ราคาที่ต้องจ่าย

9 ความคิดเห็น โดย freemind เมื่อ 4 กันยายน 2010 เวลา 11:56 (เช้า) ในหมวดหมู่ เรื่องเรื่อยเปี่อยตามอารมณ์ #
อ่าน: 2021

:-|

บางครั้งคราที่รู้สึกเหมือนเป็น คนนอก รู้สึกไม่กลมกลืนกับวัฒนธรรมในบางแห่งบางสถานที่ขึ้นมาอย่างไม่รู้นื้อรู้ตัวนี่ ให้สงสัยตัวเองว่า…เพราะอะไร?

เป็นเพราะเราพูดคนละเรื่องกับคนส่วนใหญ่นั้นหรือเปล่า หรือ

เราคิดไม่เหมือนใคร ๆ หรือ

เราทำสิ่งที่แตกต่างจากที่เขาทำกัน หรือ

เรา…….

แล้ว… จำเป็นที่เราจะต้องพูด คิด ทำให้เหมือน พยายามกลมกลืนด้วยการพูด คิดทำอย่างคนอื่น ๆ ทั้ง ๆ ที่เราไม่รู้สึกเช่นนั้น เพียงเพื่อจะได้รู้สึก เป็น พวกเดียวกัน เป็น คนใน ด้วยหรือ?

๑๑๑๑ลองถามตัวเองหลาย ๆ คำถาม ตอบหลาย ๆ ที ก็ได้คำตอบเหมือนกันนะ… ได้มากมายตามแต่ ความคิด (ที่ถูกบ้างผิดบ้าง) จะพาไปนั่นแหละ แต่สรุปได้จริง ๆ ว่าต้นเหตุที่เรารู้สึกไม่กลมกลืน รู้สึกเป็น คนนอก นั้น มีเพียงคำเดียวเอง….

…ก็ ตัวเรา นั่นไง…

ใช่แล้ว…หากรู้สึกไม่กลมกลืน/เป็นคนนอก แล้วอยากรู้สึกอยากกลมกลืน/เป็นคนใน หรือเปล่าล่ะ

ถ้าไม่อยาก…ก็ เป็นอย่างนี้แหละ ยอมรับและเข้าใจในสภาพและความรู้สึกที่ต้องเป็นคนนอกนั้น

ถ้าอยาก… ก็ พยายามลด ตัวเรา ลงบ้าง เพราะโลกนี้อยู่ไม่ได้โดยตัวเรา เราล้วนต้องพึ่งพากันทั้งคน สัตว์ ต้นไม้…

บางทีความ”โดดเีีดี่ยว“อาจเป็น”ราคา“ที่ต้องจ่ายสำหรับความรู้สึก”ไม่กลมกลืน”ก็ได้นะ

;-)


คลี่-คลาย

ไม่มีความคิดเห็น โดย freemind เมื่อ 20 สิงหาคม 2010 เวลา 10:10 (เช้า) ในหมวดหมู่ เรื่องเรื่อยเปี่อยตามอารมณ์ #
อ่าน: 2070

8-O

คิดอย่างเด็ก ทำอย่างผู้ใหญ่

โชค บุลกุล

@@@@

เรื่องราวที่พบเจอในระยะนี้ ทำให้คิดถึงประสบการณ์บางอย่างในวัยเด็ก ด้วยว่าเป็นลูกที่ไม่เคยถูกพ่อแม่ตี มากที่สุดคือการคาดโทษ พี่ ๆ ชอบล้อว่าก็เป็น ลูกหลง มาในขณะที่พี่ ๆ โตกันหมดแล้ว พ่อแม่เลยรักมากเป็นพิเศษ เป็นเด็กเส้นของพ่อแม่มาตั้งแต่เกิด(จนแก่ป่านนี้) ว่างั้นเถอะ

