เยี่ยมสองโรงเรียนที่แตกต่าง
อ่าน: 1717ในช่วงสามวันที่ผ่านมา มีกิจกรรมต่อเนื่องกับเทศบาลนครขอนแก่น คือการไปเยี่ยมโรงเรียนเทศบาลบ้านศรีฐาน กับโรงเรียนเทศบาลสวนสนุก และไปเป็นกรรมการเลือกรองผู้อำนวยการให้โรงเรียน 10 คน ตามที่ได้ เขียนบันทึกไปแล้ว วันนี้จะขอเขียนถึงโรงเรียนสองโรงที่เป็นเทศบาลเหมือนกัน อยู่ห่างกันไม่ถึง 10 กิโลเมตร แต่มีความแตกต่างกัน จนอยากจะนำเอาสองโรงเรียน มารวมกันแล้วหารสอง คงจะลงตัวได้พอดี
ตามข้อมูลที่แสดงให้เห็นต่อไปนี้ คงพอทำความเข้าใจได้ว่า ทำไมแม่ใหญ่จึงพูดเช่นนั้น
โรงเรียนเทศบาลศรีฐาน
เนื้อที่ 10 ไร่เศษ มีห้องเรียนเหลือใช้ บริเวณที่เล่นกลางแจ้ง มากมาย
ขนาดห้องเรียนต่อเด็ก ห้อง 7*9 เด็ก 30 คน ครู 1 คน
นักเรียนทั้งโรงเรียน 591 คน ครูทั้งโรงเรียน 32 คน
นักเรียนเฉพาะระดับอนุบาล 4 ห้อง 120 คน ครูเฉพาะระดับอนุบาล 5 คน อัตราส่วนครูต่อเด็ก 1 ต่อ 24
การเรียนการสอน ลื่นไหล บูรณาการ กิจกรรมเสริม ภาษาอังกฤษ ดนตรี
บุคลิกครู ผ่อนคลายแม้งานค่อนข้างหนัก
บุคลิกผู้บริหาร มีความเชื่อมั่นในตนเองสูง และมีความตั้งใจในการทำงานตามระบบมาก เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานที่ สมศ.จะมาตรวจรอบที่สาม
บุคลิกเด็ก เป็นธรรมชาติ ไม่เป็นระเบียบนัก แต่ก็เชื่อฟังครู
โรงเรียนเทศบาลสวนสนุก
เนื้อที่ 5 ไร่ ห้องเรียนจำกัด บริเวณที่เล่นกลางแจ้ง จำกัดมาก
ขนาดห้องเรียนต่อเด็ก ห้อง 7*9 เด็ก 42-45 คน ครู 2 คน
นักเรียนทั้งโรงเรียน 3069 คน ครูทั้งโรงเรียน 155 คน
นักเรียนเฉพาะระดับอนุบาล 8 ห้อง 320 คน ครูเฉพาะระดับอนุบาล 16 คน อัตราส่วนครูต่อเด็ก 1 ต่อ 20
การเรียนการสอน ครูสอนเน้นอ่านออกเขียนได้ กิจกรรมเสริม ภาษาอังกฤษ ดนตรี เกมส์การศึกษา
บุคลิกครู เคร่งเครียด ไม่ค่อยยิ้มแย้ม
บุคลิกผู้บริหาร ไม่ได้พบเพราะผู้อำนวยการไปประชุม แต่ดูจากสภาพโรงเรียนแสดงให้เห็นว่ามีการจัดการทรัพยากรที่มีอยู่จำกัด ได้อย่างเป็นประโยชน์ทุกตารางเมตร
บุคลิกเด็ก ตั้งใจเรียน เรียบร้อย เชื่อฟังครูมาก ไม่ค่อยซุกซน นั่งเรียนกับโต๊ะอย่างมีระเบียบ
ข้อมูลของทั้งสองโรงเรียน นี้มิได้มีวัตถุประสงค์จะแสดงว่า โรงเรียนใด ดีกว่าหรือด้อยกว่า เพียงแต่ต้องการให้เห็นภาพ ของทั้งสองโรงเรียนนี้เท่านั้น ว่าแตกต่างกันมากมายเหลือเกิน แม่ใหญ่มีความเห็นว่า โรงเรียนเทศบาลทั้ง 8 โรงที่ไปเยี่ยมมา ล้วนแล้วแต่มีข้อเด่น ข้อด้อยต่างกัน และมีข้อจำกัดในการดำเนินงานต่างกัน มีบริบทของแต่ละโรงเรียนไม่เหมือนกัน แต่ก็มีแนวทางใกล้เคียงกัน กับโรงเรียนอนุบาลบ้านศรีฐาน มีโรงเรียนสวนสนุกนี้เท่านั้น ที่ดูจะแปลกจากโรงเรียนอื่น แต่ก็เป็นโรงเรียนที่มีลักษณะเฉพาะตัว และมีการบริหารจัดการที่เป็นระบบมากๆ และข้อสำคัญคือ ได้รับความนิยมจากผู้ปกครอง
