ดอกรัก

4 ความคิดเห็น โดย freemind เมื่อ 12 สิงหาคม 2010 เวลา 10:51 (เช้า) ในหมวดหมู่ ภาษา ร้อยกรอง ความคิด #
อ่าน: 2106

1234

ดวงดอกไม้งดงามยามบานสวย

แสนรุ่มรวยหอมหวนควรถนอม

มาวันนี้ใยไม่แย้มใครจะยอม

อย่าอ้อมค้อมบอกมาด้วยเหตุไร

เธอรีบตอบใช่จะบานได้เสมอ

สำหรับเธอคนพิเศษแย้มยวนให้

ครั้นบานอวดโฉมแล้วจำจากไกล

แต่ ดอกรัก กลางใจแม่…แย้มทุกวัน

1234

ดอกไม้สำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง… แม่

รักแม่และมีความสุขมาก ๆ ในวันแม่ค่ะ

:-P

ปล. ขอบคุณภาพจากเพื่อนที่ส่งมาให้เป็นดอกไม้ประกอบบันทึกคือ “ดอกบัว” แทน “รัก” สำหรับแม่ค่ะ


ขัดแย้ง

13 ความคิดเห็น โดย freemind เมื่อ 10 สิงหาคม 2010 เวลา 10:36 (เช้า) ในหมวดหมู่ สังคม ความคิด #
อ่าน: 2275

คำเตือนสำหรับบันทึกนี้ : บันทึกนี้ยาวและมีสาระน้อย หากมีเวลาไม่มากพอ สมาธิยังไม่ตั้งมั่น และเป็นคนที่มีมาตรฐานชีวิตสูง… ไม่ควรอ่าน

////

พระเจ้าไม่ได้สั่งว่าจงทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่

แต่…จงทำเพียงสิ่งเล็ก ๆ

ด้วยความรักในหัวใจที่ยิ่งใหญ่ก็พอ

แม่ชีเทเรซา

///

///เพื่อนเล่าว่าเบื่อเพื่อนร่วมงานที่ชอบเอาเปรียบ งานชิ้นใหญ่ ๆ สำคัญ ๆ ทำเอง งานกระจิ๊บกระจ้อย ไม่มีความสำคัญส่งมาให้เธอทำ…ฯลฯ นั่งฟังไปก็อินไปด้วย ช่วยกันคิดค้นวิธีแก้เผ็ดเพื่อนประเภทนี้ เป็นที่สนุกสนานเฮฮาแกมตลก(ร้าย)

คุยกันจนขนมหมด ได้เวลาต้องกลับบ้าน ก่อนจากกันเพื่อนบอกว่า เธอเปลี่ยนไปนะ ถามว่าเปลี่ยนยังไง เพื่อนบอกว่าถ้าเป็นแต่ก่อนเธอก็จะบอกว่าปล่อยไปเหอะ ใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น อย่าไปสนใจ ทำเรื่องของเราให้ดีที่สุด… อะไรทำนองนี้ แล้วก็มักจะกลับไปคิดต่อด้วยความรู้สึกว่าตัวเองนี่แย่จัง ใจแคบ คิดลบ กลุ้มใจต่อไปอีก (อ้าว…เป็นงั้นไป)

///ไม่ได้บอกเพื่อนว่า เราไม่ได้เปลี่ยนไปหรอก แต่ตอนนี้เริ่มยอมรับความคิดจริง ๆ ของตัวเอง จะไปมัวหลอกตัวเองว่าเป็นนางเอกอยู่ได้ไงล่ะ คนทุกคนมีภาคทั้งดีและร้ายมากน้อยต่างกันไป แล้วแต่จะโผล่หน้ามาตอนไหน บริบทใด ดังนั้นหากอยากรู้จักภาคที่ไม่เคยเห็นในตัวใคร ต้องอยู่ใน ภาวะวิกฤต อันกระทบต่อหน้าตาชื่อเสียงเกียรติยศ พูดง่าย ๆ ก็กระทบกับ อัตตาในตัวเรานั่นแหละ