@@@การเป็นลูกคนเล็กที่หลงมาของครอบครัวนั้น ส่งผลให้นอกจากเป็นคนที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเองต้องคอยดูว่าพี่ ๆ เขาทำอย่างไร พูดอย่างไร และต้องทำอย่างไรจึงจะทำให้อยู่ได้ในกลุ่มพี่ ๆ ที่โตกว่าและมีความสนใจต่างจากเรา บางทีโลกของ ลูกหลง ก็ว้าเหว่เหมือนกัน เกิดความไม่มั่นใจและต้องการสร้างโลกส่วนตัว จึงกลายไปเป็นหัวหน้าแก็งค์ในเด็กรุ่นเดียวกันในครอบครัว (หลาน ๆ ซึ่งเป็นลูกของพี่คนโต ๆ ที่แต่งงานแล้ว) บทบาทหัวหน้าแก็งค์ต้องเป็นผู้ที่เข้มแข็งและสามารถปกป้อง สรุปรวมเลยทำให้เกิดความรู้สึกแปลกแยกปนสับสน บางทีก็ไม่มั่นใจไปเสียทุกอย่าง แต่บางครั้งก็ห้าวหาญเด็ดขาดอย่างไม่ค่อยมีเหตุมีผล (เลยชอบทะเลาะกับตัวเองเป็นประจำ)

@@@ที่เล่าเช่นนี้เพราะคิด/รู้สึกเองว่าหากเรา ยอมรับตัวเอง (อาจไม่ถูกต้องเพราะเป็นความคิด-ความรู้สึกส่วนตัว) เราจะพัฒนาต่อไปยังเส้นทางที่ควรเป็นได้ ไม่ติดแหง็กอยู่กับ ปมในชีวิต การคลายปมในชีวิตสำคัญมาก และจะว่าไปแล้วก็ไม่ยากจนเกินกำลัง แต่ก็ไม่ง่ายนัก…

@@@เรื่องที่ว่าไม่ยากเพราะ มนุษย์เป็นสัตว์โลกที่มีศักยภาพอันมหัศจรรย์ รู้คิด รู้แก้ รู้กัน ไตร่ตรองใคร่ครวญเป็น หาเหตุผลได้ มีอัตภาพที่เหมาะกับการเรียนรู้และพัฒนาได้ (ต่างจากสัตว์โลกบางชนิดที่ไม่มีอัตภาพในส่วนนี้) นั่นก็คือหากมุ่งมั่นตั้งใจอยากเปลี่ยน อยากพัฒนาก็จะทำได้

@@@ส่วนที่ว่าไม่ง่ายนักเพราะขึ้นชื่อว่ามนุษย์ล้วนวนเวียนอยู่ในโลกธรรม กิเลส ตัณหา อุปทาน อวิชชาที่ครอบคลุมจิตอยู่ ทำให้แม้รู้ แม้เห็น แต่ก็ยังยากที่ ตระหนัก ได้ว่าควรจัดการอย่างไรกับชีวิต

@@@ส่วนตัวเรียนรู้การแก้ ปมชีวิตเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เพราะมีเพื่อนบอกว่าเป็น คนแปลก เดาใจยาก เข้าถึงยาก ดูเหมือนเข้ากับเพื่อน ๆ ได้ง่าย แต่หลายครั้งก็ปิดตัวเองจนเข้าไม่ถึง การถูกประเมินจากเพื่อน ๆ ทำให้เกิด คำถามกับตัวเอง หากเลือกตอบง่าย ๆ แค่ว่า ก็เราเป็นแบบนี้ชีวิตก็คงเป็นรูปแบบหนึ่ง หากถามต่อว่า ที่เพื่อนพูดนั้นจริงหรือ เพราะอะไร ชีวิตก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่ง

…การตั้งคำถามกับตัวอย่างอย่างมีคุณภาพจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งกับการเป็นไปของชีวิต…

@@@ เคยรังเกียจและไม่ชอบใจกับการเป็น ลูกหลง/ลูกคนเล็ก แต่ความจริงเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว กลับได้เห็นข้อดีอีกมากมาย … อย่างน้อยเราก็ยังคงความเป็นเด็กอยู่ได้แม้ในวัยที่คนอื่นเป็นน้า เป็นป้า เป็นคุณยายคุณย่า (ฮา) และที่ไม่เคยถูกทำโทษใด ๆ จากพ่อแม่เลย ก็ด้วยการเรียนรู้ที่จะ เฉย นิ่ง เงียบ พี่ชายให้นิยามว่าเป็นพวก น้ำเซาะหิน นั่นคือ ไม่เถียงเสียงดัง ไม่เอาชนะคะคานกับใคร แต่ไม่เคยลดละในสิ่งที่ตัวเองคิดและเชื่อ แล้วที่ตลก ๆ ก็คือ ก็มักจะได้ตามที่คิดที่เชื่อนั้นเสียด้วย (พ่อแม่และพี่ ๆ คงเอือมเลยปล่อยมันไป…)

