*~…ใครว่ามนุษย์เอาชนะทุกอย่าง…~*

11 ความคิดเห็น โดย น้องจิ เมื่อ 26 ตุลาคม 2008 เวลา 14:06 ในหมวดหมู่ Uncategorized #
อ่าน: 2275

*~…ใครว่ามนุษย์เอาชนะทุกอย่าง…~*

ในชีวิตของสัตว์โลกบนพื้นดินนี้…จะมีชีวิตใดที่ไม่ตกเป็นอาหารของสัตว์อื่น…..วิวัฒนาการทำให้สัตว์แต่ละตัวปรับเปลี่ยนสภาพให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมและดำรงชีวิตอยู่ได้

โลกนี้ช่างโหดร้ายเหลือเกิน…..เราต้องไล่ล่าหาหาสัตว์อื่นเป็นอาหาร….แต่ในเวลาเดียวกันเราก็ต้องหลบหัวซุกหัวซุนเพราะสัตว์อื่นก็ล่าเราเป็นอาหารเช่นกัน…..สัตว์ที่อ่อนแอกว่าจะตกเป็นอาหารของสัตว์ที่แข็งแกร่งกว่า….แต่อย่าลืมว่า มดก็เอาชนะงูได้เช่นกัน…เพราะความสามัคคีถึงตัวจะเล็กแต่เมื่อรวมพลังแล้วมันมีกำลังมากกว่าแรงงูแน่นอน

แมลงเป็นอาหารกบ….กบเป็นอาหารงู….งูเป็นอาหารเหยี่ยว….สัตว์ทุกชนิดต้องไล่ล่าซึ่งกันและกันเพื่อการดำรงอยู่ของชีวิต……มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่ไม่ตกเป็นอาหารของสัตว์ใดๆ

มนุษย์สามารถเอาชนะสัตว์ทุกชนิดได้  ไม่ว่าจะเป็นเสือ สิง กระทิง แรด……มนุษย์ไม่เคยตกเป็นอาหารของสัตว์ชนิดใดเพราะมนุษย์มีความคิด มีการประดิษฐ์เครื่องมือต่างๆ…มนุษย์สามารถเอาชนะกฏแห่งธรรมชาติได้….หน้าแล้งก็ทำให้ฝนตกได้  หน้าหนาวก็มีเครื่องนุ่มห่ม หน้าฝนก็มีบ้านคอยป้องกันน้ำฝน…ไม่สบายก็หาหมอมีหยูกยากิน….แล้วมนุษย์จะเป็นอาหารของอะไรล่ะ?????

ในความคิดน้องจิเอง…มนุษย์มิได้เอาชนะได้ทุกอย่าง  มนุษย์ตกเป็นอาหารโดยไม่รู้ตัว…..อาหารของอะไรน่ะหรือค่ะ……แล้วอะไรที่จะมากินมนุษย์ล่ะ……..ความโลภ ความหลง กิเลสตัณหา  ไงค่ะที่มาคอยกัดกินหัวใจของมนุษย์……..

ถึงแม้ว่ามนุษย์จะเอาชนะสัตว์น้อยใหญ่บนโลกนี้ได้ไม่ตกเป็นอาหารของใคร……แต่มนุษย์ก็ตกเป็นอาหารของใจตัวเอง…….กิเลสตัณหาต่างๆสร้างปัญหามากมาย…..สิ่งที่มีผลกระทบมากที่สุดไม่ใช่สัตว์ชนิดไหนๆ…..ก็จิตใจของมนุษย์เองนี่แหละที่ต้องเป็นทุกข์

อย่าให้ความโลภ ความหลง มากินและบั่นทอนจิตใจของเราเลยเจ้าค่ะ…….สร้างภูมิต้านทานให้กับจิตใจ  สร้างกำแพงป้องกัน  ขึงตาข่ายหลายๆชั้น เพื่อป้องกันสิ่งเหล่านั้นมากัดกินหัวใจของเรา……เราจะสร้างกำแพง ขึงตาข่ายได้อย่างไรล่ะ……

เราก็มาสร้างกำแพงแห่งความรักความสามัคคี….ตาข่ายแห่งความเมตตาช่วยเหลือซึ่งกันและกันไงเจ้าค่ะ…….

