วันฮดสรงวัดบ้านแท่นคำ
เดือนสี่ขึ้นแปดค่ำ ปีนี้มีบุญวันฮดสรงสาธุวัดแท่นคำเมืองหงสา การฮดสรงเป็นพิธีกรรมหนึ่งในประเพณี “บุญผะเวท” หรือเทศน์มหาชาติ ประเพณีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และสำคัญที่สุดของชุมชนสองฝั่งแม่น้ำโขง
สำหรับผม บุญผะเวทวัดบ้านแท่นคำปีนี้มีความหมายมากกว่า เป็นวันที่ผมอุปโลกน์ตัวเองเล่นบทบาทเป็น “ผู้นำบุญ”
ด้วยเหตุจำเป็น ที่พี่น้องจำนวนหนึ่งจะต้องย้ายบ้านเรือนมาอยู่ใกล้กับบ้านแท่นคำ และแน่นอนที่ต้องมาเป็น “ศรัทธาวัดบ้านแท่นคำ” ผมจึงเป็นต้นคิดและอีกหลายๆต้น(รวมถึงต้นทุน และต้นเรื่องออกปาก บอกบุญเพื่อนร่วมงาน)ในการชักชวนพี่น้องกลุ่มที่จะย้ายเรือน ช่วยกันทำ “กัณน์หลอน” แล้วพากันนำมาถวายร่วมบุญผะเวท ได้รับการร่วมบุญจากผู้ร่วมงานหลายท่าน พี่น้องก็ดีอกดีใจพากันมาตระเตรียมเครื่องไทยทาน บริจาคทรัพย์สมทบตามกำลังศรัทธา
สายๆของวันขึ้นแปดค่ำ พวกเราก็พากันมาถึงวัดบ้านแท่นคำ นายบ้าน เฒ่าแก่แนวโฮม ออกมาต้อนรับอย่างอบอุ่น ผมมองเห็นการหลอมรวมกลมกลืนของผู้มาใหม่กับพี่น้องบ้านเจ้าภาพอย่างสนิทแน่น ก็เบาใจ ภายหลังจากถวายกัณน์หลอน บรรดาพี่น้องต่างถูกเชื้อเชิญจากบ้านเจ้าภาพ พากันแยกย้ายกันไปเยี่ยมเยือนกินดื่มพักผ่อนตามบ้านคนรู้จักมักคุ้นรอบๆวัด ส่วนผมยึดเอาใต้ร่มหูกวางข้างกำแพงวัด พูดคุยกับผู้เฒ่าผู้แก่ “ก๊วนทำบุญ” จากหมู่บ้านต่างๆที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี ด้วยว่าไปทำบุญวัดไหนก็มักจะพบปะกันอยู่เสมอ คุยกับผู้เฒ่าได้รู้เรื่องราวเก่าๆที่ไม่สามารถไปเสาะหาได้จากที่ไหนมาประเทืองปัญญา
หลังจากถวายเพล พระท่านฉันน์เสร็จ ผมเริ่มเห็นพี่น้องเริ่มพากันมารอรอบๆปะรำหอสรงที่ใช้ผ้าเหลืองล้อมเป็นห้อง ไว้ที่ลานวัด พร้อมมีรางฮดสรงและแคร่สำหรับวางดอกไม้ ทุกคนถือขันบรรจุน้ำอบน้ำหอมลอยด้วยดอกไม้ บางรายทำน้ำสรงมาถังใหญ่เพื่อเผื่อแผ่แขกบ้านไกลที่ไม่ได้เตรียมมา
พิธีเริ่มด้วย พ่อผ้าขาว หรือชีปะขาว สองสามท่านถือด้ายมงคลจูงสาธุท่านที่จะได้รับการฮดสรง ลงจากมาจากอุโบสถเข้ามายังปะรำสรง ในการฮดสรงน้ำพระสงฆ์อาคันตุกะที่นิมนตร์มาจากวัดต่างๆจะเป็นผู้เริ่มสรงก่อน ตามด้วยพระเณรภายในวัด จากนั้นเป็นรอบของผู้เฒ่าผู้แก่ที่ถืออุโบสถศีลนุ่งขาวห่มขาว เมื่อหมดรอบผู้ทรงศีลแล้วก็เป็นรอบของแขกผู้ใหญ่ของบ้านของเมือง แล้วก็เป็นรอบของมหาชน ใช้คำว่ารอบมหาชนถึงจะบรรยายบรรยากาศได้ใกล้เคียง ไม่ทราบผู้คนหนุนเนื่องหลั่งไหลมาจากทิศทางไหน ทุกคนมาด้วยศรัทธา แรงศรัทธาอันบริสุทธิ์ อยากให้ทุกท่านมาเห็นกับตา เล่าอย่างไรก็ไม่จบกระบวน
ใช้เวลากว่าชั่วโมงกว่าที่สาธุชนคนสุดท้ายจะสรงน้ำเสร็จ ดีที่เดือนสี่อากาศค่อยร้อนขึ้นมาหน่อย วันก่อนสรงน้ำสาธุวัดบ้านโพนไซ จัดตอนต้นเดือนมกรา หนาววววว พระท่านผลัดเครื่องภายในปะรำเสร็จ เมื่อเสียงฆ้องสัญญานดังขึ้น ทุกคนนั่งพนมมือรับพร
ผมพาตัวเองลัดเลาะไปหน้าปะรำ พร้อมเด็กที่กรูกันเข้ามาเหมือนกัน เด็กน้อยบอกว่าเดี๋ยวเขาแจกเงินแล้วมีคนนอนให้พระเหยียบด้วย เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะผมเห็นพ่อออกกว่ายี่สิบคนพากันนอนคว่ำหน้าเรียงกันจากปะรำสรงไปหาหอเทศน์ แล้วพ่อชีปะขาวก็เดินถือด้ายมงคลจูงพระท่านเดินบนตัวพ่อออกเข้าสู่หอเทศน์ ไม่ใช่เฉพาะพ่อผ้าขาวกับสาธุท่านสองท่านนะครับ ยังมีขบวนพ่อผ้าขาวที่ถือเครื่องอัฐบริขารอีกสี่ห้าท่าน
เป็นศรัทธา เป็นความน่าทึ่ง ปกติจะไปร่วมบุญผะเวทเฉพาะช่วงตักบาตรตอนเช้า กับช่วงเริ่มเทศน์ตอนค่ำๆ ส่วนพิธีฮดสรงนี่ไม่เคยมาร่วมเพราะจัดกันหลังเพล เป็นเวลาทำงาน วันนี้มีโอกาสมาพร้อมพี่น้อง
กลายเป็นว่าพี่น้อง คือผู้นำพาผม ให้มาพบเจอศรัทธาที่บริสุทธิ์
สาธุ ขอให้คงอยู่คู่หงสาอีกนานๆ
« « Prev : ขอแค่รับฟัง ฝึกตัวเองให้รู้จักรับฟัง
Next : ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาแห่งชาติ ของ สปป ลาว » »
2 ความคิดเห็น
บอกเล่าแทน อสม.ลาว ได้อย่างดี
อ่านแล้วใครไม่อยากเห็นอยากไปก็บ้าแล้ว อิ
ปกติจะเห็นแต่ประเพณีของชาวมอญที่เมืองกาญจนบุรี
แถววัดหลวงพ่ออุตมะครับ
ศรัทธาล้นหลามจริงๆ ครับ