อบรมสัมมนาสัมมนาครูสุขศึกษาและพลศึกษา

ไม่มีความคิดเห็น โดย ครูโย่ง เมื่อ 13 กรกฏาคม 2009 เวลา 12:18 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1784

สวัสดีครับ

      เมื่อวันเสาร์ที่ 11 - 12 กรกฎาคม 2552 ครูโย่งได้มีโอกาสเข้าร่วมในโครงการอบรมสัมมนาสัมมนาครูสุขศึกษาและพลศึกษา ( ครูที่เป็นสมาชิกชมรมพลศึกษา ) กรุงเทพมหานคร ที่โรงเรียนวัดช่องนนทรี เขตยานนาวา ซึ่งมีสมาชิกชมรมพลศึกษา กว่า 100 คนเข้าร่วมอบรมในครั้งนี้ 

       สำหรับเนื้อที่เข้าอบรมก็จะแบ่งกีฬาสองชนิดคือ วอลเลย์บอลชายหาด และ กีฬากอล์ฟ ซึ่งอบรมพร้อมกัน ใครที่สนใจวอลเลย์บอลชายหาดก็เข้าไปอบรมอีกห้องหนึ่ง  ตัวผมเองก็ได้มีโอกาสรับฟังการอบรม เรียนรู้เรื่อง ประวัติความเป็น กฎ กติกา มารยาท ของกอล์ฟ โดยมีโปรฯ มาให้ความรู้ในครั้งนี้

 

ท่านประธานจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนไตร

ประกล่าวเปิดงานและมอบของที่ระลึก

วิทยากรมาให้ความรู้เรื่องกอล์ฟ

โปรฯ มาบรรยาย ความรู้เรื่องกอล์ฟ

 

ร่วมกันสร้างภาพหน่อยครับ อิอิ

สำหรับการอบรมครั้งนี้ ได้ความรู้เกี่ยวกับกอล์ฟ ซึ่งถ้าจะให้ตีเป็น ก็ต้องฝึกฝน แต่ตอนนี้ตัวผมเองได้มีมุมมองใหม่ ๆ เกี่ยวกับกอล์ฟ ซึ่งถ้าเราตั้งใจ เรียนรู้ คิดว่าน่าจะตีได้ ขอขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านครับ

ขอบคุณครับ


ไปดูเซปัคตระกร้อกระทบไหล่นักกีฬาทีมชาติครับพี่น้อง

ไม่มีความคิดเห็น โดย ครูโย่ง เมื่อ 11 กรกฏาคม 2009 เวลา 20:02 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 3117

สวัสดีครับ

       เมื่อวันอังคารที่ 7 ก.ค. ครูโย่งได้มีโอกาสดูการแข่งขันเซปัคตระกร้อ 21 ชาติ เตรียมแข้งตะกร้อชิงแชมป์โลก ชิงถ้วยพระราชทานทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครั้งที่ 24ห้างแฟชั่น ไอส์แลนด์

ซึ่งพล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ นายกสมาคมตะกร้อแห่งประเทศไทย เป็นประธานเปิดการจัดแข่งขันตะกร้อชิงแชมป์โลก ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครั้งที่ 24 ระหว่างวันที่ 2-7 กรกฎาคม ซึ่งในปีนี้มีนักหวดลูกพลาสติกชายหญิงจาก 21 ประเทศ

ประกอบด้วย บรูไนดารุสซาลาม, กัมพูชา, จีน, จีนไทเป, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อินเดีย, อินโดนีเซีย, อิหร่าน, ญี่ปุ่น, เกาหลี, ลาว, มาเลเซีย, ปากีสถาน, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, ศรีลังกา, สวิตเซอร์แลนด์, อเมริกา, เวียดนาม และไทย กว่า 500 คนเข้าร่วมแข่งขันใน 8 ประเภท

โดยในส่วนของทีมชาติไทยจะถือเป็นการแข่งขันคัดเลือกตัวแทนทีมชาติไทย เข้าร่วมศึกเอเชียนอินดอร์เกม ที่เวียดนาม และซีเกมส์ ที่ลาว

สำหรับการแข่งขันจะมีขึ้นที่ห้องไอส์แลนด์ฮอลล์ ชั้น 3 ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์

ซึ่งการเข้ามาดูการแข่งขันสดๆ เป็นอะไรที่ตื่นเต้นและมันมาก ๆ ครับ ตระกร้อเป็นกีฬาที่ครูโย่งชื่นชอบเป็นทุนเดิมอยู่แล้วครับ ก็เลยลองเข้ามาชมดู

ซึ่งได้ดูคู่ชิงชนะเลิศ ประเภททีมชาย  ระหว่าง คู่ปรับเก่า เสือเหลืองมาเลยเซีย ครับ

คนดูมาเยอะมาครับผม

ทีมมาเลย์ ครับผม

ทีมไทย ครับ

พี่มาดแขนควงก็มาสร้างสีสรร ให้กับการแข่งขันนี้ด้วยครับ

ถ่ายกับนักกีฬาอินโด ครับ

มือสามสืบศักดิ์ ผันสืบ ครับ สังเกต สูงกว่าผมอีก อิอิ

มือยกต้องมอบให้ พี่สุริยันต์ เป๊ะชาครับ

คนนี้ตี มันส์มากครับ พรชัย  คุ้มแก้ว

ขั้นเทพเลย ทีเดียว

ผลการแข่งขันทีมไทย เอาชนะไปได้ สองทีม รวด ครับ ได้แชมป์ไปครอง อย่างง่ายดายครับ

สุดยอด

ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมครับ


สัมนากระบี่ตรัง 2

2 ความคิดเห็น โดย ครูโย่ง เมื่อ 10 กรกฏาคม 2009 เวลา 23:17 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1356