บางทีนะ จะเห็นหลายภาคเลย ทั้งแม่พระ นางมาร ผู้พิทักษ์ ซาตาน ตัวตลก คนโลภ ผู้มีเมตตา ฯลฯ จนเราอาจตกใจตัวเองก็ได้(โอ เราหรือนี่)

การเก็บกดภาคร้าย ๆ แย่ ๆ สร้างภาพลักษณ์ดี ๆ ก็เป็นกลไกหนึ่ง (ขี้เกียจอ้างชื่อนักวิชาการทั้งหลาย) เพราะแท้ที่จริงแล้ว เราทุกคนอยากเป็นคนดี อยากให้คนมองว่าเราเป็นคนดี คนเก่ง คนมีความสามารถ ใครลองมาทำให้เราตระหนักรู้ถึงความไม่ดี ความแย่ ความโหล่ยโท่ยของเราแม้เพียงเล็กน้อย เราจะรู้สึกไม่ดีทันที เพราะเกิด ความขัดแย้ง ขึ้นในใจระหว่างตัวตนที่แท้(Real self)กับตัวตนที่เราพยายามสร้างขึ้น(Image)

ความขัดแย้ง นี้ เป็นตัวสร้างปัญหาให้กับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ยิ่งปกปิดปกป้องไว้ กำแพงก็หนา ปัญหาก็จะเกิดได้บ่อยได้ง่ายขึ้น สร้างความปวดหัวปวดใจปวดอารมณ์ให้กันและกันจนวุ่นวายไปหมด

มีผู้รู้ (จำชื่อไม่ได้) กล่าวไว้ว่า วิธีง่าย ๆ พื้นฐานที่สุดในการปลดปล่อยความขัดแย้งในใจก็คือ การยอมรับ ยอมรับอย่างซื่อสัตย์กับความรู้สึก ความคิดของเรา

…หากชอบ…ก็รักษามันไว้

…หากไม่ชอบไม่อยากเป็นเช่นนั้น…ก็เปลี่ยนซะ (แค่นั้นเอง)

…ไม่ต้องไปพบจิตแพทย์ให้เหนื่อยใจทั้งหมอทั้งคนไข้ (จิตแพทย์และเจ้าหน้าที่ด้านจิตเวชก็ทนเจ็บป่วยด้วยอาการทางจิตเวชเยอะแยะเลย)

กล้า ๆ หน่อย ไม่ต้องอายที่จะบอกความรู้สึกจริง ๆ ชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ชอบก็บอกว่าไม่ชอบ เกลียดก็บอกเลยว่าเกลียด ยอมรับไม่ได้ รู้สึกดีก็เบิกบานซะให้หนำใจ รู้สึกแย่ก็บ่น ๆ ร้องไห้ให้พอ… (อ้อ…เพียงอย่าให้เดือดร้อนเบียดเบียนคนอื่นมากไปก็แล้วกัน)

คิดไปยาว…ไม่เห็นจะเกี่ยวกับหัวข้อเลย (ฮา ๆ ก็บอกแล้ว ไม่มีเวลาอย่าอ่าน สมาธิไม่พออย่าเสี่ยงกับบันทึกนี้) ก็กำลังจะสรุปอยู่นี่ละว่า เมื่อยอมรับตัวเองได้แล้ว จะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยน เราเลือกเอง ไม่มีใครบังคับเราได้ แต่บางทีเราก็ไม่มีทักษะ ไม่เข้มแข็งพอจะเปลี่ยนไปยังสิ่งที่เราต้องการนี่…

ส่วนตัวมีวิธีการง่าย ๆ ก็คือ อย่าหักด้ามพร้าด้วยเข่า ให้ค่อยเป็นค่อยไป เราไม่จำเป็นต้องเป็นนางฟ้า นางเอก พระเอกขี่ม้าขาว ผู้พิทักษ์ตลอดกาล เราค่อยทำสิ่งที่คิดว่าดี เป็นประโยชน์ต่อทั้งตัวเอง คนใกล้ตัว รอบบ้าน รอบชุมชน ทำหลาย ๆ คนเข้า มันจะขยายวงยิ่งใหญ่ไปเอง

ไม่ต้องทำสิ่งยิ่งใหญ่หรอก ทำสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่มุ่งมั่นตั้งใจ คาดหวังน้อย ๆ ทำด้วยใจร่ม ๆ เย็น ๆ…