บางทีนะ บางที…หากเราต้องการชนะหรือได้ในสิ่งที่ต้องการ อาจไม่ต้องใช้กำลังใด ๆ มากไปกว่าความมุ่งมั่น (ในสิ่งที่คิดแล้วว่าใช่ว่าถูก) อย่างอ่อนน้อมถ่อมตนให้มากพอ…ก็ได้

๑๑๑

๑๑๑๑การคลี่/การคลายปมในชีวิต เป็นกระบวนการที่ส่วนตัวใช้เป็นประจำเมื่อมีสิ่งที่รู้สึกไม่สบายใจ ไม่พึงพอใจ หรือมีปัญหา และพบว่าเป็นวิธีการที่ใช้ได้ดีสำหรับตัวเอง เราทุกคนจึงน่าจะมี วิธีการส่วนตัวในการจัดการกับ ปมชีวิต ของตัวเอง (แม้ปัญหาเหมือนกัน แต่วิธีการแก้ปัญหาของคนหนึ่งอาจใช้ไม่ได้กับอีกคนหนึ่ง-ไม่มีคำตอบสำเร็จรูปสำหรับใคร ต้องค้นหาที่เหมาะกับเราเอง) การตระหนักเพื่อคลี่และคลายปมชีวิตของตัวเองนี้ ยังส่งผลให้เราได้เข้าใจด้วยว่า คนอื่น ๆ รายรอบตัวเรา ที่บางครั้งเราไม่เข้าใจในความคิด คำพูด และการกระทำของเขาเลยนี่… เขาก็มีปมชีวิตเช่นเดียวกันกับเรา และอาจจะกำลังทำการคลี่และคลายปมชีวิตอยู่เหมือนกัน…ก็เป็นได้

๑๑๑ งั้น…เรามาคิดแบบเด็ก สนุก ๆ ไม่ยากไม่เครียด สร้างสรรค์แบบไม่ติดกรอบ แต่ทำงานและใช้ชีวิตแบบผู้ใหญ่ ที่รู้เหตุ เข้าใจผล รับผิดชอบต่อตัวเองและสังคมคนรอบข้างกันดังที่ คุณโชค บุลกุล กล่าวไว้กันดีกว่านะคะ

๑๑๑

อืม…พอคลี่และคลายปมออกบ้างแล้ว (แม้ยังเหลืออยู่บ้าง)

ชีวิตก็มีความสงบสุข ผ่อนคลายมากขึ้นจริง ๆ

;-)


คิด - ถึง

6 ความคิดเห็น โดย freemind เมื่อ 7 สิงหาคม 2010 เวลา 9:03 (เย็น) ในหมวดหมู่ เรื่องเรื่อยเปี่อยตามอารมณ์ #
อ่าน: 2111

////

วันนี้คิดถึงแม่มากเป็นพิเศษ…

อาจเป็นเพราะใกล้ วันแม่แห่งชาติ” 12 สิงหาคมของทุกปีนั่นเอง

////จะว่าไปแล้ว…ยังไม่เคยหยุดคิดถึงแม่เลยสักวัน หลังจากที่แม่จากไปตั้งแต่ปี 2548 คิดถึงทุกวัน วันละหลายครั้ง เพราะในทุกกิจกรรมจะมีความทรงจำของคำสอน คำพูด การกระทำของแม่ร่วมอยู่ด้วยเสมอ

อย่างนี้นะ…แม่ต้องบอกว่า…

ผักนี่นะ…แม่ชอบ แต่นี่แม่ไม่ชอบเลย…

เรื่องนี้นะ…แม่ต้องว่าอย่างนี้แน่เลย…

ถ้าแม่อยู่นะ…แม่ต้องหัวเราะ แล้วก็ว่า…

///

//// ชอบอ้อนแม่… (ฮา ๆ ใครไม่เคยอ้อนแม่บ้างล่ะ) แม่เป็นคนไม่ชอบกินยา ไม่ชอบไปโรงพยาบาล เลยบอกแม่ว่า หนูรักแม่นะ แม่ต้องรักษาตัวให้แข็งแรง เพราะไม่มีแม่แล้ว หนูจะอยู่ยังไง คงเหงาแย่ ไม่มีแม่คอยให้คำแนะนำ ไม่มีคนคอยเตือน ไม่มีคนทำของอร่อย ๆ ให้กิน แล้วก็หนูไม่รู้จะแหย่ใคร…