สวัสดีครับ

      หลังจากบันทึกที่แล้วเกี่ยวกับการศึกษาดูงานแล้ว งานนี้พวกเราเสียดายมาก ๆ ที่มาถึงกระบี่แล้วไม่ได้ลงเล่นน้ำทะเลเลย เนื่องจากขัดข้องทางโปรแกรมนิดหน่อย เรื่องบประมาณและการบริหารจัดการ ก็เลยได้แค่ไป ดูบรรยากาศรอบ ๆ ทะเล นั่นเอง  บันทึกนี้ ผมทดลองโพสท่าแปลก ๆ เลยได้ภาพนี้มาครับ

 

ทดลองกระโดดก่อน

หลังจากนั้นค่อยแสดงอภินิหารเจ้าพ่อโย่ง ลอยตัวได้ อิอิ

 

 

ได้ที่บอกให้พี่ ๆ ลงกระโดดดู จะได้มีสีสัน ดีกว่าถ่ายธรรมดา จริงไหมครับ

อิอิ

ทริปนี้ไม่ค่อยสนุกเลย ไม่ได้เล่นน้ำ แต่ก็ไม่เป็นไรครับ ไว้ค่อยไปเที่ยวใหม่ครับ

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับผม


เที่ยวกระบี่ตรัง1

2 ความคิดเห็น โดย ครูโย่ง เมื่อ 10 กรกฏาคม 2009 เวลา 23:15 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1604

สวัสดีครับ พี่น้องชาวโกทูโนว์ทุกท่าน

       เมื่อวันที่ 8 - 11 พฤษภาคม 2552 นี้ ทางบุคลากรโรงเรียนพรพระร่วงประสิทธิ์ และครูในเขตสายไหม อีก 3 โรงเรียน ได้มีโอกาส ไปทัศนศึกษา ณ จังหวัด ตรังและกระบี่ ซึ่งเป็นงบประมาณ ของ สก.ดร.สมชาย เวสารัชตระกูล ซึ่งเป็น สก.เขตสายไหม ได้จัดกิจกรรม นำคณะครูไปศึกษาดูงาน ในจังหวัดตรังและกระบี่ เพื่อเรียนรู้และพักผ่อน ตามไปดูบรรยากาส นะครับ

      

ก่อนออกเดินทาง ท่านศึกษาธิการเขตสายไหม กล่าวรายงาน

และ ท่านผู้อำนวยการเขตสายไหม เปิดงาน

 

เดินทางมาถึงตอนเช้า สังเกตชื่อร้านนะครับ อิอิ

 

หลังจากนั้นก็ไปศึกษาดูงาน การทำไบโอดีเซล

โรงงานใหญ่มากครับพี่น้อง

บรรยากาศภายนอกดีมากครับ

มาถึงแล้วครับ กระบี่ ได้เวลากินจ้า

 

กินเสร็จ ถึงห้องพักแล้วครับ เรื่องเบอร์ห้อง ไปตีเอาเองนะครับ ขอให้โชคดี อิอิ

ช่วงตอนเช้า วันที่ 9 ไปทำบุญที่วัดถ้ำเสือ

บรรยากาศดีมากครับผม

 

ถ่ายรูปหมู่กันหน่อยครับผม

 

 

บรรยากาศงานเลี้ยงตอนกลางคืนครับผม ไมค์อยู่กับเราซะแล้ว อิอิ

จากนั้นไปศึกษาดูงาน เทศบาล จ.ตรัง ครับผม

แอ็คชั่นหน่อยจ้า

คนอะไร หน้าตาดีจริงๆ อิอิ

หลังจากดูงาน เทศบาลตรังแล้ว ได้เวลาอาหารเที่ยงครับผม

ติดตามต่อ บันทึกหน้าครับ


เช็คช่วยชาติ

6 ความคิดเห็น โดย ครูโย่ง เมื่อ 2 กรกฏาคม 2009 เวลา 19:37 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1275

สวัสดีครับ

        พี่น้องที่รักทั้งหลาย วันนี้ครูโย่งได้รับเช็คช่วยชาติแล้วครับ ต้องขอบคุณรัฐบาลครับ เงินจำนวนนี้ 2,000 บาท ผมจะมอบให้แม่ทั้งหมดเลยครับ 

เช็คช่วยชาติหน้าตาเป็นแบบนี้นี่เองครับพี่น้อง  ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมครับ คิดถึงทุกคนครับ


เจ้าเป็นไผ(2) ตอนครูสอนดนตรี

1 ความคิดเห็น โดย ครูโย่ง เมื่อ 19 เมษายน 2009 เวลา 20:07 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1582

