การฝึกอบรมสัมมนา
อ่าน: 1746ระยะหลังมีเหตุที่ต้องเกี่ยวพันกับการอบรมสัมมนาค่อนข้างบ่อย ทั้งในบทบาทของผู้เข้ารับการอบรมสัมมนาเสียเอง เป็นผู้เสนอโครงการฯ เป็นผู้รับผิดชอบจัด แถมเป็นวิทยากรเสียเองด้วย
อ่านตำรา ฟังบรรยาย แอบดู แอบจำ แล้วทำเองบ้าง ก็เลยอยากเอาบางประเด็นมาเล่าสู่กันฟัง สนุกๆ อ่านเพลินๆ ไม่ต้องเครียดนะจ๊ะ
เหตุที่อยากเขียนเรื่องนี้เพราะเจอการอบรมสัมมนาที่ไม่ประสบความสำเร็จ ทั้งที่ไปเป็นผู้เข้ารับการอบรม ที่ถูกเชิญไปในฐานะวิทยากร แถมยังมีที่จัดเองเสียด้วย ถ้ามีโอกาสได้ติดตามประเมินผล ก็จะคิดมากว่า
เอ๊ะ ? ทำไมไม่ได้ผลเท่าที่ควร
เอ๊ะ ? ทำไมได้ผลแป๊บเดียว ทำท่าจะดี แต่ก็ไม่ยั่งยืน
ระยะหลังนี่ก็เลยระมัดระวังมากขึ้นในการจัดการฝึกอบรมสัมมนา หรือถ้าไปเป็นวิทยากรร่วม มีโอกาสก็มักจะปรึกษาหารือกันว่าจะทำยังไงให้ได้ผลดีที่สุด คราวนี้กลับตัวไม่ทัน คราวหน้าทำให้ดีขึ้นก็ยังดี ไม่ใช่ทำไปก็ไม่ได้ผล แต่ก็ไม่เอะใจ
เริ่มต้นตรงไหนดี เริ่มที่จะอบรมสัมมนาไปทำไม? ต้องการอะไร? ประเด็นนี้ต้องชัดเจน กลุ่มเป้าหมาย วิธีการ วิทยากร เวลา สถานที่ต้องเหมาะสม
บางครั้งจะระดมสมอง แต่จัดแค่วันเดียว กว่าทั่นประธานจะมาเปิดก็มาสาย ผู้เข้าร่วมก็มาสาย ทั่นประธานมอบนโยบายและแสดงความรู้ความสามารถนานอีกต่างหาก ตามด้วยมือรองๆ แล้วก็กลัวผู้เข้าร่วมจะไม่รู้เรื่อง ก็เอาผู้เชี่ยวชาญมาบรรยายให้ฟังอีก หมดไปแล้วครึ่งเช้า แถมทานมื้อกลางวันสายอีกต่างหาก
ผู้คนก็เริ่มหายไปตั้งแต่เบรกเช้าแล้ว ทานกลางวันเสร็จก็หายไปอีกหน่อยนึง ตอนบ่ายเข้ามาก็เริ่มแบ่งกลุ่มระดมสมอง วิทยากรที่เตรียมไว้ขัดข้อง ใช้มวยแทน ขลุกขลักอยู่สักพัก ต้องรีบเลิก เพราะต้องนำเสนอผลการระดมสมองและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ไหนจะรีบกลับไปรับลูก ฯลฯ
สรุป เอาพิมพ์เขียวที่เตรียมไว้นั่นแหละ ดีเหมือนกัน ได้ตามใจเราเลย อิอิ
หรืออยากอบรมพัฒนาบุคลากร อยากให้ทำงานเป็นทีม เอาไงดี เวลาก็ไม่มาก เช้ารอประธานตามระเบียบ วิทยากรที่เชิญมาก็เลือกเชิญที่พูดมัน สนุกแบบทอล์คโชว์ สักสองชั่วโมงเศษ แล้วไม่ได้ทำอะไรต่ออีกเลย ถ้าทำงานเป็นทีมได้ก็คงมีทีมงานที่ดีทั่วประเทศไปแล้ว อิอิ
งั้นเอาแบบ มีกิจกรรมร่วมกัน ทำวอล์คแรลลี่ ก็ดีนะครับ แต่กลับมาทำงานกันสักพักก็กลับเข้าสู่สภาพเดิม ปีหน้าจัดใหม่
หรือเอาขึ้นเขา ไปวัด ไปศึกษาธรรมะ ไปปฏิบัติธรรมกัน ลงมาใหม่ๆก็ดีนะ แต่ไม่มีกิจกรรมอื่นๆตามมาเลย สักพักก็กลับมาเหมือนเดิมเลย วนเวียนเป็นแบบหินทับหญ้า
