนัน คะเนดูแล้วไม่น่าเกิน 1 หมื่นคน ถ้าเสียไปปีละ 2 แสนล้านบาทจริงดังว่าก็เท่ากับว่าเสียเงินกันไปคนละ 20 ล้านบาท ซึ่งดูเกินความจริงไปมาก จึงน่าเชื่อได้ว่าเป็นการให้ข้อมูลเท็จเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการเปิดบ่อนในประเทศ นอกจากนี้บ่อน”เขมร” ที่ให้ข่าวว่าคนไทยเดินทางไปเล่นกันมากนั้น ก็เข้าใจกันว่าเป็นของนักลงทุนไทยแทบทั้งนั้น เงินที่ว่ารั่วออกนอกประเทศแท้จริงก็อยู่ในกระเป๋าของคนไทย
5) ที่อ้างกันว่าการเปิดเสรีจะทำให้ลดกำลังตำรวจในการปราบบ่อนเถื่อนนั้น ประเด็นนี้รัฐเองได้เคย”ซัดทอด” ว่า “ที่รัฐปราบบ่อนเถื่อนไม่ได้เป็นเพราะตำรวจรับสินบน” ดังนั้นเชื่อว่าที่ไปปราบกันบ้างเป็นครั้งคราวนั้นคงเป็นเพราะบ่อนเถื่อนเหล่านั้นจ่ายส่วยให้ไม่ครบตามที่เรียกร้องมากว่า ถ้าปราบกันจริงจังบ่อนเถื่อนคงหมดไปนานแล้ว ไม่ต้องใช้มาเป็นข้ออ้างแบบน่าทึ่งว่า “ถ้าปราบไม่ได้ก็ให้เปิดเสรีเสียเลย” การปราบสิ่งผิดกฎหมาย (เช่น บ่อนเถื่อน) เป็นหน้าที่ของตำรวจโดยตรงอยู่แล้ว ไม่น่าใช้เป็นข้ออ้างในการขอเพิ่มงบดำเนินการแต่ประการใด
6) ที่เชื่อกันว่าจะลดจำนวนมาเฟียประจำบ่อนเถื่อนลง ก็ไม่น่าเป็นความจริง เพราะบ่อนเถื่อนนั้นไม่น่าต้องการแก๊งค์คุมบ่อนมากนัก เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่รับสินบนคอยจัดการและถนอมผลประโยชน์ให้แล้ว ตรงกันข้าม จำนวนกาสิโนที่มีมากขึ้นจากการเปิดเสรีจะก่อให้เกิดแก๊งค์มาเฟียมากขึ้น เหมือนดังในเกาะมาเก๊าที่หนังสือพิมพ์ไทม์รายสัปดาห์เคยรายงานว่ามีสมาชิกแก๊งค์ถึงประมาณ 20,000 คน ที่คอยคุมกาสิโนถูกกฎหมายเหล่านี้ พวกนี้ต้องคอยคุมผลประโยชน์ที่ขัดกันเองของบ่อนต่างๆ รวมทั้งต้องคุมลูกค้าด้วย นอกจากจะรังควาญกันเองระหว่างกลุ่มแล้ว พวกนี้ยังจะรังควาญสังคมอีกด้วย ซึ่งนอกจากสังคมจะรับกรรมโดยตรงแล้ว ยังต้องรับกรรมโดยอ้อมจากการต้องเปลืองงบตำรวจเพิ่มขึ้นในการปราบปรามอีกด้วย
ที่กล่าวมา 6 ข้อนั้นเป็นการโต้แย้งข้อสรุปของคณะกรรมาธิการรัฐสภาที่ระบุข้อดีของการอนุญาตให้เปิดบ่อนกาสิโน จากนี้ไปจะชี้ให้เห็นถึงข้อไม่ดีอื่นๆเพิ่มเติม ดังนี้
7) การเปิดเสรีจะทำให้ปริมาณคนไทยที่เล่นการพนันมีมากขึ้น (จากที่เมื่อก่อนมีจำนวนน้อยเพราะต้องแอบๆซ่อนๆ) ทำให้คุณภาพโดยรวมของคนไทยด้อยลง รัฐมักชอบอ้างว่า”คน”เป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดของประเทศ ดังนั้นการให้เปิดบ่อนได้เสรีจึงเท่ากับว่ารัฐกำลังช่วยทำลายคุณภาพทรัพยากรมนุษย์ของประเทศเสียเอง