มาแล้วครับ เจ้าเป็นไผ 2 ตอนครูสอนดนตรี

จากบันทึกเจ้าเป็นไผ (1) เมื่อพี่ชายผมโทรมาบอกว่า ตอนนี้ที่ กทม. เขามีสอบครู กทม. ก็เลยลองสมัครสอบเข้ามา จนได้เป็นครูสมใจอยาก ตอนนั้นเขาให้เลือกลงโรงเรียนที่อยากลง พอเห็นโรงเรียนพรพระร่วงประสิทธิ์ อยู่สุขาภิบาล 5 คิดว่าคงไม่ไกลมากก็เลยเลือก ปรากฎว่า อยู่แถวรามอินทรา ซึ่งอยู่ลึกมากๆ และออกจะกันดาร แต่คงไม่กันดารเท่านครพนมบ้านผมเป็นแน่ และแล้วชีวิตครูที่ผมใฝ่ฝันก็เริ่มต้นที่รร.พรพระร่วงประสิทธิ์แห่งนี้

ครั้งแรก วันแรกของการสอนของผม เมื่อปี 2543 ประมาณ 8 -9 ปี มาแล้ว ตอนนั้นผมจำไม่ได้ว่าสอนวิชาอะไร และสอนนักเรียนชั้นไหน รู้แต่ว่าผมรู้สึกตื่นเต้นกับการสอนครั้งแรกของผม ซึ่งเมื่อสอนเสร็จเด็กๆคงจะรู้เรื่อง ผมคิดว่าอย่างนั้นครับ ผมคิดว่าการสอนที่ดีการเป็นครูที่ดีต้องอาศัยประสบการณ์ และผมยังต้องพัฒนาต่อไปอีก ต้องฝึกฝนการสอนเพื่อให้นักเรียนของผมเป็นนักเรียนที่ดีและมีคุณภาพ ผมคิดว่าผมไม่ได้สอนแค่วิชาความรู้ แต่ผมสอนความเป็นคนดีงาม มีจิตใจดีงามและพยายามที่จะเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับพวกเขาด้วย

ผมเข้ามาเป็นครูสอนวิชาดนตรี ของที่นี่และเป็นครูคนแรกที่จบดนตรีมาโดยตรง เมื่อก่อนยังไม่มีห้องซ้อมดนตรี มีเครื่องดนตรีเพียงไม่กี่ชิ้น แต่เครื่องดนตรีที่มีอยู่ได้รับการดูแลรักษาและเก็บอย่างไม่เป็นที่เป็นทาง ผมพบว่าเครื่องดนตรีที่มีอยู่มีเพียงกลองยาว กลองแต๊ก เมโลเดียนถูกเก็บอบู่ในห้องเก็บของ ผมคิดว่างานเข้าผมแล้ว ผมต้องวางระบบการจัดการเรื่องดนตรีใหม่ เพื่อให้ผู้บริหารยอมรับให้ได้

ในขณะนั้น อาจารย์กุลวรรณ ภูมิสุวรรณเป็นอาจารย์ใหญ่ของรร.พร พระร่วงประสิทธิ์ จากนั้นจนบัดนี้ใช้ระยะเวลายาวนานพอสมควร แปดปีกว่าที่ผมเริ่มวางระบบด้วยความอดทน จากเครื่องดนตรีไม่กี่ชิ้นที่มีอยู่ในขณะนั้น ผมได้สอนและฝึกฝนให้กับนักเรียนที่สนใจ โดยใช้เครื่องดนตรีที่มีอยู่ ผมนำวงกลองแต็ก เมโลเดียน มาแสดงให้ผู้บริหารโรงเรียนได้ชม เป็นครั้งแรกในงานกิจกรรมโครงการเพื่อสันติภาพ จากเหตุการณ์ 1 9 9 ที่อเมริกาโดนถล่มตึกเวิริ์ลเทรด ผมนำเพลงสันติภาพมาให้เด็กๆ ฝึกร้อง ผมแกะเพลง แกะโน๊ตเพลงให้เด็กๆ ได้ฝึกฝน โดยใช้เวลาช่วงเย็นหลังเลิกเรียน โดยผมเป็นคนควบคุมวง เป็นครั้งแรกที่ได้แสดงเพลงสันติภาพและเพลงลูกทุ่งที่ผมถนัดให้ผู้บริหารชม

ท่านอาจารย์ใหญ่คงจะประทับใจ การแสดงของนักเรียน หลังจากแสดงจบท่านเลยให้งบประมาณส่วนตัวมา 20,000 บาท มาซื้ออุปกรณ์ เครื่องดนตรีเพิ่มเติมผมได้นำไปซื้อคีย์บอร์ดและฝึกซ้อมให้นักเรียนในช่วงเลิกเรียน และช่วงกิจกรรมของชมรมดนตรี หลังจากนั้นนักเรียนดนตรีของผม ซึ่งตอนนั้นยังไม่เป็นวงเท่าไหร่ก็มีงานเข้าตลอด เรารับแสดงในงานหรือกิจกรรมต่างๆของชุมชน วัดแถบๆเขตสายไหม ซึ่งมีงานมาอย่างต่อเนื่อง ขณะนั้นผมรู้สึกว่าเราเริ่มได้รับการยอมรับจากครู นักเรียนตลอดจนผู้บริหารโรงเรียนมากขึ้น

หลังจากนั้นโรงเรียนได้รับงบประมาณจากกรุงเทพมหานคร เพื่อซื้ออุปกรณ์ เครื่องดนตรีเพิ่มเติมอีก ได้งบประมาณมา 60,000 บาท เราได้กลอง และเมโลเดียนครบชุด ผมจึงตั้งวงเมโลเดียนของโรงเรียนขึ้น

