ความสุขที่หามาง่ายๆเมื่อเช้านี้ .. ที่หลังบ้าน

6 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 28 พฤษภาคม 2009 เวลา 8:16 (เย็น) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1850

          เห็นคนบ่นแต่เรื่องความทุกข์เลยขอเขียนเรื่องความสุขอีกสักครั้ง ของเดิมใครอยากอ่านเชิญคลิก ที่นี่ และ ที่นี่ ครับ     

          เมื่อเช้าตื่นมามองกล้วยน้ำว้า 2 หวีที่เพื่อนซี้ อ.ชัยรัตน์  กันตะวงษ์ ซื้อบังคับฝากมาเมื่อวาน 

                                            

       ดูท่าทางจะกินไม่ทันเสียแล้วเพราะสุกจัดทั้งสองหวี  ปกติก็จะเอาไปเผื่อคนโน้นคนนี้  แต่คนชอบกินมีอยู่ไม่มากนัก  คราวนี้เลยคิดวิธีใหม่ได้  จึงใช้เชือกฟางผูกห้อยต่อกันลงมาทั้งสองหวี  แต่แทนที่จะแขวนไว้ในบ้านผมกลับเอาไปผูกห้อยไว้หลังบ้านแทน  ในใจก็คิดว่าถ้าจะมีนกสักตัวสองตัวบินมาช่วยกินก็จะดีใจมาก 

                                             

       และแล้ว  ผ่านไปไม่ถึง 10 นาที  แขกของผมก็มาเยือนครับ  นกกระจาบ 1 ตัวบินมาเจาะกินกล้วยจริงๆด้วย  เขาช่างรู้จักเลือกด้วยครับ  ไปเจาะเอาลูกที่สุกงอมที่สุด  สงสัยเคยเรียนรู้มาว่าเจาะง่ายกว้าไอ้ที่ยังเหลืองๆอยู่  พอเขาจากไปผมไม่รอช้ารีบคว้ากล้องไปเก็บหลักฐานทันที  นี่ครับ ร่องรอยแห่งความสุขทั้งของนก และของคน

                                           

       ผ่านไปแล้วหนึ่งความสุข  หาง่ายจังเลย   แต่แค่นั้นยังไม่พอครับ  เหลือบไปดูพุ่มมะกอกหลังบ้าน  ต้นที่เคยเขียนถึง นั่นแหละครับ  มองไปก็เห็นยอดอ่อนงามๆเยอะมาก 

                                               

     ครั้นจะเก็บมากินเองก็คงได้สักยอดสองยอดเท่านั้น  และจำได้ว่าครั้งหนึ่งเคยเด็ดมาล้างแล้วเอาไปให้ร้านข้าวแกงหน้าบ้าน  พอเดินผ่านไปอีกทีเห็นเขาเอาไปให้ลูกค้าของเขากินต่ออีก  ยังจำความสุขวันนั้นได้ดี  วันนี้เลยทำอีกครับ  เด็ดยอดงามๆ มาล้างน้ำให้สะอาดแล้วก็เอาไปฝากที่ร้านข้าวแกงอีกเช่นเคย  

                      

           รอยยิ้มของคนรับทำให้เราเป็นสุขได้ไม่เบาเหมือนกัน  .. นี่ก็สุขเสียง่ายๆอีกแล้วครับ .. ไม่ยากเลยจริงๆ

                       อิ อิ อิ

    


ผม กับ วิทยุ

1 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 24 พฤษภาคม 2009 เวลา 8:07 (เย็น) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1785

วันนั้นแม่พาไปวัดใกล้บ้านเพื่อให้หลวงพ่อรักษาอาการเจ็บป่วยของผม หลวงพ่อไม่อยู่มีแต่พระชื่อไวยต้อนรับแทน  ผมได้เห็นวิทยุครั้งแรกในชีวิต เป็นยี่ห้อ Philips ใช้ถ่านไฟฉายขนาดใหญ่ถึง 72 ก้อน เนื่องจากวงจรยังคงใช้หลอดสุญญากาศ ซึ่งต้องอาศัยแรงดันไฟฟ้าสูง ใกล้ๆ 100 โวลต์  ลังถ่านใหญ่กว่าตัวเครื่องรับวิทยุเสียอีก  ลังถ่านจะแขวนไว้ใต้เครื่องรับซึ่งอยู่ในตู้บนหิ้งติดเสา มีประตูเปิดปิดได้  ดูเหมือนจะใส่กุญแจด้วย  เป็นวิทยุ AM ธรรมดานี่แหละ  ตอนนั้นผมยังไม่เข้าโรงเรียนเลย แต่ก็ยิงคำถามพระท่านเป็นชุดเช่น  มันดังได้อย่างไร  เสียงมันมาจากไหน และ มีอะไรอยู่ข้างในนั้น เป็นต้น พระท่านอุ้มผมเข้าไปดูไกล้ๆ  เห็นหลอดไฟ “ตาแมว“สีเขียว วูบวาบตามเสียง ตื่นเต้นมาก มหัศจรรย์เหลือเกิน  กลับบ้านไปผมก็ปีนป่ายฝาบ้าน ใช้เชือกชงโค (ทำจากเปลือกต้นชงโค) ต่อกันและขึงเป็นสายอากาศ เลียนแบบที่เห็นในวัด ต่อลงมายังตัวเครื่อง  ตัวเครื่องรับวิทยุคือกล่องกระดาษเท่าที่พอหาได้ เจาะรู ทำปุ่มต่างๆไปตามเรื่อง  ส่วนข้างในก็เป็นเศษเหล็ก แผ่นสังกะสี ฯลฯ เท่าที่มี ใส่เข้าไปให้มันดูมีเครื่องเครา จินตนาการไปเรื่อยเปื่อย และผมก็นอนอยู่กับมัน  บางทีก็นึกๆว่าไม่แน่นะว่าวันหนึ่ง ฉัน (กู)อาจฟลุ้คทำวิทยุที่มันพูดได้จริงๆขึ้นเองได้  ตอนนั้นเพื่อนๆเด็กๆด้วยกันเขาใช้ดินเหนียวปั้นวัวปั้นควาย เพราะเป็นของจริงที่เห็นอยู่มากมายทั่วไปในทุ่งนา  แต่ผมปั้นเครื่องรับวิทยุ และบางทีก็ปั้นเป็นเครื่องยนต์ เครื่องสีข้าวเป็นต้น  ที่หนักไปกว่านั้น บางครั้งก็ชวนเพื่อนเด็กๆ มาฟังวิทยุที่โรงนวดข้าว โดยให้พวกเขานั่งฟังด้านนอก ตัวผมปีนไปยืนบนขอบช่องหน้าต่าง ซึ่งสูงจากพื้นไม่ถึง 1 เมตร  แล้วก็เรื่มพูดใส่แผ่นสังกะสี 2-3 แผ่นที่วางไว้บนขอบหน้าต่างด้านบน ทำให้เกิดเสียงสั่นๆ พร่าๆ ไปตามการสั่นของแผ่นสังกะสีและกระป๋อง ..