จะเกิดการสูญเสียทางแรงงานของลูกจ้างพนักงานที่เข้าไปเล่นกาสิโนกันในช่วงวันหยุด จำนวนมากคงจะเล่นกันจนดึกดื่น เมื่อเปิดทำงานวันแรกของสัปดาห์ ก็จะไม่มีความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า วันทั้งวันอาจสูญเสียไปกับการง่วงเหงาหาวนอน หรือ ครุ่นคิดหงุดหงิดกับเงินที่ได้สูญเสียไปและวางแผนเพื่อจะให้ได้กลับคืนมา หลายคนอาจถึงกับต้องลาป่วย การสูญเสียเหล่านี้นับเป็นการสูญเสียทางเศรษฐกิจด้วยเพราะทำให้กำลังและประสิทธิภาพการผลิตลดลง นายจ้างต้องสูญเสียผลประโยชน์ ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น คุณภาพสินค้าลดลง ไม่สามารถแข่งขันกับสินค้าต่างประเทศได้
9) นักลงทุนจากต่างชาติจะมาลงทุนน้อยลง เพราะคงไม่มีใครอยากมาตั้งโรงงานแล้วได้พนักงานด้อยประสิทธิภาพที่ติดการพนันงอมแงม จะไปลงทุนในประเทศอื่นที่ไม่มีกาสิโนแทน
10) ชาวต่างชาติจะมาลงทุนในประเทศไทยน้อยลง เพราะในปัจจุบันนี้ได้เกิดกระแสจริยธรรมในหมู่นักธุรกิจต่างประเทศอย่างกว้างขวางว่า จะไม่ลงทุน(ซื้อหุ้น)ในธุรกิจที่มีส่วนทั้งโดยตรงและโดยอ้อมในการทำลายความดีงามของสังคม เช่น ธุรกิจสุรา บุหรี่ อาวุธ เป็นต้น และได้รวมไปถึงการไม่ลงทุนในประเทศที่มีนโยบายทางสังคมไม่ดีด้วย เช่น ในอาฟริกาใต้ (ที่มีการแบ่งผิว)
11) กำไรที่เจ้าของกิจการกาสิโนได้รับนั้น ตามลักษณะนิสัยของคนในวงการนี้ก็คงไม่แคล้วเอาไปซื้อสิ่งเสพหรูหราที่สั่งมาจากเมืองนอก ทำให้ประเทศขาดดุลการค้ามากขึ้น หรือไม่ก็คงเอาไปลงทุนสร้างกาสิโนเพิ่มขึ้น หรือลงทุนในธุรกิจที่สอดคล้อง เช่น ไนท์คลับ บาร์ เทค อาบอบนวด เป็นต้น ซึ่งจะยิ่งดูดเงินออกจากระบบและทำให้ประเทศไทยสูญเสียทางเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้นเป็นทวีคูณ
12) ธุรกิจการฟอกเงินจากยาบ้า เฮโรอิน คอรัปชันรูปแบบต่างๆ จะเฟื่องฟูและแนบเนียนมากยิ่งขึ้น (ผ่านธุรกิจกาสิโน) จะทำให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางของความเลวต่างๆในภูมิภาคนี้ได้โดยง่าย รวมทั้งสูญเสียความน่าเชื่อถือทางจริยธรรมจากต่างประเทศมากขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจการค้าการลงทุนจากต่างประเทศถดถอยลงได้
13) ภาพลักษณ์ของประเทศไทยจะถดถอยลงในสายตาของชาวโลก ทำให้รัฐต้องเสียเวลาและงบประมาณมากขึ้นในการประชาสัมพันธ์เพื่อแก้ข่าวเชิงลบที่บุคคลและองค์กรต่างๆทั่วโลกจะวิจารณ์ประเทศไทย หากภาพลักษณ์ถดถอยลงอย่างต่อเนื่อง ไม่ช้าไม่นานคงได้รับการขนานนามว่า”เมืองบาปแห่งทิศตะวันออก” (Sin City of the East) ชื่อประเภทนี้เมื่อติดปากคนทั้งโลกแล้วมักแก้ไม่หลุดไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็ตาม ลูกหลานในอนาคตคงจะแช่งด่าคนรุ่นเราที่ได้มอบตราบาปไว้ให้แก่พวกเขา