โรงเรียนเทศบาลบ้านศรีฐานถือว่าโชคดี ที่ได้ครูจบทางปฐมวัยโดยตรงถึง 3 คน ดังนั้นการจัดกิจกรรมจึงค่อนข้างลื่นไหล บูรณาการ เป็นไปตามแนวเตรียมความพร้อมทั้งด้านร่างกายอารมณ์ สังคม และสติปัญญา ปัญหาก็มีเพียงอาคารที่เปิดกว้างต่อเนื่องถึงกันทั้งสี่ห้อง ทำให้การเรียนการสอนที่ต้องการให้เด็กมีสมาธิเป็นไปได้ยาก เนื่องจากมีสิ่งเร้ารอบๆข้างมากเกินไป แต่คุณครูก็พยายามแก้ไขด้วยการปรึกษาหารือกัน ในการจัดกิจรรมเพื่อไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อไม่ให้เสียงจากกลุ่มหนึ่งไปรบกวนอีกกลุ่มหนึ่ง ทราบว่าปีหน้าจะได้ตึกใหม่ ก็ขอแสดงความยินดีด้วย
ส่วนโรงเรียนสวนสนุกถือเป็นโรงเรียนใหญ่ที่สุดในจำนวนโรงเรียนเทศบาลทั้งหมด ผู้ปกครองนิยมส่งลูกมาเรียนมากที่สุด เพราะเน้นเรื่อง อ่านออกเขียนได้ เตรียมเด็กเข้าชั้นป.1 ซึ่งเป็นรูปธรรมที่มองเห็นได้ง่าย นอกจากนี้ ยังมีครูที่เด่นและเก่งเฉพาะด้านที่จะส่งเสริมเด็กเก่งให้ไปได้รางวัลต่างๆ ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ สร้างชื่อเสียงให้โรงเรียนได้ทุกปี คุณครูท่านหนึ่งได้เล่าให้ฟังอย่างภาคภูมิใจว่าสามารถเตรียมความพร้อมจนเด็กได้ไปชนะการประกวดแฟนต้ายุวทูต ได้ไปทัศนศึกษาถึงอเมริกาโน่นทีเดียว
นอกจากนี้ โรงเรียนยังมีแผนกEP หรือ English Program เพื่อรองรับผู้ปกครองที่ต้องการให้เด็กได้เรียนภาษาอังกฤษกับครูชาวต่างชาติ โดยตรง ซึ่งก็เห็นมีครูชาวฟิลิปปินส์สอนคู่กับครูไทยอยู่สองห้อง ดังนั้นบริบทของโรงเรียนนี้คือ สอนให้เด็กเป็นคนเก่ง ทางด้านวิชาการ ตามที่ผู้ปกครองต้องการ
อาจารย์สงกรานต์ หัวหน้าสาย ได้ทำ powerpoint เพื่อแสดงกิจกรรมเด่นๆที่เด็กได้เรียนรู้ในแต่ละวัน เพราะการมาเยี่ยมชมเพียงวันเดียว อาจจะไม่ได้เห็นกระบวนการต่างๆอย่างครบถ้วน มีกิจกรรมหลากหลาย ที่แสดงให้เห็นว่าครูที่แผนกนี้ได้ผ่านการอบรมมามากมาย และได้นำกิจกรรมที่มีความคิดรวบยอดที่ลึกซึ้งมาใช้ ไม่ใช่เป็นกิจกรรมพื้นๆที่ใช้กันในโรงเรียนอนุบาลทั่วๆไป หัวหน้าสายเล่าว่า โรงเรียนได้รับเลือกให้เป็นโรงเรียนนำร่องของกระทรวงศึกษาธิการ โดยให้นำแนวทาง Brain based learning หรือการเรียนรู้โดยคำนึงถึงสมองของเด็กเป็นฐานมาใช้อย่างเต็มรูปแบบ แม่ใหญ่ก็ได้ขอเพิ่มเติมความรู้เรื่องนี้ ไปให้คุณครูเล็กน้อย ในฐานะที่ใช้ BBL มานานแล้วว่า มันไม่ใช่รูปแบบการศึกษา แต่ BBL คือเครื่องมือในการจัดสภาพสมองให้เหมาะกับการเรียนรู้ และได้มีคนคิดออกมาเป็นกิจกรรมต่างๆ อาทิเช่นการออกกำลังสมอง (Brain gym ) เพื่อให้สมองหายเหนื่อยล้าหลังจากเรียนเรื่องหนักๆหรือนั่งนานๆ การใช้เพลงประกอบเพื่อให้คลื่นสมอง อยู่ในสภาวะที่เรียนรู้ได้ดี การสร้างสื่อที่น่าสนใจที่จะกระตุ้นให้เด็กรับเนื้อหาเข้าไปสู่ส่วนที่ลึกที่สุดของสมอง และไม่ลืม จิตตปัญญาศึกษาที่คณะผู้บริหารเทศบาลนำเข้ามาเผยแพร่กับคณะครูและผู้บริหารในโรงเรียนเทศบาล ก็เป็น BBL เหมือนกัน
นักเรียนสวนสนุกมีลักษณะไม่ซน ว่าง่าย พูดจาฉะฉาน เขียนตัวพยัญชนะสวย เดินแถวเป็นระเบียบ แสดงว่าถูกฝึกมาเป็นอย่างดี แต่ดูคุณครูไม่ค่อยยิ้มแย้มแจ่มใสนัก เหมือนไม่ค่อยมีความสุข ( ต้องขอบอกว่านี่เป็นความรู้สึกส่วนตัวจริงๆ ซึ่งอาจจะผิดก็ได้) คุณครูอาจจะเครียดที่เรามาเยี่ยมชม หรือจะนึกว่า เรามาตรวจมาตรฐานแบบ สมศ. ซึ่งประธานสุทธิก็ได้ชี้แจงว่า เรามาแนะนำหรือสะท้อนความคิดเห็นแบบกัลยาณมิตรมากกว่า