” สวัสดีครับท่านผู้ฟัง .. ที่นี่สถานีวิทยุ ..”

แล้วก็ตามด้วยเพลงโฆษณายาว ตามยุคสมัย ..

” โอ้ละเห่ โอ้ละหึก ดึกแล้วแก้วตาจงนอน 
ลูกเอ๋ยอย่ามัวอ้อน เดี๋ยวจะป้อน นมตาเด็ก
หม่ำเสียนะคนดี นี่แหละคือนมชั้นเอก
 เหมาะแก่เด็กเล็ก ตราเด็กสวมเสื้อแดง เครื่องหมายแห่งนมชั้นนำ
มีไขมัน และโปรตีน ดื่มอาจิณเพื่อความแข็งแรง …”

   หรือไม่ก็  …
 
” ต้นตระกูลผมแต่ปางบรรพ์ ครั้นย่ำสายันห์ดวงตะวันเลี่ยงหลบ
จะเดินทางเยื้องย่างไปไหน จำเป็นต้องใช้ -จุดไต้จุดคบ
ปัจจุบันเห็นจะไม่ดี ขืนจุดไต้ซี ถ้ามีใครพบ
อาจจะอายขายหน้าอักโข เขาคงฮาต้องโห่ว่าผมโง่บัดซบ
ยุคนี้มันต้องทันสมัย เพื่อนผมทั่วไปใช้ถ่านไฟตรากบ
ทั้งวิทยุและกระบอกไฟฉาย คุณภาพมากมายสะดวกสบายครันครบ
ถ่านก็มีหลายอย่างวางกอง ..เขากลับรับรองว่าต้องแพ้ตรากบ
เหตุและผลเขาน่าฟังครับ ขอให้ลองสดับนะท่านที่เคารพ”

        ตามด้วยบทบรรยาย ที่ต้องพูดเร็วเหมือนโฆษณาเครื่องดื่มชูกำลัง ต่อว่า :-

” ถ่านไฟฉายตรากบ ไม่ใช่ของนอก ที่ส่งมาขยอกเงินไทย
และไม่ใช่ของทำภายใน ที่โกยกำไรส่งออกนอก
ถ่านไฟฉายตรากบ ช่วยทำให้สินค้าของไทยดีขึ้น
ดังนั้น นอกจากผมจะชอบตีกบ เล่นไพ่กบ และร้องเพลงพม่าแทงกบแล้ว ผมยังชอบถ่านไฟฉายตรากบอีกด้วย  อ๊บ ๆ ..”

   ดูๆไปผมเริ่มบ้าวิทยุเสียแล้ว  คิดอยู่แต่ว่ามันดังได้อย่างไร   อะไรอยู่ข้างใน  สงสัยจริงๆ  จนวันหนึ่งเมื่อเสร็จงานแต่งงานของพี่ชายคนโต  และมีการยืมวิทยุจากวัดมาเปิดในงานด้วย  ผมได้แอบเปิดฝาหลังเครื่องดูก็เห็นหลอดแก้วคล้ายหลอดไฟ 3-4 หลอด และตัวอะไรรุงรังต่อกันให้ยุ่งไปหมด  เกิดความท้อแท้ขึ้นมา  รำพึงกับตัวเองว่า ชาตินี้เห็นทีฉัน(กู)คงไม่มีทางจะรู้เรื่องและทำวิทยุให้ดังจริงๆได้เสียแล้ว  เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป โปรดคอยติดตามตอน 2 ครับ.


รายงานสดจากห้องอบรม สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์

2 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 22 พฤษภาคม 2009 เวลา 2:39 (เย็น) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 998

