ตีแตกอิสาน (2): ความเป็นญาติ
อ่าน: 2185เวทีตีแตกที่สวนป่า สอนบทเรียนของชีวิตว่า จะทำอะไรต้องคิดให้ไกล แต่เริ่มจากจุดเล็กๆ ที่กำลังอยู่ และการทำตัวให้มี “ความเป็นญาติ”
การไปร่วมงานคราวนี้ รับรู้ตั้งแต่แรกว่าจะต้องเจอผู้คนที่หลากหลาย ทั้งที่เคยรู้จักและไม่รู้จัก ผ่านบันทึกต่างๆของครูบาที่ทยอยเขียนลงลานสวนป่า อย่างต่อเนื่องและมีกลวิธียั่วยุความอยากรู้ อยากเห็น ได้อย่างแนบเนียน
ด้วยรู้ตัวเองดีว่าไม่ใช่คนที่ชอบเข้าสังคมที่มีคนกลุ่มใหญ่ และยิ่งไม่ชอบเป็นเป้าสายตาของใคร การอ่านบันทึก ที่บอกเล่าว่าจะทำพิธีกอดอุ้ย ก็ทำให้กังวลใจมากไม่ใช่เล่น …เอ๊ะ..ครูบาพูดเล่นๆ หรือว่าจะทำจริงๆ
ถ้าคิดแบบเทียบเคียงแนวคิดของ Nora J. Pender ที่อธิบายพฤติกรรมสุขภาพของคน การจะทำหรือจะไม่ทำพฤติกรรมสุขภาพใดของบุคคล ก็ขึ้นอยู่กับการรับรู้ถึงประโยชน์หรืออุปสรรค สมรรถนะของตนเองที่จะทำหรือไม่ทำพฤติกรรมนั้นๆ โดยมีเรื่องของความเชื่อ ค่านิยม และปัจจัยส่วนบุคคลมาเกี่ยวข้องด้วยแล้ว…การตัดสินใจไปร่วมเฮฮาศาสตร์จนเป็นพฤติกรรมสม่ำเสมอ ก็คือการที่รับรู้ถึงประโยชน์มากกว่าอุปสรรคและรับรู้ถึงสมรรถนะของตนเองที่จะไปหาผู้ที่มีความเป็นญาติ
การไปสวนป่าคราวนี้ก็เช่นกัน…ถึงจะมีภาระงานราชการและเป็นจังหวะของการคิดคะแนนตัดเกรด ต้องตรวจรายงานของนักศึกษา พร้อมๆกับการทำหน้าที่กรรมการสอบเข้าเรียนต่อ การเตรียมเรื่องสัมมนาประจำปีของหลักสูตรปริญญาโทและตรี ฯลฯ แต่ก็พยายามทำงานเหล่านั้นให้ทันการณ์และยินดีทิ้งโอกาสอีกหลายๆอย่างเมื่อชั่งน้ำหนักว่าการไปสวนป่าคราวนี้ จะเป็นการเติมเต็มให้กับชีวิตและเป็นการไปเพื่อพบปะ “ญาติอันเป็นที่รัก” อีกหลายๆคน
สวนป่าในคราวนี้ผิดหูผิดตาไปจากเดิม..มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงห้องครัว มีลานนอนดูดาวที่กว้างขวาง มีคนมาช่วยงานโดยเฉพาะทีมแม่ครัวที่มีจำนวนมากขึ้น และมีสมาชิกใหม่คือลูกเขยครูบา แต่สิ่งที่ยังคุ้นเคยคือความสงบ อิสระและการได้อยู่ท่ามกลางญาติมิตร
“ความเป็นญาติมิตร” ระหว่างชาวเฮฮาศาสตร์นั้น อุ๊ยมองว่าเป็นอีกภาคส่วนที่สำคัญของเวทีตีแตกอิสาน และอาจจะเป็นอีกหนึ่งคำตอบที่บอกเล่าตัวเองถึงเป็นสิ่งที่สังคมโดยรวมกำลังโหยหาและพบว่ากำลังขาดหายไปหรือลดทอนความสำคัญลงไป
ความเป็นญาตินั้นเป็นความรู้สึกถึงความผูกพัน ความเกื้อกูลกัน และการให้อภัยกันโดยง่าย ดั่งเช่นที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสว่า “เงาของญาตินั้นร่มเย็น” การที่จะนับว่าเราเป็นญาติกันหรือไม่เป็นญาติกันนั้น สำคัญอยู่ที่จิตใจ คือเราต้องมีจิตใจสูง มีจิตใจที่ดีต่อกันเป็นเรื่องสำคัญมาก คนที่ได้เป็นญาติเพียงแต่คบกันเป็นมิตร ถ้าหากว่าเอื้อเฟื้อกันเรายังคงเคารพนับถือรักใคร่ แต่คนที่เป็นญาติกัน ถ้าหากว่ามีธรรมต่อกันแล้ว ก็ยิ่งจะทำให้เกิดความรู้สึกใกล้ชิด สนิทสนมกัน