แล้วมันจะดีเอง… (อย่าเชื่อนะ)

;-) อยู่ได้ไงล


เรียนรู้-เปลี่ยนแปลง

2 ความคิดเห็น โดย freemind เมื่อ 9 สิงหาคม 2010 เวลา 9:19 (เย็น) ในหมวดหมู่ ปรัชญา แนวคิด ชีวิต #
อ่าน: 2076

////

ข้อความดี ๆ ที่มาจาก Forward mail

///

หากอยากเป็นผู้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้โลก

ต้อง เรียนรู้ ก่อนจะ เปลี่ยนแปลง

เรียนรู้ในความแตกต่าง

เส้นทางของความแตกต่าง มักยากลำบากในการเริ่มต้น

แต่…ดอกผลอันงดงามหอมหวานรออยู่เสมอ

///

อ่านแล้วชอบใจ นึกขอบคุณคนส่งมาให้ คิดไปถึงวลีหนึ่งที่ว่า… ของฟรีไม่มีในโลก ทุกอย่างมีราคาค่างวด อาจต้องใช้เวลา ความมุ่งมั่นตั้งใจ บากบั่น น้ำใจ ไมตรี และอาจหมายถึงคราบน้ำตาหยาดเหงื่อแห่งความทดท้อใจที่ต้องแลกเพื่อให้ได้มา

ราคงไม่ได้ทุกอย่างที่เราอยากได้หรอก แต่เราจะได้สิ่งที่เหมาะสมกับเราเสมอ

มีความสุขมาก ๆ กับการเรียนรู้…

เพื่อการเปลี่ยนแปลงนะคะ


บ่มเพาะ-ความรัก

6 ความคิดเห็น โดย freemind เมื่อ 9 สิงหาคม 2010 เวลา 9:19 (เช้า) ในหมวดหมู่ การจัดการความรู้, การศึกษา #
อ่าน: 2089

222

เมื่อถึงที่สุดแล้ว….

เราจะเก็บแต่สิ่งที่เรารัก

เราจะรักแต่สิ่งที่เราเข้าใจ

เราจะเข้าใจแต่สิ่งที่เราได้รับการบ่มเพาะและรัก

บานา ดิอุม

นักอนุรักษ์ชาวเซเนกัล

โค้ดข้อความมาจากหนังสือ จากใจสู่ใจ

1234

2222ข้อความนี้สะดุดใจตั้งแต่ครั้งแรกที่อ่านเจอ เพราะตรงกับความครุ่นคิดของตัวเองที่ว่า หากเราอยากปลูกฝังสิ่งดี ๆ ให้กับเด็กรุ่นหลัง เราต้องทำอย่างไร นอกเหนือจากความรู้ ความชำนาญ ประสบการณ์ และข้อผิดพลาดต่าง ๆ ที่เราเรียนรู้สั่งสมมาแล้ว มีอะไรอีกบ้างที่จำเป็นและต้องมี

2222บอกตัวเองว่า…ที่เราคิด เราเชื่อ และทำอย่างเป็นบ้าเป็นหลังนี่ อาจผิดก็ได้… แต่จำเป็นต้อง กล้า ๆ หน่อย มัวแต่กลัวการเสียหน้า เสียความมั่นใจ กลัวผิด แล้ว…จะได้ประเด็นใหม่ ๆ ที่นำไปสู่ การพัฒนาได้อย่างไร

222ได้ข้อสรุปตอนนี้ว่าหากอยากส่งต่อสิ่งดี ๆ ที่ได้รับมาให้กับเด็กรุ่นหลัง นอกจากต้องสั่งสมความรู้ ความชำนาญ ประสบการณ์ที่ผ่านการกลั่นกรองพินิจพิเคราะห์แล้วอย่างรอบคอบ ยังต้องสร้างสรรค์ความรัก ความเข้าใจ และต้องหัดบ่มเพาะสิ่งดี ๆ ไว้ในใจของกันและกันให้มาก ๆ ด้วย