ที่กล่าวมาเป็นตัวอย่างการสูญเสียทางเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากการเปิดบ่อนเสรี หากวิเคราะห์ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นอาจพบการสูญเสียมากกว่าที่กล่าวมาอีกก็เป็นได้ จึงใคร่ขอฝากบรรดาท่านนักเศรษฐศาสตร์ในประเทศไทยให้ช่วยกันคิดเพิ่มเติมในแง่มุมอื่นให้สมบูรณ์ต่อไป สำหรับผลเสียเชิงสังคมจากการเปิดบ่อนเสรีก็มีมากด้วย เช่น
1) พ่อไม่อยู่กับบ้านเนื่องจากเอาเวลาไปเล่นกาสิโน และไม่เหลือเงินกลับมาเจือจุนครอบครัวมากเท่าที่ควร ไม่พาครอบครัวไปเที่ยวพักผ่อนในวันหยุด ลูกเต้าไม่ได้รับการดูแลเท่าที่ควร จะเป็นปัญหาสังคมในระยะยาว
2) ปริมาณงานที่รัฐจะสร้างให้ประชาชน(หญิง)ได้เพิ่มขึ้นแน่ๆคือ งานขายบริการทางเพศที่จะต้องเพิ่มมากขึ้นอย่างสอดคล้องกับธุรกิจกาสิโนอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ ภาพลักษณ์ต่อหญิงไทยจะแย่ลงอีก (จากที่แย่มากอยู่แล้ว) หญิงไทยที่เดินทางไปต่างประเทศทุกวันนี้ (อาจจะรวมถึงลูกสาวของนักการเมืองหลายท่าน) แทบจะต้องเอาปี๊บคลุมหัวอยู่แล้ว เพราะพวกตรวจคนเข้าเมืองเขาจะมองด้วยสายตาเหยียดหยัน และ ซักถามถี่ถ้วนเป็นพิเศษ ในสหรัฐอเมริกาเองคำว่า “ผู้หญิงเนวาดา” (Nevada Girl) ก็มีความหมายเชิงเสียดสีที่เป็นที่รู้กันดี (เนวาดาเป็นมลรัฐที่ให้เปิดบ่อนได้เสรี) นอกจากนี้รัฐจะต้องเสียงบประมาณมาสงเคราะห์ และแก้ปัญหาสุขภาพ ปัญหาสังคมที่ตามมาจากการมีโสเภณีมากขึ้น
3) สุขภาพของคนในชาติจะแย่ลง เพราะคนไปเล่นมักจะสูบบุหรี่ และ ดื่มจัดพร้อมกันไป กาสิโนในสหรัฐอเมริกาถึงกับบริการเหล้าฟรีกับลูกค้าเพราะต้องการมอมให้เมา จะได้พนันแบบมือเติบ
4) อาชญากรรมในสังคมจะมากขึ้น เนื่องจากคนที่เล่นจนหมดตัวไปกระทำการต่างๆเพื่อให้ได้เงินยังชีพหรือเอาไปเล่นแก้ตัวคืน
5) จะสนับสนุนให้เจ้าพนักงานทุจริตและรับสินบนมากขึ้น โดยเฉพาะธรรมชาติของธุรกิจกาสิโนย่อมโน้มเอียงต่อการทุจริตต่างๆเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จะเป็นการช่วยแพร่กระจายการทุจริตของเจ้าหน้าที่ให้มากยิ่งขึ้น จนเห็นเป็นของธรรมดามากยิ่งขึ้นกว่าทุกวันนี้เสียอีก
6) ระดับจริยธรรมมวลรวมของคนในชาติจะลดลงอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ เด็กไทยที่เกิดมาจะถูกหล่อหลอมโดยสังคมให้เห็นว่ากาสิโนและการคอรัปชันเป็นของธรรมดา เท่ากับว่าเกิดมาก็มีฐานจริยธรรมต่ำกว่าในอดีตเสียแล้ว อนาคตของชาติที่ฝากไว้กับเด็กๆเหล่านี้ก็คงจะถดถอยลงไปเรื่อยๆจนอาจล่มสลายได้ในที่สุด