ความเป็นญาติในสังคมไทยตามสารานุกรมสำหรับเยาวชนไทยเล่มที่ 22 ได้อธิบายถึงวัฒนธรรมไทยที่ช่วยเหลือ เกื้อกูลกันด้วยความรู้สึกสนิทสนมเป็นเครือญาติ และทำให้ผู้ที่รู้สึกถึงความเป็นญาติรู้สึกสบายใจ อบอุ่นใจ
ความเป็นญาติของชาวเฮฮาศาสตร์และการนับรวมญาติของครูบา คือบรรดาผองเพื่อนร่วมรุ่น สสสส1 ทำให้การทำกิจกรรมต่างๆ ในสวนป่าไม่ต้องมีพิธีรีตองมาก ไม่ต้องมี “เปลือกที่ห่อหุ้ม” อย่างหนาแน่น แต่มีคววามเคารพนับถือกัน ยินดีที่จะกระโดดเข้าช่วยเหลืองานเล็กงานน้อย ไปถึงแม้กระทั่งงานในครัว ล้อมวงร้องเพลงกันอย่างเรียบง่าย การไปตลาด ขับรถรับส่งกัน ทุกกิจกรรมเกิดจากการรับรู้ถึง “ความเป็นญาติ” ที่ส่อแสดงผ่านแววตา รอยยิ้ม การให้ความเข้าใจยอมรับกันและกัน ดูแลกันและกัน การให้อภัยไม่ถือสาเอาเรื่องกัน และการ “กอด” (ที่มีคนเอวหายไปนิ้วกว่าๆ เพราะถูกรุมกอด….ยกเว้นท่านนี้ที่ได้รับการยกเว้น….และน้ำหนักขึ้น….อิอิ)
ตีแตกอิสานในคราวนี้ อุ๊ยจึงคิดว่า นอกจากจะเป็นการร่วมกันคิด ร่วมกันทำ และร่วมกันแลกเปลี่ยนเรียนรู้แล้ว การมารวมตัวกันของคนที่มี “ความเป็นญาติ” กว่าร้อยคนในคราวเดียวกันนี้ยังเป็นการแสดงหลักฐานเชิงประจักษ์ถึงสังคมสมานฉันท์ และน่าจะเป็นอีกบทเรียนหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการคำตอบของการหาหนทางแก้ไขปัญหาความขัดแย้งต่างๆ ที่มีอยู่ในสังคมปัจจุบันด้วยนะคะ
ตีแตกอิสาน (1) : สิ่งที่ประมาณค่าไม่ได้กับเวทีที่สวนป่า...ตีแตกอิสาน (3): ความเมตตา...มหาชีวาลัยอิสาน 25-28 กรกฎาคม 2552...« « Prev : ตีแตกอิสาน (1) : สิ่งที่ประมาณค่าไม่ได้กับเวทีที่สวนป่า
Next : ตีแตกอิสาน (3): ความเมตตา » »
8 ความคิดเห็น
-ป้าจุ๋มตื่นแต่เช้ามาตามอ่านตีแตกอิสานทั้งตอน1และตอน2 จบรวดเดียวเลย อ่านแล้วประทับใจและตรงใจมาก น้องอุ้ยสรุปประเด็นได้ชัดเจนและเข้าซึ้งถึงกระบวนการและเป้าหมายที่เราตั้งไว้อย่างละเอียดละออ สมกับนักเรียนที่ได้เกียรติ์นิยมอันดับ 1 จริงๆจ้า
-สังคมเฮฮาฯของเรามี รัก มีความอบอุ่น มีให้อภัย มีความจริงใจและตั้งใจจริง ทุกคนได้แสดงศักยภาพของตัวเองออกมาโดยธรรมชาติ เห็นพลังเหลือหลายและเห็นคุณค่าที่ประมาณไม่ได้จริงๆจ้า…
-อยากให้สิ่งที่พวกเราช่วยกันคิดช่วยกันทำนี้เป็นรูปธรรมเร็วๆและขยายไปทั่วประเทศไทยเราเร็วๆจังเลยจ้า
-ป้าจุ๋มรักและชื่นชมอุ้ยมากจ้า…กอดๆๆๆ
ชอบๆ ไม่ต้องเขียนเองแล้ว..ลอกการบ้านอุ้ยดีกว่า..