    วันนี้และวันอาทิตย์ที่ 24 พค.51 ผมได้รับเชิญจากสถาบัณบัณฑิตพัฒนศิลป์ให้ไปให้ความรู้แก่นักศึกษา 2 กลุ่ม  กลุ่มละ 140-150 คน  3 ชั่วโมงแรกในวันนี้  ว่าด้วยเรื่องการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อบริหารจัดการงานในหน้าที่ครู  สอนเรื่องเดียวกัน เช้าหนึ่งกลุ่ม บ่ายอีก 1 กลุ่ม  นักศึกษาดังกล่าวเรียนอยู่ชั้นปีที่ 4 และ 5 ในสาขาศิลปศาสตร์ และจะออกไปเป็นครู
      นับเป็นโชคดีของนักศึกษาที่ผมสามารถเชิญ อ.บุญเลิศ  อรุณพิบูลย์ จาก สวทช.มาช่วยได้  แม้ผมจะพูดเรื่องดังกล่าวได้  แต่ผมเชื่อว่าความรู้จากนักปฏิบัติที่ชำนาญน่าจะมีประโยชน์กว่าการที่ผมว่าเอง  เรียกว่าผมเปิดฟลอร์ให้ อ.บุญเลิศ ว่าไปเป็นหลัก แล้วผมค่อยปิดท้ายอีกสัก 20-30 นาที เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การเรียนในคราวหน้าเรื่องการใช้-พัฒนาสื่อ ICT เพื่อการเรียนการสอน ที่ผมจะต้องฉายเดี่ยวทั้ง 3 ชั่วโมง
      สภาพห้องเป็นห้องเรียนสองห้องเปิดทะลุถึงกัน  พื้นกระเบื้องยาง ผนังและเพดานเป็นคอนกรีต  เรียกว่าแข็งรอบด้าน ทุกทิศทาง ไม่มีม่านหน้าต่าง  ทำให้การควบคุมแสงทำได้ไม่ค่อยดี  โชคดีที่ Projector ยังใหม่  แสงจากหลอดฉายยังเข้ม เอาชนะแสงรบกวนจากภายนอกได้ดี  แต่เรื่องเสียงยังมีปัญหา  ที่จริงคนทั่วไปคงคิดว่าก็ OK ดีอยู่  สำหรับคนมากเรื่องอย่างผม ต้องรีบเคลียร์กับนักศึกษาว่า  ห้องนี้แม้ใครจะพูดเรื่องดี น่าสนใจเพียงใด แต่ฟังไปไม่นานจะรำคาญและเบื่อ  เพราะเสียงที่แข็งและสะท้อนไปมาจะก่อความรำคาญสะสมโดยไม่รู้ตัว  พร้อมกับชี้แนะว่า วิธีแก้อย่างง่ายๆ คือแทนที่จะติดลำโพง 2 ตู้สูงๆก้มหน้าลงมา  ให้เปลี่ยนเป็นติดลำโพงตู้ยาวชนิด Sound Column สัก 6 จุด กระจายเป็นสองแถว  เปิดเสียงให้เบาลงได้และชัดเจนทั่วถึงแถมมีเสียงสะท้อนน้อยลงด้วย .. แอบให้ความรู้เสียก่อนเลยตั้งแต่วินาทีแรก
     จากนั้นผมแนะนำตัวคร่าวๆเพื่อให้นักศึกษาได้รู้ว่าเป็นใคร มาจากไหน ทำอะไรมาบ้าง  ทำอะไรอยู่ และจะติดต่อแลกเปลี่ยนความรู้กันได้อย่างไร  โดยไม่ลืมย้ำเรื่อง “ความสุข” จากการให้ในหน้าที่ของความเป็นครูว่า มันไม่มีเวลากำหนด ว่าจะจบสิ้นเมื่อไหร่  เคลียร์เรื่องแนวทางที่เราจะจัดการกับเวลาที่มีให้รวมราว 6 ชั่วโมง  เช่นเรื่องการแบ่งกลุ่มกิจกรรม  การเตรียมอุปกรณ์สำหรับกิจกรรมครั้งต่อไป ฯลฯ
     จากนั้น ประมาณ 9.30 น.ผมก็ส่งลูกต่อให้อ.บุญเลิศ ว่าต่อเนื่องมาจนวินาทีนี้  นักศึกษาสนใจมาก โดยเฉพาะ  การเข้าไปใช้ประโยชน์ใน Google ให้กว้างขวางขึ้น  เช่น ที่ http://docs.google.com เป็นต้น  ประเภทใช้บริการฟรี Online เพื่อทำงานในหน้าที่ครู โดยไม่ต้องมี Software เช่น กลุ่ม Microsoft Office เป็นต้น

     ขณะที่รายงานจาก Notebook ต่อ Dtac GPRS อยู่นี้  ผมก็ใช้เจ้า Acer Aspire 2920Z บันทึกเสียงบรรยาย อ.บุญเลิศไปด้วย  โดยใช้ Software ชื่อ Audio Recorder ไมโครโฟนก็อาศัย Built-in Microphone ที่ตัว Notebook นั่นเอง  เพื่อความสะดวก  ความจริงถ้าจะให้ดีก็ใช้ Condenser Mic. ต่อสายออกไปภายนอกเครื่องก็จะได้เสียงที่ชัดเจนขึ้น

    แล้วจะค่อยรายงานต่อครับ .. อิ อิ อิ

                                               

 

                                             

     

                                               


แค่สลับสายเส้นดียว หมูโดนเคี้ยวมาแล้วมากมาย

ไม่มีความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 19 พฤษภาคม 2009 เวลา 7:03 (เย็น) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 929

ผมย้อนไปอ่าน บันทึกเก่า เรื่องหนึ่งของตัวเอง  พบว่าเคยสัญญาว่าจะเขียนเรื่องตามที่จั่วหัวไว้ในบันทึกนี้  .. ผ่านไปหลายวันเต็มที ก็จะขอทำดีด้วยการเลิกเบี้ยวครับ
    เพื่อประหยัดเวลาทั้งของคนอ่าน และ คนเขียน  ขอไล่ไปเป็นท่อนๆ โดยไม่เรียบเรียงให้สละสลวยสวยสดแต่ประการใด  เรียกว่า เอาเนื้อๆ ก็แล้วกันนะครับ