เป็นกำลังใจในการสร้างกำแพงแห่งความรักเจ้าค่ะ —–> น้องจิ ^_^


~*…~*~ ฝากสายลม…ปลอบแผ่นดิน~*~…~*

2 ความคิดเห็น โดย น้องจิ เมื่อ 26 ตุลาคม 2008 เวลา 14:05 ในหมวดหมู่ Uncategorized #
อ่าน: 1941

~*…~*~ ฝากสายลม…ปลอบแผ่นดิน~*~…~*

                  ลมเอ๋ย ช่วยเป็นสื่อให้ นำรักจากห้วงดวงใจ ของข้านี้ไปบอกเขานั้นหนา ให้ ” เมืองไทย ” รู้ว่า ไม่นานลูกที่จากมาจะไปซบหน้ากับอกแม่เอย……

                   ตั้งแต่เราเกิดมา….ถูกถนุถนอมอยู่ในอ้อมอกอันอบอุ่นของแม่…เสียงเพลงกล่อมเด็กได้ผ่านหูฟังดูไพเราะจนเคลิ้มหลับ……เราจะถูกปลอบตอนที่เราร้องไห้  เสียใจ หนาว ทุกข์ ….แล้วเวลาที่แผ่นดินเจ็บปวดรวดร้าวล่ะ ใครจะเป็นผู้ปลอบโยน?????

                    เด็กมีปัญหา หา หา ช่วยไม่ได้เลยเธอ ปล่อยไปต้องเพ้อ เพ้อ เพ้อเที่ยวไปรักใครๆ ก็เลยต้องหา หา หา คนมาควบคุมใจ เป็นเธอได้ไหม ยัย ยัย ช่วยมารัก รักกันก็จะดี……..เมื่อเวลาเด็กมีปัญหา…ก็มักจะหาคนมาเป็นที่ปรึกษา คอยดูแลเอาใจใส่ให้ความรักความอบอุ่น……..แล้วเวลาที่แผ่นดินกำลังเกิดปัญหาล่ะ ใครจะมาเป็นผู้แก้ปัญหา??????

                     ในขณะที่เรากินอาหารเข้าไปในแต่ละวัน…เราสามารถรับรสได้ทั้งหมด 4 รส ไม่ว่าจะเป็นหวาน เปรี้ยว ขม เผ็ด…เมื่อเรากินเผ็ดเข้าไป…เราก็จะดื่มน้ำ ดื่มนมเพื่อบรรเทาอาการ….แล้วในขณะที่แผ่นดินกำลังเผ็ดร้อนล่ะ  เราจะได้อะไรบรรเทา?????

                      วิทยาศาสตร์มีความเจริญก้าวหน้ามากมาย….จึงทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ต่างๆเพื่อช่วยให้ผู้บริโภคพึงพอใจกับผลที่ได้รับ….ถ้าหน้าเป็นฝ้า ตีนกาขึ้น ผิวแตก ก็มีครีมทาเพื่อให้ใบหน้าดูสดใส สวยงาม…..แล้ววิทยาศาสตร์จะสร้างผลิตภัณฑ์ที่ทำให้แผ่นดินไม่แตกแยก เป็นน้ำหนึ่งเป็นเนื้อเดียวกันจะได้ไหม??????

                         ในยามที่เศร้ารู้สึกเศร้า มันก็มีหลากหลายสาเหตุ…เศร้าเพราะอกหัก ก็โทษคนรัก…เศร้าเพราะสอบตกก็โทษตัวเอง  เศร้าเพราะตกรถก็โทษคนขับ …….ทุกความเศร้าย่อมมีสิ่งที่ทำให้เศร้าทั้งนั้น….แล้วเวลาที่แผ่นดินเศร้าล่ะ  จะโทษใครดี??????