อมยิ้มกับความเห็นของ 2 ท่านข้างบนค่ะ และยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อได้ใคร่ครวญอย่างตั้งใจถึงความหมายระหว่างบรรทัดอีกครั้ง กอดข้ามฟ้าด้วยความคิดถึงมากมายแด่”ญาติ”ที่รักค่ะ ^ ^
[...] พูดถึงการกอด ครูปูเข้าใจเอาเองว่า (แฮ่ะ ๆ ก็ไม่มีใครเคยบอกนี่นา) ชาวเฮฮาศาสตร์คงจงใจใช้เป็นสัญญาณส่งผ่านความปรารถนาดี ความรัก ความห่วงใยถึงกันอย่างถึงเนื้อถึงตัว และยังหวังจะบีบอัดระยะห่างระหว่างกันลงภายในระยะเวลาแค่เสี้ยวนาทีอีกด้วย ซึ่งถือเป็นสมการแห่งปริมาณและคุณภาพของสัมพันธภาพที่ทรงพลังยิ่ง เมื่อได้ผ่านกระบวนการพูดคุย ปฏิสัมพันธ์ เจ๊าะแจ๊ะ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ จับสไตล์ และพื้นฐานอารมณ์ความคิดกันผ่านบล็อก หรือช่องทางการสื่อสารอื่น ๆ มาบ้างแล้ว ด้วยกุศโลบายนี้ พร้อมใจที่เปิดรับ ชาวเฮฮาศาสตร์ก็จะสามารถก้าวข้ามกำแพงแห่งความเก้อเขินและแปลกแยกนั้นมาสัมผัสใจอุ่น ๆ ผ่านภาษากายชัด ๆ เช่นนี้ได้อย่างง่ายดาย อานิสงที่ได้รับทันทีไม่ต้องสะสมคะแนนแลก คือความเป็นเพื่อน ความเป็นญาติ เช่นที่ อ.สร้อย ได้กล่าวถึงอย่างลึกซึ้งมาแล้วในบันทึกนี้ [...]
[...] การทำหน้าที่นั้นไม่ว่าจะเป็นไปเพราะกรอบที่กำหนดหรือเพราะ”ใจสั่งมา” ก็คือการแสดงศักยภาพของคนๆนั้นได้อย่างหนึ่ง การตีแตกอิสานคราวนี้ป้าจุ๋มให้ความเห็นไว้ในบันทึกตีแตกอิสาน (2) ว่า ทุกคนได้แสดงศักยภาพของตัวเองอย่างธรรมชาติ [...]
บทจะไวก็ไวปานกามนิตหนุ่มซะด้วยนะน้องเรา….สงสัยกำลังร่ายมนต์จะแปลงร่างเป็นทศกัณฑ์ยี่สิบกรอยู่ละมั๊ง…บันทึกจึงถูกจดจารทะยอยลงไม่ขาดสายอย่างนี้…โห…อย่างงี้พี่จะปั่นทันมั๊ยนี่อ่ะ…ชอบๆนะน้อง….เขียนเหอะ…ไม่ว่าแหล่ว…เจาะกันได้ลึก…เจาะกันต่อไป…ให้เรื่องราวหลายมุมแผ่คลี่มาเรียนรู้ร่วมกัน….คิดถึงนะค่ะ
[...] “ใบสั่ง” และได้เห็นความเป็นญาติ ความเมตตา [...]