  • อันว่าลำโพงนั้นมี 2 ขั้วให้ต่อ และเขามีขั้ว + และ - ด้วยนะ
  • ลองต่อถ่านไฟฉาย 1 ก้อน เข้าลำโพงดู อย่าต่อนาน  ต่อๆ ตัดๆ แล้วสังเกตดูอาการ จะเห็นกรวยกระดาษลำโพงขยับขึ้น ลง พร้อมมีเสียง แกรกๆ ให้ได้ยินด้วย ( ใช้ถ่านไฟฉายตรวจสอบลำโพง จึงทำได้ง่ายๆ  ไม่ต้องหาอะไรให้ยุ่งยาก )
  • สลับขั้วบวกลบของถ่านแล้วลองดูใหม่ คราวนี้จะเห็นการขยับตัวของกรวย  ตรงกันข้ามกับครั้งแรก  การผลักออก  และดึงเข้า จะเปลี่ยนไปตามขั้ว +/- ของไฟฟ้าที่ต่อเข้าขั้วของลำโพง
  • ทิศทางการไหลของกระแสไฟฟ้า เป็นตัวกำหนดขั้ว เหนือ - ใต้ ของแม่เหล็ก จึงทำให้  แม่เหล็กไฟฟ้า อันเกิดจากขดลวด Voice Coil ของลำโพง ดูด - ผลักกับแรงของ แม่เหล็กถาวร ที่อยู่ในตัวลำโพงและมีขั้ว เหนือ - ใต้คงที่
  • ถ้าต่อลำโพงตัว 1 ตัวกับเครื่องเสียง  ต่อขั้ว + /- อย่างไรก็ได้  ไม่มีปัญหาเรื่องคุณภาพเสียง  เพราะยังไงๆ ก็มีการสั่น หรือการเคลื่อนตัวเข้าออกของกรวยกระดาษ ( Diaphram ) เพียงชุดเดียว  ตัวเดียวเท่านั้น  ไม่มีใครมาคอยแข่งขัน หักล้าง หรือเปรียบเทียบ
  • ต่อลำโพง 2 ตัวขึ้นไป ไม่ว่ากับระบบเสียง Mono หรือ Stereo พึงระวังให้มาก 
  • ถ้าลำโพง 1 คู่ อยู่ใกล้กัน ปกติต้องต่อให้ขั้ว + /- ถูกต้องเหมือนกัน  กรวยลำโพงจะได้สปริงตัว เข้า-ออก พร้อมกัน ไปในทิศทางเดียวกัน  เสียง หรือคลื่นอากาศที่ได้ออกมาบริเวณหน้าลำโพงนั้นจึงหนักแน่น  ชัดเจน เป็นกลุ่มเป็นก้อน  ไม่หักล้างกันเอง
  • ถ้าลำโพงแต่ละตัวที่ต่อไว้ไปอยู่คนละที่ คนละห้อง โดยคลื่นอากาศไม่กระทบ รบกวนกัน  จะต่อขั้ว +/- เหมือน หรือต่างกันอย่างไรก็ได้  ไม่ต้องแคร์
  • ฝึกดีๆ ฟังมากๆ แค่เดินผ่านหน้าลำโพงคู่หนึ่งที่เขาเปิดให้เสียงดังอยู่  ก็จะบอกได้ทันทีว่า เขาต่อสายถูกหรือผิด โดยไม่ต้องไปดูให้เห็นด้วยตา
  • อันนี้ผมกล้าท้าพิสูจน์ว่าผมทำได้ .. และมีอีกหลายๆคนก็คงทำได้เช่นกัน
  • วิธีแก้ ทำได้ง่ายๆ  ไม่ต้องไปดูว่าตัวใหนต่อ +/- ผิดถูกอย่างไร  แค่สลับขั้วสายเสียใหม่ให้กับลำโพงตัวเดียว ก็แก้ใช้ได้แล้ว
  •  ความลับคือ  การต่อ +/- ถูกต้องทั้งคู่ หรือ  การต่อ +/- ผิดเหมือนกันทั้งคู่ ให้ผลเท่ากัน
  •  แถวตลาดเครื่องเสียงดังข้างถนนหลายแห่งใน กทม. หมูโดนเคี้ยวมาแล้วมากต่อมาก  จ่ายเงินเพิ่มเป็นพัน หรือหลายพัน  เพื่อซื้อชุดเครื่องเสียงที่คนขายบอกว่า  ผลิตจากอเมริกา  ซึ่งให้เสียงดี หนักแน่นกว่า เครื่องอีกชุดที่ ทำจากญี่ปุ่น อย่างเห็นได้ชัด ก็เขาเปรียบเทียบให้เห็น ให้ฟังกันสดๆนี่ครับ 
     
  • แท้จริงผมบอกได้โดยไม่ต้องไปดู  แค่ฟังก็รู้ว่าเขาแอบต่อลำโพงแบบสลับสาย +/- ไว้เครื่องหนึ่ง … ทั้งๆที่เครื่องทั้งคู่ ต่างก็ Made in China ด้วยกันนั่นเอง
  • ขออภัยหากมาบอกช้าไป และบางท่าน โดน ไปเรียบร้อยแล้ว
  • อย่าคิดมากเลยครับเพราะในสังคมนี้  คนไม่รู้เป็นเหยื่อของคนรู้(มาก) เป็นปกติอยู่แล้ว  ทั้งระดับที่หลอกกันข้างถนน และระดับหลอกลวงคนทั้งชาติครับ.


กำลังใจจากการอ่านเรื่องราวในอดีต (๑)

3 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 18 พฤษภาคม 2009 เวลา 7:29 (เย็น) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1808

   ใส่เลข (๑) ไว้แปลว่าอาจมีตอน ๒ .. ๓ ต่อไปครับ .. ถ้าเหตุปัจจัยเอื้ออำนวย

    วันนี้ขณะค้นหาเอกสารเพื่อคัดเลือกส่งไปทางสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ เพื่อสำเนาแจกนักศึกษาศิลปศาสตร์ 5 ปี ที่จะไปสอนในวันที่ 22 และ 24 พค.นี้ บังเอิญไปเจอข้อมูลย้อนกลับจากการไปทำงานตั้งแต่ปี 45 ที่ม.ราชภัฏสุราษฎร์ธานี  สมัยที่ยังเป็นสถาบันราชภัฏอยู่  จำได้ว่าผมได้ทุ่มใจให้กับงานมากแค่ไหน และเป็นการประยุกต์ใช้แนวทางการจัดการความรู้เข้ามาสู่การเป็นวิทยากร ทำหน้าที่ Facilitator แทน Lecturer เป็นครั้งแรก  ผมจำได้ถึงสีหน้า แววตาของอาจารย์ใหม่ผู้เข้ารับการอบรมทุกคน  เป็นครั้งแรกที่ผมกลับถึงกทม.แล้วได้โทรศัพท์คุยกับทุกคน  ถามความรู้สึกและสารทุกข์สุกดิบ  นอกจากข้อความประทับใจที่เขียนใส่ใบประเมินรูปหัวใจให้ผมแล้ว  บางคนยังส่ง e-mail อันน่าประทับใจตามมาอีก  แม้จะผ่านมานานหลายปีอ่านแล้วยังส่งเสริมกำลังใจได้ดี อย่างน้อยก็เป็นเครื่องชี้ว่าสิ่งที่เราได้ทำไปน่าจะเดินถูกทาง และต่อไปนี้คือบางส่วนจากข้อความที่เขาบรรจงเขียนฝากผมมาครับ …