                         รักกันไว้เถิด  เราเกิดร่วมแดนไทย  จะเกิดภาคไหนๆ ก็ไทยด้วยกัน……เมืองไทยแบ่งเป็นภาคต่างๆ มีภาษา วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ที่แตกต่างกันออกไป  มีอาณาเขตบอกอย่างแน่นอนว่า ตรงนี้เหนือ ตรงนี้ใต้ ตรงนี้ออก ตรงนี้ตก……แต่แผ่นดินซิเจ้าค่ะ….แผ่นดินไม่มีการแบ่งแยก แผ่นดินยังคงเป็นดินแผ่นเดียวที่ให้คนทุกภาค ทุกภาษา ทุกวัฒนธรรมได้ยืนหยัดอยู่ทุกวัน…..จะมีใครรักแผ่นดินไหม?????

                           ในยามที่ท้อแท้ ขอเพียงแค่คนหนึ่ง ที่จะคิดถึง และคอยห่วงใย ในยามที่ชีวิต หม่นหมองร้องไห้ ขอเพียงมีใคร ปลอบใจสักคน…….คนเราย่อมที่จะหาที่พึ่งพาจิตใจเวลาที่จิตใจอ่อนแอ  อ่อนล้า อ่อนไหว……และในยามที่แผ่นดินไหวล่ะ ใครจะอยู่เคียงข้าง…(บางท่านคงคิดว่า แผ่นดินไหวใครจะอยู่ หนีก่อนแหละ เดี๋ยวโดนดินทับตาย อิอิ)…แต่หนูนี่แหละจะคอยกอดแหละปลอบแผ่นดินแม้จะโดนแผ่นดินทับก็ยอมจะกลัวอะไรกับแผ่นดินทับทีเรายังทับแผ่นดินมาตั้งแต่เกิด…หนูจะคอยอยู่ข้างแผ่นดิน

                            ฝากสายลมอันอ่อนไหว…..ช่วยปลอบโยนแผ่นดิน….คงอีกไม่นานก็จะดีขึ้นเอง….รักและห่วงใยแผ่นดินเสมอ……จุ๊บๆ


มอบของขวัญจากก้อนดิน….แด่ประเทศชาติ

5 ความคิดเห็น โดย น้องจิ เมื่อ 26 ตุลาคม 2008 เวลา 14:04 ในหมวดหมู่ Uncategorized #
อ่าน: 3202

มอบของขวัญจากก้อนดิน….แด่ประเทศชาติ

                ปัจจุบันวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีนั้นสุดแสนจะกว้างไกล…..การแพทย์จึงมีความทันสมัยและเจริญก้าวหน้าเป็นอย่างมาก….มีหมอที่รักษาโรคต่างๆมากมาย…

                ใครที่ตาเจ็บก็หาหมอตา…..ใครที่คออักเสบก็หาหมอคอ…..ในที่ปวดหัวก็หาหมอสมอง…..ใครที่ปวดแข้งปวดขาก็หาหมอกระดูก…..แล้วประเทศชาติบอบช้ำจะหาหมออะไร????

                 เทคโนโลยีก้าวหน้าไปมากจนโลกของเราเปลี่ยนแปลงไปมากมาย…..แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเจริญหรือพัฒนาตามเทคโนโลยีไปเลยก็คือ “การพัฒนาจิตใจ”…..

                  สยามเมืองยิ้ม……” คนไทยรักชาติและศาสนา เทิดองค์เจ้าฟ้าผู้ทรงเปี่ยมเนื้อนาบุญ”….มีเพลงมากมายที่ออกมาเพื่อสร้างปลูกจิตสำนึกเป็นสื่อปลุกเร้าพลังและเป็นแรงบันดาลใจในการรักชาติ…..ทุกคนสามารถร้องได้หมด…..ยืน และ ยิ้มอย่างสง่า เข้าใจในอารมณ์และความหมายของเพลง….แต่ระวังนะ ” ตอนยิ้มระวังฟันปลอมหยุดออกมา “…….ทำไมฟันปลอมถึงหลุด…ก็ลองถามใจตัวเองดูซิว่าเพลงที่ร้องนั้นนะได้ปฏิบัติตามหรือเปล่า