//// เพราะหากอยู่บนพื้นฐานของความรู้สึกไม่ไว้วางใจ ไม่เข้าใจ ไม่ยอมรับ ขาดความรักและความรู้สึกดี ๆ ต่อกัน ต่อให้ความรู้ ประสบการณ์เลอเลิศขนาดไหน … ก็คงมีน้อยเท่านัอยคนที่จะเปิดใจรับ…

คลิกเลย…แฮะ

;-)


คิด - ถึง

6 ความคิดเห็น โดย freemind เมื่อ 7 สิงหาคม 2010 เวลา 9:03 (เย็น) ในหมวดหมู่ เรื่องเรื่อยเปี่อยตามอารมณ์ #
อ่าน: 2268

////

วันนี้คิดถึงแม่มากเป็นพิเศษ…

อาจเป็นเพราะใกล้ วันแม่แห่งชาติ” 12 สิงหาคมของทุกปีนั่นเอง

////จะว่าไปแล้ว…ยังไม่เคยหยุดคิดถึงแม่เลยสักวัน หลังจากที่แม่จากไปตั้งแต่ปี 2548 คิดถึงทุกวัน วันละหลายครั้ง เพราะในทุกกิจกรรมจะมีความทรงจำของคำสอน คำพูด การกระทำของแม่ร่วมอยู่ด้วยเสมอ

อย่างนี้นะ…แม่ต้องบอกว่า…

ผักนี่นะ…แม่ชอบ แต่นี่แม่ไม่ชอบเลย…

เรื่องนี้นะ…แม่ต้องว่าอย่างนี้แน่เลย…

ถ้าแม่อยู่นะ…แม่ต้องหัวเราะ แล้วก็ว่า…

///

//// ชอบอ้อนแม่… (ฮา ๆ ใครไม่เคยอ้อนแม่บ้างล่ะ) แม่เป็นคนไม่ชอบกินยา ไม่ชอบไปโรงพยาบาล เลยบอกแม่ว่า หนูรักแม่นะ แม่ต้องรักษาตัวให้แข็งแรง เพราะไม่มีแม่แล้ว หนูจะอยู่ยังไง คงเหงาแย่ ไม่มีแม่คอยให้คำแนะนำ ไม่มีคนคอยเตือน ไม่มีคนทำของอร่อย ๆ ให้กิน แล้วก็หนูไม่รู้จะแหย่ใคร…

222แม่บอกหน้าตาเฉย ๆ ว่า คิดถึงแม่…ก็ให้…ถึงแม่ แล้วกัน … ดูสิแม่เรานี่ช่างเล่นคำ ขนาดไม่ได้เรียนหนังสือสักตัว แต่คงดูละครทีวี ฟังรายการวิทยุมากแน่เลย พูดอะไรเข้าใจยากจังแฮะ

222แม่อธิบายว่าก็ คิดถึงแม่ ก็ให้คิดถึง…สิ่งที่แม่เคยสอนไว้ไงล่ะ ใครจะอยู่ค้ำฟ้าได้ แม่อยากไปเกิดใหม่จะแย่แล้ว ขืนอยู่นานเกินไปไม่มีใครอยู่ด้วย เหงาแย่เลย… เรื่องคล้าย ๆ จะเศร้าเลยกลายเป็นหัวเราะกันเอิ๊กอ๊าก…ซะงั้น

222ช่วงชีวิตหลังจากแม่จากไป เมื่อใดที่ คิดถึง ก็จะพยายาม ถึง คำที่แม่สอนสั่งด้วยความรัก มันหล่อเลี้ยงและเติมเต็มได้จริงดังที่แม่เคยว่าไว้

ความจริงแล้ว ก็คิดถึงทั้งพ่อและแม่พอ ๆ กันนั่นแหละ แต่ความใกล้ชิดและช่วงเวลาที่ได้ใช้และคลุกคลีกับ แม่ มากกว่า พ่อ จึงทำให้ความรู้สึกและความระลึกถึงที่เข้มข้นกว่าอยู่ที่ แม่

///

////นานมาแล้วในวันเกิดของตัวเอง มีเพื่อนส่งการ์ดมาให้และมีข้อความที่อ่านแล้วรู้สึกแปลก ๆ (ในตอนนั้น)