ต่อมาผมได้รับโอกาสไปอบรมการทำวงขลุ่ย ผมคิดว่าขลุ่ยเป็นเครื่องดนตรีพื้นฐาน ที่เล่นไม่ยาก อุปกรณ์มีราคาถูกและเสียงไพเราะมาก ประกอบกับได้งบประมาณในการซื้อขลุ่ย ผมจึงคิดจะตั้งวงขลุ่ย ผมเริ่มฝึกสอนทีละคน เริ่มจากเด็กที่สนใจ จากจุดเล็กๆ คน สองคน กลายเป็นวงขลุ่ยอย่างสมบูรณ์ เราจึงมีงานแสดงเวทีนั้นเวทีนี้มีมาอย่างต่อเนื่องอีกแล้วครับท่าน

เมื่อเรามีประสบการณ์ในวงขลุ่ยมาพอสมควรแล้ว เราจึงได้ไปประกวดแข่งขันที่สวนสาธารณะ เขตสายไหม ได้รางวัลที่ 3 จากทีมทั้งหมด 5 ทีม ตอนนั้นผมรู้สึกภาคภูมิใจกับรางวัลนี้มาก และคิดว่าเด็กๆ คงภูมิใจในตัวเขาเองไม่น้อยกว่าผมแน่นอน ผมจึงคิดว่าเราต้องสร้างคุณค่าให้กับพวกเขาเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง ผมจึงฝึกฝน ฝึกซ้อมให้เขาอย่างต่อเนื่อง จากรุ่นสู่รุ่น เมื่อรุ่นพี่จบไป ต้องมีทายาทที่ฝีมือสูสีกับรุ่นพี่มารองรับต่อไป ผมจึงให้รุ่นพี่ที่จบไปแล้ว มาสอนน้องแบบประกบตัวต่อตัว ผมคิดว่านอกจากจะพัฒนาทักษะของผู้เรียนและสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างเพื่อนหรือพี่น้องแล้ว สำหรับพี่ผู้ฝึกสอนน้องแล้ว เขายังรู้สึกได้พัฒนาทักษะการสอนของตัวเอง พัฒนาทักษะเรื่องดนตรีที่ชำนาญมากขึ้น เขายังสามารถถ่ายทอดให้รุ่นน้องได้ เขาจะรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองมากขึ้น สำหรับผม ผมจะเฝ้ามองดูพวกเขาอยู่ห่างๆ เปิดโอกาสให้รุ่นพี่ได้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่ ผมจะคอยเพิ่มเติมในส่วนขาดเล็กๆ น้อยๆ หรือส่วนสำคัญบางประเด็นให้เท่านั้น

จากวันนั้น จวบวันนี้ มีรุ่นพี่ ที่จบไปแล้ว 6- 7 รุ่น เรายังมีการฝึกซ้อมในช่วงหลังเลิกเรียนหรือในช่วงกิจกรรมของชมรมดนตรี ทำให้วงขลุ่ยของเรามีงานเข้าตลอด

ต่อจากนั้น ยังมีผู้ใจบุญ บริจาคกลองยาวและเครื่องดนตรีประกอบจังหวะอื่นๆมาให้เราอีก ทำให้เรามีวงกลองยาว เพิ่มขึ้นมา ซึ่งวงกลองยาวนี้เป็นที่ชื่นชอบของชาวบ้าน เราได้รับเชิญไปงานบวช งานแห่ผ้าป่า งานรณรงค์ต่างๆของกทม. ทำให้เด็กๆนักดนตรีของผม มีรายได้เป็นค่าขนมเล็กๆ น้อยๆกันทุกคน ผมได้บอกกับพวกเขามาตลอด เมื่อมีงานแสดงว่า

“ เมื่อเรามีโอกาสได้แสดงดนตรี อย่าไปคิดเรื่องค่าขนมที่จะได้ เพราะบางทีเจ้าภาพเขาอาจจะไม่ให้ ให้คิดว่ามันเป็นผลพลอยได้ แต่สิ่งที่เราได้ทุกครั้งคือประสบการณ์และความชำนาญด้านดนตรี ฝีมือของเราที่พัฒนา มากขึ้น มากขึ้นต่างหาก ซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุด”

โปรดติดตาม เจ้าเป็นไผ 3 ครูนักกิจกรรม ครับพี่น้อง


โครงการอบรมคอมพิวเตอร์กราฟฟิกเพื่อสื่อสิ่งพิมพ์

ไม่มีความคิดเห็น โดย ครูโย่ง เมื่อ 9 เมษายน 2009 เวลา 10:51 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2509

สวัสดีครับ

        วันที่ 30 มีนาคม - 9 เมษายน 2552  ครูโย่งได้มีโอกาสเข้าโครงการอบรมคอมพิวเตอร์ กราฟฟิก เพื่อสื่อสิ่งพิมพ์  ซึ่ง ทางสำนักการศึกษาร่วมกับ มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ จัดขึ้น โดยมีวัตุถุประสงค์ให้คณะครูสามารถผลิตสื่อ สิ่งพิมพ์ได้ด้วยตนเอง โดยจัดอบรมคณะครู สามรุ่น ซึ่งครูโย่งได้ร่วมอบรม รุ่นที่ 1 

 

        การอบรม จะมีการอบรม 3 โปรแกรม Adobe Photoshop Adobe IIIustrator และ Adobe Indesign  ส่วนใหญ่จะอบรม เน้นที่โปรแกรม Adobe Photoshop เพื่อให้ได้ใช้งาน แต่ก็มีโปรแกรม Photoscape ด้วย  เรื่อง Photoscape  เราค่อนข้างชำนาญ เพราะใช้มาเยอะ อิอิ