                   เมื่อถึงวันเกิดใครต่อกันก็เที่ยวจัดเตรียมของขวัญเพื่อนำไปให้บุคคลที่ตัวเองรัก…..หาซื้อตุ๊กตาน่ารักๆ ….ขนมอร่อยๆ…ดอกไม้ช่อใหญ่ๆสวยๆ…คิดว่าซื้อไปแล้วผู้รับจะต้องชอบอย่างแน่นอน……แต่คุณจะรู้ไหมว่า วันเกิดของประเทศชาติ…คงไม่ได้เรียกร้องของขวัญอะไรที่เลิศหรูไปมากกว่า “ของขวัญจากก้อนดิน “

                   ” เราทุกคน ก็เหมือนก้อนดินแค่ก้อนหนึ่ง  เปราะบางไร้ค่าไร้ความหมาย…อ่อนแอเหมือนโคลน ไหลไปตามทางเรื่อยไป เมื่อน้ำแห้งไป ก็แตกระแหง

                     มีพลัง เพียงแค่แรงเดียวที่ยึดเรา เหนี่ยวรั้งเราไว้ให้กล้าแข็ง  รวมผู้คนมากมาย ให้ทรงพลังแข็งแรง  รวมเม็ดดินทุกเม็ดให้เป็นแผ่นดิน

                      เราก็รู้พ่อต้องเหนื่อยสักเพียงไหน ต้องลำบากใจกายไม่เคยสิ้น  เพราะพ่อรู้ พ่อคือ พลังแห่งแผ่นดิน ให้เราพออยู่พอกินกันต่อไป

                       หากจะหาของขวัญให้พ่อสักกล่อง เราทั้งผองจะพร้อมกันได้ไหม  บวกกันเป็นดินเดียวให้พ่อได้สุขใจ ไม่ต้องเหนื่อยเกินไปอย่างที่เป็นมา  ช่วยกันทำความดีให้พ่อได้สุขใจ ไม่ต้องเหนื่อยเกินไปอย่างที่แล้วมา “

                   

                      คนเราทุกคนก็เปรียบเสมือนก้อนดินก้อนเล็กๆที่ถูกโคลนซัดก็ไหลไปตามโคลน เมื่อน้ำแห้งก็แตกระแหงไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรเลย…..แต่ถ้าเม็ดดินเม็ดเล็กๆนั้นมารวมกันเป็นแผ่นดินล่ะ….แผ่นดินที่มีแต่ความรักความสามัคคีคงจะเป็นแผ่นดินที่อุดมไปด้วยสันติสุขเป็นแน่แท้

                      รัฐบาลจัดงานยิ่งใหญ่เพื่อถวายแด่พ่อหลวงของพวกเรา….มีการเดินขบวนสวนสนาม….พิธีกรรมต่างๆเพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีถือว่าเป็นของขวัญแด่พ่อฟ้า……ณ ตอนนี้ จะมีของขวัญสิ่งใดที่จะล้ำค่าไปมากกว่า ของขวัญจากก้อนดิน …..พ่อคงจะมีความสุขที่สุดถ้าเห็นเม็ดดินทุกเม็ดมารวมกันเป็นแผ่นดินที่มั่นคง

                        ” ไทยนี้รักสงบ…..แต่ถึงรบไม่ขลาด “…….แต่ก่อนตอนชาติไทยของเราจะรบก็ตอนที่กู้ชาติ รบเมื่อใครมารุกรานชาติ ทุกคนสามัคคีกันต่อสู้เพื่อไม่ให้ชาติใดๆมารังแกชาติของเรา ….สู้ด้วยความอาจหาญไม่เคยขลาด….แล้วตอนนี้ใยมาสู้กันเอง….ทำไมหรือ ????

                        เป็นกำลังใจให้แผ่นดินไทยต่อไป——>น้องจิ ^_^


กอง 4 หมู่ 4…ตอนเป็นเนตรนารีอากาศ อิอิ

6 ความคิดเห็น โดย น้องจิ เมื่อ 26 ตุลาคม 2008 เวลา 14:02 ในหมวดหมู่ Uncategorized #
อ่าน: 5192

กอง 4 หมู่ 4…ตอนเป็นเนตรนารีอากาศ อิอิ

                      อดีตที่ผ่านมาไม่ค่อยนานเท่าไหร่….น้องจิอายุได้ประมาณ 14 ปี….น้องจิเรียนวิชาลูกเสือ-เนตรนารี เป็นวิชาบังคับของภาคเรียน