222แม่บอกหน้าตาเฉย ๆ ว่า คิดถึงแม่…ก็ให้…ถึงแม่ แล้วกัน … ดูสิแม่เรานี่ช่างเล่นคำ ขนาดไม่ได้เรียนหนังสือสักตัว แต่คงดูละครทีวี ฟังรายการวิทยุมากแน่เลย พูดอะไรเข้าใจยากจังแฮะ

222แม่อธิบายว่าก็ คิดถึงแม่ ก็ให้คิดถึง…สิ่งที่แม่เคยสอนไว้ไงล่ะ ใครจะอยู่ค้ำฟ้าได้ แม่อยากไปเกิดใหม่จะแย่แล้ว ขืนอยู่นานเกินไปไม่มีใครอยู่ด้วย เหงาแย่เลย… เรื่องคล้าย ๆ จะเศร้าเลยกลายเป็นหัวเราะกันเอิ๊กอ๊าก…ซะงั้น

222ช่วงชีวิตหลังจากแม่จากไป เมื่อใดที่ คิดถึง ก็จะพยายาม ถึง คำที่แม่สอนสั่งด้วยความรัก มันหล่อเลี้ยงและเติมเต็มได้จริงดังที่แม่เคยว่าไว้

ความจริงแล้ว ก็คิดถึงทั้งพ่อและแม่พอ ๆ กันนั่นแหละ แต่ความใกล้ชิดและช่วงเวลาที่ได้ใช้และคลุกคลีกับ แม่ มากกว่า พ่อ จึงทำให้ความรู้สึกและความระลึกถึงที่เข้มข้นกว่าอยู่ที่ แม่

///

////นานมาแล้วในวันเกิดของตัวเอง มีเพื่อนส่งการ์ดมาให้และมีข้อความที่อ่านแล้วรู้สึกแปลก ๆ (ในตอนนั้น)

วันเกิดต้องคิดถึงและกอดพ่อแม่ให้แน่น ๆ นะ

///

////ถ้อยคำนั้นกระทบใจ เก็บการ์ดไว้อย่างดี เพิ่งค้นเจอเมื่อไม่นานมานี้ เหลืองเก่ามากแล้ว แต่ข้อความกลับกระจ่างใจ

ก็เลยคิดถึงข้อความคล้าย ๆ กันนี้ที่ว่า…

///

จงรักและกอดพ่อแม่อย่างทะนุถนอม

เพราะโลกนี้จะแปลกประหลาดและว่างเปล่า…

ทันทีที่ท่านจากไป

////

ไม่อิจฉาหรอก…

ยินดีด้วยสำหรับคนที่ยังมีพ่อแม่ให้กอด

ฝากกอดท่านแถมอีกทีหนึ่งด้วยนะคะ


โลกหล้า-นิรันดร

4 ความคิดเห็น โดย freemind เมื่อ 4 สิงหาคม 2010 เวลา 11:33 (เย็น) ในหมวดหมู่ เรื่องเรื่อยเปี่อยตามอารมณ์ #
อ่าน: 2148

@@@

หนึ่งเม็ดทรายเท่ากับหนึ่งโลกหล้า,

หนึ่งบุปผาเท่ากับหนึ่งสรวงสวรรค์,

ในฝ่ามือเกาะกุมความนิรันดร์,

ชั่วพริบตาก็คือ…ชั่วนิรันดร

///

William Blake

กวีและศิลปินชาวอังฤษ

ผู้ได้รับสมญานามว่า ผู้หยิบยื่นความยิ่งใหญ่ให้แก่โลก

///

อ่านแล้วแอบติดใจ… คิดต่อติดพันไปเสียไกล (ตามนิสัยชอบคิดเรื่อยเปื่อย)

มีดีจึงมีเลว…

มีรวยจึงมีจน…

มีเก่งจึงมีไม่เก่ง…

มียิ่งใหญ่จึงมีสามัญ…

ทวิลักษณะของโลกนี้ดำเนินไปด้วยการขับเคลื่อนของ อัตตา แห่งผู้ตีความและให้ความหมายเสมอ

@@@

อืมนะ…

เม็ดทรายกลายเป็นโลกหล้า

บุปผาราวสรวงสวรรค์

เวลาชั่วพริบตาคือ…นิรันดร

ชอบ ๆ ๆ ๆ จัง!!!