        สำหรับ การอบรมครั้งนี้ ทางวิทยากรเมื่อให้ความรู้แล้ว ก็จะให้ผู้เข้าอบรม ส่งงานโดยกำหนดโจทย์ว่า ให้ทำปกซีดี  ทำแผ่นป้ายงานวันสงกรานต์และ ให้ออกแบบกราฟฟิกวันสงกรานต์ เช่น แผ่นพับ โปสเตอร์ รถเผยแพร่ข่าวสาร  รถบัส    ของที่ระลึก   ขวดน้ำดื่ม 

        สำหรับครูโย่งแล้ว  Adobe Photoshop  ก็เคยเล่นมาบ้างแต่ไม่เป็น อาศัยมั่วๆ ไป  แต่เข้ามาอบรมแล้วก็ได้ความรู่ เทคนิค เยอะแยะเลย สามารถนำไป ออกแบบ สื่อ สิ่งพิมพ์ได้   ผลงานของครูโย่งจะเป็นอย่างไร ตามไปดูเลยครับ

ออกแบบ ปกซีดี

โปสเตอร์วันสงกรานต์

จบแล้วครับ ได้ใบประกาศเรียบร้อย

อิอิ

ขอบคุณที่แวะมาอ่านครับ

 


เจ้าเป็นไผ2

2 ความคิดเห็น โดย ครูโย่ง เมื่อ 9 เมษายน 2009 เวลา 10:50 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1178

สวัสดีครับ

        ตั้งใจจะเขียนเจ้าเป็นไผภาคสอง ต่อแต่ ยังคิดไม่ออก ยังไม่ได้ต่แก็เลยต้องจองพื้นที่ไว้ก่อน เดี๋ยวหลังสงกรานต์ คงจะเขียนตอนสองจนจบ โปรดติดตามนะครับ


เจ้าเป็นไผ

21 ความคิดเห็น โดย ครูโย่ง เมื่อ 20 มีนาคม 2009 เวลา 18:13 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1833

 เจ้าเป็นไผ

       จำความได้ว่า ผมเกิดในตระกูลค่อนข้างยากจน พ่อกับแม่เป็นคนเรณูนคร จ.นครพนม แต่อยู่คนละหมู่บ้าน คุณพ่อเป็นคน บ้านหนองลาดควาย  คุณแม่อยู่บ้านโคกกลาง คุณพ่อชอบการค้าขาย พ่อมีลูกอยู่สามคน เป็นชายล้วน ผมเป็นคนที่สอง (ชายกลางนั่นเอง) อิอิ พี่ชายใหญ่ห่างกับผม 2 ปี และน้องชายน้อยก็ห่างจากผม 2 ปี

       แม่เล่าให้ฟังว่า ตอนที่ผมเด็ก  ๆ เป็นเด็กที่น่ารักมาก ๆ อ้วน ๆ ไปไหนมาไหนก็มีแต่คนเอาไปเลี้ยง เอาไปอุ้ม เป็นเด็กอารมณ์ดี แต่ซนไปหน่อย แม่บอกว่า ผมปีนป่าย หล่นลงแคร่ หลายครั้งแล้ว แผลบนหัวมีเยอะมาก ๆ

หน้าตาดีตั้งแต่เด็ก อิอิ

       ตั้งแต่จำความได้ พ่อค้าขายมาโดยตลอด พ่อจะมีรถกระบะหนึ่งคัน ไปกับพรรคพวก การขายของพ่อจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล

ช่วงแรก พ่อจะไปรับเช่าพระ ตระเวนไปทั่วราชอาณาจักร  พ่อถึงช่วงหน้าหนาวพ่อก็จะไปรับซื้อผ้านวม ไปตระเวนขาย  หรือ ถ้าเป็นช่วงผลไม้ ก็จะไปรับซื้อเงาะ มาขาย  และ ถ้าเป็น ช่วงฤดูที่ชุ่มชื้น พ่อก็จะไปซื้อต้นไม้ต่าง ๆ มาตะเวนขายตามหมู่บ้าน เป็นอย่างนี้มาหลายปี  เพื่อนำเงินมาเลี้ยงดูคุณชายทั้งสามคน

 

 

       ตัวผมเองเฝ้ารอพ่อที่ทำงานทุกวัน ประมาณว่า หายไป 10 20  วัน แล้วกลับมา นำเงินมาให้แม่ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ  เฝ้ารอวันที่พ่อกลับมา กลับมาทานข้าวกัน อยู่ด้วยกัน เล่นกัน ฉันพ่อ แม่ ลูก

       ตัวผมเองก็เป็นเด็กธรรมดา  ผมเรียนโรงเรียนบ้านโคกกลาง ตั้งแต่ ป. 1  จนถึง ป. 6 เกรดออกมาก็ธรรมดา ไม่ได้เรียนเก่งถึงขั้นที่ 1  หรือเรียนแย่ ถึงขั้นที่โหล่ ก็อยู่ในระดับกลาง ๆ แต่ในใจก็หวังลึก ๆ อยากเรียนเก่ง ๆ อย่างเพื่อน ๆ มั้ง แต่ก็ได้เท่านี้ แต่ก็ไม่เป็นไร