                     โรงเรียนบางลี่วิทยาเป็นโรงเรียนที่ใส่ชุดลูกเสือที่ไม่เหมือนใครในอำเภอ…เพราะว่าเข้าเครือข่ายลูกเสืออากาศ ดังนั้นชุดลูกเสือเนตรนารีของโรงเรียนบางลี่วิทยา จะเป็นสีกรมท่า…เป็นชุดที่เดินไปไหนมาไหนแถวย่านบ้านน้องจิก็จะถามว่าชุดอะไร ทำไมสีนี้ ไม่เคยเห็น….แสนจะภาคภูมิใจที่ได้เป็นเนตรนารีอากาศ

                        

               ลองทายกันดูนะเจ้าค่ะ ว่าน้องจิคนไหน อิอิ ใส่ชุดเนตรนารีอากาศ

                     ครูธวัช เล้าภาษิต(รองผู้อำนวยการโรงเรียนบางลี่วิทยา)….ได้สอนวิชาลูกเสือ-เนตรนารี…วันนั้นครูให้แบ่งเป็นกลุ่ม เป็นหมู่….ครูสั่งให้ลูกเสือ-เนตรนารีเรียงตามลำดับความสูง…..ทุกคนรีบปฏิบัติไม่งั้นจะโดนย่อยืด อิอิ (สั่งได้ทีละ20 เข่าล้าไปเลยเวลาเรียนลูกเสือ)……

                     Dsc01957

                            หน้าตาเอ๋อใช้ได้สมัย 4 ปีก่อน อิอิ สุดยอด!!!!!!!!

                      พอเรียงแถวเรียบร้อยก็สั่งนับเรียงตัวเลข 1-16 แล้วเริ่มนับหนึ่งใหม่….น้องจิเป็นคนนับเลข 16 พอดี แสดงว่า น้องจิสูงเป็นคนที่ 16 ในระดับชั้น อิอิ ก็ภูมิใจว่าเราก็สูง อิอิ

                       แล้วให้แบ่งนักเรียนไปตามเลขที่นับได้ ให้คนที่นับ 1-16 คนแรกยืนไว้เป็นหัวหลัก โอ้ว!! น้องจิยืนเป็นคนที่ 16 พอดีแบบว่า หมู่น้องจิอยู่ริมสุด  …ทั้งหมดมี 4 กอง กองละ 4 หมู่ น้องจิเป็นหัวหน้ากอง4 หมู่เป็นกองที่ได้ฉายาว่า เตี้ยที่สุดในกลุ่มลูกเสือ-เนตรนารี อิอิ (ถึงเตี้ยสุดแต่ก็หน้าตาดีสุดนะไม่อยากจะเอ่ย) 55555++

                       ครูธวัชตั้งคำถามมาว่า….ลูกเสือ-เนตรนารีทุกกองทุกหมู่ วันนี้เราจะมาเรียนรู้เกี่ยวกับชีวิต…ลองเอาใบไม้ไปเปรียบเทียบกับชีวิตคนเราหน่อยสิ…..ให้เวลาภายในหมู่ไปคิดมาว่าใบไม้เหมือนกับชีวิตคนอย่างไร…เพื่อนๆน้องจิเขาเป็นคนขี้อายค่ะ…เขาช่วยกันคิดมากๆแบบว่า จิคิดเลย ตอบเลย…โยนภาระมาให้หัวหน้าหมู่ว่างั้น….จำได้แม่นเลย เหอๆๆ อย่างว่าแหละคนหน้าตาดีก็งี้ อิอิ

                        ลูกเสือ กับ เนตรนารี ถูกแยกออกจากกัน….พอถึงเวลาที่ครูธวัชบอกให้หมู่น้องจิออกไปพูดวิเคราะห์ใบเหมือนกับชีวิตคน…น้องจิตื่นเต้นมาก เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้พูดต่อหน้าเพื่อนทั้งชั้นเรียนเลย ปกติจะพูดแค่ห้องเรียนเท่านั้น…แต่เพื่อนๆให้กำลังใจอยู่ (ถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการแสดงออก)….