  •  ขอบคุณสำหรับความรู้ใหม่ วันนี้ผมได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างผมจะต้องปรับกลยุทธ์ในการสอนเพื่อพัฒนาและผลิตบัณฑิตของชาติไทย …
  • ขอขอบพระคุณ อ. พินิจมากค่ะ การมาสัมมนาในครั้งนี้ทำให้ได้รับแรงบันดาลใจและได้พบเห็นการทุ่มเทในการทำงานของอาจารย์และจะนำไปใช้เป็นแบบอย่างต่อไปค่ะ หวังว่าจะเป็นได้เพียงบางส่วนของอาจารย์ค่ะ
  • หลังจากอบรมปฎิบัติการหลักสูตรการประยุกต์ยุทธศาสตร์ “ฉลาดรู้” โดย อ.พินิจ พันธ์ชื่น ผมได้พกเอาความคิดใหม่ ความรู้กลับไปด้วยเหมือนผมได้เปิดประตูแห่งความรู้อีกประตูหนึ่ง
  • มีความสุขใจมากๆ เมื่อได้พบ “คุณครู” ที่ดี โดยเฉพาะการเป็นตัวอย่างที่ดีสมดังคำพูดของใครไม่ทราบว่า สอนเป็นพันเป็นหมื่นคำ/ครั้ง สู้การปฎิบัติให้ดูเป็นตัวอย่างไม่ได้คือมีผลคณานับหมื่นมากมาย .. ดร.สมคิด รัตนพันธุ์
  • ดิฉันเป็น 1 ในจำนวนผู้ที่เข้าอบรมที่ ร.ร. สยามธานี รู้สึกประทับใจกับความทุ่มเทของ อาจารย์ในการที่ให้เกิดการอบรมครั้งนี้มีประสิทธิภาพบรรลุผลตามเป้าหมายและเป็นแรงกระตุ้นที่จะทำให้ดิฉันเป็นครูที่ดีและทุ่มเทแก่ลูกศิษย์จริงและตอนนี้ดิฉันก็หลงรักอาชีพครูแล้วค่ะ ...วิมล
  •  …วันวาน….. มีความรู้และประสบการณ์เพียงเล็กน้อย……วันนี้…..อ.พินิจได้จุดประกายความคิดไขข้อข้องใจได้ดีมาก……พรุ่งนี้…..จะนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ให้เป็นประโยชน์ที่สุดค่ะ สุดท้ายนี้ขอขอบคุณค่ะ……….. กาญจนา จันทร์มณี
  •  อ. พินิจ พันธ์ชื่น ..  ขอขอบคุณสำหรับความรู้ที่ได้รับ 2 วันสำหรับผมแล้วดูมีคุณค่าอย่างมากมาย เพื่อใช้ในวิชาชีพที่มีความรักต่อไป……….อ. โสภณ พงค์สุพพัต
  •  ขอบคุณที่ อ. พินิจ ได้มาบรรยายให้ สรภ. ประทับใจที่อาจารย์เตรียมตัวมาดีมาก อุปกรณ์ก็พร้อมแม้ว่า วัยล่วงเลย …..แต่มีไฟในการทำงานมากเหลือเกิน

         แหม ! รายสุดท้ายที่คัดมาให้อ่านนี่ อะไรก็ดีหมด  ยกเว้นไอ้ที่ผมทำ ตัวหนา ไว้น่ะ .. ไม่ต้องบอกก็ได้นิ .. จริงมั้ยท่านผู้ชม

         อิ อิ อิ


เก็บแสงแดดไว้ใช้ยามค่ำคืน ที่สวนโมกข์

3 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 12 พฤษภาคม 2009 เวลา 2:01 (เช้า) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1370

    ปี 2531 ผมบวชเรียนและจำพรรษาอยู่ที่สวนโมกข์  นอกจากการศึกษาและปฏิบัติธรรมแล้ว ยังมีเกร็ดประสบการณ์ด้านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี เพื่อแก้ปัญหา  และลองวิชา ที่อยากนำมาบันทึกเอาไว้อ่านกันเพื่อให้เกิดประโยชน์ และการขยายผลจากความรู้ดังกล่าวให้กว้างขวางออกไป

    ก็ตามหัวเรื่องของบันทึกนี้แหละครับ  ” เก็บแสงแดดไว้ใช้ยามค่ำคืน “ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง และเป็นความตั้งใจตั้งแต่ก่อนเดินทางไปที่นั่นแล้วล่ะครับ  คือช่วงปี 27-29 ที่ผมใช้ชีวิตศึกษาดูงานอยู่ที่ญี่ปุ่น  และไปลุยคลองถมญี่ปุ่น คือย่าน Aki habara เกือบทุกสัปดาห์ และหาซื้อ ของแปลก ของถูกจำพวกวัสดุที่ใช้ในงานไฟฟ้า-อิเล็กทรอนิกส์ ไว้มากมาย เพื่อทดลองอะไรต่อมิอะไรด้วยใจรัก  หนึ่งในจำนวนนั้น ผมได้แบตเตอรี่พลังแสง (Solar Battery) ขนาดใส่กระเป๋าเสื้อได้มาตัวหนึ่ง  ลดราคาเหลือประมาณ 450 บาท  จากราคาจริงราวๆ 1000 บาท  มันสามารถจ่ายแรงดันได้ประมาณ 3 โวลต์ และกระแสประมาณ 200 mA. ซึ่งเพียงพอที่จะประจุ หรือ ชาร์จ ไฟให้กับแบตเตอรี่ หรือ “ถ่านชาร์จ” ชนิด Ni-Cd ได้  ก่อนไปสวนโมกข์ก็เลยตั้งใจมั่นว่าตลอดพรรษา จะลองเก็บแสงแดด  แปรรูปเป็นพลังงานไฟฟ้า  เก็บไว้ในถ่านขนาดกลาง 2 ก้อนที่ใช้กับไฟฉายดู โดยจะไม่ยอมซื้อถ่านไฟฉายเลยตลอดพรรษา  แล้วก็ทำได้สำเร็จครับ  ดัดแปลงง่ายๆด้วยการ  เอากระดาษม้วนห่อถ่านไฟฉายทั้ง 2 ก้อนให้เรียงต่อกันแบบอนุกรม แล้วใช้ยางรัดของ รัดหัว-ท้าย  ก่อนต่อสายจากช่อง DC.Out มายังขั้วบวก-ลบของถ่าน  จากนั้นก็นำชุดอุปกรณ์ไปวางรับแสงแดดข้างกุฏิ  บางทีเงาพุ่มไม้ทอดผ่านมาบังก็ไปขยับ ย้ายที่ตั้งเสียหน่อยเพื่อให้แผ่น Solar Cells ได้รับแสงแดด

