ผม กับ ไม้เรียว
อ่าน: 2866ผม ในที่นี้ไม่ใช่เส้นผมบนศีรษะ แต่หมายถึงผม คือตัว อาตมา เจ้าของบันทึกนี้นั่นเอง
เรื่องผมกับไม้เรียวนี้จะมองทั้งสองมิติคือ ในฐานะผู้รับไม้เรียว และ ในฐานะผู้ใช้ไม้เรียว
ในฐานะผู้รับไม้เรียว นั้น ผมโดนมาพอประมาณ คือนั้นโดนเบาๆ บ่อยๆจากแม่ แต่มานึกย้อนหลังดูอีกที ส่วนใหญ่ของแม่จะเป็นมือมากกว่าไม้ แต่แม่จะตีไม่หนัก ตีที่ขา ไม่ใช่ตบตี หรือทุบตี เหตุเพราะผมซนกว่าเด็กทั่วไป ชอบถาม ชอบรื้อ ชอบงัดแงะ แกะข้าวของดูข้างในมาแต่สมัยก่อนประถม ผมไม่เรียบร้อยตาม “มาตรฐาน” ที่เขาอยากให้เป็นกันในสมัยนั้น ดูแล้วเป็นเพราะแม่รักผม แม่จึงตี ส่วนจากพ่อนั้น นานๆครั้ง แต่น้ำหนักมากกว่าของแม่หลายสิบเท่า และที่สำคัญหนีไม่ได้ ไม่เหมือนของแม่ที่บางทีพูดขู่ว่าเดี๋ยวจะตีให้ตาย แต่พอเราวิ่งหนีไปสักครู่ใหญ่ กลับมาแม่ก็หายอยากตีไปแล้ว แต่สำหรับของพ่อนั้น ไม่มีทางรอด หนีไป เลี่ยงไปอย่างไร กลับมาก็ต้องโดน ส่วนมากจะสามที ไม่มีใช้มือ มีแต่ไม้เรียวอย่างเดียว แต่ที่จำได้พ่อไม่ได้ตีด้วยความโมโห แต่เข้าลักษณะ ตีให้เจ็บ จะได้จำ และไม่ทำอะไรอย่างนั้นๆอีก
อีกท่านหนึ่งผู้มีพระคุณ ช่วยอบรมบ่มเพาะ และ “ฝึกหนัก” ให้ผมมา คือท่านอาจารย์พระครูสุธนธรรมสาร เพื่อนตายของท่านอาจารย์พุทธทาส ผู้เป็นกำลังสำคัญในการสร้างสวนโมกข์ที่ไชยา ผมอยู่กับท่านที่วัดชยาราม 3 ปี ก่อนย้ายไปอยู่บ้านน้าทองมาก เพราะสุขภาพไม่ค่อยดี เป็นทั้งไข้มาเลเรีย และไทฟอยด์จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด อาจารย์ธนใช้ไม้เรียวในกระบวนการสอนและพัฒนาคน ควบคู่ไปกับการอบรมสั่งสอน และให้ทำงานหนัก ท่านไม่ตีพร่ำเพรื่อ ตีเจ็บด้วยไม้เรียวที่เตรียมไว้เพื่อการให้ความ “เมตตา” โดยเฉพาะ ก่อนตีท่านจะสอน ระหว่างตีท่านก็สอน จากไม้ที่หนึ่ง ถึง ไม้ที่สาม จะมีบทพูดแทรก จำได้ว่าสามปี ผมโดนท่านตีเพียงสองครั้ง ครั้งแรกตีที่โรงฉันตอนหัวค่ำอันเป็นที่บังคับให้ทุกคนมาอ่านหนังสือและทำการบ้านที่นั่น หลังพวกเราสวดมนต์ทำวัตรเย็น ท่านฟาดก้นลงไปทีหนึ่งก็พูดว่า “เสรีภาพ” รวมแล้วได้ 3 “เสรีภาพ” เหตุเพราะท่านมาตรวจดูพบว่าผมอ่านหนังสือของสำนักข่าวสารอเมริกันที่ชื่อว่า “เสรีภาพ” แทนที่จะอ่านหนังสือเรียน อีกครั้งหนึ่งถูกตีตั้งแต่อยู่ในมุ้ง เหตุเพราะนอนตื่นสายครับ
ในฐานะผู้รับไม้เรียว ผมพบว่าผมถูกตีด้วยความรัก ความเมตตา แต่ในใจก็ยังคิดว่า หากท่านผู้มีพระคุณเหล่านั้นใช้การชี้แจง แสดงเหตุผล ผมก็น่าจะคิดตามและเปลี่ยนพฤติกรรมได้ โดยไม่ต้องใช้ไม้เรียว แต่ก็อย่างว่าแหละครับ ยุคนั้น สมัยนั้น ความเชื่อเรื่อง “ไม้เรียวช่วยสร้างคน” ยัง In-trend อยู่ทั่วไป ใครๆเขาก็เชื่อเช่นนั้น ผมจึงไม่มีสิทธิ์จะไปโกรธเคือง หรือตำหนิท่านผู้มีพระคุณ อบรมเลี้ยงดูผมมา ที่มอบไม้เรียวให้ผมมาบ้าง ด้วยความรัก และเมตตาธรรม
