ทำไมต้องซัก
อ่าน: 1575
สัตวแพทย์ท่านหนึ่งเกิดป่วยขึ้นมาซะเอง
ก็จึงไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษา
ครั้นแพทย์ผู้รักษาเริ่มการตรวจหาสมมุติฐานของโรคด้วยการซักถามอาการตามปกติของการรักษาเช่น อาการเป็นอย่างไรบ้าง เป็นมานานเท่าไหร่แล้ว บลา บลา บลา…
สัตวแพทย์ท่านนั้นจึงพูดขัดขี้นว่า…
“นี่คู๊ณ ผมก็เป็นสัตวแพทย์ เวลาที่ผมรักษาผู้ป่วยของผม ผมไม่เห็นต้องซักอะไรอย่างนี้กับผู้ป่วยของผมเลย แล้วผมก็รักษาได้ เพียงแค่ผมมองดู ผมก็รู้แล้วว่าพวกเค้าป่วยเป็นอะไร”
แพทย์ท่านนั้นหยุดซักทันที ทำเพียงมองสัตวแพทย์ท่านนั้นขึ้นๆลงๆสองตลบ จากนั้นเขียนใบสั่งยาแล้วก็ยื่นให้ พร้อมกับบอกว่า
“เอาล่ะครับ นี่เป็นใบสั่งยาของคุณ ถ้าคุณกินยาตามนี้แล้วไม่หาย ผมก็จำเป็นต้องจัดการฉีดยาให้คุณหลับชั่วนิรันดร์ล่ะนะครับ”
Next : Deal » »
6 ความคิดเห็น
ห้า ห้า ห้า เข้าใจเอามาเขย่าต่อมฮาแบบน่าคิดนะครับ
hahahahahaha….
ผ่อนคลายวันศุกร์ค่ะคุณบางทราย
แล้วถ้ารักษาคนใบ้ แถมตาบอดด้วย มือกุดอีกตะหาก หมอเขาจะทำยังไงหนอ
ไม่ต้องอะไรมาก ไปเรียนเมืองนอก หาหมอครั้งแรก ถูกหมอถามว่า did you have a bowen movement last night?
กรูก็งง bowen อะไรของมันวะ มันเคลื่อนได้เสียด้วย หรือมันถามว่า ได้นั่งชักโครกหรือเปล่า เพราะชักโครกมีโบล์ ก็ตอบไปว่า เยส
โชคดีเผอิญถูก เพราะ จริงแล้ว เขาออกเสียงว่า bowel (บาวเอิล)
นี่ถ้าตอบว่าโน เพราะคิดว่าถามว่า เมื่อคืนไปโยนโบลิ่งหรือเปล่า ป่านนี้หมอมันจะเอายาอะไรฉีดให้หนอ
สรุปคือหมอเขาถามว่า…เมื่อคือคุณมีการเคลื่อนที่ของลำไส้ใหญ่หรือเปล่า?
หมอบ้า ..ถามหฮ่าไรพิลึกอ้อมค้อมแบบนั้น… ไม่สำนึกพื้นๆเลยว่า ไอ้เนี่ยมันเป็นกระเหรี่ยงหนุ่มจากตัยแลนด์ เพิ่งมาเรียนใหม่ๆ จะรู้ศัพท์ลึกๆ อะไรปานนั้น (แม้ว่ามันจะสอบโทเฟลได้ตั้ง 613 ก็ตามที)
หมอก็คงทำเหมือนสัตวแพทย์ค่ะอาจารย์
รู้กันพอดีค่ะอาจารย์ว่าโทเฟล613ก็ช่วยอะไรไม่ได้สำหรับเทคนิคอลเทอมที่แสนสุภาพลึกล้ำอย่างนี้ ฮ่ะๆๆ….
เวลาตรวจคนไข้แล้วเจอคนใบ้ ส่วนใหญ่คนไข้จะมีล่ามมาด้วย จึงยังสามารถสนทนาเพื่อรับรู้ว่าอาการป่วยที่ทำให้มาเป็นเรื่องอะไร มีความเป็นไปก่อนมาถึงตรงหน้าอย่างไร
หมอรักษาคนไม่ทำอย่างสัตวแพทย์หรอกค่ะ คนที่แค่เหลือบดูแล้วสั่งยา ไม่ชวนคนไข้สนทนา ไม่ซักถาม เมื่อสั่งยาให้แล้ว คนไข้เดินออกจากห้องก็ปาใบสั่งยาลงถังขยะ หรือไม่ก็รับยาแล้ว นำกลับไปบ้านก็วางเขลงไว้ไม่กิน ไม่ยอมฉีดตามสั่งหรอกค่ะ
เวลาตัวหมอเองได้เจอคนไข้เป็นใบ้ เมื่อได้สนทนาแล้วเกิดอารมณ์ขัน ขำๆกับภาษาสื่อสารที่ตัวเองต้องผลิตขึ้นมาใช้สื่อสารด้วย ทำให้สนุกที่จะได้พูดคุยด้วย คนไข้ก็ชอบที่มีปฏิสัมพันธ์ด้วย เรียกว่าได้บรรเทาความทุกข์ใจลงได้ส่วนหนึ่ง ก่อนที่จะไปถึงความทุกข์กายนั่นแหละค่ะ
ขอบคุณคุณหมอที่เข้ามาแชร์ความเห็นอีกคร้ังค่ะ
เห็นทีดิฉันคงต้องขอนำไปเล่าต่อให้บรรดาVETตัวจริงทางนี้ฟังบ้างนะคะ
เพราะพวกเค้า(ค่อนข้างมาก)เคยมีความเห็น(ทีเล่นทีจริง)ค่ะว่า คนไข้ที่เป็นคนนี่รักษายากกว่าสัตว์…เป็นน้อยก็ว่าเป็นมาก เป็นมากก็พาลจะตายต่อหน้าหมอให้ได้ในทันทีที่เจอกัน สู้สัตว์ก็ไม่ได้ ถ้ามันไม่สบายหนักมันจะนอนแซ่วหมดเรี่ยวหมดแรง แต่ถ้าไม่สบายนิดๆหน่อยๆมันก็จะแสดงอาการเท่าที่จำเป็น