    ทุกคืนทั้งตอนหัวค่ำและตอน ตี 3 ตี 4 ที่เราจะต้องมารวมตัวกันสวดมนต์ทำวัตรที่ลานหินโค้ง  ผมได้อาศัยแสงสว่าง  จากไฟฉายกระบอกนั้นเป็นเครื่องส่องนำทาง  และ เป็นแสงที่เก็บมาจากดวงอาทิตย์ในตอนกลางวัน  โดยปลี่ยนแสงแดดให้เป็นไฟฟ้าและเก็บพลังงานไว้ในถ่านไฟฉาย 2 ก้อนนั้น โดยที่ ไม่ต้องซื้อถ่านไฟฉายเลยแม้แต่ชุดเดียว จนตลอดพรรษา  ปัจจุบันอุปกรณ์ดังกล่าวก็ยังคงอยู่และใช้งานได้ดี .. ไม่น่าเชื่อนะครับ  ผ่านมากว่า 20 ปีแล้วนะเนี่ย .. ( เอ๊ะ ไม่น่าบอก .. ความลับเรื่องเป็น สว. เลยรั่วไหลหมด )

       นี่ครับ เจ้า ” Pocket Solar Battery ” ตัวเก่ง ที่ซื้อมาตั้งแต่ 15 มีนาคม 2529

            

หมายเหตุ

      เดี๋ยวนี้แผ่น Solar Cell ราคาถูกลงมาก และหาซื้อได้ง่าย  ดัดแปลงทำเองได้ไม่ยากเลย .. ข้อสำคัญอย่าโลภมาก อยากได้พลังงานเยอะๆ ไปแทนไฟบ้าน .. อันนั้นน่าจะต้องคิดอีกหลายรอบเพราะมีปัจจัยและตัวแปรที่ต้องคำนึงถึงอีกหลายตัว .. แต่ถ้าคิดเล็กๆ ทำเล็กๆไปก่อน .. ความสำเร็จมีให้ชื่นชมและภาคภูมิใจได้เสมอครับ


เชื่อหรือไม่ 1 เหรียญบาทไทยของผมเคยมีค่ากว่า 10,000 เยน

4 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 12 พฤษภาคม 2009 เวลา 1:42 (เช้า) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1291

    เรื่องนี้เคยเล่าไว้หลายที่ .. แต่แถวๆนี้ดูเหมือนยังไม่เคยบอกใคร .. คิดแล้วไม่รอช้า .. รีบไป Copy มา แต่รับรองไม่มีปัญหา  เพราะ Copy ของตัวเอง .. อิ อิ อิ

    เรื่องมีอยู่ว่า …

    หลายปีมาแล้วผมโชคดีได้ไปย่ำแดนอาทิตย์อุทัยอยู่ 18 เดือน จะเรียกปีครึ่งก็ได้  ไม่ว่ากัน ทั้งนี้โดยรัฐบาลพี่ยุ่นแกออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้  ถ้าจ่ายเองทั้งหมดน่าจะต้องกลับมาทำงานข้ามภพข้ามชาติเพื่อใช้หนี้เป็นแน่  ไปถึงวันแรกลองเดินดูราคาสินค้าใน Supermarket นอกกรุง Osaka เจอแตงโมใบละ 300 - 400 บาท  ข้าวสารถังละ ราว 2000 บาท ก็หนาวแล้วครับ
       ผมต้องอยู่เรียน นิฮ่งโกะ( ภาษาญี่ปุ่น ) นาน  6 เดือนเต็มที่ Osaka University of Foreign Study ( Osaka Gai Dai )  เราอยู่ไกลไปทางเหนือของกรุง Osaka เรียกว่า สุดสายรถไฟฟ้าของบริษัท Hankyu แล้วยังต้องต่อรถเมล์ลัดเลี้ยวไปจนสุดสายบนไหล่เขาอันเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัย  คิดดูก็แล้วกันสถานีปลายทางที่เราขึ้นลงอยู่ประจำยังชื่อ   Kita Senri เลย  Kita=ทิศเหนือ  Sen=1000  Ri=ลี้    เรียกว่าห่าง Osaka ไปทางเหนือถึงพันลี้ อะไรทำนองนั้น  เรื่องที่จะเล่าก็เกิดขึ้นที่สถานีแห่งนี้แหละ
       วันนั้นผมกับพวก 3 คนซึ่งเป็นคนไทยและอยู่ในสถานภาพเดียวกัน  ลงจากรถไฟฟ้าแล้วเกิดหิว ความจริงควรเรียก ” อยาก ” มากกว่า  เลยเข้าไปในร้านอาหารแห่งหนึ่งในสถานี  นั่งอยู่นาน ปลาดิบก็ยังไม่มา  เบียร์ก็ยังไม่มาเลยคว้าไก่ KFC ในถุงที่ซื้อติดมือมาขัดตาทัพไปคนละชิ้น  แต่ไม่ทันจะได้ครึ่งชิ้นเลยเจ้าของร้านรีบมาบอกว่าทำไม่ได้นะ แต่วันนี้ไม่เป็นไร เราก็ได้แต่ขอโทษและเขิน  ส่งไก่ทอดกลับลงถุงตามเดิมและก็ต่อด้วยอาหารที่สั่งได้พอดี  กินไปคุยไป ประสาคนไปถึงใหม่ๆ มีเรื่องให้เม้าท์กันได้ไม่รู้จบ  อาหารก็หมุนเวียนกันมาให้เราทำลายล้าง จานแล้วจานเล่า  คะเนว่าถึงตอนนั้นมูลค่าต้องไม่น้อยกว่า 10000 เยนแน่นอน
       เรื่องสำคัญคือโต๊ะข้างๆมีหนุ่มใหญ่ชาวอาทิตย์อุทัย 3-4 คนนั่งอยู่แต่ผมไม่สนใจเพราะตามัวแต่จ้องมองสาวสวยในชุดกิโมโนสีสดใส  และเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ยืนเคลียคลออยู่กับหนึ่งหนุ่มที่โต๊ะนั้น  ผมสบตาเธอโดยผู้ชายคนนั้นไม่อาจได้รู้เห็นเพราะมัวสนใจแต่แก้วเบียร์และอาหารบนโต๊ะ    ผมพยักหน้าแล้วเธอก็เดินมาหา    โอ!พระเจ้าช่วย   คาดไม่ถึงว่าเธอจะกล้า คิดอะไรไม่ออก เลยหยิบเหรียญเงินไทย 1 บาทใส่มือเธอ พร้อมกระซิบเบาๆว่า Omiyake Desu ( ของที่ระลึกน่ะครับ )  ชายคนนั้นหันมาเห็น   ดูท่าทางเขาตกใจมาก  เดินรี่เข้ามาที่ผมและสาวน้อยคนนั้น พร้อมส่งเสียงฟังไม่ได้ศัพท์  แต่พอเดาๆความหมายได้ คล้ายๆว่าอย่ารับ อะไรทำนองนั้น  ผมก็ไม่ลดละความพยายามพูดซ้ำในความหมายว่าไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ของที่ระลึกเล็กน้อยและด้อยค่าเท่านั้น แล้วเขาทั้งคู่ก็กลับไปที่โต๊ะด้วยกัน   ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรอีกจนหนุ่มคนเดิมเดินไปชำระเงินค่าอาหาร   และก่อนออกจากร้านได้แวะมาที่โต๊ะพวกเราอีกครั้ง  พร้อมบอกอะไรบางอย่าง จับความได้ว่า “จ่ายแล้ว” เราก็ได้แต่ขอบคุณด้วยความงง ๆ ๆ และ งง    
        ตั้งแต่วันนั้นเพื่อนคนไทยทั้งสองคนของผมไม่เคยลืมพกเงินเหรียญบาทติดตัวทุกครั้งที่ออกไปข้างนอก
แต่เท่าที่ทราบ 1 บาทมีค่ากว่า 10000 เยน ไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลย….
        ต้องขออภัยอย่างยิ่งครับที่ลืมบอกว่าผู้หญิงในชุดกิโมโน  อายุเท่าไหร่ ?  ประมาณ 3 ขวบ ครับ ….. อิ อิ อิ

