เกร็ดความคิดเมื่อครั้งผมเข้าอบรม English Intensive Course
อ่าน: 1075หลายปีมาแล้ว ผมได้เข้าอบรมภาษาอังกฤษแบบ Intensive Course ที่ศูนย์ภาษาของทบวงมหาวิทยาลัย ที่ตั้งอยู่ใน ม.มหิดลข้าง รพ.รามาธิบดี มีเรื่องสนุกและน่าสนใจอยู่หลายเรื่องแต่ขอนำมาบันทึกไว้ตรงนี้สัก 2 เรื่อง …
เรื่องแรกคือ เงื่อนไขและแรงจูงใจในการฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ
จำได้ว่าอาจารย์ฝรั่งที่สอนการเขียนได้มอบงานพิเศษอย่างหนึ่งให้พวกเราคือเขียน “อะไรก็ได้” ส่งทุกวัน ประมาณครึ่งหน้ากระดาษขึ้นไป สำหรับผมแล้วเกิดความ “มัน” มากเพราะมีความรู้สึกว่าเป็นโอกาสสำคัญที่จะได้ ….
1. เขียนถ่ายทอดเรื่องราวที่เป็น คุณค่า ในสังคมไทยหรือของ ตะวันออก ให้อาจารย์ฝรั่ง ได้เรียนรู้ ซึ่งย่อมมีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ถึง ความเหมือน และ ความต่าง เมื่ออาจารย์ Comment จึงเขียนด้วยความสนุกทุกวัน ไม่เบื่อเลย ลึกๆก็ยังแอบคิดว่าเรานี่แหละจะสอนฝรั่งด้วย แต่ไม่ใช่เรื่องภาษา
2. เรียนรู้จากความผิดพลาดในการใช้ถ้อยคำ เพราะเมื่อเขียนเรื่องยากโดยเฉพาะสิ่งที่เป็นนามธรรม ย่อมมีโอกาสสื่อผิดพลาดได้ง่าย และนั่นคือโอกาสสำคัญที่จะได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะทางภาษาอังกฤษของเรา
สามเดือนผ่านไป การอบรมสิ้นสุดลง ผมกลับไปทำงานได้ไม่นาน ได้มีจดหมายชมเชยไปยังสถาบันและเขาเอามาติดให้อ่านกันบริเวณเคาน์เตอร์เซ็นชื่อในตอนเช้าด้วย จนมีเพื่อนรุ่นพี่บางคนแซวว่า สงสัยต้องให้ช่วยติวภาษาอังกฤษให้เสียแล้ว สิ่งที่อาจารย์ฝรั่งเขียนไป มีข้อความสำคัญบอกว่าผมเป็น ” Outstanding Student ” ครับ ซึ่งทั้งหมดผมว่าน่าจะเกิดจากการที่ผมได้ “มัน” กับการเขียนโดยที่ไม่มีกรอบนั่นเอง มันอิสระที่จะเป็นตัวเองได้เต็มที่ ไม่มีพันธนาการใดๆ
เรื่องที่สองได้แก่เรื่องการ “ไม่มีศาสนา”
อาจารย์ฝรั่งผู้ชายท่านหนึ่งที่สอนการพูด มักเปิดโอกาสให้พวกเราถาม อะไรก็ได้ เพื่อการพัฒนาทักษะการพูด การฟัง มาถึงตอนหนึ่งมีเพื่อนถามว่าอาจารย์นับถือศาสนาอะไร หลายคนตีหน้างง และแปลกใจเมื่ออาจารย์ตอบว่า ไม่มีศาสนา ส่วนผมนั้นคิดอีกมุมหนึ่งแล้วก็พูดกับอาจารย์ สรุปความเป็นไทยได้ว่า ..
อาจารย์โชคดีนะ ที่มีอิสระ ไม่ต้องตีกรอบขังตัวเอง เพราะเรื่องศาสนา ถ้านับถือด้วยปัญญา
ไม่ศรัทธาด้วยความงมงาย เราสามารถเลือกเก็บเกี่ยวสิ่งดี มีแก่นสาร สาระ จากทุกศาสนาได้
อย่าว่าแต่ศาสดาเลย แม้คำกล่าวของคนไร้ชื่อ มีสถานภาพที่ต่ำต้อยด้อยค่าเพียงใดก็ตาม
ก็อาจเป็นแสงสว่าง นำทางชีวิตได้ ถ้าฟังเป็น คิดเป็น ไม่หลงติดเปลือก ว่าใครเป็นผู้กล่าวเอาไว้ …
อาจารย์ยิ้มและชมผมใหญ่เลย พร้อมยอมรับว่าเป็นความเห็นที่ “ถูกต้อง”
อิ อิ อิ .. (อันนี้อาจารย์ฝรั่งไม่ได้พูด)
« « Prev : คว้าไฟฉายมาช่วยให้รูปถ่ายชัดขึ้น
Next : เรื่องราวย่อๆเกี่ยวกับการพัฒนา Power Supply & Control Unit สำหรับ ULEM » »
1 ความคิดเห็น
มิน่าถึงเก่ง ทางด้าน(ภาษาเข้าใจ)อิเลคโทรนิค ก็ใจมันชอบเสียอย่างทำอะไรด้วยความชอบ ก็สนุก และมันส์ซิครับ มันเป็นธรรมชาติมิใช่หรือ ที่เราค้นพบในตัวเราเอง อย่ามัวแต่เสียเวลาไปค้นหาที่ตัวคนอื่น ใช่ไหมค่ะ อิอิอิ……