       หลังจากจบ ป.6 แล้วผมมาสมัครเรียนต่อโรงเรียนมัธยม เป็นโรงเรียนประจำอำเภอ คือ โรงเรียนเรณูนครวิทยานุกูล อ.เรณูนคร

จ.นครพนม  ก็สมัครเข้าเรียนก็ได้อยู่ห้องรองคิง ( รองเก่ง ) เป็นคนที่ชอบเล่นดนตรีมาตั้งแต่เด็ก พอได้เข้ามาเรียนที่โรงเรียนมัธยม ช่วง ม. 3 ก็หัดเล่นกีตาร์ จำได้ว่า ช่วงนั้น มีคนเล่นกีตาร์เป็นไม่กี่คนในรุ่น ก็เลยห้อมล้อมไปด้วยเพื่อน ๆ และ สาว ๆ อิอิ เป็นอะไรที่ภาคภูมิใจมาก ๆ

       ช่วงนั้นเรามองเห็นพี่ ๆ ม. 6 ที่เล่นดนตรีสากล เป็นวงสตริงเกิดแรงบันดาลใจว่า ถ้าเราเลื่อนชั้นไปอยู่ ม. 6 เราต้องมีวงเป็นของเราเองและเล่นเพลงให้พี่ ๆ น้อง ๆ 

สมัยมัธยมครับ ทายซิครับครูโย่งคนไหนครับ

       ในช่วง ม. 4  -  ม.5   ก็ได้มีชมศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านเกิดขึ้นซึ่งก็เป็นวงดนตรีโปงลาง และมีนางรำด้วย ซึ่งในช่วงนั้นผมก็ได้ฝึกซ้อมดนตรีพื้นบ้าน ไม่ว่าจะเป็นโหวด พิณ โปงลาง  ตอนนั้นผมรับหน้าที่เล่นเบส ถ้าคนไหนติดงานหรือเล่นเครื่องไหนไม่ได้ ผมก็สามารถเล่นแทน เพื่อน ๆ ที่ไม่ว่าได้  จำได้ว่าอาจารย์ประจำชมรมจะรับงาน ช่วงหลังเลิกเรียนหรือไม่ก็ช่วงวันเสาร์ อาทิตย์ ไปหลายจังหวัดมาก  ที่ประจำใจที่สุดก็คือ ได้มีโอกาสไปเล่นที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งพระเทพ ฯ พระองค์ท่านได้เสด็จมาเป็นประธานและได้เข้ามาชมการแสดงของพวกเรา เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้

       ก็เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ทางดนตรีที่เรามีความสุขที่ได้เล่น ที่ได้เผยแพร่วัฒนธรรมของพวกเราชาวผู้ไทย เรณูนคร ผมยังวนเวียนอยู่กับดนตรี ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมรัก จริง ๆ สายที่ผมเรียน ม. 4 - ม. 6 คือ สายวิทย์ คณิต นั่นเอง  และ เรียน รด.ปี 1- ปี 3

       ช่วง ม.6 ก็เป็นโอกาสอันดีที่ผมและเพื่อน ๆ ได้มีโอกาสร่วมตัวกันและได้เล่นดนตรี เป็นวงสตริง ซึ่งเป็นสิ่งที่ใฝ่ฝันมานานแล้ว ก็ได้เล่นสมดังความฝัน เป็นอะไรที่มีความสุขมาก การที่เราเล่นดนตรีแล้ว เห็นเพื่อน ๆ น้อง ๆ ร้องตามได้ เป็นสิ่งที่พวกเราชอบมาก ๆ

       เราเล่นดนตรีแบบนี้ไม่ใช่ว่า เราเล่นแบบเอาเป็นเอาตาย การเรียนไม่เอา ไม่ใช่นะครับ  เราแยกแยะออกว่า เวลาไหนควรซ้อม เวลาไหน ควรเรียน ผมเรียนจบ ป.6 ด้วยเกรดเฉลี่ย 2.90  ก็ถือว่าไม่มาก เป็นระดับแบบ กลาง ๆ  ในช่วงนั้นผมยังไม่รู้ตัวเองว่า ตกลงไอ้ที่ว่าเราชอบดนตรี เราจะมุ่งไปทางด้านดนตรีไหม หรือว่า เราเอาแค่เป็นงานอดิเรก คิดไปคิดมา  ผมไปเอนท์ เลือกคณะเกษตร  ( ตามเพื่อน )  เพราะเพื่อนผมได้โคว้ต้าเกษตรศาสตร์ ม.ขอนแก่นไปแล้ว ก็เลยอยากเรียนคณะนี้ ปรากฏสอบไม่ติด คิดไปคิดมา เราอยากเป็นอะไร คิดในใจ ตกลงเราชอบอะไรกันแน่ ในสมองแว็บเข้ามา เราอยากเป็นนายธนาคาร ไปเรียนการเงินการธนาคารเถอะ ก็เลยปรึกษาเพื่อนอีกคนหนึ่ง ว่าเรียน การเงินการธนาคารเป็นไงว่ะ  เพื่อนก็เลยบอกว่า ไปเรียนดนตรีดีกว่า ไปเรียนกับเรานี่แหละ เขามีโค้วต้า ความสามารุถพิเศษไม่ต้องสอบข้อเขียน เอากีตาร์ไปด้วยเดียว ตอนแรกผมบอกตรง ๆ ว่าไม่อยากไป แต่ก็จะลองดูก็เลยไปสมัครสอบกับเพื่อน ก็ได้โคว้ต้า เรียน คณะครุศาสตร์  วิชาเอกดนตรี  สถาบันราชภัฏสกลนคร ก็ได้เลยได้เรียนโดยปริยาย