                         น้องจิพูดไปว่า…ใบไม้ก็มีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป….เช่นใบมะพร้าว  ใบมะยม ใบมะม่วง ใบมะขาม  ซึ่งแต่ละอย่างก็มีคุณประโยชน์ที่แตกต่างกันออกไป….เช่น ใบมะพร้าวเอาไว้ห่อขนม ใบมะม่วงเอาไว้เล่นขายขนมครก ใบมะขามมาทำยาได้  (ตอบไปอย่างไร้เดียงสา)55555++ นึกแล้วก็ขำเหมือนกัน ตอบไปได้อย่างไร  เหมือนกับชีวิตคนที่ต่างเชื้อชาติ ภาษา วัฒนธรรม แต่ว่าแต่ละคนนั้นก็มีความสามารถที่แตกต่างกันออกไป เหมือนกับใบไม้แต่ให้คุณประโยชน์ที่หลากหลาย

                          พอน้องจิพูดจบ เนตรนารีก็ปรบมือให้…ครูธวัชบอกว่า เอาไป 1 คะแนน….หมู่น้องจิเป็นหมู่สุดท้ายในการตอบคำถามเพราะว่า เป็นเนตรนารีกอง4 หมู่ 4 …แล้วครูก็เป่านกหวีดเรียกให้ลูกเสือและเนตรนารีมารวมกัน…ครูธวัชบอกว่า เมื่อกี้กองไหนได้ 1 คะแนน ออกมาตอบให้เพื่อนๆฟังว่าตอบว่าอย่างไร….โอ๊ย!!ทีนี้ไม่ใช่แค่เนตรนารีอย่างเดียวแล้วเจ้าค่ะ น้องจิต้องพูดต่อหน้าลูกเสือด้วย โห!! อายสุด บิดไปก็บิดมา ให้พูดต่อหน้าหนุ่มๆ อิอิ

                          พูดได้ไม่ดีเหมือนตอนพูดต่อหน้าเนตรนารีด้วยกัน….แต่ก็แนวเดียวๆกัน พอพูดจบ ทุกคนปรบมือให้….

                         น้องจิภูมิใจมากกับ 1 คะแนนที่ได้มา เพราะทำให้กอง4 หมู่ 4 ของเราได้ยิ้มแก้มปริ อิอิ….ถึงจะเตี้ยที่สุดในกองเนตรนารี แต่ความสามารถของกอง4 หมู่ 4 ไม่แพ้ใครนะจ๊ะ อิอิ

                           พอนึกถึงเพื่อนๆตอนนั้นแล้ว…ป่านฉะนี้เพื่อนๆจะเป็นอย่างไรบ้างนะ อยากจะกลับไปเรียนเนตรนารีอีกครั้ง มันทำให้เกิดความรักและความสามัคคีกันมากๆค่ะ ต้องคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน  รวบรวมความคิดด้วยกัน  สร้างความเสียสละ(แม้จะฝืนใจก็ตาม) อิอิ 

                           ผู้ใหญ่ทั้งหลาย ลองกลับมาเรียนลูกเสือ-เนตรนารีกันใหม่ดีไหมเจ้าค่ะ…เผื่อจะได้เรียนรู้ความรักความสามัคคีกันภายในหมู่คณะ…เรียนรู้ความเป็นผู้นำ ผู้ตาม เคารพการตัดสินใจของคนส่วนมาก และเชื่อฟังผู้นำอย่างมีเหตุผล…..

                            กอง!!!! ตรง……เรียบอาวุธ……อิอิ ยังจำได้ดีกับคำสั่งของผู้บังคับบัญชา อิอิ

                     S7000762ccc

                           เพื่อนๆ…..เฮ้อ!! คิดถึงๆๆๆ……………อิอิ

                           ขอบคุณที่คอยติดตามบันทึกน้องจิเจ้าค่ะ รักษาสุขภาพด้วยนะเจ้าค่ะ  เป็นกำลังใจให้เจ้าค่ะ——> น้องจิ ^_^