คราวนี้ก็มาถึง ในฐานะผู้ใช้ไม้เรียว บ้าง ผมจำได้ว่าเคยไม้ตีมือลูกหลานบ้าง แต่เป็นการทำโทษแบบสนุกๆ เช่นถ้าตอบอะไรไม่ได้ก็จะตีมือ 1 ที และก็มีเหมือนกันที่เราแกล้งตอบผิดให้เขาตีเราด้วย แต่ที่จำได้มีเหมือนกันแต่ดูเหมือนจะครั้งเดียว ที่ตีลูกด้วยความไม่พอใจที่เขาซุ่มซ่ามปล่อยให้น้ำจากเครื่องซักผ้าไหลลงมาจากชั้นสอง เลอะไปหมด เพราะลืมเหวี่ยงท่อน้ำทิ้งออกไปในทิศทางของมัน ตีแล้วเสียใจจนต้องขอโทษเขา และตั้งใจว่าจะไม่ยอม “บ้า”แบบนั้นอีก สำหรับในการเรียนการสอน ผมไม่เห็นว่าจำเป็นต้องใช้ไม้เรียว เพราะศาสตร์ และศิลป์ที่เราร่ำเรียนกันมานั้นมีมากเกินพอแล้วในปัจจุบัน แต่ปัญหาใหญ่อยู่ที่ว่า
- เราเข้าถึงแก่นของ ศาสตร์-ศิลป์ที่เรียนมาหรือไม่ เพียงใด
- เรามีความรัก ความเมตตา ให้ลูกหลาน หรือ ลูกศิษย์ ในระดับใด
การให้ความรัก ความเข้าใจ ให้โอกาส ให้กำลังใจ ให้ความรู้ ให้การยอมรับ หามุมดีในตัวเด็ก ไม่ซ้ำเติมสิ่งในที่เป็นความอ่อนด้อยของเขา ส่งเสริมให้มุมดีๆของเขาได้แสดงความเป็น ” Somebody” ต่อเพื่อนๆ ให้ทุกคน หรือหลายคนต้องฟัง ต้องพึ่งพาเขา .. สิ่งเหล่านี้เคยทำมา และได้ผลดีกว่าการใช้ไม้เรียว และการดุด่าครับ
แต่สำหรับผู้ใหญ่ การหาคำพูด หรือวาทกรรมที่โดนใจ แทงใจดำ ก็ต้องกระทำด้วยในบางครั้ง แม้ดูเหมือนจะหนักและรุนแรงก็ต้องทำ หากกระทำด้วยเมตตา ปรารถนาดี เขาก็เข้าใจ และเกิดอาการสะดุ้ง หรือฉุกคิด และเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ไม่พึงปรารถนาได้เหมือนกัน
ลางเนื้อ ชอบลางยา ครับ .. แต่ที่แน่ๆ ไม้เรียวไม่ใช่ยา หรือถ้าจะนับเป็นยา ก็ประเภทยาทาภายนอกให้เจ็บแสบ ย่อมไม่สามารถรักษาอาการ “ช้ำข้างใน” ให้หายได้ .. ผมเชื่อของผมอย่างนี้ ใครเชื่อและทำตามก็ไม่หวงห้าม ส่วนท่านที่ไม่เห็นด้วยก็ “เช่นนั้นเอง” ครับ … อิ อิ อิ
« « Prev : ท่านฝากบอกให้ “หัวเราะ” เมื่อพบกับการสูญเสียครั้งใหญ่
Next : มนุษย์ กับ ธรรมชาติ » »
3 ความคิดเห็น
ผม ในที่นี้ไม่ใช่เส้นผมบนศีรษะ แหม เปิดฉาก อิอิดีจังเลย
เรื่องอบรมดูและเด็ก ผมสอบตก แต่ก็เจ้นแจ๋เสนอว่า คงไม่ใช่อย่างโน้นอย่างนี้
ควรจะผสมกลมกลืนตามความเหมาะสม แห่งเหตุและปัจจัย
ตำรวจออกระเบียบ ห้าม เด็กออกนอกบ้าน4ทุ่ม ก็โดนถล่มแทบเดี๊ยง!
ลูกเทวดา ลูกข้า ใครอย่าแตะ แบบนี้ก็เยอะ
สังคมกำลังป่วน ทุกอย่างโดนปั่นๆๆๆๆๆ ผลจะออกมาเป็นอะไร
นั่งรถเมล์ดีๆ โดนยิ่งตาย นี่แหละเมืองพุทธโธ่
มาอิอิด้วยคนค่ะ
เรื่อง ผม ไม่ใช่ ผมบนศีรษะ มีเด็กฝรั่งแม่ไทยบอกว่าทำไมตัวเขา(เด็กผู้ชาย)จะต้องเป็นผมและแม่ของเขาจะต้องเป็นหนูเวลาพูดกับยาย 5555เขานึกไม่ออกเลยว่ามันเกี่ยวข้องกันอย่างไร
บทความนี้ชอบมากค่ะ ขออนุญาตเก็บคัดลอกไว้อ่านอีกและให้คนอื่นๆอ่านด้วยค่ะ สาธุ
ที่โรงเรียนมีระเบียบตั้งแต่เปิดโรงเรียน ที่ครูอาจจะไม่ชอบกัน (แต่ไม่บอกเรา) คือ ห้ามตีเด็กโดยเด็ดขาด โทษหนัก คือ ให้ออกสถานเดียว ขอให้ใช้ไม้อ่อน มากกว่าไม้แข็ง ให้เด็กรักและศรัทธามากกว่ากลัว เหตุผลก็คือ ครูไม่มีสิทธิใดใดทีจะไปตีลูกเขา ถ้าสอนให้เด็กดีไม่ได้ ก็ให้เลิกเป็นครูไปเลย