หน้าตาปีหนึ่งครับ

       ผมเข้าเรียน เอกดนตรี วิชาเอกเครื่องมือ กีตาร์คลาสิก ตอนนั้นก็ตั้งใจฝึกซ้อมมาก ๆ ตื่นแต่ตีห้า มาซ้อม ๆๆๆ  ซ้อมอ่านโน้ต ดูโน้ต ไล่สเกล จนทำให้เราเข้าใจ และคล่อง สามารถสอนเพื่อน ๆ ในห้องได้ ผมว่า ความมุ่งมั่นและความตั้งใจ ทำให้ประสบผลสำเร็จ อันนี้ผมลองมาแล้วจริง ด้วย ผลสุดท้าย ผมได้ A  วิชานั้น อ่อ ลืมไป สมัยก่อน A เขาเรียกว่า ได้ ก 

การสอบปฏิบัติกีตาร์

       ช่วงปี 1 และ  ปี 2  ผม เข้าเรียนต่อ รด. ปี 4 ปี 5 ไปพร้อม ๆ กันด้วย ยอมรับว่าช่วงนั้นต้องปรับตัวอย่างมาก และต้องอดทนมาก ๆ เพราะไหนจะต้องซ้อมดนตรี ไหนจะต้องเรียน รด. ไหนจะต้องเข้าค่าย บางวันการเรียนก็ตรงกัน แต่ก็ต้องเลือกอันไหนสำคัญกว่า  และแล้วความพยายามที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ผมเรียนจบ รด.ปี 5 ได้เลื่อนยศ.เป็นว่าที่ร้อยตรี ยงยุทธ ยอดมงคล สมใจยาก อิอิ

       ช่วงปีสาม ตอนนั้นได้รวมตัวกับเพื่อน ๆ จะไปเล่นดนตรีอาชีพ แถว ๆ อ.สว่างแดนดิน ซึ่งตอนนั้นยอมรับพ่อแม่หนักใจมาก เนื่องจากครูโย่งไปย้อมผมสีแดง และผมยาวด้วย เพราะเป็นนักดนตรีต้องผมยาว มีคาแรกเตอร์นิดหนึ่ง แต่ก็อธิบายให้แม่เข้าใจ ว่ามันเป็นงาน พ่อแม่ก็เลยเข้าใจ 

 

       ช่วงที่เล่นดนตรีอยู่ในผับเป็นเหมือนมุมมืดของชีวิตเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็น การดื่มเหล้า การมีผู้หญิงมาพัวพัน ซึ่งคงต้องยอมรับว่า ก็มีนอกลู่นอกทางกันบ้าง แต่ถ้าเราไม่หักห้ามใจ จิตใจและร่างกายคงกระเจิดกระเจิงไปมากกว่านี้ เราเล่นที่นั้นได้ ประมาณ 3 - 4 เดือน พวกเราก็เลิก เพราะมีปัญหาหลาย ๆ อย่างสุมเข้ามา

       การทำงานกับคนกลุ่มมาก ย่อมมีปัญหา ถ้าต่างฝ่ายต่างคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูกไม่ยอมลดราวาศอกกันละก็ คงต้องทาใครทางมัน แต่ถ้ามีการพูดคุยกัน ประณีประนอม ยอมรับความคิดเห็นซึ่งกันและกันก็คงจะไปด้วยกันได้

       ผมผ่านด้านมืดของชีวิตมาแล้ว ช่วงนั้นก็พยายามตั้งใจ เรียนจบให้ได้ เพื่อที่จะทำให้พ่อกับแม่ภูมิใจ

       ผมว่า การที่เราจะประสบผลสำเร็จในชีวิตได้ ต้องมีแรงบันดาลใจ มาก่อน  สามเหตุที่ผมคิดว่าแรงบันดาลใจมาก่อนก็คือ ช่วงตอนที่ผมอยู่ ปี 4 ได้มีโอกาสไปแสดงความยินดีกับพี่ ๆ ที่จบไปแล้ว และเห็นพี่ ๆ แต่งชุดปกติขาว รับปริญญา เราเห็นว่า มันเท่ห์ มันสง่า มันภูมิฐาน มาก ๆ ผมก็เลยเกิดแรงบันดาลใจว่า เอาละ เมื่อเราจบแล้ว เราจะไปสมัครสอบครูและตั้งใจสอบให้ได้ เพื่อที่จะได้เป็นครูและใส่ชุดปกติขาวรับปริญญา ตอนนั้นมุ่งมั่นมาก พอเรียนจบปุ๊บ ก็ไปสมัครติวกับอาจารย์ที่สถาบัน ซึ่งตอนนั้นไม่มีเงิน คนใกล้ตัวผมก็เลยให้มาสมัคร ตั้งใจมาก ๆ อยากสอบได้ ตอนนั้นมีการสอบแข่งขันที่อุบลราชธานี ความรู้แน่นมาก ไปหาหมอดูก็บอกสอบได้แน่ ๆ ไปบ่นบานศาลกล่าวที่ไหนก็ไปมา  พอไปสอบแล้วผลสอบออกมาว่า ไม่มีชื่อ ผิดหวังมาก ตอนนั้นวูบไปซักพักหนึ่ง