วันเกิดต้องคิดถึงและกอดพ่อแม่ให้แน่น ๆ นะ

///

////ถ้อยคำนั้นกระทบใจ เก็บการ์ดไว้อย่างดี เพิ่งค้นเจอเมื่อไม่นานมานี้ เหลืองเก่ามากแล้ว แต่ข้อความกลับกระจ่างใจ

ก็เลยคิดถึงข้อความคล้าย ๆ กันนี้ที่ว่า…

///

จงรักและกอดพ่อแม่อย่างทะนุถนอม

เพราะโลกนี้จะแปลกประหลาดและว่างเปล่า…

ทันทีที่ท่านจากไป

////

ไม่อิจฉาหรอก…

ยินดีด้วยสำหรับคนที่ยังมีพ่อแม่ให้กอด

ฝากกอดท่านแถมอีกทีหนึ่งด้วยนะคะ


เปลี่ยนแปลง

4 ความคิดเห็น โดย freemind เมื่อ 7 สิงหาคม 2010 เวลา 5:18 (เย็น) ในหมวดหมู่ วิจัยเชิงคุณภาพ งานวิจัยที่ทำ #
อ่าน: 1983

;-)

คนแม้เพียงหยิบมือ ถ้ามุ่งมั่น มีความคิด

และรับผิดชอบก็จะเปลี่ยนแปลงโลกได้

Margaret Mead

นักมานุษยวิทยาชาวอเมริกัน

1234

งานวิจัยเชิงคุณภาพ/เชิงคุณลักษณะ (Qualitative research)นั้น มักถูกวิพากษ์ว่า เป็นงานวิจัยที่ไม่มีหลักการที่น่าเชื่อถือ วัดและประเมินผลไม่ได้ด้วยข้อมูลทางสถิติ เมื่อเปรียบเทียบกับงานวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative research) และมีโอกาสสูงที่จะเจือด้วย อคติ ตามลักษณะของงานวิจัยที่มุ่งศึกษาปรากฏการณ์ ตามบริบทและสิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่ จากลักษณะของงานวิจัยที่มีความเฉพาะเจาะจงเช่นนี้ จึงไม่สามารถที่จะนำไปสู่การเป็นตัวแทนหรืออธิบายเรื่องเดียวกันในบริบทหรือพื้นที่อื่น ๆ ได้

Margaret Mead เป็นนักมานุษยวิทยา (ทำการวิจัยเชิงชาติพันธุ์วรรณา ซึ่งเป็นประเภทหนึ่งของการวิจัยเชิงคุณภาพ) กลุ่มแรก ๆ ที่ได้พยายามยืนหยัดและสร้างความชัดเจน เป็นปึกแผ่นให้กับงานวิจัยเชิงคุณภาพ และการต่อสู้กันทางด้านความคิดของค่ายการวิจัยทั้งสอง(การวิจัยเชิงปริมาณและการวิจัยเชิงคุณภาพ) ดำเนินมาเกินกว่าสามทศวรรษ และยังคงดำเนินต่อไปในบางประเด็น …

บันทึกนี้คงไม่เล่ารายละเอียดที่เกี่ยวกับการต่อสู้ทางความคิดของทั้งสองค่าย แต่มีสิ่งที่น่าสนใจคือ การต่อสู้ทางความคิดของทั้งค่ายการวิจัยเชิงปริมาณและการวิจัยเชิงคุณภาพนี้ ยิ่งทำให้เกิดประโยชน์และความกว้างขวางยิ่งขึ้นของการวิจัยโดยรวม ไม่ใช่การต่อสู้เพื่อทำลายล้างหรือสร้างความโกรธเกลียดกัน จนอาจกล่าวได้ว่าในปัจจุบันนิยมที่จะใช้การวิจัยทั้งสองประเภทนี้ร่วมกันในงานวิจัยหนึ่ง ๆ ซึ่งทำให้ได้เห็นและอธิบายถึงภาพของงานวิจัยได้ชัดเจนและเกิดประโยชน์กว่าการใช้ระเบียบวิธีวิจัยเพียงอย่างเดียว