ละครมายา

4 ความคิดเห็น โดย freemind เมื่อ 2 สิงหาคม 2010 เวลา 10:22 (เย็น) ในหมวดหมู่ เรื่องเรื่อยเปี่อยตามอารมณ์ #
อ่าน: 1888

:-?

วันนี้คิดถึงร้อยแก้วที่เคยอ่านและคัดลอกไว้ โดยไม่ทราบชื่อผู้ประพันธ์

///

แสงแดดจัดจ้าคือความร่าเริงของใบไม้

ผู้คนหลากหลายคือตัวละครมากมายให้ศึกษา

น้ำครำน้ำเน่าคือรากเหง้าของปัญญา

และ วันเวลากลับมีค่ายิ่งกว่า…เงินทอง

นิรนาม

หลายคนอาจหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดจ้า มันร้อนแผดเผาเรานี่นา

ลืมไปว่า…แสงแดดคือพลังชีวิตสร้างสรรค์โลก

หลายทีเราหน่ายกับตัวละครมากมายที่เข้ามาในชีวิต เบื่อละครโลกย์เก่า ๆ

มัวแต่คิดว่า… เราคือหนึ่งใน ตัวละคร นั้น

หลายหนเรารังเกียจเรื่องน้ำครำน้ำเน่าว่าไร้สาระ เอียนแล้วไม่อยากรับรู้

คิดไม่ออกว่า… นั่นคือรากเหง้าแห่งปัญญา

หลายครั้งคราที่เราฆ่าเวลา…เพราะไม่รู้จะทำอะไรดี

จนวันหนึ่ง…เราเสียดายจับใจ ทำอย่างไรจะได้วันเวลานั้นกลับมา

///

1234โลกมันยุ่ง น่าหน่ายนัก จะเราจะเขาต่างก็เต็มไปด้วยอวิชชา เห็นแล้วรู้แล้ว ให้รู้สึกว่าไม่อยากเป็น ตัวละคร ใน ละครมายา

หากมองอีกมุม…เมื่อเลี่ยงไม่พ้น หลบไม่ได้ ก็ต้องยอมรับและเผชิญหน้าอย่างกล้าหาญ รู้เท่าทัน…แม้ยาก ก็ต้องเพียรทำ

///

คิดต่อไปถึงคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ที่ว่า

ความสุขใดก็ตามที่ไม่นำไปสู่ความสงบระงับ

ไม่นับเป็นความสุขแท้

จริงแท้แล้ว

ดอกหญ้าเล็ก ๆ … ที่เปี่ยมสุข

P20600955


โลกนี้พร่องอยู่เป็นนิจ

4 ความคิดเห็น โดย freemind เมื่อ 29 กรกฏาคม 2010 เวลา 7:43 (เช้า) ในหมวดหมู่ เรื่องเรื่อยเปี่อยตามอารมณ์ #
อ่าน: 3118

<

โลกนี้พร่องอยู่เป็นนิจ ไม่เคยสมบูรณ์เลย

มนุษย์ คือโรงงานผลิตความบกพร่อง

เก็บมาจากศีรษะอโศก.

+

เพราะ ไม่รู้จักพอ

…ใจจึง ขาดพร่อง

ความขาดพร่องในใจทำให้ทุรนทุราย อยากได้อยากมีอยากเป็น อยาก อยาก อยาก …..ไม่รู้จบ

โลกจึงคล้ายกับ พร่องอยู่เป็นนิจ…ไม่เคยสมบูรณ์เลย

1

แล้วควรทำอย่างไร?

ไม่ต้องทำอะไรเลย นิ่งมอง เฝ้าดู รู้ เห็น ยอมรับให้ได้

แล้ว…ช่องว่างที่ขาดพร่อง นั้น ก็จะค่อย ๆ เต็มตื้นขึ้นอย่างช้า ๆ

1

เท่านั้นเองหรือ?

โลกภายใน ที่เต็มเปี่ยม จะไปช่วยเติมเต็ม

โลกภายนอก ที่ขาดพร่องนั้นเอง…

1

ทำไมล่ะ?