เสียงขลุ่ยสามัคคี…ขอให้แผ่นดินนี้มีแต่สันติสุข

3 ความคิดเห็น โดย น้องจิ เมื่อ 26 ตุลาคม 2008 เวลา 14:00 ในหมวดหมู่ Uncategorized #
อ่าน: 3653

เสียงขลุ่ยสามัคคี…ขอให้แผ่นดินนี้มีแต่สันติสุข

                  เมื่อครั้งที่น้องจิไปที่สวนป่าในงานเฮฮาศาสตร์ครั้งที่ 5 นั้น…น้องจิได้เป่าขลุ่ยอย่างที่น้องจิได้เล่าให้ฟังในบันทึกเก่าแล้ว….

                  ตอนที่น้องจิเป่าขลุ่ยนั้น ไม่ได้มีแค่เสียงขลุ่ยอย่างเดียวเท่านั้นค่ะ ยังมีเสียงตะโพน ฉิ่ง กีต้าร์ ชั้นกีตาร์เทพเลยค่ะ   ทุกสิ่งทุกอย่าง ผสมผสาน สอดคล้องกันได้อย่างลงตัว

                  ขลุ่ยคือเครื่องดนตรีชนิดหนึ่ง ที่ใช้บรรเลงโดยการเป่า ทำให้เกิดเสียงตามช่องลมที่ได้ปิดเอาไว้

                  ตะโพน คือเครื่องประกอบจังหวะ มีทั้งหมด 2 หน้าด้วยกัน  มีจังหวะ ท่าง ติง โจ๊ะ จ๊ะ หรืออาจจะมีวิธีการเรียกที่แตกต่างกันออกไป

                  ฉิ่ง คือ เครื่องคุมจังหวะในการบรรเพลงดนตรี มีความสำคัญมาก ผู้ตีต้องใช้ทักษะในการตีและรู้จังหวะเพลงต่างๆ

                  กีต้าร์ คือ เครื่องดนตรีที่ใช้ดีด ทุกท่านคงคุ้นเคยกันดี  มีเสียงที่ไพเราะ (ถ้าดีดเป็น) อิอิ

                  จะเห็นได้ว่าเครื่องดนตรีแต่ละชนิดมีลักษณะ  เสียง รูปร่าง วิธีการเล่น ที่แตกต่างกันออกไป….ถ้าให้เครื่องดนตรีแต่ละชิ้นมาตีเดี่ยวๆชิ้นเดียว ขลุ่ยก็คงจะเป่าไปตามประสาขลุ่ย  เสียงลมของขลุ่ยอาจจะหวานจับใจ แต่ไม่ประทับใจ …..ตะโพน  ให้มาตีเดี่ยวๆ ก็มีแต่เสียงท่าง ติง โจ๊ะ จ๊ะ  ฟังไม่รู้เรื่อง ก็คงจะมันเฉพาะเสียงตะโพนไม่มีเนื้อหา…..ฉิ่ง ให้มาตีเดี่ยวๆ ก็คงจะมีแค่เสียง ฉิ่ง ฉับ แสบหูพิลึก ใครสามารถตีฉิ่งให้เป็นเพลงได้ จะมอบโล่ให้เลยค่ะ ก็มีอยู่แค่เสียงฉิ่งกับฉับ จะเป็นเพลงได้ไหมเนี่ย…..กีต้าร์  ถ้าเล่นเดี่ยวๆ ก็เพราะเสนาะหู แต่ถ้ามีลูกคู่อาจจะมันส์ก็ได้เด้อ

                     เราจะเห็นความหลากหลายของเครื่องดนตรีแล้วใช่ไหมค่ะ….แต่เมื่อเราเอาคุณลักษณะของเครื่องดนตรีที่แตกต่างกันมารวมกันเป็นหนึ่งเดียว เติมความสมัครสมานสามัคคีของผู้เล่น ใส่ความรักให้กับเครื่องดนตรีในแต่ละชิ้น  ตั้งใจบรรเลงให้ผู้ฟังมีความสุขไปกับเสียงดนตรีที่เราบรรเลงแล้ว    เสียงที่ออกมามันจะเกินบรรยายเจ้าค่ะ