อ่านไปก็สนุกไป และได้ข้อคิดเล่น ๆ ขึ้นมา…

ข้อแรกคือ มนุษย์นั้นมีความเห็นต่างกันได้ แต่อย่าปิดใจ คิดเห็นดีงามในเรื่องอะไรว่าเป็นสิ่งที่ดีและถูกต้อง แต่ต้องไม่ยึดมั่นถือมั่น ฟังคนอื่น มองสิ่งรอบตัวบ้าง … อาจมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เราไม่เคยตระหนักถึงมาก่อนเลยก็ได้ โลกเราพัฒนาไปสู่ความก้าวหน้าได้ ก็เพราะมุมมองที่แตกต่างหลากหลาย…ไม่ใช่หรือ

ข้อต่อมาคือ หากมุ่งมั่น ตั้งใจ คิดดี เห็นชอบแล้วว่าดีว่าถูก จำนวนคนที่เห็นด้วยกับเราไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ ขอให้ตั้งใจ อดทน และพยายามชี้ให้เห็นความจริงนั้นอย่างมีหลักการด้วยความจริงใจ…ไม่วันใดก็วันหนึ่ง…โลกก็ต้องหันมา พยักหน้า กับเราสักวัน

สรุปว่าเริ่มต้นตั้งใจอ่านเพื่อสิ่งหนึ่ง

แต่ลงท้ายกลับได้อีกสิ่งหนึ่ง…ซะนี่

:lol:

หากสนใจเรื่องของ Margaret Mead อ่านได้ที่  http://en.wikipedia.org/wiki/Margaret_Mead


อนุภาคชีวิต

5 ความคิดเห็น โดย freemind เมื่อ 6 สิงหาคม 2010 เวลา 12:08 (เย็น) ในหมวดหมู่ ปรัชญา แนวคิด ชีวิต #
อ่าน: 2307

////

อนุภาคแต่ละตัวมีวิถีชีวิตของมันเอง และคาดเดาไม่ได้

ทฤษฎีควอนตัมฟิสิกส์

////

//////เพื่อนที่เรียนด้วยกันและตัดสินใจเลิกเรียน โดยยังไม่ได้ทำดุษฎีนิพนธ์เมลมาหา (บ่นเล็กน้อยว่าโทรมาแล้วไม่รับสาย…อ้าวยังไม่ชินกับนิสัยเพื่อนอีกนะ) เล่าสารทุกข์สุกดิบของชีวิตหลังตัดสินใจเลิกเรียน

////เล่าหลายเรื่องหลายประเด็น…เลยโทรกลับไปเพราะเป็นห่วง เพื่อนเล่าระบายความรู้สึกต่าง ๆ ทั้งดีใจ โล่งใจที่ตัดสินใจเลิกเรียน แต่ในขณะเดียวกันในบางครั้งก็เกิดคำถามว่า เพราะเราไม่อดทนหรือ จึงเรียนให้จบเช่นคนอื่นไม่ได้ คนอื่นทำได้ทนได้ ทำไมเราจึงทำไม่ได้…และอีกมากมายคำถาม

///ฟังจนหูชา ตอบบ้าง ไม่ตอบบ้าง บางทีเพื่อนคงไม่ได้ต้องการ คำตอบ หรอก แต่อยากพูดอยากเล่า เราก็แค่ฟัง…น่าจะพอแล้ว

หากเป็นแต่ก่อนก็คงสวมบทบาทเป็นนักจิตวิทยา (จำเป็น) ทำทีเป็นฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ (แต่ไม่ค่อยได้ยินสาระที่เขาต้องการสื่อจริง ๆ) แล้วรีบสรุปจบบทสนทนาแกมให้กำลังใจว่า… อย่าคิดมาก เราเลือกแล้ว สิ่งที่เราเลือกต้องมีสิ่งดี ๆ และเหมาะสมกับเรา ลองคิดถึงสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นจากการเลือกสิ…สู้ ๆ นะ ให้กำลังใจจ้ะ… แล้วก็มานั่งภูมิใจว่า เออนะ อย่างน้อยฉันก็ทำหน้าที่เพื่อนที่ดีล่ะ รับฟัง ให้ข้อคิด และให้กำลังใจเพื่อนแล้วน่ะ…