เพราะในความเป็นจริง โลกนี้งดงามสมบูรณ์แบบ สอดคล้องกลมกลืนอยู่แล้วเป็นธรรมดา

1

เพียงเราอย่าบิดเบือนความจริงนั้นเสียก็แล้วกัน

1

หน้าที่เราก็เพียงตามรู้ ตามดู ให้เห็นให้เข้าใจ … และช่วยกันเติมเต็มความขาดพร่องนั้น ทั้งภายในใจตนเองและผู้อื่นอย่างเมตตาและปรารถนาดีต่อกัน…

123

ก็ฟังดูไม่ยากนะ

เพียงจะทำได้แค่ไหนเท่านั้นเอง…

;-)


เกือบไปแล้ว

9 ความคิดเห็น โดย freemind เมื่อ 11 กรกฏาคม 2010 เวลา 10:29 (เย็น) ในหมวดหมู่ เรื่องเรื่อยเปี่อยตามอารมณ์ #
อ่าน: 2178

1234

1234 โดยส่วนตัวเป็นคนมีปัญหาทางการได้ยิน มีความไวกับเสียงและคลื่นเสียงต่าง ๆ มากกว่าปกติ จึงไม่ชอบคุยโทรศัพท์ ทุกครั้งหลังจากคุยโทรศัพท์ โดยเฉพาะมือถือเกินกว่า 30 นาที จะมีอาการหูอื้อ ต่อด้วยอาการปวดหูและปวดศีรษะตามมา กว่าจะหายกลับเป็นปกติก็ต้องข้ามวันแล้ว

1234 เพื่อรักษาสมดุลและความปกติสุขของชีวิต จึงมักจะหลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์นาน ๆ หรือไม่ค่อยใช้มือถือในที่สุด จนเพื่อนฝูงและญาติ ๆ ต่างรู้นิสัยการไม่ค่อยรับโทรศัพท์ (แล้วมีโทรศัพท์ไว้ทำไมฟะ) ความจริงแล้วมักจะไม่ได้ยินเสียง เพราะไม่ได้พกโทรศัพท์ไว้กับตัว และหากจะโทรกลับก็มีสายที่ไม่ได้รับมากมายเกินกว่าจะโทรกลับได้ จึงเป็นข้อตกลงกับทุก ๆ คนรอบตัวว่าหากว่างและได้ยินเสียง ก็จะรับสายโทรศัพท์ นอกเหนือจากนี้ขออนุญาตไม่โทรกลับ นอกจากนัดหมายอะไรไว้ก่อน หรือเห็นเป็นเบอร์ของคนที่ได้ Memory ไว้และโชว์ชื่อแล้ว

สรุปแบบย่นย่อใจความก็คือ อยากโทรกลับก็โทร ไม่อยากโทรก็ไม่โทร อยากรับก็รับ ไม่อยากรับก็ไม่รับ (ตามใจฉัน) เป็นเช่นนี้เรื่อยมา…

1234

1234 วันดีคืนดี…กำลังนั่งสบายอกสบายใจชมนกชมไม้บนดาดฟ้า ก็มีเสียงเรียกสาย (หลานตัวเล็กเอามือถือมาวางไว้ให้หลังยืมไปเล่นเกม) ดูเบอร์ที่โชว์ก็ไม่คุ้น ไม่มีชื่อขึ้น สงสัยพวกขายประกันฟิตเนสอะไรทำนองนี้ เอ้า..วันนี้ลองรับดูหน่อยสิ

