เจ้าเป็นไผ(2) ตอนครูสอนดนตรี
อ่าน: 1582มาแล้วครับ เจ้าเป็นไผ 2 ตอนครูสอนดนตรี
จากบันทึกเจ้าเป็นไผ (1) เมื่อพี่ชายผมโทรมาบอกว่า ตอนนี้ที่ กทม. เขามีสอบครู กทม. ก็เลยลองสมัครสอบเข้ามา จนได้เป็นครูสมใจอยาก ตอนนั้นเขาให้เลือกลงโรงเรียนที่อยากลง พอเห็นโรงเรียนพรพระร่วงประสิทธิ์ อยู่สุขาภิบาล 5 คิดว่าคงไม่ไกลมากก็เลยเลือก ปรากฎว่า อยู่แถวรามอินทรา ซึ่งอยู่ลึกมากๆ และออกจะกันดาร แต่คงไม่กันดารเท่านครพนมบ้านผมเป็นแน่ และแล้วชีวิตครูที่ผมใฝ่ฝันก็เริ่มต้นที่รร.พรพระร่วงประสิทธิ์แห่งนี้
ครั้งแรก วันแรกของการสอนของผม เมื่อปี 2543 ประมาณ 8 -9 ปี มาแล้ว ตอนนั้นผมจำไม่ได้ว่าสอนวิชาอะไร และสอนนักเรียนชั้นไหน รู้แต่ว่าผมรู้สึกตื่นเต้นกับการสอนครั้งแรกของผม ซึ่งเมื่อสอนเสร็จเด็กๆคงจะรู้เรื่อง ผมคิดว่าอย่างนั้นครับ ผมคิดว่าการสอนที่ดีการเป็นครูที่ดีต้องอาศัยประสบการณ์ และผมยังต้องพัฒนาต่อไปอีก ต้องฝึกฝนการสอนเพื่อให้นักเรียนของผมเป็นนักเรียนที่ดีและมีคุณภาพ ผมคิดว่าผมไม่ได้สอนแค่วิชาความรู้ แต่ผมสอนความเป็นคนดีงาม มีจิตใจดีงามและพยายามที่จะเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับพวกเขาด้วย
ผมเข้ามาเป็นครูสอนวิชาดนตรี ของที่นี่และเป็นครูคนแรกที่จบดนตรีมาโดยตรง เมื่อก่อนยังไม่มีห้องซ้อมดนตรี มีเครื่องดนตรีเพียงไม่กี่ชิ้น แต่เครื่องดนตรีที่มีอยู่ได้รับการดูแลรักษาและเก็บอย่างไม่เป็นที่เป็นทาง ผมพบว่าเครื่องดนตรีที่มีอยู่มีเพียงกลองยาว กลองแต๊ก เมโลเดียนถูกเก็บอบู่ในห้องเก็บของ ผมคิดว่างานเข้าผมแล้ว ผมต้องวางระบบการจัดการเรื่องดนตรีใหม่ เพื่อให้ผู้บริหารยอมรับให้ได้
ในขณะนั้น อาจารย์กุลวรรณ ภูมิสุวรรณเป็นอาจารย์ใหญ่ของรร.พร พระร่วงประสิทธิ์ จากนั้นจนบัดนี้ใช้ระยะเวลายาวนานพอสมควร แปดปีกว่าที่ผมเริ่มวางระบบด้วยความอดทน จากเครื่องดนตรีไม่กี่ชิ้นที่มีอยู่ในขณะนั้น ผมได้สอนและฝึกฝนให้กับนักเรียนที่สนใจ โดยใช้เครื่องดนตรีที่มีอยู่ ผมนำวงกลองแต็ก เมโลเดียน มาแสดงให้ผู้บริหารโรงเรียนได้ชม เป็นครั้งแรกในงานกิจกรรมโครงการเพื่อสันติภาพ จากเหตุการณ์ 1 9 9 ที่อเมริกาโดนถล่มตึกเวิริ์ลเทรด ผมนำเพลงสันติภาพมาให้เด็กๆ ฝึกร้อง ผมแกะเพลง แกะโน๊ตเพลงให้เด็กๆ ได้ฝึกฝน โดยใช้เวลาช่วงเย็นหลังเลิกเรียน โดยผมเป็นคนควบคุมวง เป็นครั้งแรกที่ได้แสดงเพลงสันติภาพและเพลงลูกทุ่งที่ผมถนัดให้ผู้บริหารชม
ท่านอาจารย์ใหญ่คงจะประทับใจ การแสดงของนักเรียน หลังจากแสดงจบท่านเลยให้งบประมาณส่วนตัวมา 20,000 บาท มาซื้ออุปกรณ์ เครื่องดนตรีเพิ่มเติมผมได้นำไปซื้อคีย์บอร์ดและฝึกซ้อมให้นักเรียนในช่วงเลิกเรียน และช่วงกิจกรรมของชมรมดนตรี หลังจากนั้นนักเรียนดนตรีของผม ซึ่งตอนนั้นยังไม่เป็นวงเท่าไหร่ก็มีงานเข้าตลอด เรารับแสดงในงานหรือกิจกรรมต่างๆของชุมชน วัดแถบๆเขตสายไหม ซึ่งมีงานมาอย่างต่อเนื่อง ขณะนั้นผมรู้สึกว่าเราเริ่มได้รับการยอมรับจากครู นักเรียนตลอดจนผู้บริหารโรงเรียนมากขึ้น