                     ลองมาฟังเสียงขลุ่ยสามัคคีของกลุ่มเฮฮาศาสตร์นะค่ะ  ผู้บรรเลงทั้งหมดมี 4  ท่านด้วยกันเจ้าค่ะ

                    กีต้าร์ (กีต้าร์เทพ) ผู้บรรเลงคือ ครูประสาท  มาจากภาคเหนือ ลุงดีดกีต้าร์คลอไปกับการบรรเลงด้วยเจ้าค่ะ

                    ขลุ่ย (ขลุ่ยนางฟ้า) ผู้บรรเลง คือ โก๊ะจิจัง แซ่เฮ แถมหน้าตาดีอีกต่างหาก 5555++…เป่าไม่ค่อยจะได้เรื่องเท่าไหร่ อาศัยเสียงตะโพน ฉิ่ง กีต้าร์ กลบเกลื่อนเจ้าค่ะ อิอิ

                    ฉิ่ง  ( ฉิ่งมือทอง) ผู้บรรเลง คือ ครูพิสูจน์ ใจเที่ยงกุล พ่อสุดที่รักของน้องจิเอง อิอิ  ตีได้สะใจมากๆเจ้าค่ะ ยกฉายาฉิ่งมือทองให้ครูพิสูจน์เลยค่ะ

                    ตะโพน (ขุนพลตะโพนทอง) ผู้บรรเลง คือ นายศุภกิจ เสถียรอินทร์  มาจากโรงเรียนบางลี่วิทยา ตีได้มันส์หยดติ๋งๆเลยเจ้าค่ะ

                                               

                   ชีวิตคนเราก็เหมือนเครื่องดนตรี มีความแตกต่าง มีความสามารถที่ไม่เหมือนกัน  แต่ละสิ่งของเราก็ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ทั้งนั้น แต่มันจะมีประโยชน์มากๆ ถ้าพวกเราใช้ความสามารถของพวกเราร่วมกัน มาร่วมมือที่จะพัฒนาประเทศของเราให้เจริญก้าวหน้าต่อไปเจ้าค่ะ  อย่ามองเพียงตัวเองสบาย แต่จงมองถึงส่วนรวมด้วย ก็เหมือนเสียงดนตรี คนเล่นจะมีความสุข ถ้าคนฟังรู้สึกสนุกไปกับการบรรเลง

                    เมื่อสักครู่รายการถามจริง ตอบตรงพึ่งจบไป …ฟังลุงเอก และผู้ร่วมรายการพูดถึงการแก้ไขปัญหาชาติ  น้องจิว่า แก้ง่ายนิดเดียวถ้าทุกคนเปิดใจที่จะรับฟังซึ่งกันและกัน แต่ปัญหาใหญ่มันอยู่ที่ว่า ใจของแต่ละคน เสริมคอนกรีตก่อเป็นกำแพงแบ่งฝ่ายแบ่งพวก  เราจะทำลายกำแพงนั้นลงได้อย่างไร  ชาติจะไปรอดไหม ถ้าเลือดที่จะไปหล่อเลี้ยงหัวใจถูกกั้นอยู่เช่นนี้

                     เราคนไทยด้วยกัน  ใช้ภาษาเดียวกัน  อยู่แผ่นดินเดียวกัน  จะคุยกันไม่รู้เรื่องเลยหรือค่ะ ….จะให้ชาติใดมาคุยด้วยเล่า…….เฮ้อ!! กลุ้ม  เด็กคืออนาคตของชาติจริงหรือเจ้าค่ะ

                      เรามาสามัคคีกันเถอะเจ้าค่ะ ใช้คำพูดที่เสนาะหูจะได้ไพเราะเหมือนเสียงดนตรีที่ร่วมกันบรรเลง อิอิ  สิ่งที่จะมีความสุขก็คือประเทศชาติค่ะ

                      ขอบคุณทุกๆท่านที่คอยติดตามข่าวคราวและติดตามลุงเอกเจ้าค่ะ…รักษาสุขภาพด้วยนะเจ้าค่ะ เป็นกำลังใจให้เจ้าค่ะ —->น้องจิ ^_^



Main: 0.050119161605835 sec
Sidebar: 0.19575786590576 sec