/////สรุปรวมว่ากระบวนการให้คำปรึกษาจบลงด้วยดี แต่…การแก้ปัญหาสำเร็จเสร็จสิ้นหรือไม่ ไม่กล้าตอบตัวเอง (ฮา ๆ)

แต่…เมื่อวานนี้ไม่ได้ทำสิ่งที่มักจะทำเป็นประจำเช่นนั้น อาจด้วยตัวเองก็กำลังครุ่นคิดถึง วิถีการเรียนของตัวเองเช่นกัน เลยเงียบไปพักใหญ่หลังเพื่อนจบเรื่องเล่าอันยาวเหยียด เพื่อนบอกว่าว่าไงล่ะ คิดว่าไงบ้าง…จะแนะนำอะไร เอ๊ะ…เลยเพิ่งตระหนักรู้ตัวว่าที่ผ่านมาเราเป็นพวกที่ชอบแนะนำและให้ข้อคิดสำเร็จรูปกับเพื่อนนะนี่ แม้จะรู้สึกเสีย self เล็กน้อย เพื่อนไม่ได้ว่าแต่สิ่งที่สะท้อนกลับมาเป็นเช่นนั้น…(ยอมรับเสีย)

บอกเพื่อนไปว่า วันนี้ไม่รับปรึกษาปัญหา แต่รับฟังเท่านั้น ปัญหาใคร ใครก็แก้เอาเอง (แล้วกัน) เพื่อนก็ยังเซ้าซี้ ฉันว่าเธอต้องคิดอะไรกับเรื่องที่ฉันเล่า บอกมาเหอะ ฉันตัดสินเองแหละว่าชอบหรือไม่ชอบ

คิดไปคิดมาก็เลยโพล่งไปว่า … เคยได้ยินทฤษฎีควอนตัมฟิสิกส์ที่ว่า อนุภาคแต่ละตัวมีวิถีชีวิตของมันเอง และคาดเดาไม่ได้ ไหม เราก็คือหนึ่งในเสี้ยวส่วนของอนุภาคของโลก เมื่อมันมีวิถีชีวิตของมันเองและมักจะคาดเดาไม่ได้แล้ว…จะไปเอาจริงเอาจังอะไรกับมันล่ะ

////

ลืมบอกเพื่อนไปอีกข้อว่า เมื่อไม่ซีเรียสกับเรื่องราวใด ๆ แล้ว

ก็ต้องทำเรื่องตรงหน้าให้เต็มที่เต็มสติปัญญาด้วยล่ะ…

ฮ่า ๆ ยังอดจะแนะนำไม่ได้แฮะ!!!

;-)

////


โลกหล้า-นิรันดร

4 ความคิดเห็น โดย freemind เมื่อ 4 สิงหาคม 2010 เวลา 11:33 (เย็น) ในหมวดหมู่ เรื่องเรื่อยเปี่อยตามอารมณ์ #
อ่าน: 2296

@@@

หนึ่งเม็ดทรายเท่ากับหนึ่งโลกหล้า,

หนึ่งบุปผาเท่ากับหนึ่งสรวงสวรรค์,

ในฝ่ามือเกาะกุมความนิรันดร์,

ชั่วพริบตาก็คือ…ชั่วนิรันดร

///

William Blake

กวีและศิลปินชาวอังฤษ

ผู้ได้รับสมญานามว่า ผู้หยิบยื่นความยิ่งใหญ่ให้แก่โลก

///

อ่านแล้วแอบติดใจ… คิดต่อติดพันไปเสียไกล (ตามนิสัยชอบคิดเรื่อยเปื่อย)

มีดีจึงมีเลว…

มีรวยจึงมีจน…

มีเก่งจึงมีไม่เก่ง…

มียิ่งใหญ่จึงมีสามัญ…

ทวิลักษณะของโลกนี้ดำเนินไปด้วยการขับเคลื่อนของ อัตตา แห่งผู้ตีความและให้ความหมายเสมอ

@@@

อืมนะ…

เม็ดทรายกลายเป็นโลกหล้า

บุปผาราวสรวงสวรรค์

เวลาชั่วพริบตาคือ…นิรันดร

ชอบ ๆ ๆ ๆ จัง!!!