       


เซียงเพียวอิ๊วกัดสนิม

2 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 9 พฤษภาคม 2009 เวลา 10:25 (เย็น) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2642

   เครื่องมือที่มีคุณภาพ กับช่างที่มีฝีมือนั้นเป็นของคู่กัน .. หลายท่านทราบดี  ในงานไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์นั้น มีเครื่องมือเครื่องใช้หลายอย่างที่หากเห็นแก่การประหยัด ซื้อของถูกมาก ประเภทสวยแต่รูปมาใช้ล่ะก็มีสิทธิ์เสียเชิงช่างได้เสมอ  เริ่มตั้งแต่ไขควง (Screw Driver)  ดอกสว่าน  และคีมชนิดต่างๆ  ฯลฯ

   พูดถึงคีม ทำให้นึกถึงคีมตัด-ปอกสายไฟครับ  ของโหลๆทั่วไปใช้แล้วใหรำคาญยิ่งนัก ตัดไม่ขาด  ปอกไม่ออก ความคมแทบไม่มี  เสียความรู้สึกของคุณช่างไม่น้อยเลยทีเดียว  ผมชอบของดีครับแต่ไม่อยากจ่ายแพง  เรื่องนี้คลองถมช่วยได้ครับ  แต่ต้องรู้จักของนะ  คีมดีๆจากแดนอาทิตย์อุทัยที่นิยมชมชอบยี่ห้อหนึ่งคือ Keiba ครับ  ราคาหลายร้อยบาทเคยซื้อได้ตัวละ 60 บาทก็มี  ของใช้แล้วแต่ยังอยู่ในสภาพดี  ประหยัดได้ใครบ้างไม่ชอบ  จริงมั้ยท่านผู้ชม

   คีม Keiba ของผมตัวหนึ่งเก็บไว้นานไม่ค่อยได้ใช้  วันก่อนหยิบมาลองดู ปรากฏว่าขยับแทบไม่ได้  สนิมคงเกาะอยู่ภายในส่วนที่เคยเคลื่อนไหวได้และไม่มีอาการโยกคลอน  ปกติก็ต้องหาน้ำมันหล่อลื่น หรือสเปรย์เอนกประสงค์มาช่วย  แต่วันนั้นมองรอบตัวไม่มีอะไร นอกจากน้ำมันเซียงเพียวอิ๊ว ที่ ได้มาด้วยวิธีพิเศษ ตั้ง 5-6 ขวด  ก็เลยคว้ามาหยดลงบนรอยต่อตรงจุดหมุนอันเป็นส่วนเคลื่อนไหวของทั้งสองด้านของคีม  ได้ผลครับ  ขยับไม่กี่ทีสนิมออกมากับน้ำมันเป็นสีน้ำตาลแดงให้เห็น  และมีผลให้คีมใช้งานได้ดีเหมือนเดิม .. หญ้าปากคอกอีกกอหนึ่งที่อยากเอามาฝากครับ

 

      ๑.   สารพัดคีมจาก KEIBA

           

 

      ๒.  คีมที่ใช้ น้ำมันหล่อลื่นแบบพิเศษ หยอดแล้ว

             

  

      ๒. เข้าไปดูใกล้ๆอีกนิด  เห็นสนิมออกมาชัดเจน

             

              

    หากท่านใดอยากรู้ว่าน้ำมันเซียงเพียวอิ๊วของผมมันได้มาแบบพิเศษอย่างไร ลองคลิกดูได้ ที่นี่ ครับ … อิ อิ อิ


เรื่องราวย่อๆเกี่ยวกับการพัฒนา Power Supply & Control Unit สำหรับ ULEM

7 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 6 พฤษภาคม 2009 เวลา 3:00 (เย็น) ในหมวดหมู่ การจัดการความรู้ #
อ่าน: 1702

    เตรียมการไว้ค่อนข้างดี  มีภาพถ่ายเพียบ เพื่อการเขียนความเป็นมา เป็นไป ของการพัฒนา ดัดแปลงเครื่องจ่ายกำลังและระบบควบคุม ULEM  แต่ไม่ว่างเขียนเพราะความคิดกำลังแล่น  มัวแต่ทำๆๆ ครับ

    อย่างไรก็ตาม เพื่อสนองตอบความต้องการของแควน วัยรุ่นใจร้อนจากเหนือสุดแดนสยาม  จึงขอลงรูปให้ดูบางส่วนก่อนดังนี้