หลังจากนั้นโรงเรียนได้รับงบประมาณจากกรุงเทพมหานคร เพื่อซื้ออุปกรณ์ เครื่องดนตรีเพิ่มเติมอีก ได้งบประมาณมา 60,000 บาท เราได้กลอง และเมโลเดียนครบชุด ผมจึงตั้งวงเมโลเดียนของโรงเรียนขึ้น
ต่อมาผมได้รับโอกาสไปอบรมการทำวงขลุ่ย ผมคิดว่าขลุ่ยเป็นเครื่องดนตรีพื้นฐาน ที่เล่นไม่ยาก อุปกรณ์มีราคาถูกและเสียงไพเราะมาก ประกอบกับได้งบประมาณในการซื้อขลุ่ย ผมจึงคิดจะตั้งวงขลุ่ย ผมเริ่มฝึกสอนทีละคน เริ่มจากเด็กที่สนใจ จากจุดเล็กๆ คน สองคน กลายเป็นวงขลุ่ยอย่างสมบูรณ์ เราจึงมีงานแสดงเวทีนั้นเวทีนี้มีมาอย่างต่อเนื่องอีกแล้วครับท่าน
เมื่อเรามีประสบการณ์ในวงขลุ่ยมาพอสมควรแล้ว เราจึงได้ไปประกวดแข่งขันที่สวนสาธารณะ เขตสายไหม ได้รางวัลที่ 3 จากทีมทั้งหมด 5 ทีม ตอนนั้นผมรู้สึกภาคภูมิใจกับรางวัลนี้มาก และคิดว่าเด็กๆ คงภูมิใจในตัวเขาเองไม่น้อยกว่าผมแน่นอน ผมจึงคิดว่าเราต้องสร้างคุณค่าให้กับพวกเขาเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง ผมจึงฝึกฝน ฝึกซ้อมให้เขาอย่างต่อเนื่อง จากรุ่นสู่รุ่น เมื่อรุ่นพี่จบไป ต้องมีทายาทที่ฝีมือสูสีกับรุ่นพี่มารองรับต่อไป ผมจึงให้รุ่นพี่ที่จบไปแล้ว มาสอนน้องแบบประกบตัวต่อตัว ผมคิดว่านอกจากจะพัฒนาทักษะของผู้เรียนและสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างเพื่อนหรือพี่น้องแล้ว สำหรับพี่ผู้ฝึกสอนน้องแล้ว เขายังรู้สึกได้พัฒนาทักษะการสอนของตัวเอง พัฒนาทักษะเรื่องดนตรีที่ชำนาญมากขึ้น เขายังสามารถถ่ายทอดให้รุ่นน้องได้ เขาจะรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองมากขึ้น สำหรับผม ผมจะเฝ้ามองดูพวกเขาอยู่ห่างๆ เปิดโอกาสให้รุ่นพี่ได้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่ ผมจะคอยเพิ่มเติมในส่วนขาดเล็กๆ น้อยๆ หรือส่วนสำคัญบางประเด็นให้เท่านั้น
จากวันนั้น จวบวันนี้ มีรุ่นพี่ ที่จบไปแล้ว 6- 7 รุ่น เรายังมีการฝึกซ้อมในช่วงหลังเลิกเรียนหรือในช่วงกิจกรรมของชมรมดนตรี ทำให้วงขลุ่ยของเรามีงานเข้าตลอด
ต่อจากนั้น ยังมีผู้ใจบุญ บริจาคกลองยาวและเครื่องดนตรีประกอบจังหวะอื่นๆมาให้เราอีก ทำให้เรามีวงกลองยาว เพิ่มขึ้นมา ซึ่งวงกลองยาวนี้เป็นที่ชื่นชอบของชาวบ้าน เราได้รับเชิญไปงานบวช งานแห่ผ้าป่า งานรณรงค์ต่างๆของกทม. ทำให้เด็กๆนักดนตรีของผม มีรายได้เป็นค่าขนมเล็กๆ น้อยๆกันทุกคน ผมได้บอกกับพวกเขามาตลอด เมื่อมีงานแสดงว่า
“ เมื่อเรามีโอกาสได้แสดงดนตรี อย่าไปคิดเรื่องค่าขนมที่จะได้ เพราะบางทีเจ้าภาพเขาอาจจะไม่ให้ ให้คิดว่ามันเป็นผลพลอยได้ แต่สิ่งที่เราได้ทุกครั้งคือประสบการณ์และความชำนาญด้านดนตรี ฝีมือของเราที่พัฒนา มากขึ้น มากขึ้นต่างหาก ซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุด”
โปรดติดตาม เจ้าเป็นไผ 3 ครูนักกิจกรรม ครับพี่น้อง
« « Prev : โครงการอบรมคอมพิวเตอร์กราฟฟิกเพื่อสื่อสิ่งพิมพ์
1 ความคิดเห็น
สวัสดีค่ะ พี่ชายตัวโย่ง
ครูดนตรีผู้บุกเบิก ริเริ่มดนตรีให้เด็กๆ ได้สวยงาม ใช้เวลาไม่นานเลยค่ะ แปดปีเอง อิอิ ได้ชมฝีมือของน้องๆเขาแล้วค่ะ เก่งมากๆเลย แสดงว่าคณครูเก่งนะคะ
สุดยอดเลยพี่เรา อิอิ
กลับมาไวๆ นะคะ คิดถึงค่ะ อย่าลืมกะละแม อิอิ