ยกเว้น

2 ความคิดเห็น โดย freemind เมื่อ 4 สิงหาคม 2010 เวลา 8:48 (เช้า) ในหมวดหมู่ ภาษา ร้อยกรอง ความคิด #
อ่าน: 2064

///

พึงวางตนห่างออกไปอย่างน้อยสามก้าว

จากคนที่เกลียดขนมปัง,ดนตรี,

และเสียงหัวเราะของเด็ก”

123

Lavater, Johann Kaspar

นักประพันธ์ชาวอังกฤษ

1234

ก่อนนี้ได้อ่านข้อความนี้ ยังขำ ๆ คงหาคนแบบนี้ได้ยาก ใครกันจะเกลียดสิ่งที่เป็นสามัญในชีวิต ขนมปัง (อาหารประจำที่ต้องกิน) ดนตรี ซึ่งเป็นแหล่งของสุนทรียะ และเสียงหัวเราะอันสดใสบริสุทธิ์ของเด็กน้อย

แต่วันนี้เจอคนบอกว่า เกลียดการกินข้าว ไม่ชอบดนตรี และรำคาญเสียงหัวเราะเล่นหัวของเด็ก ๆ …

แต่ก็เป็นคนที่กระตือรือร้น ชอบช่วยเหลือผู้คนด้วย…

////

คงมีข้อยกเว้นสำหรับ ข้อคิด”นี้ บ้างละมั้ง?

:-D

ต้นกระบองเพ็ชรที่นานปีจะออกดอกมาให้ชื่นชม

Pa2700090


ละครมายา

4 ความคิดเห็น โดย freemind เมื่อ 2 สิงหาคม 2010 เวลา 10:22 (เย็น) ในหมวดหมู่ เรื่องเรื่อยเปี่อยตามอารมณ์ #
อ่าน: 2035

:-?

วันนี้คิดถึงร้อยแก้วที่เคยอ่านและคัดลอกไว้ โดยไม่ทราบชื่อผู้ประพันธ์

///

แสงแดดจัดจ้าคือความร่าเริงของใบไม้

ผู้คนหลากหลายคือตัวละครมากมายให้ศึกษา

น้ำครำน้ำเน่าคือรากเหง้าของปัญญา

และ วันเวลากลับมีค่ายิ่งกว่า…เงินทอง

นิรนาม

หลายคนอาจหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดจ้า มันร้อนแผดเผาเรานี่นา

ลืมไปว่า…แสงแดดคือพลังชีวิตสร้างสรรค์โลก

หลายทีเราหน่ายกับตัวละครมากมายที่เข้ามาในชีวิต เบื่อละครโลกย์เก่า ๆ

มัวแต่คิดว่า… เราคือหนึ่งใน ตัวละคร นั้น

หลายหนเรารังเกียจเรื่องน้ำครำน้ำเน่าว่าไร้สาระ เอียนแล้วไม่อยากรับรู้

คิดไม่ออกว่า… นั่นคือรากเหง้าแห่งปัญญา

หลายครั้งคราที่เราฆ่าเวลา…เพราะไม่รู้จะทำอะไรดี

จนวันหนึ่ง…เราเสียดายจับใจ ทำอย่างไรจะได้วันเวลานั้นกลับมา

///

1234โลกมันยุ่ง น่าหน่ายนัก จะเราจะเขาต่างก็เต็มไปด้วยอวิชชา เห็นแล้วรู้แล้ว ให้รู้สึกว่าไม่อยากเป็น ตัวละคร ใน ละครมายา

หากมองอีกมุม…เมื่อเลี่ยงไม่พ้น หลบไม่ได้ ก็ต้องยอมรับและเผชิญหน้าอย่างกล้าหาญ รู้เท่าทัน…แม้ยาก ก็ต้องเพียรทำ

///

คิดต่อไปถึงคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ที่ว่า

ความสุขใดก็ตามที่ไม่นำไปสู่ความสงบระงับ

ไม่นับเป็นความสุขแท้

จริงแท้แล้ว

ดอกหญ้าเล็ก ๆ … ที่เปี่ยมสุข

P20600955



Main: 0.08665919303894 sec
Sidebar: 0.028270959854126 sec