ที่พูดมานี่ไม่ใช่อะไรหรอก อยากให้คนที่รับผิดชอบการฝึกอบรม การพัฒนาบุคคลากรมองเรื่องนี้แบบองค์รวม การฝึกอบรม ประชุมสัมมนาแต่ละอย่างควรสอดคล้องและต่อเนื่อง เสริมซึ่งกันและกัน ไม่ทำแบบม้าลำปาง หรือทำสลับก่อนหลัง ไม่สอดคล้องต่อเนื่องกัน ทำให้ได้ผลน้อย ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
ควรมีแผนพัฒนาบุคลากรที่ชัดเจน ต่อเนื่อง มีทีมวิทยากรหรือคนที่เข้าใจเรื่องนี้คอยจัดการอยู่ ที่ดีที่สุดต้องมีแกนนำอยู่ภายในองค์กรเองที่จะทำให้มีกิจกรรมที่ต่อเนื่อง เพราะการพัฒนาองค์กรต้องทำต่อเนื่องตลอดไป
นอกจากนี้ยังต้องมีเครือข่าย แนวร่วมที่จะเป็นกัลยาณมิตร คอยแลกเปลี่ยนเรียนรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน
ที่สำคัญต้องไม่โลภมาก อบรมทีละเยอะๆ ให้ได้ความรู้เยอะๆ ได้การทำงานเป็นทีม มีจิตวิญญาณ มีสำนึกที่ดี……… แต่มีเวลานิดเดียว
จบตอนที่หนึ่ง โปรดติดตามตอนต่อไป……..
7 ความคิดเห็น
ตามทฤษฎี การเปลี่ยนแปลงควรมี change agent คลุกอยู่กับกลุ่มเป้าหมาย คอยประคับประคองไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนด้วยใช่ไหมครับ
change agent เขามีบทบาทอย่างไรค่ะ
ตอนนี้นักการหนิงเป็นทึมอนุกรรมการพัฒนาบุคลากรในองค์กร ทำไปทำมาน่าจะเป็นเหมือนที่จอมป่วนบ่นๆ นี่แหล่ะ ตานี้นักการหนิงจะหาความรู้เรื่องนี้ได้ที่ไหน เอาแบบมีด้าน Solfside ด้วยนะคะ………ขอบพระคุณล่วงหน้าหากมีท่านใดจะกรุณา
#1 รอกอด
จริงๆแล้วเรื่องราวในโลก(จักรวาล)คือเรื่องเดียวกัน สัมพันธ์กันหมดครับ? แต่จะเลือกพูดแบบไหน? แค่นั้นเองมั๊งครับ ?
ต่อๆๆๆๆ คงต้องทำหน้าที่เหนี่ยวนำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง แล้วช่วยหล่อเลี้ยงให้ยั่งยืนและพัฒนาขึ้นครับ
Change Agent ก็คือคนที่จะก่อการร้าย เอ๊ย ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงน่ะสิ (กวนดีมั๊ย)
แบบว่าเหนี่ยวนำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง หล่อเลี้ยงให้พัฒนาและยั่งยืนด้วย
เห็นเค้าว่า รองนายกฯที่หล่อๆน่ะ เก่งเรื่องนี้นะ อิอิ
คงต้องรอ คนจำนวน 3% 5% ที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงองค์กรได้มั๊ง ?
ชอบบบบบ บันทึกนี้
แหะๆเดี๋ยวยาว เอาแค่นี้ก่อนนะครับ
ไม่ยาวเท่าไหร่หรอกครับ แค่เป็นบันทึกๆนึงได้สบายๆเท่านั้นเอง ล้อเล่นน่ะครับ อิอิ
ขอบคุณมากนะครับที่มาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่ลานจอมป่วน นั่งสบายๆกินส้มตำ หรือน้ำชาก่อนก็ได้นะครับ
ความเห็นของลุงบางทรายมีหลายประเด็นน่าสนใจ เป็นประโยชน์กับจอมป่วนและมิตรรักแฟนบันทึกที่แวะเวียนมาอ่านมากครับ ขอบคุณหลาย อิอิ