สะอึก
วันนี้ได้พบอาจารย์สาวโสดจากเวียดนามอีกครั้ง
ดูเหมือนเรากำลังจะทำสถิติพบกันปีละครั้งอย่างไรพิกลอยูู่
อาจารย์ท่านนี้มีความขยันหมั่นเพียรมากกกกกก… มากกว่าปกติของคนทั่วไป มาก
ปีก่อนอาจารย์ค่อยๆเล่าว่าทำไมจึงอดทนทำงานสอนในมหาวิทยาลัยไปด้วยและเรียนไปด้วย
อาจารย์อพยพตัวเองมาจากเวียดนามอย่างกล้าบ้าบิ่น
อาศัยที่เป็นคนหัวดีในแถบบ้านชนบท
สู้อดทนสอบจนได้ทุนเรียนฟรีจากมหาวิทยาลัยจนถึงขั้นปริญญาเอก
เรียนก็หนักอยู่แล้ว แต่อาจารย์ยังรับทำงานพิเศษคือเป็นติวเตอร์ให้กับนักศึกษาในภาควิชาเดียวกันอีก
และไม่ใช่เพียงวิชาเดียว… แต่ตั้งหลายวิชาในหนึ่งเทอม
ทั้งนี้ไม่ใช่ว่าทุนที่ได้รับไม่พอ
หากแต่ที่บ้านอาจารย์ยังมีพ่อแม่พี่น้องอีกสิบกว่าชีวิตที่แทบจะไม่มีอะไรกิน
รายได้พิเศษของอาจารย์จึงเป็นความหวัง… เป็นรายได้ของครอบครัวที่เวียดนาม
และเมื่อปีที่แล้วอาจารย์ก็เพิ่งเข็นตัวเองสำเร็จปริญญาเอกจนได้ พร้อมกันก็ได้รับการบรรจุเป็นอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยทันที
อาจารย์ดีใจสุดๆเพราะนั่นหมายถึงรายได้เป็นกอบเป็นกำมากกว่าเงินทุนบวกค่าแรงติวเตอร์ที่เคยได้รับ
และมองเห็นรำไรว่าทุกชีวิตในครอบครัวที่เวียดนามจะมีความเป็นอยู่สะดวกสบายเสียที
อาจารย์ไม่ยอมแต่งงานเพราะไม่ต้องการภาระหรือเป็นภาระของใคร… ไม่ยอมแม้กระทั่งจะให้โอกาสใครรวมถึงตัวอาจารย์เอง
แต่แล้ว…
มาปีนี้ อาจารย์กลับบอกว่า ตอนนี้ต้องประหยัดกว่าเมื่อก่อนอีก
รายได้เงินทองที่มีไม่กล้าใช้… ตัวเองไม่สบาย ไม่เป็นไร… ทน และไม่รักษา!
..ก็อดไม่ได้อีกที่จะต้องถามว่า ทำไม?
อาจารย์บอกว่า เพราะตอนนี้แม่กำลังเป็นอัมพาตครึ่งตัว พ่อก็เพิ่งตรวจพบมะเร็งถึงสองแห่ง
ข้าพเจ้า ฟังแล้วสะอึก… สะท้อนใจว่าทำไมชีวิตของอาจารย์ท่านนี้จึงเป็นเช่นนี้
3 ความคิดเห็น
เห็นใจครับ สู้ต่อไป พร้อมปล่อยวาง แบบนี้พระเจ้าคงช่วยไม่ได้
ผมกำลังจะได้นศ.ป. เอก จากเวียตนามหนึ่งคนมาเรียนภายใต้การปรึกษา หวังว่าจะขยันแบบอจ.ท่านนี้นะครับ
ขอขอบคุณแทนเพื่อนค่ะอาจารย์
เท่าที่สังเกตนะคะ นักศึกษาจากเวียดนามกับอินโดนี่เซียที่ได้รับทุนมักจะเอาใจใส่และขยันเรียนกันมากๆค่ะ
Now I’m like, well duh! Truly thkfunal for your help.