       ก็ตัดสินใจเข้ามา กทม. เพื่อมาหางานทำ ตอนนั้นไปสมัครที่บริษัท เอ็ทน่า โอสถสภา  ประกันชีวิต ตอนนั้นเรายังไม่รู้ว่าเราต้องไปขายประกัน เขาบอกว่าตำแหน่ง ผู้จัดการฝ่ายขาย เงินเดือนหมื่น ก็เลยดีใจ โทรไปบอกพ่อแม่ว่าได้งานแล้ว ที่ไหนได้ ต้องไปขายประกัน ขายอยู่พักหนึ่งก็ไม่ค่อยเวิร์ค เพราะเราอ่อนประสบการณ์ แล้วก็เปลี่ยนบริษัท ไปขายกับบริษัท อาคเนย์ประกันชีวิต ซึ่งก็ได้ทีมงานดี ก็มียอดขายอยู่บ้าง ไปสัมมนาบ้าง ไปดูแลลูกค้าบ้าง ตอนนั้นผมพักแถว ๆ บางโพ

พี่ชายโทรมาบอกว่า ตอนนี้ที่ กทม. เขามีสอบครู กทม. ลองมาสอบดูไหม ก็เลยลองสมัครสอบเข้ามา  ทางกทม. เขารับ 10 ตำแหน่ง  ตอนสอบเสร็จมั่นใจว่า ยังไงก็ได้ที่ 1 แน่ ๆ ชัวร์ ๆ  มั่นใจขนาดนั้นเลย  ปรากฎว่าผลสอบออกมาเราได้ที่ 17 ก็ดีใจครับ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย เพราะต้องรอ เขาเรียก

       รอบแรก กทม.เรียก 10 คน เดือนสิงหาคม 2543

       ช่วง พฤศจิกายน 2543 เรียกเพิ่มอีก 10 คน ก็เลยได้เป็นครูสมใจอยาก  ตอนนั้นเขาให้เลือกลงโรงเรียนที่อยากลง พอเห็นโรงเรียนพรพระร่วงประสิทธิ์  ถ.สุขภิบาล 5 ในใจคิดว่า  สุขาภิบาล 5 ก็คงอยู่ใกล้ ๆ กับ สุขาภิบาล 1 - 3 อะไรแบบนี้ ก็เลยเลือก ปรากฎว่า อยู่แถวรามอินทรา  โอ้โหอยู่ลึกมาก

       ผมต้องนั่งรถจากบางโพ ไปโรงเรียน 5 ต่อกว่าจะถึง ออกจากบ้านประมาณ ตีสี่ กว่า   กลับถึงบ้านประมาณ 2 - 3 ทุ่ม เป็นเวลากว่าปี

       เวลาผ่านไปหนึ่งปีความฝันก็เป็นจริง ผมเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรด้วยชุดปกติตาม ตามที่ผมได้แรงบันดาลใจจากรุ่นพี่ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่อะไรที่ยิ่งใหญ่แต่ผมก็ภูมิใจกับสิ่งที่ได้รับ เพราะสิ่งนี้คือสิ่งที่ผมได้มาด้วยตัวของผมเอง โปรดติดตามต่อต่อไปครับผม


ไปงาน HA National Forum ( 3 )

8 ความคิดเห็น โดย ครูโย่ง เมื่อ 13 มีนาคม 2009 เวลา 21:47 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2150

สวัสดีครับ

หลังจากที่ได้กินส้มตำกันแล้ว พวกเราชาวคณะก็เตรียมเคลื่อนขบวนไปบุกบ้านพ่อครูบา โดยนัดพี่ครูปูไว้แล้ว ไปรถพอลล่าโดยให้ผมขับและให้อ.ขจิตกับพอลล่าบอกทาง ปรากฎว่า สองคนนี้ เถียงกันเองครับพี่น้อง ต่างคนต่างมั่นใจ ว่าทางนี้แน่นอน แล้วก็ลงท้ายว่า มั่ง….  อิอิ  สรุปคือ หลงทางครับ วนรอบ 2 รอบ กว่าจะไปถึง พี่ครูปู กับพ่อครูบานั่งรออยู่ที่ร้าน สเต็กลุงหนวด ภาพที่เห็นก็ เป็นแบบนี้ครับ อิอิ

 

หลังจากกินสเต็ก เสร็จแล้วก็ได้เวลาบุกขึ้นห้องพ่อครูแล้วครับ

นี่แหละครับ ห้องพ่อครู

 

 

งานนี้บุกมาบ้านพ่อครูทั้งที  พาสาวน้อยหน้าตาดี บุกบ้านพี่เอก จตุพร

ซะงั้น

       งานนี้มีเซอร์ไพรซ์ครับ พ่อครูมอบของฝากให้ด้วย ครับ เป็นพวงกุญแจ ปลื้มใจสุด ๆ ครับพี่น้อง

             ขอบคุณวันดี ๆ ในวันนี้ได้พบ ได้เจอสิ่งดี ๆ ได้พบ ทั้งพี่ ป้า น้า อา ที่มีความรัก ความอบอุ่นให้แก่กัน ผมว่ามิตรภาพดี ๆ แบบนี้หายากมากครับ แต่ผมพบแล้วครับ

ขอบคุณทีแวะมาอ่านครับผม



Main: 0.10643100738525 sec
Sidebar: 0.076322078704834 sec