7) ขณะนี้เราคิดกันแต่เพียงผลระยะสั้นว่า ถึงอย่างไรคนพวกนี้ก็เล่นการพนันกันอยู่แล้ว ดังนั้นการเปิดเสรีจะไม่มีผลเสียต่อสังคมแต่ประการใด เพราะจำนวนคนเล่นจะเท่าเดิม แถมรัฐได้เงิน แต่ถ้าคิดให้ลึกจะเห็นผลกระทบที่รุนแรงที่สุด สังเกตดูจากคนหลายคนที่ชอบเล่นการพนัน เห็นได้ว่าส่วนใหญ่มาจากครอบครัวที่พ่อแม่พี่น้องเล่นการพนัน ถ้าพ่อแม่เล่นลูกๆก็มักจะเล่นด้วย การเปิดบ่อนเสรีจะทำให้เพิ่มจำนวนคนติดการพนันเพิ่มขึ้นทีละน้อยๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คนที่ไม่เคยเล่นโดยเฉพาะพวกก้ำกึ่ง ก็จะกลายเป็นมาเล่น เพราะไม่ต้องกลัวถูกจับหรือต้องหลบซ่อนอีกต่อไป แต่การเพิ่มนักพนันขึ้น 1 คนย่อมหมายถึงเพื่อนฝูงญาติมิตรลูกหลานจะพลอยติดการพนันเพิ่มขึ้นอีก 5-6 คน ทำให้เกิดการกระจายแบบทวีคูณอย่างรวดเร็ว จาก 1 เป็น 5 เป็น 25 เป็น 125 นานวันนานปีเข้าคนส่วนใหญ่ของประเทศก็จะกลายเป็นนักพนัน นี่คือผลกระทบระยะยาวทางสังคมที่ผู้สนับสนุนบ่อนเสรีคงไม่ได้ตระหนักถึง ถึงเวลานั้นก็อาจสายเกินแก้เสียแล้ว อนาคตของประเทศไทยคงไม่เหลืออะไรอีกต่อไป เพราะคุณค่ามวลรวมของทรัพยากรบุคคลในชาติจะสูญสิ้นหมดจนไม่เหลือไว้ให้ตั้งตัวใหม่ได้ จะเท่ากับว่าเป็นการล้มละลายของทุนทรัพยากรบุคคล
จากที่กล่าวมาทั้งหมดผู้เขียนได้ชี้แจงแสดงเหตุผลให้เห็นว่า ธุรกิจกาสิโนจะนำมาซึ่งการสูญเสียอย่างหนักทั้งทางเศรษฐกิจ และทางสังคม ซึ่งนับว่าเป็นตรงกันข้ามกับที่คนส่วนใหญ่เชื่อกันว่ากาสิโนจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นมากโดยมีผลเสียทางสังคมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ในขณะนี้ประเทศไทยต้องแบกรับความไม่ดีงาม ทั้งทางเศรษฐกิจและทางสังคม ไว้มากมายหลายอย่างแล้ว การต้องแบกรับกาสิโนเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งอย่างอาจจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ประเทศไทยล้มครืนลงก็เป็นได้ ไม่ช้าก็เร็ว
ก่อนที่รัฐบาลจะตัดสินใจทำอะไรลงไปในประเด็นอันสำคัญยิ่งต่ออนาคตของชาติ ใคร่ขอวิงวอนให้วิเคราะห์ไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนรอบคอบที่สุด เพราะเมื่ออนุญาตให้จัดตั้งแล้วจะล้มเลิกได้ยากมาก ประชาชน นักวิชาการ สื่อมวลชน ควรตื่นตัวและมีส่วนร่วมคิดวิเคราะห์วิจารณ์ในเรื่องนี้ให้มากที่สุด ก่อนที่จะสายเกินแก้ และก่อนที่จะพากันไปสู่ความสิ้นชาติด้วยการทอดธุระว่าประเทศนี้ไม่ใช่ของเราคนเดียว
………………………………………………..จบ
โพสต์ 2 ครั้งไม่ติดสงสัยมันยาวเกินไป เดี๋ยวผมโพสต์ขึ้นซะเลยนะครับ
พี่เคยผ่านตรงนี้ตอนไปเที่ยวสิบสองปันนา ที่ RDI จัด