๑. ชุดแรกที่ท่าน Logos ทำเล่นและลองเอาไปดูกันที่สวนป่า

                              

 

๒. ส่วนหนึ่งของข้าวของที่ผมเตรียมไป และที่ท่าน Logos ซื้อหามาให้ลองทำ

                  

 

๓. ว่าไปทั้งวันเพราะของไม่ครบ ต้องไปหาซื้อเพิ่มจากเมืองสตึก สว่านก็ไม่มีต้องเจาะรูด้วยหัวแร้ง  คว้านให้ได้ขนาดด้วยมีด ฯลฯ ทุลักทุเล  จนมาเสร็จเอาตอนค่ำ  และแล้วการติดตั้ง ทดลอง Run ก็เริ่มในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น

                         

 

๔. กลับมา กทม.ไม่รอช้า  นำความคิดต่อยอดที่ผุดขึ้นมา  รีบไปหาของมาลุยทำได้เป็น 3 รุ่น 3 รส

                            

 

๕. ทันนำเสนอในงานระพีเสวนา ที่ SCB เมื่อ 3 พค. ที่ผ่านมา  เหนื่อยเพลินจนลืมสนิทว่าตัวเองเกิดวันที่ 2 พค. (เมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง)

                                

        

 


เกร็ดความคิดเมื่อครั้งผมเข้าอบรม English Intensive Course

1 ความคิดเห็น โดย handyman เมื่อ 6 พฤษภาคม 2009 เวลา 9:44 (เช้า) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1008

    หลายปีมาแล้ว ผมได้เข้าอบรมภาษาอังกฤษแบบ Intensive Course ที่ศูนย์ภาษาของทบวงมหาวิทยาลัย  ที่ตั้งอยู่ใน ม.มหิดลข้าง รพ.รามาธิบดี  มีเรื่องสนุกและน่าสนใจอยู่หลายเรื่องแต่ขอนำมาบันทึกไว้ตรงนี้สัก 2 เรื่อง …

    เรื่องแรกคือ เงื่อนไขและแรงจูงใจในการฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ 

   จำได้ว่าอาจารย์ฝรั่งที่สอนการเขียนได้มอบงานพิเศษอย่างหนึ่งให้พวกเราคือเขียน “อะไรก็ได้” ส่งทุกวัน ประมาณครึ่งหน้ากระดาษขึ้นไป  สำหรับผมแล้วเกิดความ “มัน” มากเพราะมีความรู้สึกว่าเป็นโอกาสสำคัญที่จะได้ ….

     1. เขียนถ่ายทอดเรื่องราวที่เป็น คุณค่า ในสังคมไทยหรือของ ตะวันออก ให้อาจารย์ฝรั่ง ได้เรียนรู้ ซึ่งย่อมมีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ถึง ความเหมือน และ ความต่าง เมื่ออาจารย์ Comment จึงเขียนด้วยความสนุกทุกวัน  ไม่เบื่อเลย  ลึกๆก็ยังแอบคิดว่าเรานี่แหละจะสอนฝรั่งด้วย  แต่ไม่ใช่เรื่องภาษา

     2. เรียนรู้จากความผิดพลาดในการใช้ถ้อยคำ เพราะเมื่อเขียนเรื่องยากโดยเฉพาะสิ่งที่เป็นนามธรรม ย่อมมีโอกาสสื่อผิดพลาดได้ง่าย  และนั่นคือโอกาสสำคัญที่จะได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะทางภาษาอังกฤษของเรา

          สามเดือนผ่านไป การอบรมสิ้นสุดลง  ผมกลับไปทำงานได้ไม่นาน  ได้มีจดหมายชมเชยไปยังสถาบันและเขาเอามาติดให้อ่านกันบริเวณเคาน์เตอร์เซ็นชื่อในตอนเช้าด้วย จนมีเพื่อนรุ่นพี่บางคนแซวว่า สงสัยต้องให้ช่วยติวภาษาอังกฤษให้เสียแล้ว   สิ่งที่อาจารย์ฝรั่งเขียนไป มีข้อความสำคัญบอกว่าผมเป็น ” Outstanding Student ” ครับ  ซึ่งทั้งหมดผมว่าน่าจะเกิดจากการที่ผมได้ “มัน” กับการเขียนโดยที่ไม่มีกรอบนั่นเอง  มันอิสระที่จะเป็นตัวเองได้เต็มที่  ไม่มีพันธนาการใดๆ

          เรื่องที่สองได้แก่เรื่องการ “ไม่มีศาสนา

    อาจารย์ฝรั่งผู้ชายท่านหนึ่งที่สอนการพูด  มักเปิดโอกาสให้พวกเราถาม อะไรก็ได้  เพื่อการพัฒนาทักษะการพูด การฟัง  มาถึงตอนหนึ่งมีเพื่อนถามว่าอาจารย์นับถือศาสนาอะไร  หลายคนตีหน้างง และแปลกใจเมื่ออาจารย์ตอบว่า ไม่มีศาสนา  ส่วนผมนั้นคิดอีกมุมหนึ่งแล้วก็พูดกับอาจารย์  สรุปความเป็นไทยได้ว่า ..

   อาจารย์โชคดีนะ ที่มีอิสระ ไม่ต้องตีกรอบขังตัวเอง  เพราะเรื่องศาสนา ถ้านับถือด้วยปัญญา 
ไม่ศรัทธาด้วยความงมงาย เราสามารถเลือกเก็บเกี่ยวสิ่งดี  มีแก่นสาร  สาระ จากทุกศาสนาได้ 
อย่าว่าแต่ศาสดาเลย  แม้คำกล่าวของคนไร้ชื่อ  มีสถานภาพที่ต่ำต้อยด้อยค่าเพียงใดก็ตาม
ก็อาจเป็นแสงสว่าง  นำทางชีวิตได้  ถ้าฟังเป็น คิดเป็น ไม่หลงติดเปลือก ว่าใครเป็นผู้กล่าวเอาไว้

     อาจารย์ยิ้มและชมผมใหญ่เลย  พร้อมยอมรับว่าเป็นความเห็นที่ “ถูกต้อง

       อิ อิ อิ .. (อันนี้อาจารย์ฝรั่งไม่ได้พูด)



Main: 1.1184298992157 sec
Sidebar: 0.045270204544067 sec