คนรับ หวัดดีค่ะ

คนโทร หวัดดีค่ะ อี้หรือคะ หนูเพื่อนเอ (ชื่อสมมุติ) นะคะ

คนรับ อ้อ…เพื่อนเอ (หลานสาว) มีอะไรเหรอคะ

คนโทร เอ เค้าให้หนูบอกอี้ว่า ช่วยเอาเป้สีดำไปคืนเค้าด้วย

เค้าต้องใช้อ่ะค่ะ

คนรับ อ้าว… เป้สีดำใบไหนนะ ใบที่เขาเพิ่งส่งมาให้อี้เมื่อ

เดือนที่แล้วหรือ

คนโทร ใช่มั้งคะ หนูไม่รู้ค่ะ เค้าบอกแค่นี้

คนรับ ส่งกลับไปให้ที่อังกฤษเลยหรือ… คิดในใจถ้าต้องใช้

ซื้อใบใหม่คงจะคุ้มค่าส่งมากกว่าหรือเปล่า

คนโทร ….?..?..?…

1234 เรื่องก็คือหลานสาวซึ่งไปเรียนต่อปริญญาโทที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ส่งเป้สีดำใบเท่มาให้น้าสาว (ฝากเพื่อนที่กลับมาเยี่ยมเมืองไทยมาให้) เป็นเป้ที่ซื้อจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ที่ไปดูงาน มีชั้นด้านหลังสำหรับใส่โน้ตบุ้คส์ ชั้นล่างใส่รองเท้ากีฬาและชั้นในก็มีหลายชั้นแยกใส่ของได้ เป็นที่โปรดปรานและเห่อของน้าสาวมาก อยู่ดี ๆ จะให้ส่งกลับไป เลยชักงง ๆ

คนรับ เพื่อนน้องเอ ที่ไปเรียนที่ลอนดอน ใช่ไหมคะ อี้ชื่อ…นะคะ

คนโทร แหะ ๆ ๆ สงสัยโทรผิดแล้วค่ะ เอเพื่อนหนูเขาอยู่

บางซื่อนี่เองค่ะ ไม่ได้อยู่อังกฤษอ่ะ ขอโทษค่ะ

คนรับ อ้าว…ไม่เป็นไรค่ะ หวัดดีค่ะ

1234 เฮ้อ…อยากทำนิสัยดี รับโทรศัพท์ที่ไม่ได้ memory ไว้ … เลยเจอเรื่องฮา(ไม่ออก)

เรื่องนี้ให้ข้อคิดว่าจะทำอะไรที่ไม่ค่อยเคยทำ ต้องละเอียด รอบคอบ อย่าด่วนสรุป…ไม่งั้นอาจเดือดร้อนยุ่งยากโดยใช่เหตุ

1234

เกือบไปแล้วไหมล่ะ หากไม่เอ๊ะใจ คงได้ส่งเป้ใบโปรดกลับไปถึงอังกฤษให้หลานสาวงงเป็นไก่ตาแตกแน่ ๆ เลย


ความเชื่อกับปาฏิหาริย์

2 ความคิดเห็น โดย freemind เมื่อ 7 มิถุนายน 2010 เวลา 10:39 (เช้า) ในหมวดหมู่ เรื่องเรื่อยเปี่อยตามอารมณ์ #
อ่าน: 1747

 

THESE ARE FOR YOU!!!

 

Life is too short to wake up with regrets.
Love the people who treat you right.
Forget about the ones who don’t.
Believe everything happens for a reason.
If you get a second chance, grab it with both hands.
If it changes your life, let it.
Nobody said life would be easy.
They just promised it would be worth it.

 

Friends are like balloons.
Once you let them go, you can’t get them back.
So I’m gonna tie you to my heart so I never lose you.
Send these balloons to your friends.*
You must also return it to me.*
If four balloons are returned to you, something you have been waiting for a long time will happen!!!!

Believe me…. It really happens!
 
  

 

           ด้านบนเป็นข้อความที่ส่งมาจากเพื่อน ๆ และพี่ ๆ น้อง ๆ หลายคน (เกิน 4 คน) ภายใน 2 วันนี้ แสดงว่ากลุ่มนี้มีความเชื่อในเรื่องปาฏิหาริย์อย่างยิ่งยวด…

         อ่านดูเนื้อความก็ดีอยู่หรอก แต่เหมือนบังคับกลาย ๆ ให้ต้องส่งเมลนี้กลับไป ไม่งั้นเหมือนจะไม่รักเพื่อน และสิ่งที่ฝันไว้ลึก ๆ ว่าอยากได้ แต่ยังไม่ได้ จะไม่เกิดขึ้น

         ฟังแล้วไม่ค่อย make sense เท่าไรนัก แต่… เกี่ยวกับเรื่องความเชื่อ เรื่องปาฏิหาริย์นี่ มักจะอธิบายไม่ค่อยได้ ไม่ค่อยอยากอธิบายกัน เลยโยนกลองไปให้คำว่า “ไม่เชื่ออย่าลบหลู่” ซะงั้น!!!

 

ก็เลยรีบส่งต่อไปบ้าง…เพราะเชื่อเหมือนกัน!!!

ฮา ๆ ๆ ๆ



Main: 1.112163066864 sec
Sidebar: 0.035261869430542 sec